ตอนที่ 82 ครอบครัว
เพราะฟางผังตัดสินใจไปเซี่ยงไฮ้ก่อนกําหนด งานฉลองเข้ามหาลัยจึงจัดก่อนกําหนดเช่นกันจะฉลองกันในวันที่ 6
วันที่ 5 กรกฎาคม
สถานีขนส่งเมืองหยางเฉิง
“น้าหญิง น้าเขย!”
ฟางผิงโบกมือให้ครอบครัวหล่อฉินที่พึ่งลงจากรถบัส
ทางตระกูลฟางนั้นเรียบง่ายมาก พ่อของเขาเป็นลูกคนเดียว แม้ว่าจะไม่ใช่ลูกคนเดียวจริงๆก็เถอะ
ฟางผิงเคยได้ยินว่าพ่อเขามีพี่สาว แต่พี่สาวพ่อป่วยตายตั้งแต่ยังเด็ก และหลังจากนั้นมาปู่กับย่าของเขาก็ไม่อยากมีลูกอีก
ทางฝั่งแม่ มีแค่สองพี่น้อง หลี่ออิงเป็นพี่ ส่วนหล่อฉันเป็นน้อง
ตระกูลหลี่ก็เป็นคนหยางเฉิงเช่นกัน แต่น้าหญิงของฟางผิงย้ายไปอยู่เมืองใกล้เคียงหลังแต่งงาน
ครอบครัวของน้าเขยฐานะปานกลาง ทุกคนต่างก็ดิ้นรนใช้ชีวิตของตนเอง แม้ว่าระบบการขนส่งสาธารณะจะก้าวหน้า แต่พวกเขาก็มาเจอกันบ่อยๆไม่ได้
เหตุผลที่ครอบครัวของน้ามาในครั้งนี้ก็เพราะหลานชายเข้ามหาลัยวิชายุทธได้ แถมมันยังเป็น นมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้อีกต่างหาก
นี่เป็นงานใหญ่ที่น่ายินดีกว่าการแต่งงานเสียอีก หล่อ ฉันขอลาหยุดพิเศษสามวันและ มาก่อนวันนึงเพื่อมาช่วยเหลือ
เมื่อฟางผิงโบกมือเรียก ก่อนที่หล่อฉินจะได้ตอบ เด็กสองคนที่อายุประมาณสิบกว่าปีก็ร้องตะโกน ” พี่ผิงผิง พี่หยวนหยวน!”
เมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ ฟางผิงก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ถ้าเรียก พี่ผิง”หรือ”พี่ฟาง”เขายังรับได้ ต่อให้เป็น”ลูกพี่ลูกน้อง ก็ไม่เป็นไร
แต่เรียกเขาว่า “พี่ผิงผิง”แบบนี้ มันทําให้หัวใจเขาห่อเหี่ยวจริงๆ
(ผู้แปล : ผิงผิง แปลว่า ธรรมดา พื้นๆ)
คนที่เรียกเขาว่า พี่ผิงผิง เป็นลูกทั้งสองของน้าหญิง
ลูกสาวเธอชื่อหลิวเหวิน อายุ 13 ปี เด็กกว่าฟางผิงไปปีนึง และเธอพึ่งจบมัธยมต้นปีหนึ่งไปหมาดๆ
ลูกชายเธอชื่อหลิวอู่ เขาอายุ 12 ปีและจะเริ่มเรียนมัธยมต้นตอนครึ่งปีหลัง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันบ่อย แต่ในตระกูล ฟางผิงเป็นคนอายุมากสุดของรุ่น และเขาก็ ไม่ได้งกเงิน ฟางผิงจึงซื้อขนมให้เด็กๆทุกครั้งที่มาหา แม้ว่าในอดีตเขาจะไม่มีเงินมากนักก็ตาม
เขามีญาติไม่กี่คน พวกเขาจึงสนิทกัน เมื่อไหร่ที่พี่น้องคู่นี้มาหา ทั้งสองจะชอบมาเกาะติ ดกับฟางผิง
แน่นอน ทั้งสองชอบ แต่ฟางหยวนไม่ชอบ
พี่น้องคู่นี้ทะเลาะกับเธอเพื่อแย่งพี่ชายทุกครั้งที่มาเที่ยวหา ทั้งสามอายุไล่เลี่ยกัน ดังนั้นทะเลาะกันจึงเป็นเรื่องปกติ
เด็กทั้งสองวิ่งมาหาด้วยรอยยิ้มกว้าง ฟางผิงก็รีบก้าวไปหา แต่ฟางหยวนไม่กระตือรือร้นนักเธอเดินตามหลังอย่างเอื่อยเฉื่อย
เมื่อทั้งสองวิ่งมาหยุดตรงหน้าฟางผิง หลิวเหวินกับหลิวอู่ก็เริ่มพูดทันที
ฟางผิงยิมและพยักหน้า เขาพูดอยู่สองสามประโยคแล้วหันหน้าไปมองฟางหยวน “น้องเล่นกับเหวินเหวินกับเสี่ยวอู่ก่อนนะ พี่จะไปคุยกับน้าหญิงก่อน”
ฟางหยวนเบ้ปาก แม้ว่าเธอจะไม่ยินยอม แต่น้าหญิงกับครอบครัวเป็นแขก เธอจึงต้องสุภาพ
เด็กสาวเดินมาหาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองอย่างไม่เต็มใจ เธอไม่รอให้ทั้งสองพูด “ห้ามเรียกฉันว่าพี่หยวนหยวน!”
หลิวอ่งนงง “ทําไมล่ะ? พี่ไม่ใช่พี่หยวนหยวนเหรอ?”
“ห้ามเรียกแบบนั้น เรียกว่าพี่สาวพอ”
“แต่ผมเรียกพี่สาวผมแบบนั้น ถ้าผมเรียกพี่แบบนั้นด้วย มันจะไม่งงเหรอ?”
หลิวอู่เหมือนเป็นคนหัวแข็ง แต่เหตุผลของเขาก็ชัดเจน ถ้าเขาเรียกทั้งสองว่า พี่สาว” มัน จะไม่พากันสับสนเอาเหรอ?
ฟางหยวนไม่รู้จะพูดอะไร เธอตอบกลับอย่างขมขึ้น “ช่างเถอะ อยากเรียกอะไรก็เรียก”
“อือ อย่างที่ผมพูด พี่สาวหยวนหยวน หน้าพี่เหมือนจะกลมกว่าเดิม…”
ก่อนที่หลิวอู่จะทันพูดจบ ฟางหยวนก็เอามือปิดปากแล้วพูดออกมาอย่างโกรธๆ “ห้ามพูดอีก!”
“จริงๆนี่ ”
ข้างๆ หลิวเหวินเริ่มเรียนมัธยมต้นแล้ว และผู้หญิงก็โตเร็ว ดังนั้นเธอจึงรู้ว่าฟางหยวนหมายถึงอะไร
อย่างไรก็ตามเธอหัวเราะคิกคักแล้วกล่าว ” หน้าพี่สาวกลมกว่าเดิม พี่สาวหยวนหยวน ครั้งหน้าเราควรเรียกพี่สาวว่า”พี่สาวหยวนหยวนหยวนไหม?”
“หลิวเหวิน! ย้าก!”
ฟางหยวนวิ่งไล่หลิวเหวินไปทั่ว
เมื่อเห็นเด็กทั้งสามเอะอะวุ่นวาย น้าเขยของฟางผิง หลิวอันฮวาก็ยิ้มกว้าง “หยวนหยวน เหวินเหวินกับเสี่ยวอู่สนิทกันเหมือนเดิมเลย พวกเขาไม่ได้เจอกันนาน แต่ทั้งสามก็ตื่นเต้นกันมากเมื่อได้เจอกัน”
เห็นได้ชัดว่าในสายตาผู้ใหญ่ เด็กพวกนี้กําลังเล่นอยู่ ซึ่งมันหมายความว่าพวกเขาสนิทกันดี
โชคดีที่ฟางหยวนไม่ได้ยินที่เขาพูด ไม่งั้นเธอคงรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมมาก
ใครจะไปสนิทกับเด็กเลวพวกนี้กัน!
โดยเฉพาะหลิวเหวิน ฟางหยวนอยากจัดการเธอให้หน้าบวม
ฟางยิ่งพอเดาความคิดของฟางหยวนได้ เขาอยากหัวเราะ แต่ก็ต้องพยักหน้าแทน ” พวกเขาค่อนข้างสนิทกัน เพราะยังไงพวกเขาก็อายุไล่เลี่ยกัน”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็หยิบกระเป๋าน้าเขยขึ้นมาถือ ”น้าหญิง น้าเขย พวกเราบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้ออะไรมาฝาก ทําไมน้าเขยยังซื้อของมาเยอะขนาดนี้อีกล่ะ?”
” พ่อของผมเลิกบุหรี่แล้ว ซื้อมาก็เปลืองเปล่าๆ
“เธอยังเด็ก เธอไม่รู้หรอก…”
หล่อ ฉินขัดจังหวะโดยไม่สนใจ ”แม่เธอมีความสามารถจริงๆ!”
“แม่เธอซื้อบ้านแต่ไม่บอกอะไรน้าเลย กว่าเธอจะบอกน้าก็ตอนน้ากําลังมาหา!”
“มันเรื่องอะไรกัน?”
“กลัวน้าไม่มีปัญญาให้ซองแดงเหรอ?”
“นี่มันคนละเรื่องกันเลย ซื้อบ้านก็คือซื้อบ้าน เข้ามหาลัยก็เข้ามหาลัย”
“น้ามีพี่สาวคนเดียว ถ้าน้ารู้ว่าเธอซื้อบ้าน น้าคงจะมาให้เร็วกว่านี้”
หลีอวีฉินยังไม่ถึงสี่สิบ แต่คําพูดของเธอรุนแรงมาก
ฟางผิงไม่คิดมาก น้าหญิงเขาเป็นแบบนี้มาตลอด เขายิ้ม ” งานขึ้นบ้านใหม่ เราจะไม่บอกคุณน้าได้ยังไง?”
“แต่นี่เป็นแค่งานเลี้ยงที่ผมเข้ามหาลัยได้”
“ผิงผิง น้ารู้อยู่แล้วว่าเธอต้องประสบความสําเร็จ!”
หล่อฉันเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ เธอเคยบอกว่าฟางผิงจะประสบความสําเร็จและได้เป็นข้าราชการชั้นสูง
ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องให้ไม่ได้ เขาไม่อยากทําให้น้าหญิงตกใจ ชีวิตก่อนเธอก็เคยพูดแบบนี้
ผลก็คือจนกระทั่งเขาอายุสามสิบ เขาก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
หลิวอันฮวามีรอยยิ้มเช่นกัน ผิงผิงมีแววตั้งแต่เด็กแล้ว น้ารู้ว่าเธอจะเข้ามหาลัยวิชายุทธได้และมันต้องเป็นมหาลัยที่ดีที่สุด”
“เมื่อน้าหญิงของเธอเอาไปพูดแถวบ้าน ทั้งย่านถึงกับช็อค”
“ตอนนี้ เมื่อไหร่ที่น้าหญิงเดินออกบ้าน เธอยึดอกจนไม่รู้จะยืดยังไงแล้ว”
“เหลวไหล!” หล่อ ฉันไม่ได้สนุกด้วย “ว่าแต่ฉัน คุณก็เป็น”
“ฉันเคยเดินผ่านโรงงานของคุณ ผู้จัดการของคุณเจอฉันและถามฉันไม่หยุดว่าหลานชายฉันเข้ามหาลัยได้ใช่ไหม”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณเอาไปพูด ผู้จัดการของคุณจะรู้ได้ยังไง?”
หลิวอันฮวาเขินเล็กน้อย เขาหัวเราะเบาๆและไม่ได้ตอบอะไร
ฟางผิงหยุดยิ้มและรีบเปลี่ยนหัวข้อ “น้าหญิง น้าเขย ไปบ้านกันก่อนเถอะ ไว้ค่อยคุยกันต่อ”
“เอาล่ะ เหวินเหวิน เลิกติดพี่หยวนหยวนได้แล้ว! เราจะไปแล้ว!”
ไม่ไกลจากตรงนั้น หลิวเหวินแทบร้องไห้ ใครติดหน้ากลมกัน!
หน้ากลมไล่เธอไม่หยุด แม่มีตาไหม!
ความคับแค้นใจของเด็กทั้งสามถูกเมิน สถานีขนส่งอยู่ไม่ไกลจากย่านกวนหูหยวนนัก
พวกเขาเดินไปคุยไปประมาณสิบนาที่จนถึงย่านกวนหูหยวน
ฟางหมิงหรงไม่ได้ลาหยุด เขาจึงไม่อยู่บ้าน ส่วนหลื่อรื้อิงอยู่บ้านกําลังทําอาหารกลางวัน
เมื่อเธอเห็นน้องสาวและน้องเขยเดินเข้าบ้านมา เธอก็ทักทายทั้งสองทันทีและนําข นมขบเคี้ยวทั้งหมดที่เธอยึดมาจากฟางหยวนให้เด็กทั้งสองทาน
หน้ากลมๆของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นสีเขียว
“นี่มันของหนูนะ!”
“มันไม่ง่ายเลยที่จะขายลายเซ็นของฟางผิงหาเงิน ตอนนี้ถูกเด็กพวกนี้เอาไปหมดแล้ว!?
แม่พาน้ากับน้าเขยไปดูบ้าน ส่วนฟางผิงอยู่ชั้นล่างดูอะไรสนุกๆ
สีหน้าของฟางหยวนตอนนี้ตลกมาก!
ฟางหยวนเจ็บปวดหัวใจ แต่เธอก็คิดว่าเด็กพวกนี้อายุน้อยกว่าเธอ เธอจึงปล่อยให้ทั้งสองกินตามใจชอบ นอกจากนี้ไม่รู้ทําไม แต่จู่ๆเธอก็รู้สึกไม่อยากอาหารตั้งแต่เมื่อคืน
แต่กระนั้น เมื่อเธอคิดว่าเธออุส่าทํางานหนักหาเงินมา เธอจึงรู้สึกเหมือนกําลังกลืนยาขมๆ
เมื่อเห็นหลิวเหวินกับหลิวอู่กินกันอย่างมีความสุข เธอก็รู้สึกอยากกินด้วย แต่พอเธอหยิบมันฝรั่งทอดเข้าปาก เธอก็ทําได้แต่เดี๋ยวไปอย่างนั้น แต่กลืนไม่ลง
แววตาของฟางหยวนคลอไปด้วยน้ําตา มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ยังไง?
“นี่เป็นขนมของโปรดหนูนะ!”
ฟางผิงเห็นสีหน้าน้องสาวแล้วแทบข่มหัวเราะไม่อยู่ เขารีบขึ้นไปหาแม่ชั้นบนทันที
ชั้นบน
หล่อฉันกําลังทอดถอนใจ เมื่อเห็นฟางผิงขึ้นมาข้างบน เธอก็ยิ้มสดใส “ผิงผิงประสบความสําเร็จจริงๆ!”
“เธอได้คอนโดหลังใหญ่ให้ครอบครัวตั้งแต่อายุสิบแปด”
“น้าได้ยินว่าพอเธอจบการศึกษาจากมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ เธอจะได้รับราชการ เธอจะมีตําแหน่งอย่างน้อยก็เป็นหัวหน้าสํานักงาน…”
หลิวอันฮวารีบพูด ” นั่นเป็นสําหรับมหาลัยวิชายุทธทั่วๆไป มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เป็นมหาลัยที่ดีที่สุด อย่างน้อยมันต้องเป็นรองผู้บัญชาการ!”
“จริงเหรอ?”
หล่อฉินไม่ได้โกรธที่สามีขัดจังหวะ เธอถามด้วยความยินดีระคนประหลาดใจ
“ผม..ผมได้ยินผู้จัดการบอก…”
หลิวอันฮวาไม่รู้ว่ามันเป็นจริงไหม เขาพูดอย่างไม่มั่นใจนัก
หล่อ อิงยิ้มแก้มปริ “จะเป็นอะไรก็ได้ อนาคตไว้ให้ผิงผิงสอนเสี่ยวอู่ เสี่ยวอู่จะได้เข้ามหาลัยวิทยายุทธด้วย เสี่ยวอุ่แข็งแรงมาก น่าจะเข้ามหาลัยวิชายุทธได้ไม่มีปัญหา”
“พี่พูดแล้วนะ!” หล่อ ฉินกล่าวอย่างมีความสุข ถ้าผิงผิงสอนเสี่ยวอู่ก็ดี เด็กคนนี้นับถือผิง ผิงมาก”
พี่น้องเริ่มคุยกัน ฟางผิงจึงไปคุยกับน้าเขย
เมื่อพวกเขาทานมื้อเที่ยงกัน ฟางผิงก็กลั้นขําไม่ได้ เขาหัวเราะจนท้องแข็ง
ฟางหยวนจ้องมองอาหารที่วางรอบโต๊ะ แต่เธอไม่อยากกินเลย
แม่เธออยู่ชั้นบน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างล่าง ฟางหยวนจึงถูกแม่ตําหนิ “แม่บอกแล้วว่า อย่ากินขนมเยอะแม่เอาออกมาเพราะเหวินเหวินกับเสียวอู่มา”
“ลูกควรปล่อยให้ทั้งสองกินเยอะๆ และลูกกินให้น้อยๆ”
ฟางหยวนรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม!
“หนูกินมันฝรั่งทอดไปชิ้นเดียวเอง แม่ไม่ควรรังแกหนู!”
หลังฟางผิงหัวเราะจนถือถ้วยไม่อยู่ ฟางหยวนก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ฟางผิง นายทําอะไรรึเปล่า?”
“แม่ ฟางผิงรังแกหนู! หนูบอกแล้ว เขาต้องจี้จุดหิวหนู แม่ไม่เชื่อหนู!”
ผู้ใหญ่ย่อมไม่เชื่อคําพูดเหล่านี้ แต่หลิวอู่สังเกตว่าเมื่อกี้ลูกพี่ลูกน้องเขาไม่ได้กินขนมเลย
แววตาเขาเปล่งประกาย เขารีบเอ่ยถาม “พี่สาวหยวนหยวน จุดหิวคืออะไร?”
“มันทําให้พี่ไม่อยากกินอาหารเหรอ?”
“จี้จุดพี่สาวผมได้ไหม? เธอชอบขโมยของกินผม…”
“หลิวอู่ เงียบ!” หลิวเหวินโกรธ เธอมองฟางผิงอย่างหวาดผวา กลัวว่าเขาจะจี้จุดหิวเธอจริงๆ
เธอรู้ทันทีเมื่อมองฟางหยวน ครั้งนี้ฟางหยวนไม่ได้มาขโมยของกินพวกเขาเลย มันเหมือนกับฟางหยวนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ถ้าเธอถูกลูกพี่ลูกน้องจี้จุดหิวแล้วเป็นเหมือนฟางหยวน มันคงแย่แน่
เด็กๆทุกคนเชื่อ แต่หลื่ออิงไม่เชื่ออย่างชัดเจน
หล่อฉินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่เมื่อเธอเห็นหลานชายส่ายหน้า เธอก็ไม่เชื่อเช่นกัน
ทุกคนเห็นพ้องตรงกันว่าฟางหยวนต้องกินขนมเยอะเกินไปจนไม่อยากอาหาร
ฟางหยวนทําได้แต่มองของกินเต็มโต๊ะอย่างหมดหวังก่อนจะหันไปถลึงตามองฟางผิงอย่างโกรธแค้น
ครั้งเดียวก็แย่พอแล้ว แต่เป็นถึงสองครั้ง!”
เธอไม่ได้โง่ “เป็นฝีมือฟางผิงแน่นอน เจ้าหมอนี่ข่มเหงกันเกินไปแล้ว!!