ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 912 การต่อสู้อันดุเดือด

ตอนที่ 912 การต่อสู้อันดุเดือด

ตอนที่ 912 การต่อสู้อันดุเดือด
หญิงสาวเพียงกวาดสายตามองรอบด้านอย่างเย็นชา ขณะที่ปากท่องมนตร์แผ่วเบา มือข้างหนึ่งก็สะบัด อาภรณ์สีแดงผืนนั้นในมือพลันพลิ้วไหวประหนึ่งระลอกคลื่น

จุดที่อาภรณ์สีแดงสะบัดผ่านเกิดแสงเรืองรองสีแดงสดสายแล้วสายเล่ากลางอากาศ เริ่มแรกมีเพียงสิบกว่าสาย ทว่าเมื่อหญิงสาวท่องมนตร์เร็วขึ้น แสงเรืองรองสีแดงก็ยิ่งมากขึ้นทุกที

จากนั้นร่างกายของหญิงสาวก็พร่าเลือนไม่ชัดตาม ร่างกายของนางสั่นไหววูบหนึ่ง เงาร่างที่หน้าตาเหมือนกันทุกประการเก้าร่างก็ปรากฏขึ้นกลางแสงเรืองรองสีแดง

ชั่วขณะหนึ่งแสงเรืองรองสีแดงสดที่พาดสลับไปมาเคลื่อนตัวดุจเริงระบำ แขนกลมกลึงทั้งสองข้างของหญิงสาวหน้าตางดงามผู้สวมชุดนางในทั้งเก้าคนสะบัดอาภรณ์ การเคลื่อนไหวทุกท่าแลดูพลิ้วไหวงดงามเป็นธรรมชาติราวกับว่านักระบำผู้งดงามเก้านางกำลังแสดงการร่ายรำอันวิจิตรอยู่

ภาพที่เหมือนดั่งฝันดั่งภาพลวงตาเช่นนี้ทำให้หลิ่วหมิงที่อยู่ห่างไปร้อยกว่าจั้งมองแล้วดวงใจเต้นระรัวอย่างอดไม่ได้ราวกับกำลังเมามายลุ่มหลง

ทว่าครู่ต่อมาเขาก็กัดปลายลิ้น ความเจ็บแปลบแล่นปราดเข้าสู่หัวใจ เขาตื่นได้สติทันที สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วเอ่ยเสียงเบากับตนเอง

“วิชามายาร้ายกาจนัก!”

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในผู้นี้อยู่อยู่ห่างจากจุดที่เขายืนอยู่หลายร้อยจั้ง แต่กลับทำให้เขาเกือบได้รับผลจากกระบวนท่าไปด้วย ทั้งๆ ที่พลังจิตกับพลังสมาธิของเขาไม่ใช่ผู้ฝึกฝนธรรมดาจะเทียบได้

เวลานี้เองเสียงอื้ออึงชวนให้คนขนหัวลุกก็ดังสนั่นขึ้นไกลออกไป!

หนอนมารสีดำมืดฟ้ามัวดินมุดเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงทั่วฟ้าภายใต้การควบคุมของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคน

ทว่าเมื่อหนอนมารสีดำที่เดิมทีท่าทางดุร้ายเข้าไปกลางแสงเรืองรองสีแดงสดซึ่งชวนให้คนตาลายก็หยุดชะงัก ร่างกายส่ายไหวสั่นระริก

แสงเรืองรองสีแดงเหล่านี้ในมือหญิงสาวผู้สวมชุดนางในกวาดผ่านอากาศแผ่วเบาก็มีหนอนมารสีดำอย่างน้อยสองสามตัว อย่างมากสิบกว่าตัวสลายกลายเป็นไอปีศาจสายแล้วสายเล่าอีกหน

แต่หนอนมารเหล่านี้จำนวนมากเกินไป แม้ถูกโจมตีสลายไปไม่รู้เท่าไร แต่หนอนมารที่เหลืออยู่ก็ยังคงโถมเข้ามาไม่ขาด

ทว่าพริบตานั้นที่หนอนมารเหล่านี้สัมผัสถูกร่างของหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน ร่างกายของนางก็พลันแตกกระจายเป็นละอองแสงสีขาวสลายหายไป คล้ายกับว่าเป็นเพียงร่างมายาร่างหนึ่งเท่านั้น

ครู่ต่อมาอากาศบริเวณใกล้เคียงก็เกิดคลื่นไหวกระเพื่อม ร่างสีขาวอีกร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาแล้วอาภรณ์สีแดงในมือก็ขยับระบำอีกครั้ง

เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หนอนมารสีดำที่เดิมทีมืดฟ้ามัวดินก็ถูกโจมตีสลายไปแล้วเกือบครึ่ง หญิงสาวผู้สวมชุดนางในตรงกลางยังคงมีเก้านางราวกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด ยิ่งหนอนมารลดน้อยลง ย่างก้าวที่เริงรำก็ยิ่งแลดูพลิ้วไหว

ในเวลาเดียวกันนี้แสงเรืองรองเต็มฟ้าก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ขอบเขตขยายออกไปกว้างหลายเท่า จนเกือบจะแตะวงนอกสุดของมนุษย์ปีศาจแล้ว

ไม่รอให้มนุษย์ปีศาจทั้งหลายตอบโต้อย่างใด กลางแสงเรืองรองสีแดงพลันมีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวด้านหลังมนุษย์ปีศาจคนหนึ่ง

มนุษย์ปีศาจคนนั้นสีหน้าเปลี่ยนไปโดยพลัน ร่างกายหมุนตัวอย่างเร็วไว ฝ่ามือที่มีปราณดำวนเวียนข้างหนึ่งยื่นออกมาจากในแขนเสื้อ ห้านิ้วกางออกโจมตีหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่เงาคนสีขาวร่างนั้น

เสียง “เปรี้ยง” หนักหน่วงดังขึ้น

เงาคนสีขาวร่างนั้นถูกพลังมหาศาลที่ไม่อาจต้านทานได้สายหนึ่งโจมตีเข้าคราวเดียว แสงรัศมีรอบกายก็หม่นแสง สลายกลายเป็นละอองแสงสีขาวจุดแล้วจุดเล่าหายไป

ทว่ายังไม่ทันที่มนุษย์ปีศาจจะหันกายกลับมา หลังร่างเขาก็มีหญิงสาวผู้สวมชุดนางในสีขาวปรากฏกายขึ้นอีกคนหนึ่งพร้อมกันที่อาภรณ์สีแดงชิ้นหนึ่งคลุมทับศีรษะของมนุษย์ปีศาจ การเคลื่อนไหวของมนุษย์ปีศาจผู้นั้นเชื่องช้าลงในทันใด แขนเรียวขาวผ่องข้างหนึ่งคว้าบนแผ่นหลังของเขา ส่วนมืออีกข้างคว้าเข้าที่หัวไหล่ หลังจากหมุนตัวอยู่กับที่รอบหนึ่งนางก็เหวี่ยงเขาออกไปไกล

เสียง “ปึก” ดังขึ้น!

มนุษย์ปีศาจผู้นั้นร่วงลงพื้นหนักหน่วง

แม้มนุษย์ปีศาจคนนั้นเหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด แต่บนศีรษะมีแสงเรืองรองสีแดงวนล้อมอยู่เลือนราง รู้สึกว่าตาลายอยู่บ้าง

ระหว่างที่หยุดชะงักนี้ หนอนมารสีดำที่บินอยู่ใกล้ๆ ก็มีหนึ่งในเจ็ดส่วนสลายกลายเป็นปราณสีดำสายแล้วสายเล่า

อีกด้านก็มีเงาร่างสีขาวร่างหนึ่งโฉบมาปรากฏตัวหลังมนุษย์ปีศาจอีกคน ใช้วิธีเดิมครอบอาภรณ์สีแดงในมือไปยังศีรษะของเขาจากนั้นตบหนึ่งฝ่ามือเข้าใส่ท้องของเขาเร็วดั่งสายฟ้าแลบ

ไอปีศาจสีดำบนร่างมนุษย์ปีศาจผู้นั้นพังทลายกระจายไปพร้อมกับเสียงดัง “ปึก” ถูกวิชาสกัดการเคลื่อนไหวบางชนิดโยนออกไปดุจเดียวกัน

นับตั้งแต่สตรีนางนี้เริ่มลงมือจนกระทั่งโยนมนุษย์ปีศาจออกไปสองคน กินเวลาเพียงสองสามลมหายใจเท่านั้น

วิชาท่าร่างอันพิสดารและพลังน่าหวาดกลัวที่สตรีผู้นี้แสดงออกมาทำให้ในใจหลิ่วหมิงพรั่นพรึงอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้

“ท่านคิดจะยืนดูจนถึงเมื่อไร หรือว่าไม่ต้องการสมบัติในโบราณสถานแห่งนี้แล้ว” ในหูหลิ่วหมิงพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงของบุรุษชุดเทาที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นนั่นเอง

หลิ่วหมิงครุ่นคิดเร็วดุจสายฟ้า ในที่สุดร่างกายก็ขยับกลายเป็นเงาสีดำร่างหนึ่ง พุ่งเร็วรี่ออกไปด้านหน้า

ความเร็วของเงาดำรวดเร็วอย่างที่สุดจนเกิดสายลมแรงหอบใหญ่ขึ้นสองฟากฝั่ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นเส้นสีดำเส้นหนึ่ง แต่ระหว่างทางเส้นสีดำกลับเลือนรางลงแล้วกลายเป็นเงาดำบิดเบี้ยวสองร่าง เมื่อขยับอีกครั้งก็กลายเป็นเงาดำสี่ร่าง จากนั้นเพิ่มความเร็วกลางท้องฟ้า เหาะอย่างรวดเร็วเข้าไปยังวงต่อสู้ตรงหน้า

“เอ๋ วิชาร่างแยก? ตรงนี้ยังมีเจ้าหนูเผ่ามนุษย์คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ด้วยหรือ!”

ทันใดนั้นเสียงใสระรื่นหูก็ดังออกมาจากหมู่หญิงสาวชุดนางในที่เริงระบำอยู่เก้าคน แต่น้ำเสียงนิ่งสงบคล้ายไม่ถูกย้อมด้วยอารมณ์แม้แต่นิด

เพียงครู่เดียวก็มีมนุษย์ปีศาจอีกสองคนถูกหญิงสาวผู้สวมชุดนางในใช้วิชาท่าร่างประหลาดร่วมกับอาภรณ์สีแดงในมือโยนออกไป

เวลานี้มนุษย์ปีศาจที่ยังคงบังคับหนอนมารสีดำอยู่ที่เดิมรวมบุรุษชุดเทาด้วยก็มีเพียงสามคนเท่านั้น หนอนมารสีดำที่อยู่กลางแสงเรืองรองสีแดงเหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งในสามของตอนเริ่มแรก

บุรุษชุดเทาที่เป็นหัวหน้าผู้นั้นสองมือทำท่าเคล็ดวิชาอย่างบ้าคลั่ง เขายิงเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาไม่หยุดพร้อมกับที่หัวคิ้วขมวดเล็กน้อย

เวลานี้เองในที่สุดเงาที่มีปราณดำเวียนวนอยู่รอบร่างทั้งสี่ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวตรงหน้าแสงเรืองรองสีแดงที่พาดตัดกันไปมาอยู่ แล้วพุ่งเข้าไปอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง

ดวงตาของเงาทั้งสี่ร่างทอประกายดำมืดครั้งหนึ่ง จากนั้นพวกเขาก็ขยับด้วยท่าทางประหลาดกลางอากาศก่อนจะเข้าใกล้หญิงสาวผู้สวมชุดนางในคนหนึ่งจากหน้าหลังซ้ายขวาพร้อมกัน

แสงเรืองรองสีแดงสายนี้ไม่รู้เพราะเหตุใดจึงเหมือนไม่ส่งผลกับเงานี่ ถึงกับปล่อยให้เงาเหล่านี้พุ่งทะลวงผ่านกลางแสงเรืองรองมา

ดวงตาของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในคล้ายจะทอประกายประหลาดใจเล็กน้อย แขนเรียวขาวผ่องสองข้างขยับตามต่อกัน อาภรณ์สีแดงในมือส่องแสงเรืองรองสีแดงสายแล้วสายเล่าฟาดเข้าใส่เงาดำสี่ร่างในทันใด

เงาดำสี่ร่างมองเมินแสงเรืองรองสีแดง พวกมันไม่ถอยแต่กลับรุกคืบเข้ามา หลังจากขยับเล็กน้อยกลางอากาศก็หลบเลี่ยงแสงเรืองรองได้อย่างยอดเยี่ยมประหนึ่งภูตพราย แล้วปรากฏตัวข้างกายหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน จากนั้นยื่นมือไปคว้านางไว้

ดวงตาของหญิงสาวผู้สวมชุดนางในคนนั้นทอประกายเจิดจ้า แสงเรืองรองสีแดงที่แผ่ออกมารอบด้านฉับพลันหมุนเลี้ยวกลับมากลางอากาศกะทันหัน ดีดกลับมาด้วยองศาอันพิสดาร

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นสองครั้ง!

แสงเรืองรองสีแดงหลายสายพุ่งทะลุเงาสองร่างในพริบตา เงาทั้งสองร่างส่งเสียงแผ่วเบาแล้วทยอยสลายกลายเป็นแสงสีดำก้อนหนึ่งในทันที

เวลานี้เงาดำอีกร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวหลังร่างสตรีนางนี้ดั่งภูตพราย เขายกแขนข้างหนึ่งตบเข้าที่แผ่นหลังของนางตรงตำแหน่งหัวใจ

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในบิดเอวหลบพ้นการโจมตีของเงาดำแล้วเอี้ยวตัวมาครึ่งหนึ่งเหวี่ยงแขนทะลวงผ่านหมอกดำก้อนหนึ่ง โจมตีเข้าใส่ความว่างเปล่าอีกหนทันที

เวลานี้เองเงาดำร่างสุดท้ายก็ก่อตัวขึ้นอีกด้านหนึ่ง ร่างจริงของหลิ่วหมิงตอนนี้เพิ่งเผยตัวออกมา หมัดมหึมาที่มีมังกรหมอกขดอยู่รอบข้างหนึ่งต่อยออกมาเหมือนช้าแต่ความจริงเร็ว

หญิงสาวคิดจะหลบก็เห็นชัดว่าไม่ทันแล้ว นางได้แต่ฝืนส่งมือเรียวข้างหนึ่งเข้าไปรับพร้อมกับที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง

หลังจากมังกรหมอกสีดำตัวหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในพริบตา ร่างกายอ้อนแอ้นร่างหนึ่งก็ถูกสายลมสีดำสายหนึ่งพัดจนโซเซถอยหลังติดกันหลายก้าว กวาดฝุ่นดินบนพื้นดินใกล้ๆ ฟุ้งกระจาย

เสียง “ฟึบ” “ฟึบ” ดังขึ้นแผ่วเบาแทบจะในเวลาเดียวกัน!

เงาร่างของหญิงสาวสวมชุดนางในที่เหลือแปดร่างรวมทั้งแสงเรืองรองสีแดงที่พาดตัดกันอยู่เต็มท้องฟ้า ฉับพลันทยอยกลายเป็นแสงแวววาวจุดแล้วจุดเล่าหายไปกับความว่างเปล่า

หนึ่งหมัดนี้ของหลิ่วหมิง แม้ไม่ได้ทำร้ายสตรีนางนี้ให้บาดเจ็บอย่างใด แต่วิชามายาที่นางใช้กลับถูกทำลายในครั้งเดียว

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในอยากจะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นสีหน้าก็ซีดเผือด นางแค่นเสียงหวานออกมาคำหนึ่งแล้วกระอักเลือดออกมา วิชามายาถูกทำลายกะทันหัน แรงสะท้อนกลับจึงไม่น้อย

หลิ่วหมิงกวาดสายตามองครั้งหนึ่ง แววตาลังเลแล่นผ่านดวงตาไปอย่างไร้สาเหตุ

ในเวลาเดียวกันนี้ดวงตาของมนุษย์ปีศาจที่เหลือสามคนรวมทั้งบุรุษชุดเทาก็ฉายแววยินดีจางๆ เคล็ดวิชาในมือเปลี่ยนไปทันที หนอนมารสีดำที่เหลืออยู่พากันก่อตัวกลายเป็นโซ่มารสีดำเส้นแล้วเส้นเล่ากลางท้องฟ้าแล้วล้อมเข้ามาหาหญิงสาวผู้สวมชุดนางในบนพื้น

เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นหลายหน

โซ่มารสีดำเลื้อยไม่หยุดดั่งอสรพิษตัวน้อยสีดำ พวกมันฉวยโอกาสชั่วพริบตาที่หญิงสาวผู้สวมชุดนางในถูกผลสะท้อนจากวิชามายารัดพันร่างของสตรีนางนี้ไว้อย่างแน่นหนา

บุรุษชุดเทาผู้นั้นที่เป็นหัวหน้าคล้ายจะยังไม่วางใจ เขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ยันต์สีดำขมุกขมัวแผ่นหนึ่งลอยออกมาอย่างเชื่องช้า หลังจากแสงสีดำสว่างวูบหนึ่งมันก็กลายเป็นคุกสีดำขนาดหนึ่งจั้งกว่าแห่งหนึ่งล้อมหญิงสาวชุดนางในไว้ด้านใน

มนุษย์ปีศาจหลายคนนั้นที่ถูกหญิงสาวผู้สวมชุดนางในโยนออกไปตอนแรก เวลานี้ก็ตื่นจากวิขามายาของหญิงสาวแล้ว พวกเขาพากันขยับร่างเข้ามาหาบุรุษชุดเทาแล้วล้อมหญิงสาวไว้ตรงกลางวงอีกครั้ง

หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเวลานี้สองตาทอแสงสีแดงอยู่เลือนราง รอบร่างถูกโซ่มารสีดำรัดไว้จนทำให้เรือนร่างอรชรเห็นชัดยิ่งชวนให้คนหวั่นไหวยิ่งกว่าเดิม ทว่าบนใบหน้างามเย็นชาของนางกลับยังคงไม่มีอารมณ์แม้แต่น้อย ราวกับว่าผู้ที่ถูกมัดอยู่ไม่ใช่ตนเอง

“ดูจากวิชาของสหาย คิดว่าคงมาจากแผ่นดินหมานฮวงที่เผ่าปีศาจครอบครองสินะ! แต่ตอนนี้ถูกข้าใช้โซ่มารมัดไว้แล้ว ต่อให้พลังร้ายกาจเหนือฟ้าอีกเท่าใดก็หนีหลุดออกมาไม่ได้ง่ายๆ สหาย…” บุรุษชุดเทาผู้นั้นหัวเราะแล้วยเอ่ยขึ้น ทว่าพูดไปได้เพียงครึ่งเดียว บนร่างของหญิงสาวในคุกสีดำก็พลันมียันต์สีขาวมากมายถี่ยิบปรากฏขึ้น พร้อมกันนั้นปราณปีศาจน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!

หลังจากนั้นเสียง “แครก” ก็ดังขึ้นหลายหน!

บนคุกสีดำปรากฏรอยร้าวแคบยาวหลายเส้นแผ่ขยายอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

มนุษย์ปีศาจหลายคนเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงยิ่งนัก พวกเขาพากันยื่นสองแขนออกมาส่งไอปีศาจสีดำสายแล้วสายเล่าพุ่งไปยังจุดที่คุกตั้งอยู่อย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย จุดที่ไอปีศาจพุ่งผ่านรอยร้าวแคบยาวก็ค่อยๆ ถูกถมจนเติม

แต่คุกสีดำก็ยังคงสั่นไหวเล็กน้อยและส่งเสียงดังแผ่วเบาออกมาไม่หยุด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ


เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู

หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ

และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง

ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้

เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท