World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 85

ตอนที่ 85

ตอนที่ 85 หน้าประตูและหลังประตู

มหานครเซี่ยงไฮ้ใหญ่มาก

แน่นอนตามความเป็นจริง เขตอํานาจของเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ใหญ่อะไรนัก ที่จริงมันเล็กกว่าเมืองหยางเฉิงมาก

ที่มันให้ความรู้สึกว่ามันใหญ่มากเป็นเพราะมีตึกอาคารมากมาย ผู้คนพลุกพล่าน แม้แต่การนั่งรถบัสก็จะพาคุณวนไปเวียนมาจนมึนหัว

ที่แห่งนี้ การนั่งรถไฟหรือรถบัสอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง

เมืองหยางเฉิงไม่ได้มีภาพลวงตาเช่นนี้ เพราะรถบัสทุกคันจะตรงไปยังจุดหมายด้วยความเร็วสูง ถ้าเทียบกับเมืองหยางเฉิง การนั่งรถบัสในระยะทางเท่ากัน เมืองหยางเฉิงจะใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งเลยทีเดียว

เพื่อเดินทางจากสถานีไปมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ฟางผิงต้องเปลี่ยนรถไฟใต้ดินสองครั้งและขึ้นรถบัสอีกครั้งนึ่งกว่าจะมาถึงมหาลัย

มันเป็นระยะทางไม่ถึง 40 กิโลเมตร แต่ฟางผิงใช้เวลากว่าสองชั่วโมง

เขตการบริหารที่นี่ไม่เหมือนที่ฟางผิงรู้จัก บางทีมันเป็นเพราะผู้ฝึกยุทธทําให้การบริหารมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

เซี่ยงไฮ้มีเขตบริหารไม่มาก และไม่ซับซ้อนเท่า เขตอํานาจของเซี่ยงไฮ้ทั้งหมดมีแค่ 6 เขต เท่านั้น

ทางทิศเหนือคือเขตเปยติ้ง

ทางทิศตะวันตกคือเขตซีเจียง

ทางทิศใต้คือเขตหนานฟ่ง

ทางทิศตะวันออกคือเขตตงฝู่

นอกจากนี้ยังมีย่านการค้าในใจกลาง เขตว่านฮุย ไม่นานมานี้รัฐบาลได้กําหนดทิศใต้ติดมหาสมุทรให้เป็นเมืองมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะ นี่เป็นเขตปกครองอิสระเช่นกัน

มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ถูกตั้งอยู่ที่เมืองมหาวิทยาลัย อันที่จริงนอกจากมหาลัยศิลปศาสตร์เอกชนแล้ว มหาลัยที่มีคณะวิชายุทธทุกแห่งในเซี่ยงไฮ้ถูกรวมอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยแห่งนี้

เมืองมหาวิทยาลัยกว้างใหญ่มากเช่นกัน มันใหญ่เกือบเท่าทั้งเขตหนานฮุยในความทรงจําของฟางผิง

(ผู้แปล : เป็นเขตเดิมในเซี่ยงไฮ้ มีพื้นที่ประมาณ 809.5 กม. และชายฝั่ง 59.5 กม)

เมืองมหาวิทยาลัยกินพื้นที่เกือบ 800 ตารางกิโลเมตร

แม้แต่ภายใน มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็เป็นวิทยาเขตระดับสูงสุดในเมืองมหาวิทยาลัยโดยไม่มีข้อสงสัย

ในฐานะวิทยาเขตระดับสูงสุด แม้จะไม่คํานึงถึงผลการเรียน ตัวมหาลัยเองก็มีพื้นที่ใหญ่โตอย่างน่าตกใจ

มันมีพื้นที่ถึง 30,000 มู่

นั่นเป็นสิ่งที่ฟางผิงพบเมื่อค้นหาบนโลกออนไลน์ มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มีพื้นที่ 30,000 มู่หรือ 20 ตารางกิโลเมตร

มหาลัยมีประชากรแค่หนึ่งหมื่นคนเท่านั้น รวมนักศึกษา อาจารย์ ครอบครัวและคนงาน นั่นหมายความว่าจะมีพื้นที่ 2,000 ตารางเมตรต่อคน

เมื่อฟางผิงลงจากรถบัส สิ่งแรกที่เขารู้สึกคือช็อค

เขาเคยเห็นโรงเรียนมาหลายแห่ง

เคยเห็นมหาลัยมามากมาย

อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นอะไรอย่างมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มาก่อน ประตูหลักเพียงอย่างเดียวก็กว้างเกือบ 100 เมตรแล้ว มันยังเรียกว่าประตูได้อยู่เหรอ?

รถเก๋ง 50 คันสามารถเข้าออกได้สบาย

“นักศึกษามหาลัยวิชายุทธมามหาลัยด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินรึเปล่า?”

ฟางผิงยืนอยู่หน้าประตูมหาลัยอดพึมพําไม่ได้

เนื่องจากประตูกว้างร้อยเมตร แม้แต่เรือบรรทุกเครื่องบินก็ผ่านเข้าไปได้ ทําไมพวกเขาต้อ งมีประตูยักษ์แบบนี้? ฟางผิงไม่เข้าใจความสุนทรีย์ของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เลย

กระนั้น มหาลัยมีขนาดใหญ่มาก ต่อให้มีประตูใหญ่ขนาดนี้ มันก็ยังรับได้

เนื่องจากประตูกว้างร้อยเมตร มันย่อมมีความสูงเช่นกัน โครงสร้างประตูสูงประมาณสิบเมตรเลยทีเดียว

บนประตูมีตัวอักษรถูกแกะสลักหกตัว มันมีชีวิตชีวาและเปี่ยมด้วยพลัง – SERENA (มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้)

ตัวอักษรใหญ่มากเช่นกัน ฟางผิงรู้สึกเหมือนกับตนเองมาประเทศของยักษา และเขาเป็นแค่คนแคระ

การยืนอยู่หน้าประตูแบบนี้ให้ความรู้สึกว่าตนเองตัวเล็กกระจ้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ฟางผิงเหม่อมองก็มีคนที่อยู่ข้างหลังพูดกับเขาอย่างขบขัน “สุดยอดไปเลยใช่ไหม?”

ฟางผิงสัมผัสได้สักพักแล้วเช่นกันว่ามีคนอยู่ข้างหลัง แต่เขาไม่ได้สนใจนัก ไม่ใช่ว่าประตูหลักของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้จะไร้ผู้คน ที่จริงมีคนอยู่ค่อนข้างมากเลยทีเดียว

ถ้ามาเซี่ยงไฮ้แล้วไม่ได้เห็นมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ มันคงน่าเสียดายแย่

แม้ว่าพวกเขาจะเข้าไปไม่ได้ แต่ยืนมองมหาลัยจากตรงนี้ก็ไม่มีใครห้าม เพราะยังไงมันก็เป็นหนึ่งในมหาลัยชั้นนําของประเทศจีน

แค่ได้เห็นประตูยักษ์อย่างเดียวก็ทําให้หลายคนรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้คุ้มค่าแล้ว

ฟางผิงหันไปมองและเห็นชายหนุ่มอายุพอๆกับเขากําลังยืนอยู่เยื้องไปด้านหลัง

ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี ผมยาวเล็กน้อย มีรอยยิ้มมุมปาก

ไม่เหมือนกับรอยยิ้มสงบใจเย็นของหวังจินหยาง รอยยิ้มของชายหนุ่มค่อนข้างผยอง มีท่าทีไม่แยแสอยู่เนืองๆ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฟางผิงไม่ใช่รูปลักษณ์หรือรอยยิ้ม เขากําลังมองไปที่ดาบยาวไม่ใส่ฝักที่อยู่ในมือชายหนุ่ม

คมดาบสีดําให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก

ฟางผิงพบว่าภาพลักษณ์โดยรวมค่อนข้างขัดแย้ง ชายหนุ่มสมัยใหม่สวมเสื้อยืดกางเกงวอร์ม แต่ดันถือดาบใหญ่ยาวกว่าหนึ่งเมตร

เมื่อเขาสังเกตว่าฟางผิงกําลังดูดาบในมือ ชายหนุ่มก็พลันพลิกมันไปมา กล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างหนัก “นายกลัวเหรอ?”

ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร

เขาไม่รู้จักคนๆนี้ และนอกจากนี้เขาแค่มาดูประตูมหาลัย ถ้าเขาตอบกลับ เขาอาจสร้างปัญหาโดยไม่จําเป็น

ชายหนุ่มไม่ได้คิดมากเช่นกัน เนื่องจากฟางผิงไม่แยแส เขาจึงถือดาบแนวนอนและชี้คมดาบไปที่พื้น

หลังจากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กใหม่?”

“ใช่”

“ฉันว่าแล้ว ถ้านายกําลังลากกระเป๋าเดินทางจ้องประตูเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง มีโอกาสสูงที่นายจะเป็นเด็กใหม่”

” แล้วนายก็เป็นเด็กใหม่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ด้วยถูกไหม?”

ชายหนุ่มดูค่อนข้างพอใจ ภาคภูมิใจกับการคาดการณ์ของตน

ฟางผิงโมโหเล็กน้อย ตัดสินจากน้ําเสียงและคําพูด อีกฝ่ายไม่ได้มาสร้างปัญหา

หลังครุ่นคิดดู ฟางผิงก็กล่าวอย่างใจเย็น ”ปราณและเลือดผมสูงกว่า 180แคล ดังนั้นมันเดาได้ไม่ยากใช่ไหมว่าผมเป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้?”

“ฮ่าๆ ฉันก็ว่างั้นแหละ”

ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “มหาลัยวิชายุทธใกล้เคียงพวกนั้นจะเทียบกับมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ได้ยังไง?”

“แน่นอน เด็กใหม่ขัดเกลากระดูกสองครั้งจะมาที่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ของเราเท่านั้น!”

“เชื่อฉัน นายเลือกถูกแล้ว!”

ความจริงที่ว่าเขาบอกได้ทันทีว่าฟางผงขัดเกลากระดูกสองครั้ง ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง ก็หมายความว่าชายหนุ่มแข็งแกร่งและฉลาดมาก

เตรียมผู้ฝึกยุทธที่ขัดเกลากระดูกสองครั้งมีปราณและเลือดพอๆกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่ทะลวงขั้นมาใหม่

ปกติแล้วเมื่อตัดสินความแข็งแกร่งของคน ฟางผิงจะพิจารณาจากระดับปราณและเลือด มันก็เหมือนกับที่สถานี

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ตัดสินจากปราณและเลือดอย่างเดียว ฟางผิงรู้สึกสงสัย แต่ไม่ได้ถาม

” ผมขอรู้ชื่อคุณได้ไหมรุ่นพี่?”

น้ําเสียงอีกฝ่ายฟังดูหยิ่งผยอง แต่ก็ไม่ถึงกับรับไม่ได้ และความจริงว่าฟางผิงไม่รู้เรื่องมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เลย เขาจึงตัดสินใจตีสนิทด้วย

“ฉัน ฉินเฟิงชิง นักศึกษาปีสามมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ เอกศัสตราวุธ!”

ฉินเฟิงชิงแนะนําตัวและเอ่ยถาม “แล้วคุณล่ะ?”

“ผมฟางผิง นักศึกษาปีหนึ่ง”

” ทําไมนายถึงมาเร็วนักล่ะ?”

” ผมมาดูล่วงหน้า ผมชื่นชมมหาลัยวิชายุทธมาตลอด”

” แต่มันหายากมากเลยนะที่นักศึกษาจะมาก่อนล่วงหน้าเป็นเดือน มันยังไม่ถึงเวลาลงทะเบียนปีหนึ่ง พวกเขาอาจจัดหาที่พักให้นายไม่ได้”

ฉินเฟิงชิงพูดเรื่อยเปื่อยก่อนจะกลับมาพูดหัวข้อเดิมต่อ ”ประตูมหาลัยทําให้นายรู้สึกว่าตัวเองเล็กจ้อยใช่ไหม?”

“นิดหน่อย”

“ใช่แล้ว! เมื่อพวกเขาสร้างมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ตอนแรก พวกเขาทําให้มันเป็นแบบนี้เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจตนเอง”

” พวกเราต่างก็เล็กจ้อยเหลือเกิน นี่เป็นแค่ประตูมหาลัยอย่างเดียว”

“ถ้าเรารู้สึกเล็กจ้อยตั้งแต่ยืนอยู่หน้าประตู นายจินตนาการออกไหมว่าเราจะรู้สึกยังไงเมื่อเข้าไปหลังประตู

“โลกหลังประตูกว้างใหญ่กว่านี้ อันตรายกว่านี้ และน่าสนใจกว่านี้”

คําพูดของเขาเหมือนมีความหมายแฝงอยู่ ฟางผิงจึงจําขึ้นใจ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร กลับกัน เขาพูดหัวข้อที่เขาสนใจจริงๆต่อ “รุ่นพี่ คุณไม่กลับบ้านช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเหรอ?”

” บ้าน?”

ฉินเฟิงชิงหัวเราะอย่างหนัก ”เมื่อนายกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ นายต้องเตรียมตัวอยู่ห่างจากครอบครัวนานๆ!”

“เวลามาค่ามาก และเวลาที่มหาลัยก็ยิ่งมีค่า”

” ที่นี่ วันหยุดและปิดเทอมไม่นับ ถ้านายไม่อยากล้าหลัง นายก็ต้องขยันให้หนักขึ้น และหนักยิ่งขึ้น!”

“ถ้านายมาอยู่นี่ นายจะได้รับการสนับสนุนจากมหาลัย และมหาลัยจะมอบทรัพยากรให้นายด้วย พอนายจบการศึกษา นายจะต้องทําทุกอย่างด้วยตัวเอง”

“เพราะงั้นนายจะผ่อนคลายไม่ได้แม้แต่วินายทีเดียวรุ่นน้อง นี่เป็นบทเรียนแรกที่ฉันจะสอนนายในฐานะรุ่นพี่”

“เวลา โดยเฉพาะเวลาตอนเรียนมหาลัย มันมีค่ามากอย่างยิ่ง ดังนั้นอย่าเสียเวลาทองสี่ปีนี้ไป”

” ขอบคุณที่แนะนําครับรุ่นพี่”

ฟางผิงขอบคุณเขาก่อนจะถามอย่างสงสัย “รุ่นพี่ฉิน คุณพึ่งกลับมาจากข้างนอกเหรอ?”

“ใช่ ฉันออกไปเที่ยว พึ่งกลับมา”

”เพราะฉันบังเอิญเจอเด็กใหม่ไร้เดียงสา ฉันเลยคุยผ่อนคลายสักหน่อย เสียดาย…นายไม่ใช่สาว”

ฉินเฟิงชิงพูดตรงมากและถอนหายใจอย่างหดหู

ถ้าฟางผิงเป็นรุ่นน้องสาว เขาจะทําตัวให้เท่ขึ้นหน่อย แน่นอนรุ่นน้องสาวคนนั้นต้องหน้าตาดีด้วย

มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้กว้างใหญ่มาก แต่มีนักศึกษาไม่มากนัก พวกเขามีนักศึกษาพันกว่าคนในแต่ละชั้นปี ดังนั้นรวมๆแล้วมีประมาณ 6,000 คนเท่านั้น

แน่นอน 80% เป็นผู้ชาย มีผู้หญิง 20% เท่านั้น

มีผู้หญิงพันกว่าคน ซึ่งน้อยกว่าหนึ่งในสามเสียอีก

ในบรรดาหนึ่งในสาม รุ่นพี่ปีสี่แทบไม่อยู่มหาลัย บางคนก็มีแฟนแล้ว บางคนก็ไปทําภารกิจข้างนอกทั้งปี

นั่นหมายความว่ามีสาวสวยเหลืออยู่ที่มหาลัยไม่กี่คนเท่านั้น!

ทุกคนพูดกันว่าเซี่ยงไฮ้เต็มไปด้วยสาวงาม แต่ฉินเฟิงชิงรู้สึกว่าตัวเองเกือบสิ้นหวังกับผู้หญิงแล้ว

โชคดีที่เด็กปีหนึ่งใกล้มาแล้ว เขาสงสัยว่าจะมีรุ่นน้องสาวสวยให้เขาชื่นชมไหม

ฟางผิงอดหัวเราะไม่ได้ ”ด้วยความแข็งแกร่งของรุ่นพี่ ผมไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่จะขาดแคลนสาว”

“แน่นอน!” ฉินเฟิงชิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นอกจากนี้นายคิดผิดไปอย่างนึง ฉันไม่ได้อาศัยความแข็งแกร่ง แต่ฉันอาศัยหน้าตา”

“แค่กๆ…”

“อย่ากระแอม ฉันจริงจัง!” ฉินเฟิงชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม ”ในแง่ความแข็งแกร่ง นักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้แข็งแกร่งกันทุกคน แต่ส่วนใหญ่หน้าตาน่าเกลียด ดังนั้นพวกเราจึงไม่ได้ชนะใจสาวด้วยความแข็งแกร่ง เราต้องใช้หน้าตา!”

“เอ่อ รุ่นพี่ฉิน รุ่นพี่หล่อมาก”

ฟางผิงเยินยอเขาอย่างออกหน้า รุ่นพี่คนนี้แข็งแกร่งมาก แถมฟางผิงยังมองไม่เห็นขั้นพลังของเขา

มันเป็นความรู้สึกเดียวกับตอนที่เขาอยู่ตรงหน้าหวังจินหยาง ถ้าเขาไม่อยู่ขั้นสองก็ต้องเป็นขั้นสาม

นอกจากนี้เขากําลังถือดาบอยู่ในมือ เนื่องจากมันไม่ได้ใส่ไว้ในฝึก ฟางผิงจึงบอกได้ว่ามันไม่ใช่ของประดับ มันเป็นอาวุธต่อสู้อย่างแท้จริง

เมื่อฉินเฟิงชิงได้ยินแบบนั้น เขาก็อดหัวเราะไม่ได้ “นายตาดีนี่ น่าสนใจ”

” แต่ก่อน ปีหนึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเด็กน้อยไร้เดียงสา”

” พวกเขาคิดว่าตนเองได้ที่หนึ่งของเมืองหรือที่หนึ่งของมณฑล มันสุดยอดแล้ว”

“แต่เมื่อพวกเขาเข้ามาในมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ พวกเขาจะเข้าใจ รุ่นพี่ชายสมควรได้รับความเคารพ รุ่นพี่หญิงไม่อาจจีบได้ และรุ่นน้องสาวเป็นของรุ่นพี่ชาย!”

” แค่กๆ…”

ครั้งนี้ฟางผิงสําลักจริง จากนั้นเขาก็พูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ “รุ่นพี่เป็นคนตลกมาก ผมไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้พบกับรุ่นพี่ตั้งแต่วันแรกที่มามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ มันเป็นเกียรติของผม”

“นายก็รู้ มันไม่ใช่เรื่องตลก มันเป็นความจริง”

ฉินเฟิงชิงยิ้มและหยิบเอาโทรศัพท์ออกมาดูเวลา เขาพูด “ปกติแล้วตอนที่ฉันพบเด็กใหม่อย่างนาย พวกเรารุ่นพี่ควรพานายไปเดินทัวร์ให้คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม”

“แต่ฉันต้องกลับไปทําภารกิจ ฉันเลยไม่มีเวลาอยู่กับนาย”

“นายต้องไปที่แผนกต้อนรับของมหาลัยเอง แม้ว่านายจะมาถึงก่อนกําหนด แต่ฉันไม่คิดว่ามหาลัยจะจัดการปัญหาเล็กน้อยให้ไม่ได้ ลองไปดูเถอะว่าพวกเขาจะให้นายย้ายเข้าก่อนล่วงหน้าได้ไหม”

“เอาล่ะฉันต้องไปแล้ว ไว้มีโอกาส เราค่อยคุยกันใหม่”

มีนักศึกษาไม่มากนักในมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ที่พวกเขาจะได้พบกันอีก

แน่นอนต่อให้ไม่ได้เจอกันอีก เขาก็ไม่ได้คิดมาก เพราะยังไงฟางผิงก็ไม่ใช่สาวสวย ฉินเฟิงชิง จึงไม่ได้ตั้งใจทิ้งเบอร์ไว้ให้

ฟางผิงก็ไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ ฉินเฟิงชิงไม่ใช่พ่อเขาสักหน่อย เขาไม่จําเป็นต้องละทิ้งเรื่องของ ตนเองเพื่อช่วยเหลือฟางผิง

อย่างน้อยที่สุดฉินเฟิงชิงก็ยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาบ้าง อีกฝ่ายบอกให้เขาไปที่แผนกต้อนรับ

ฟางผิงไม่ได้คิดมากว่าจะอยู่ที่มหาลัยได้ไหมหรือต้องไปอยู่ที่อื่น แต่การได้เดินทัวร์ในมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็เติมเต็มความอยากรู้อยากเห็นเขาพอควร

นอกจากนี้เขายังได้พบกับรุ่นพี่ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งทันทีที่มาถึงมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ มันจึงทําให้ฟางผิงรู้สึกสนใจมหาลัยมากขึ้นอีก

ผู้ฝึกยุทธขั้นสามอย่างหวังจินหยางเป็นหัวหมาที่มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงได้เลย

แล้วฉินเฟิงชิงล่ะ?

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองหรือขั้นสาม ไม่ว่ายังไงเขาก็แข็งแกร่งกว่าฟางผิง ดังนั้นฟางผิงจึงไม่มีทางรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะอยู่ตําแหน่งไหนในมหาลัย

กระนั้นอีกฝ่ายก็เป็นแค่นักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ที่เขาบังเอิญเจอ ดังนั้นฟางผิงจึงไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นชั้นแนวหน้า เขาอาจอยู่ต่ําสุดของมหาลัยก็เป็นได้

ฉินเฟิงชิงที่เข้ามาในมหาลัยแล้วถูจมูกกลั่นจาม เขาบ่นพึมพํา “สําเนียงของเจ้านี่ฟังดูคุ้นๆนะ

“มันมาจากไหนนะ?”

เขาคิดอยู่ครู่นึง แต่ก็หาคําตอบไม่ได้ ดังนั้นฉินเฟิงชิงจึงเลิกคิด

ส่วนฟางผิง อีกฝ่ายเป็นแค่คนที่เขาบังเอิญเจอตอนกลับมามหาลัย พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อย ใครจะสนกันว่าอีกฝ่ายมาจากไหน?

ฉินเฟิงชิงถือดาบไว้ในมือข้างนึงและกระเป๋าใบใหญ่ไว้ที่มืออีกข้าง เขากล่าวอย่างมีความสุข ” คราวนี้ฉันจะแลกยาชําระกระดูก จากนั้นฉันก็น่าจะขัดเกลาลําตัวได้ครบ”

” พอฉันขัดเกลากระดูกลําตัวเสร็จ.ฉันจะถล่มมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงของแกซะ!”

” หนานเจียง…”

ฉินเฟิงชิงเหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกอีกครั้ง แต่ความคิดนั้นก็หายไปในพริบตา และเขาก็ขี้เกียจเกินกว่าจะนึกถึงมันอีก

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท