World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 34

ตอนที่ 34

ตอนที่ 34 แปลงค่า

ฟางผิงยังคงตื่นเต้นกับผลประโยชน์ที่ได้

แต่ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขากลับห้องอย่างเร่งรีบพร้อมกับกระเป๋าในมือ

…..

ห้อง 101

ในห้องเล็กๆ

สีหน้าของฟางผิงดูขมขื่นเล็กน้อย เขาสบถในใจ ‘ฉันรู้อยู่แล้วว่าแกมันไม่น่าเชื่อถือ! ฉันคิดถูก!’

‘แกอิจฉาฉันเลยขโมยทรัพย์สินฉันไปใช่ไหม?’

เมื่อกี้ขณะที่เขากำลังตื่นเต้นอยู่ ตัวเลขสามบรรทัดก็หายไปจากสายตา!

มันกระทันหันมากเหมือนกับมีคนชักปลั๊กออก ตอนนี้เขาไม่เห็นอะไรเลย

ระบบโง่เง่า! ฟางผิงสงสัยตั้งแต่ที่มันไม่มีคู่มือการใช้งานแล้ว มันเป็นของผลิตจำนวนมากราคาถูกจริงๆด้วย

มันพึ่งเกิดขึ้นเลย ตอนที่ในที่สุดเขาก็มีค่าทรัพย์สินกว่า 2 ล้าน

เขาแทบไม่มีเวลาฉลองด้วยซ้ำ แต่จู่ๆมันก็หายไป

มันมีคำอธิบายอื่นอีกเหรอ? นอกจากว่าระบบโลภแล้วหนีไปพร้อมกับเงินเขา?

ฟางผิงก่นด่าในใจอยู่ครู่นึง แต่เขาไม่ยอมแพ้ เขาเบิกตากว้าง จ้องมองหน้าจอสีดำตาไม่กระพริบ

ขณะที่ฟางผิงจ้องจนน้ำตาไหล แผงข้อมูลที่ว่างเปล่าก็พลันกลับมาอีกครั้ง

ไม่นานข้อมูลสามบรรทัดก็เริ่มปรากฏขึ้น

ฟางผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาขยี้ตาแล้วด่าในใจ ‘ถ้าแกจะอัพเกรดตัวเอง อย่างน้อยแกบอกฉันล่วงหน้าไม่ได้รึไง?’

‘แกหายไปกระทันหันแบบนี้ แกพยายามทำให้ฉันกลัวเหรอ?’

ฟางผิงไม่พอใจเจ้าระบบโง่นี่ขึ้นเรื่อยๆ

มันไม่ใช่แค่ไม่มีคู่มือการใช้งานเท่านั้น ตอนนี้มันยังมาๆหายๆมั่วๆอีก มันไม่นึกถึงคนอื่นเลย

หลังด่ามันเสร็จ ฟางผิงก็หันมาสนใจข้อมูลสามบรรทัดที่พึ่งปรากฏมาใหม่

ทรัพย์สิน : 2403800

ปราณและเลือด : 121 แคล

จิตใจ : 110 Hz

…..

การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มากนัก แต่ตัวเลขถูกแปลงเป็นหน่วยอื่น

‘ฉันเปลี่ยนจากกล่องปราณและเลือดขนาดเล็กเป็นคลังปราณและเลือดขนาดใหญ่งั้นเหรอ?’

ฟางผิงพิจารณาผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงอยู่ในใจ

ก่อนอื่นเลยเขาประหยัดเงินที่ต้องจ่ายเพื่อไปตรวจปราณและเลือดที่โรงพยาบาล

การอัพเกรดนี้ต้องเป็นผลจากทรัพย์สินเขามาถึงเกณฑ์บางอย่าง เขาจึงอัพเกรดจากเวอร์ชั่นพื้นฐานเป็นเวอร์ชั่นขั้นสูงขึ้น

ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่ามันอาจมีผลกระทบอื่นอีก

‘หมายความว่าฉันสามารถใช้ทรัพย์สิน 1000 เพื่อเพิ่มปราณและเลือด 1 แคลใช่ไหม?’

หลังครุ่นคิดดู ฟางผิงก็ตัดสินใจลองดู

ลังเลไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกจากนี้ตอนนี้เขารวย ทรัพย์สิน 1000 แต้มไม่เท่าไหร่เลย

เขาบอกตัวเองว่าเขาอยากเพิ่มปราณและเลือด 1 แคล

พริบตานั้น ตัวเลขตรงหน้าสายตาก็เปลี่ยนไป

ทรัพย์สิน : 2402800

ปราณและเลือด : 122 แคล

จิตใจ : 110 Hz

‘ฉันเข้าใจแล้ว!’

ฟางผิงยินดีมาก มันได้ผลจริงๆ

ค่าสถานะใหม่นี้มีความหมายเกินกว่าการประหยัดค่าตรวจปราณและเลือด

ตอนนี้ฟางผิงมีความเข้าใจร่างกายตนเองดีขึ้นแล้ว

แต่ก่อนค่าปราณและเลือดของฟางผิงเพิ่มขึ้น 10 แคลในทีเดียวเสมอ

ครั้งก่อน ร่างกายเขาเกือบรับไม่ไหว ทำให้เขาเจ็บปวดแทบตาย

นั่นเป็นเพราะเขาพยายามเพิ่มปราณและเลือดมากเกินไป ร่างกายจึงตามไม่ทัน

ตอนนี้มันต่างกันแล้ว เมื่อกี้ที่ฟางผิงเพิ่ม 1 แคล เขาไม่รู้สึกอะไรเลย ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถควบคุมสถานะร่างกายได้ดีขึ้น ด้วยวิธนี้เส้นเลือดของเขาจะไม่ระเบิดเหมือนครั้งก่อน

นอกจากนั้น ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักผลประโยชน์อีกอย่าง

เขาสามารถซ่อนความลับได้มีประสิทธิภาพขึ้น!

สำหรับผู้ฝึกยุทธอย่างหวังจินหยาง การเพิ่มขึ้นทีเดียว 10 แคลเห็นได้ชัดมาก

ครั้งก่อน ฟางผิงหาข้ออ้างรอดมาได้

ถ้าเขาเพิ่มทีละ 1-2 แคล การเพิ่มขึ้นจะไม่ชัดเจนนัก และหวังจินหยางจะสัมผัสได้ไม่ชัดเจนเช่นกัน

ตอนนี้มันยังไม่เป็นไร เพราะฟางผิงไม่รู้จักผู้ฝึกยุทธมากนัก หวังจินหยางเป็นเพียงคนเดียวที่เขารู้จัก

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเข้ามหาลัยวิชายุทธ มันต้องมีผู้ฝึกยุทธมากมาย

ถ้าปราณและเลือดเขาเพิ่มขึ้น 10 แคลชั่วข้ามคืน มันเป็นไปได้มากที่คนอื่นจะพบสิ่งผิดปกติ

อย่างไรก็ตามถ้าเพิ่มขึ้น 10 แคลเหมือนกัน แต่เป็นเพิ่มทีละนิด โอกาสถูกพบจะลดลงมาก

หลังเรียบเรียงความคิดเสร็จ ฟางผิงก็ค่อนข้างพึงพอใจ

การอัพเกรดครั้งนี้มีประโยชน์ขึ้นเล็กน้อย เขากระทั่งเห็นหน่วยวัดปกติแล้ว

‘เป็นของดีนี่นา ฉันว่าแล้วแกไว้ใจได้’

ฟางผิงชื่นชมระบบอยู่ในใจ แต่เขาสบถอีกครั้ง เจ้าระบบเห็นแก่เงิน!

ตอนเขาจน มันไม่ให้คู่มือแก่เขา เขาต้องหาทุกอย่างเอง

ตอนนี้พอค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มันกระทั่งแสดงหน่วยที่เจาะจงขึ้น

มันหน้าเงินมาก!

…..

ค่าสถานะสามแถวกลับมาอีกครั้ง แต่ฟางผิงไม่รีบเพิ่มค่าจิตใจ

หวังจินหยางยังอยู่ชั้นบน ถ้าเขาเพิ่มระดับตอนนี้ โอกาสถูกค้นพบมีสูง

รอหวังจินหยางไป เขาค่อยเพิ่มมันก็ยังไม่สาย

เมื่อพิจารณาว่าหวังจินหยางยังอยู่ชั้นบน และมีอีกคนที่มีโอกาสสูงมากที่สุดว่าตายแล้ว ฟางผิงก็รู้สึกหนาวสั่นไปจนถึงกระดูกสันหลัง

เขาไม่ได้นอนอืดอยู่บ้านนานนัก เขาซ่อนเงินสดอย่างดี เก็บเม็ดยาไว้กับตัวถือกระเป๋าเป้เดินไปโรงเรียน

ระหว่างทาง ฟางผิงก็คิดว่าเขาควรซื้อบ้านหรือเช่าบ้านไหม

ตอนนี้บ้านที่เขาอยู่เล็กเกินไป!

พ่อแม่เขาไม่เป็นไร พวกท่านไม่ได้แอบมาดูห้องเขา

ปัญหาคือฟางหยวน เธออยากรู้อยากเห็นเกินไป

บ่อยครั้งที่เธอเข้ามาห้องเขา แอบหาขนม การ์ตูน อะไรก็ได้ที่น่าสนุก…

พูดอีกนัยนึง เด็กน้อยคนนี้สนใจทุกสิ่ง!

ตอนนี้เขามีเงินสดกว่า 220,000 หยวนที่ถูกเก็บไว้ในห้อง ซึ่งรวมกับที่พ่อแม่ให้อีกสองหมื่นหยวน

แม้ว่าเขาจะอยากซ่อนเงิน แต่เงินสด 200,000 หยวนไม่ใช่กระดาษแผ่นเดียว ถ้าน้องสาวเขาหาพบ มันคงเป็นปัญหาแน่

‘ฉันต้องรีบไปทำบัตรเอทีเอ็ม’

ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง ยังไงเสียเงินล้านของหวังจินหยางยังไม่ได้โอนมาอีก

ฟางผิงควรไปทำบัตรเอทีเอ็มให้เร็วที่สุด ไม่งั้นพอหวังจินหยางปิดด่านทะลวงขั้นคงลืมสัญญานี้ไป

แถมจากนี้ไปเขากำลังจะฝึกฝนร่างกาย เขาทำที่บ้านไม่ได้เหมือนกัน เขาจะฝึกฝนที่ลานหลังบ้านไปตลอดก็ไม่ได้

ตอนเขาไม่มีเงินอยู่ในมือ ฟางผิงไม่พิจารณาเรื่องนี้

อย่างไรก็ตามตอนนี้เขามีเงินแล้ว มันเป็นเรื่องสำคัญที่เก็บความลับไว้กับตัว

‘ฉันควรซื้อบ้านหรือเช่าบ้านดี…’

เมื่อคำนึงถึงเรื่องนี้ ฟางผิงก็ตัดสินใจไปบริษัทจัดหาบ้านตอนวันอาทิตย์

…..

หลังทนเรียนคาบบ่ายที่โรงเรียน ฟางผิงก็กลับทันทีหลังกริ่งคาบสุดท้ายดัง

เขาอดกังวลไม่ได้ เงินสดถูกซ่อนอยู่ที่บ้าน ฟางผิงค่อนข้างกลัวว่าฟางหยวนจะพบมันเข้า

อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงหน้าบ้าน สีหน้าของฟางผิงก็ดูน่าเกลียด

เมื่อเทียบกับฟางหยวนเจอเงิน มันเลวร้ายยิ่งกว่าอีก!

…..

ที่บันได

ทางเข้าห้องฟางผิง

คนที่ฟางผิงคาดไม่ถึงเลยกำลังยืนอยู่ตรงนั้น มันเป็นหวังจินหยาง!

แม้หวังจินหยางจะบอกว่าเขาจะไปตอนกลางคืน แต่ฟางผิงก็ไม่คิดว่าเขาจะออกมาตอนกลางวันด้วย

เขาทำเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าของบ้าน!

ฟางผิงไม่คิดมากหรอกถ้าเป็นแค่หวังจินหยาง แต่ตอนนี้หวังจินหยางกำลังคุยกับฟางหยวน!

ฟางผิงรีบไปหาพวกเขาอย่างงุนงงและตื่นตระหนก

หวังจินหยางที่กำลังคุยกับฟางหยวนเห็นฟางผิงเช่นกัน เขาพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้ม

ทางกลับกันฟางหยวนยิ้มถึงหู เธอมีความสุขมากเมื่อเห็นฟางผิง เธอกล่าว “ฟางผิง นายกลับมาแล้ว!”

“ใช่ น้องทำอะไรอยู่?”

“นายไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเหรอฟางผิง? หนูไม่อยากเชื่อเลยว่าหนูจะบังเอิญเจอรุ่นพี่หวัง!”

ฟางผิงดีใจมาก แต่ไม่นานเธอก็ถามด้วยความสงสัย “นายไม่รู้จักกันใช่มั้ย?”

สีหน้าของฟางผิงบิดเบี้ยว ‘ใช่สิ ยังจะถามอีก ฉันย่อมรู้จักเขา!’

‘คำถามคือ ทั้งสองไปคุยกันได้ไง?’

‘แล้วหวังจินหยาง ไอเวร นายต้องเฝ้าศพไม่ใช่เหรอ? มาทำบ้าอะไรข้างล่าง?!’

ฟางหยวนเก็บความลับไม่เป็น พอเธอเห็นสีหน้าสับสนของฟางผิง เธอก็กล่าวอย่างมีความสุข “ตอนหนูกลับมา หนูบังเอิญเจอพี่หวังข้างนอก!”

“ฟางผิง นายรู้ไหมว่ารุ่นพี่หวังมีญาติอาศัยใกล้ๆ?”

“ถ้าเพื่อนหนูไม่เอารูปลายเซ็นต์รุ่นพี่หวังมาอวดเมื่อวาน หนูคงจำเขาไม่ได้”

“วันก่อนหนูบอกว่าเสียดายที่ไม่ได้เจอรุ่นพี่หวัง แต่หนูไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้เจอ”

“แล้วฟางผิง เมื่อวานนายโกหกหนู นายบอกว่ารุ่นพี่หวังไปแล้วไม่ใช่เหรอ…”

สีหน้าของฟางผิงแย่ลง เขาคิดว่าการโกหกของเขาเมื่อวานสมบูรณ์แบบแล้วเชียว!

เขาคิดว่าครอบครัวเขาคงไม่พบหวังจินหยางอีก ดังนั้นเขาเลยบอกพวกท่านว่าหวังจินหยางขายยาให้

แต่ตอนนี้น้องสาวเขายกเรื่องนี้มาพูดอีก ข้อแก้ตัวเขากำลังจะถูกเปิดโปง!

อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสีหน้าตื่นเต้นของฟางหยวน ดูเหมือนเขาจะยังไม่ถูกเปิดโปง

ฟางผิงกล่าวอย่างเร่งรีบ “อย่ารบกวนพี่หวัง พี่หวังยุ่งอยู่ ป่ะเข้าบ้านกัน!”

สีหน้ามีความสุขของฟางผิงหายไปทันที เธอบ่นพึมพำ “หนูไม่ได้กวน รุ่นพี่หวังไม่ได้บอกว่ายุ่งสักหน่อย”

“เข้าไปข้างใน อย่าทำให้พี่ขายหน้า”

ฟางผิงตำหนิเธออย่างเร่งรีบแล้วบอกหวังจินหยางด้วยรอยยิ้มกระอักกระอ่วน “นั่นเป็นน้องสาวผม เมื่อวานเธอยืนกรานว่าจะเอาลายเซ็นของคุณ แถมยังบอกอีกว่าอยากได้สักหลายร้อยแผ่นเอาไปขาย…”

ตอนนี้ที่ฟางผิงทำได้ก็คือการเปลี่ยนหัวข้อ

หวังจินหยางอดหัวเราะไม่ได้

ทางกลับกัน ฟางหยวนแยกเขี้ยวถลึงตามองฟางผิง เจ้าคนยุ่ง! เธอกำลังวางแผนขอลายเซ็นหวังจินหยางอยู่เลย

ตอนนี้พี่ชายเธอแฉออกมา เธอย่อมเขินไม่กล้ายอมรับ

เธอรีบส่ายหน้าใหัหวังจินหยาง จากนั้นก็เปิดประตูวิ่งเข้าไปในบ้าน “คุยกันเลย หนูไปทำการบ้านแล้ว!”

“ปัง!”

ประตูถูกปิดเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าเธอโกรธที่ฟางผิงทำลายแผนเธอ

ฟางผิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี จากนั้นเขาก็อดหันไปมองหวังจินหยางไม่ได้ ทำไมเขาถึงออกมาตอนกลางวันล่ะ?

เหมือนกับรู้ความคิดของฟางผิง หวังจินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ “ไม่ต้องห่วง”

“ฉันไม่ใช่คนไม่ดี ถ้าฉันไม่กลัวคนเห็นตอนกลางวันแล้วตกใจกลัว ฉันคงเอาตัวมันไปแล้ว”

ฟางผิงยิ้มแห้งๆแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

หวังจินหยางอธิบายเพิ่ม “ฉันไม่ได้เอากระเป๋าเดินทางมาด้วย มันเลยไม่ค่อยสะดวก”

“ฉันพึ่งออกไปซื้อกับเป๋าเดินทางกับอาหารฟาสฟู้ดมา”

เขายังถือถุงอาหารฟาสฟู้ดอยู่ในมือโชว์ให้ฟางผิงเห็น

ตอนที่เขาพูดถึงกระเป๋าเดินทาง ฟางผิงไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเขาจะเอามาใส่อะไร

แต่ตอนที่เขาพูดถึงอาหารฟาสฟู้ด หนังศีรษะของฟางผิงก็รู้สึกชาจากความตกใจ!

‘เจ้าหมอนี่ปกติอยู่ไหม?’

‘ทำไมคุณไม่กินอาหารข้างนอกล่ะ? คุณซื้ออาหารกลับมา คุณลืมไปแล้วเหรอว่าชั้นบนมีศพอยู่?’

เมื่อเขาจินตนาการว่าอีกฝ่ายกินข้าวพร้อมกับชื่นชมศพหวงปินไปด้วย ฟางผิงเริ่มสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายโรคจิตไหม

หวังจินหยางไม่รู้ว่าฟางผิงคิดยังไงกับเขา เขากล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ “ฉันบังเอิญเจอน้องสาวนายระหว่างทางกลับ เธอเป็นสาวน้อยที่น่าสนใจดี”

“อย่าคิดอะไรเกินเลยกับน้องสาวฉัน!” ฟางผิงโพล่งออกมาโดยไม่ทันคิด

หวังจินหยางตกใจเล็กน้อย จากนั้นมุมปากเขาก็กระตุกยิบๆ

เขาเป็นซิสค่อนเหรอ?

เป็นแน่นอน!

แล้วอะไรกัน…มีสาวสวยมากมายในมหาลัยวิชายุทธที่อยากให้เขาสนใจ มหาลัยอื่นก็มีอีกเพียบ

มีอาจารย์สาวสวย ดาวมหาลัย ผู้หญิงทายาทเศรษฐี…

ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เขา หวังจินหยาง มีความคิดเกินเลยกับสาวน้อยโลลิ?

เมื่อกี้ฟางหยวนจำเขาได้แล้วพูดกับเขาราวกับเป็นเพื่อนเก่ากัน หวังจินหยางจึงรู้สึกว่าน่าสนใจดี

พวกเขาเดินทางกลับเวลาเดียวกัน ดังนั้นหวังจินหยางจึงไม่พยายามหลีกเลี่ยง

ตอนนี้ฟางผิงกำลังตั้งคำถามกับศีลธรรมเขา!

หวังจินหยางจ้องมองฟางผิงด้วยสายตาไมเป็นมิตร ส่วนฟางผิงดูละอายใจเล็กน้อย มันเป็นนิสัยติดตัว เป็นแค่นิสัยติดตัวเฉยๆ!

ชีวิตก่อน มีคนมากหน้าหลายตามาจีบน้องสาวเขา ฟางผิงต้องจัดการพวกเขาแทนฟางหยวน

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมที่หวังจินหยางพูดเมื่อกี้ เขาจึงตอบไปโดยไม่รู้ตัว

ทั้งสองจ้องกันอยู่ชั่วครู่ก่อนที่หวังจินหยางจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฉันจะไปคืนนี้ แล้วกลับมหาลัยวิชายุทธพรุ่งนี้ ฉันหวังว่าจะได้พบกับนายอีกนะ นายเป็นคนที่น่าสนใจมาก”

เขากล้าหาญ ระมัดระวัง โหดร้าย แถมยังฉลาดเดิน…

นั่นเป็นความเห็นทั้งหมดของหวังจินหยางที่มีต่อฟางผิง

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมหวังจินหยางถึงสนใจฟางผิงมาก และเขาก็อยากรู้ว่าหลังเป็นผู้ฝึกยุทธ ฟางผิงจะทำอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้ไหม

ฟางผิงหัวเราะและพยักหน้าโดยไม่ได้พูดอะไร

หวังจินหยางไม่ได้อยู่นานนักเช่นกัน เขาถืออาหารฟาสฟู้ดเดินขึ้นบันไดไปอย่างช้าๆ

พอเขาเดินหายลับสายตาไป ฟางผิงถึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก

ยังไงชายคนนี้ก็เป็นผู้ฝึกยุทธ ไม่ว่าเขาจะเป็นมิตรแค่ไหน ฟางผิงก็ยังรู้สึกกดดันอยู่บ้าง

…..

ตอนดึก

พอเขาได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆเหนือศีรษะ ฟางผิงก็เงยหน้าจากหนังสือที่กำลังแสร้งอ่านแล้วบ่นพึมพำ “ในที่สุดเขาก็ไป!”

ตราบใดที่หวังจินหยางอยู่ที่นี่ ฟางผิงก็จะรู้สึกกดดัน

ตอนนี้เขาไปแล้ว เหตุการณ์หวงปินก็จบแล้วเช่นกัน ในที่สุดคราวนี้เขาจะใช้ของที่ได้มาเพิ่มพลังให้ตัวเองได้สักที

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท