World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

ตอนที่ 45 บรรลุจวงกง!

ยามค่ำคืน

ย่านจิ่งหูหยวน

ลานหลังบ้าน

ฟางผิงไม่เสียเวลา เขามาฝึกจวงกงต่อ

ตอนแรกเริ่ม ฟางผิงต้องอยู่นิ่งๆตอนฝึกจวงกง พอเขาขยับตัว เขาจะออกจากสถานะจวงกง

อย่างไรก็ตามตอนนี้ร่างกายส่วนบนของฟางผิงกำลังโยกเล็กน้อย

ข้างๆเขา ฟางหยวนกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งด้วยแววตาเบิกกว้าง เธอพบว่าร่างกายของพี่ชายที่กำลังโยกอยู่น่าสนใจมาก

สาวน้อยชอบแกล้งฟางผิงและสร้างปัญหาให้เขา แต่เธอก็รู้ว่าฟางผิงต้องไม่ถูกรบกวนเวลาฝึกฝนอยู่

เธออยากจะพูดยั่วเขาสักหน่อย แต่เธอก็อดใจไว้

“ท่าขี่ม้าเป็นท่ายืนที่เหมือนกับคนกำลังขี่ม้า…”

“กระดูกสันหลังเหมือนมังกร ตั้งตรงราวเสาเข็ม ก้าวย่างดุงแมว เบาหวิวดั่งหงส์…”

ความคิดของลู่โจวนึกถึงคำแนะนำจากหนังสือและคำแนะนำจากพี่น้องถานซ้ำแล้วซ้ำอีก

ในแง่หนึ่ง การฝึกจวงกงเป็นเรื่องง่าย

แต่ในทางกลับกัน มันก็ยากพอที่ทำให้บางคนฝึกฝนมาหลายปีโดยไม่บรรลุขั้นแรก

ตอนนี้หลังฝึกจวงกงไม่กี่วัน ในที่สุดฟางผิงก็เริ่มตระหนักรู้แล้ว

ช่วงแรกเมื่อขยับขา ฟางผิงก็หลุดจากท่าจวงกงอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้แม้แต่ตอนที่เขาขยับขาเล็กน้อย เขาก็รักษาท่าจวงกงไว้ได้

“ด้วยขั้นยืนมั่นคง จะไม่มีใครผลักฉันล้มได้!”

ฟางผิงนึกอะไรดีๆขึ้นมาได้ เขาตะโกนเรียกฟางหยวน “มาผลักพี่หน่อย!”

“ห๊ะ?”

“ผลักพี่!”

แม้เธอจะไม่รู้ว่าหัวของพี่ชายเป็นไรไปแล้ว แต่ในที่สุดฟางหยวนก็เข้าใจที่เขาพูด

ฟางผิงร้องขอเอง ดังนั้นเธอจะทำตามที่เขาต้องการด้วยความยินดี!

ฟางหยวนหัวเราะคิกคักและลุกขึ้นยืน เธอเดินตรงไปหาฟางผิง

“หนูผลักนายจริงๆนะ?”

“เอาเลย!”

ขณะที่ร่างกายส่วนบนของฟางผิงกำลังโยก แต่มันก็ไม่ได้โยกแรงอะไรนัก ฟางหยวนที่กำลังหัวเราะคิกคักยื่นนิ้วออกมาจะดันหัวฟางผิง

ไม่กี่วันก่อน ฟางผิงก็ขอให้เธอผลักเช่นกัน

ส่วนผลลัพธ์น่ะเหรอ? เธอดันเขาล้มด้วยปลายนิ้ว

จากมุมมองของฟางหยวน เธออ่อนแอกว่าพี่ชาย ดังนั้นนี่จึงเป็นโอกาสที่ง่ายที่สุดที่เธอจะข่มเหงฟางผิง

เธอยื่นนิ้วดันหน้าผากฟางผิง

ฟางหยวนออกแรงเล็กน้อย แต่ฟางผิงไม่ขยับเลย ไม่นานเธอก็ได้ยินฟางผิงตะโกน “ไม่ได้กินข้าวมาเหรอ?”

ฟางหยวนแก้มป่อง เธอรู้สึกโกรธ “นายรนหาที่!”

ฟางหยวนไม่ได้ตั้งใจออกแรงมากนัก แต่ตอนนี้เธอออกแรงมากขึ้น แทนที่จะใช้นิ้ว เธอใช้ทั้งมือดันเขา

เธอใช้มือดันหัวฟางผิง แต่ดูเหมือนมันจะลื่นเล็กน้อย

เธอใช้แรงไป 70% แล้ว แต่เธอรู้สึกเหมือนไม่ได้ออกแรงเลย

“ฟางหยวน อ่อนแอแบบนี้ น้องหน้ากลมขึ้นแล้วจะมีประโยชน์อะไร? ออกแรงอีก!”

“ฟางผิง!”

ฟางหยวนบ้าคลั่ง รอบนี้เธอไม่ได้ออมแรงเลย เธอดันหัวฟางผิงสุดแรง

เท้าของฟางผิงยึดพื้นไว้แน่น ร่างกายเขาเริ่มโยกเล็กน้อยอีกครั้ง

แม้ว่าเธอจะใช้แรงทั้งหมด แต่ก็ยังดันไม่ไป เธอเสียสมดุลจนเกือบล้มลง

เมื่อเห็นแบบนั้น ฟางผิงก็ตะโกนอีกครั้ง “เข้ามาฟางหยวน ดันอีก!”

ฟางหยวนกัดฟันแน่น เธอดูเหมือนพร้อมระเบิด

“น้องกินตั้งเยอะ แต่อ่อนแอสุดๆ! ไขมันน้องมีไว้ทำไม?!”

“…”

ฟางหยวนรู้สึกเหมือนระเบิดได้ทุกเมื่อ!

“เฮ้ หน้ากลม! ถ้าน้องทำพี่ล้มได้ พรุ่งนี้พี่จะพาไปกินเคเอฟซี!”

“…อ้ากกกก หนูโกรธมาก!”

ฟางผิงเริ่มสัมผัสขอบเขตขั้นแรกได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงยั่วยุฟางหยวนอย่างต่อเนื่อง

ตอนนี้ฟางผิงรู้สึกว่าเขาอยู่ห่างเพียงก้าวเดียวเท่านั้น!

ก่อนหน้านี้ เขาคิดว่ามันคงใช้เวลาสักสองสามวันหรือแม้แต่หนึ่งสัปดาห์ก่อนที่เขาจะบรรลุถึงขั้นยืนมั่นคง

อย่างไรก็ตามตอนที่เขาฝึกจวงกงเมื่อครู่ เขาเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างแล้ว

เมื่อฟางหยวนผลักเขา มันดูเหมือนฟางผิงไม่ค่อยขยับมากนัก แต่อันที่จริงเขากำลังถ่ายโอนแรงของเธอ เพราะงั้นกำลังทั้งหมดของฟางหยวนถึงรู้สึกเหมือนน้อยกว่า 30%

ผู้ฝึกยุทธไม่ถูกผลักล้มไม่ใช่เพราะพวกเขายืนนิ่งปล่อยให้คนอื่นผลัก

มันเป็นเพราะผู้ฝึกยุทธถ่ายโอนแรงผ่านท่ายืน!

“ถ่ายโอนกำลัง!”

ฟางผิงรู้สึกเหมือนเขาเข้าใจแก่นแท้ของมัน และตอนนี้เขาใกล้บรรลุขั้นยืนมั่นคงแล้ว

มันอาจเป็นอีกเดี๋ยวเลยก็ได้!

เวลานี้ ฟางหยวนก็ผลักดันตัวเองถึงขีดจำกัดเช่นกัน

เธอจะยังใจเย็นอยู่ได้อย่างไรในเมื่อฟางผิงยั่วยุเธอขนาดนี้?

เมื่อกี้เธอผลักเขาด้วยมือเดียว แต่ตอนนี้ฟางหยวนใช้ทั้งสองมือ

เธอไม่ได้ผลักหัวฟางผิงแล้วเช่นกัน เธอรู้สึกว่าหัวพี่ชายเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ มันลื่นเกินไปจนผลักไม่ได้

เมื่อเปลี่ยนที่ดัน สาวน้อยก็ดันอกฟางผิงด้วยสองมือและใช้กำลังทั้งหมด!

“นี่เป็นสิ่งที่นายได้รับเมื่อนายเรียกหนูว่าหน้ากลม!”

สาวน้อยเกรี้ยวกราด เธอไม่มีเจตนาถอยกลับ

ฟางผิงไม่หลบหรือหลีกเลี่ยง ขณะที่เขารักษาท่าขี่ม้าไว้ ร่างกายส่วนบนก็เริ่มโยกอีกครั้ง นิ้วเท้าทั้งสิบจิกเข้ากับพื้น

เมื่อฟางหยวนดันหน้าอกฟางผิงด้วยสองมืออีกครั้ง ความรู้สึกไม่ได้ผลก็ปรากฏขึ้นมาในใจ

เห็นๆอยู่ว่าเธอดันเขากลางอก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มือของเธอลื่นไปด้านข้าง

เมื่อฟางหยวนออกแรงมากไป ร่างกายเธอก็เอียงและล้มใส่ฟางผิง

ฟางผิงขยับมือพยุงสาวน้อย แม้ว่าเธอจะเซก็ตาม

ตอนนี้ฟางผิงยังคงนึกถึงความรู้สึกตอนที่เขาถ่ายโอนแรงเธอ

เท้าเขาที่ยึดกับพื้นแน่นเริ่มขยับเล็กน้อยแทน ร่างกายส่วนบนเริ่มโยกมากขึ้น

ไม่ช้าร่างกายของฟางผิงก็เอียงไปด้านหลัง

ฟางหยวนพึ่งได้สติ เมื่อเธอเห็นเขา เธอก็กล่าวอย่างตื่นตระหนก “นายจะล้มแล้ว!”

“ยังหรอก!” ฟางผิงรีบตอบ

ร่างกายเขากำลังล้มลงกับพื้น แต่ทันใดนั้นจู่ๆร่างกายเขาก็เด้งกลับมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุกโดยที่เท้าไม่ขยับสักนิด

“ทำได้แล้ว!”

ฟางผิงมีความสุขอย่างยิ่ง หลังพยายามครู่นึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจความรู้สึกนี้

เขาเซเล็กน้อย เท้ารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยจากการเกาะพื้นอย่างแรง

แต่ตอนนี้ฟางผิงไม่สนใจนัก เขาเข้าใจแก่นแท้ของขั้นยืนมั่นคงแล้ว

หลังจากนี้ เขาจะทำจวงกงได้ผลลัพธ์เดียวกันโดยไม่ต้องตั้งสมาธิมากนัก

“ฮ่าๆๆ ฉันนี่อัจฉริยะจริงๆ!”

ฟางผิงอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเหนื่อย แต่มันก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น

เนื่องจากเขาเข้าใจแก่นแท้ของจวงกงอย่างรวดเร็ว ฟางผิงจึงนึกฝันว่าตนเองมีพรสวรรค์สูงมาก

อันที่จริงมันเป็นเพราะจิตใจเขาสูงกว่าคนทั่วไปมาก การเพิ่มค่าจิตใจย่อมช่วยให้เขาเข้าใจเคล็ดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น

…..

ในสายตาฟางหยวน ฟางผิงดีใจสุดๆและหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสาน

ข้างๆเขาฟางหยวนกัดฟันแน่น เจ้าหมอนี่จะมากเกินไปแล้วนะ!

ถ้าฟางผิงปลอบเธอสักหน่อย เธอคงไม่คิดเล็กคิดน้อย

อย่างไรก็ตามฟางผิงที่กำลังยินดีกับความสำเร็จจะจำที่เขายั่วยุเธอได้อย่างไร

ขณะที่ฟางผิงกำลังตรวจสอบว่าเขาใช้ปราณและเลือดไปเท่าไหร่ เขาก็สัมผัสถึงสายลมที่หน้า

ตอนนี้ฟางผิงไม่ได้อยู่ในท่าจวงกงแล้ว

“โคลม!”

ฟางผิงล้มอย่างแรง ก้นน้อยๆของเขาทักทายกับพื้นคอนกรีตอย่างสนิทสนม

“ซี้ด…”

ฟางผิงซี้ดปาก ลูบก้นน้อยๆอย่างรวดเร็วและคำรามด้วยความโกรธ “ฟางหยวน น้องทำอะไร?!”

“นายมาถามอีกเหรอว่าหนูทำอะไร?”

เมื่อเห็นว่าเขาล้มลง ฟางหยวนก็อดทำสีหน้าอวดดีไม่ได้ “นายบอกให้หนูผลักใช่มั้ย?!”

“แล้วนายบอกหนูอ่อนแอ?”

“แล้วนายบอกว่าหนูอ้วนไม่มีประโยชน์!”

“แถมนายไม่เคยบอกให้หนูหยุด หนูแค่ทำตามที่นายต้องการ”

“เด็กโง่!”

ฟางผิงพึมพำ เขาดีใจจนลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

เขาตัดสินใจไม่ถือสาสาวน้อย เขาพึ่งบรรลุ แถมถ้าเขาไม่ปล่อยให้เธอระบายความโกรธบ้าง เธอคงไม่มีทางปล่อยให้เขาอยู่อย่างสงบ

เพราะงั้นฟางผิงจึงไม่ลุกจากพื้น เขาจ้องค่าสถานะที่อยู่ในสายตาเขา

ทรัพย์สิน : 3240000

ปราณและเลือด : 124แคล

จิตใจ : 140เฮิรตซ์

เมื่อกี้เขาใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงในการฝึกจวงกง

โดยเฉพาะค่าจิตใจเขาลดไปถึง 10เฮิรตซ์

ต้องขอบคุณการบรรลุจวงกง ฟางผิงคิดว่าเขาสามารถเพิ่มค่าสถานะได้อีกครั้ง

เขาเพ่งสมาธิเพิ่มปราณและเลือดกับจิตใจ ค่าสถานะตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงในไม่ช้า

ทรัพย์สิน : 3224000

ปราณและเลือด : 130แคล

จิตใจ : 152เฮิรตซ์

…..

‘130แคลแล้ว!”

ฟางผิงแววตาเปล่งประกาย ประเด็นหลักไม่ใช่ปราณและเลือด 130แคล

ที่สำคัญคือจวงกงเขามาถึงขั้นแรกแล้วและบรรลุขั้นยืนมั่นคง จากนี้ไปเขาจะสามารถบ่มเพาะ’เคล็ดเสริมสร้าง’ไปพร้อมกับฝึกจวงกง!

ไม่ว่าจะเป็นหวังจินหยางหรือพี่น้องถาน พวกเขาต่างก็เห็นด้วยว่าเขาควรบรรลุยืนมั่นคงก่อนถึงจะสามารถก้าวเข้าสู่วิถีการเป็นผู้ฝึกยุทธได้อย่างเป็นทางการ

กึ่งผู้ฝึกยุทธในระดับนี้สามารถฝึกฝนเคล็ดบ่มเพาะหลายเคล็ดได้พร้อมกัน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถมุ่งสู่ขีดจำกัดความสามารถของร่างกายมนุษย์ได้อย่างเป็นทางการ

ฟางผิงอยากลองฝึกสองเคล็ดพร้อมกันเพื่อที่จะดูประสิทธิภาพของมัน

อย่างไรก็ตามเขาชำเลืองมองฟางหยวนที่อยู่ข้างๆแล้วตัดสินใจละทิ้งความคิดนี้ไปก่อน

มันเป็นครั้งแรกที่จะฝึกสองเคล็ดพร้อมกัน ดังนั้นมันจึงมีความเสี่ยงระดับหนึ่ง

ในห้องเขามีพื้นที่ไม่พอ และถ้าเขาฝึกในลานหลังบ้าน เขาจะถูกปัจจัยภายนอกรบกวน เพราะงั้นเขาถึงคิดว่าไปลองที่อพาร์ทเม้นท์หลังใหม่พรุ่งนี้ดีกว่า

ข้างเขา ฟางหยวนเห็นว่าเขาไม่ได้ลุกจากพื้น เธอจึงอดถามไม่ได้ “นายโอเคไหม?”

ฟางผิงได้สติ เขาซ่อนรอยยิ้มไว้เบื้องหลังสีหน้าอันเจ็บปวด “พี่เจ็บก้น ฟางหยวน น้องใจร้ายเกินไปแล้ว!”

“นาย…นายเจ็บจริงเหรอ…?”

ฟางหยวนกังวลยิ่งขึ้น เธอรีบเข้าไปช่วยพยุงฟางผิง

“พี่เจ็บจริงๆ! โอ้ย!”

“ฟางผิง อย่าทำให้หนูกลัว…”

“เอางี้ไหม? ถ้าน้องซักผ้าทำงานบ้านให้พรุ่งนี้ พี่จะยกโทษให้…”

ฟางหยวนที่ตอนแรกรู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอก็เข้าใจทันที เธอพูดน้ำเสียงเจือปนด้วยความโกรธ “ฟางผิง!”

“ฮ่าๆๆ…”

ฟางผิงหัวเราะเสียงดังและรีบกลับเข้าห้องโดยไม่เปิดโอกาสให้สาวน้อยได้แก้แค้น

“เกลียด!”

…..

แม้ว่าเขาจะบรรลุจวงกงแล้ว แต่ฟางผิงยังไม่คลายใจ

ตอนกลางคืนในห้องเขา ฟางผิงฝึกจวงกงต่อ เขาสัมผัสอย่างระมัดระวังและยืนยันได้ว่ามาถึงขั้นยืนมั่นคงแล้ว

…..

ในขณะเดียวกัน

มหาลัยวิชายุทธหนานเจียง

หวังจินหยางเอามือล้วงกระเป๋าเดินเตร็ดเตร่ไปตามทางเดินของมหาลัยอย่างไร้จุดหมาย

นักศึกษาบางคนที่เดินผ่านก็หลีกทางให้และแสดงสีหน้าเคารพ

บางคนก็ปราณและเลือดพลุ่งพล่าน อยากพาเขาไปลานประลองซะเดี๋ยวนั้นเลย

นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวที่สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความคาดหวังและหวังว่าหวังจินหยางจะสังเกตเห็นพวกเธออยู่ในสายตา

หวังจินหยางไม่สนใจ เขาเดินทอดน่องอย่างช้าๆและพึมพำกับตัวเอง “ฉันควรบอกเขาไหม?”

“เขากล้าหาญและโหดเหี้ยม เขายินดีต่อสู้ด้วยทุกอย่างที่มี เขาเหมาะสมกับวิถียุทธมาก”

“มันแย่เกินไปที่เขาต้องพึ่งพาตัวเองทุกอย่าง ครอบครัวเขาช่วยอะไรไม่ได้เลย…”

เมื่อไหร่ที่เขาคิดฟางผิง หวังจินหยางก็มักนึกถึงตัวเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ปูมหลังครอบครัวของพวกเขาคล้ายคลึงกัน หวังจินหยางรู้ว่าการเติบโตจากชนชั้นสามัญมันยากแค่ไหน!

“เขามีเม็ดยาของหวงปิน มีเคล็ดบ่มเพาะแล้ว ฉันมั่นใจว่าเขาคงพัฒนาได้ค่อนข้างเร็ว บางทีมันอาจได้ผล”

“ช่างมันเถอะ พรุ่งนี้ฉันค่อยบอกเขา ไม่ว่าเขาจะรับหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับเขา”

หวังจินหยางบ่นพึมพำโดยไม่ได้มองคนรอบข้าง

พรุ่งนี้เขาจะไปท้าทายรองประธานสมาคมวิถียุทธเพื่อเข้ารับตำแหน่งรองประธาน

เทอมหน้า พอประธานสมาคมวิถียุทธจบการศึกษา เขาก็จะสามารถคว้าตำแหน่งประธานได้

มุมปากของหวังจินหยางยกขึ้น เมื่อเขาเป็นประธาน เขาอาจเข้าใกล้ขั้นกลางมากขึ้น!

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท