World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 87

ตอนที่ 87

ตอนที่ 87 แผนทําธุรกิจ

หลังปี 2008 เหลือวิธีหาเงินไม่มากนัก

ทั้งสองโลกต่างกันเล็กน้อย แต่ทิศทางการพัฒนาทั่วๆไปยังไม่เปลี่ยนแปลง

สิบปีต่อจากนี้ การหาเงินทั่วๆไปคือตลาดอสังหาริมทรัพย์ อินเตอร์เน็ต สมาร์ทโฟน และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

ฟางผิงบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ไม่ได้ เขามีคุณสมบัติไม่พอ

เขาซื้อบ้านไม่ได้ด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้ฟางผิงมีเงินในมือ 1.6 ล้านหยวนเท่านั้น

ในโลกของผู้ฝึกยุทธ การมีส่วนร่วมในวงการอสังหาริมทรัพย์ทําได้ยากกว่ามาก และฟางผิงก็ยังไม่มีคุณสมบัติ

การผลิตโทรศัพท์มือถือเป็นความฝันที่ห่างไกลมากขึ้นไปอีก ตอนนี้สมาร์ทโฟนเริ่มเข้าสู่ตลาดแล้วและคนอื่นก็เริ่มผลิตไปแล้ว ไม่มีทางที่ฟางผิงจะยุ่งเกี่ยวได้ในตอนนี้

เมื่อเทียบกันแล้ว ธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตง่ายกว่า และคุณสมบัติที่ใช้ก็ต่ำกว่าเช่นกัน

ส่วนข้อจํากัดของผู้ฝึกยุทธ ตอนนี้เขาอยู่เซี่ยงไฮ้ ความจริงที่ว่าบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธไม่สามารถก้าวเกินขอบเขตเมืองได้แทบไม่มีความสําคัญอีก

นอกจากนี้ฟางผิงมีสิทธิพิเศษของผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่มีข้อจํากัด ส่วนเรื่องที่มีแต่ผู้ที่สูงกว่าขั้นสี่ถึงข้ามขอบเขตมณฑลได้นั้น มันยังอยู่ไกลตัวฟางผิง

กระนั้นการทําธุรกิจบนอินเตอร์เน็ตจําเป็นต้องใช้ทักษะอยู่บ้าง ไม่ใช่ทุกคนที่ทําได้

ในแง่ซื้อของออนไลน์ แม้ว่าอาลีจะยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ที่จริงมันขยายอาณาเขตไปมากแล้ว ข่าวลือบอกว่าเหล่าหม่ามาถึงขั้นเจ็ดแล้วเช่นกัน

แม้ว่ามันจะเป็นไปได้ที่จะเข้าสู่วงการซื้อของออนไลน์ แต่มันยากที่จะขยายให้ใหญ่ขึ้น

แน่นอน เขาลองเช่นทางอื่นได้และขายเฉพาะสินค้าแบรนด์เนม อย่างวิปช็อป(Vipshop)

กระนั้น นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมนักสําหรับฟางผิง เพราะเขาไม่มีช่องทางวิป ช็อปมีช่องทางการขายที่ซับซ้อนมาก มันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะทําได้ในเวลาสั้นๆ

อย่างอื่นเช่น ธนาคารออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เกมออนไลน์ เชิร์ชเอนจิ้น เว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอ(video sharing sites)

อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมา มันยังไม่เหมาะกับฟางผิงตอนนี้

ที่จริงฟางผิงวางแผนธุรกิจในอนาคตมากมายไว้ในใจนานแล้ว เขาพิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนกลับมาเกิดใหม่

เมื่อเขานึกถึงผู้ประกอบการที่ยิ่งใหญ่หลังปี 2008 ฟางผิงก็ตระหนักว่ามีผู้ประกอบการน้อยมากที่เกิดหลังปี 2008 ในหมู่ผู้ประกอบการเหล่านั้นมีสองบริษัทที่โด่งดังคือแพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์

ไม่ว่าจะเป็น เอ้อเลอเมอ(Eleme) หรือ เหม่ยถวน(Meituan) ผู้ก่อตั้งทั้งสองต่างก็เริ่มธุรกิจหลังปี 2008

เมื่อพวกเขาเริ่มตอนแรก พวกเขาไม่มีอะไรเลย พวกเขาเริ่มจากศูนย์

ไม่กี่ปีต่อมา พวกเขาสะสมความมั่งคั่งมากมาย แน่นอนส่วนใหญ่เป็นคุณค่าทางวัตถุ

นอกจากบริการส่งอาหาร ยังมีแพลตฟอร์มอื่นอีกที่เฟื่องฟูหลังปี 2008 และแพลตฟอร์มนี้ไม่จําเป็นต้องมีความสามารถระดับสูงอีกเช่นกัน ดังนั้นมันจึงเริ่มได้ไม่ยาก และนั่นก็คือบริการส่งพัส

อันที่จริงบริการส่งพัสดุเกี่ยวข้องกับบริการจัดส่งอาหารอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้การเติบโตของบริการส่งพัสดุยังเกี่ยวข้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมซื้อของออนไลน์

ตอนนี้แม้ว่าคนของอาลีจะยังอยู่นิ่ง แต่ฟางผิงรู้ว่าแพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์ของอาลีจะทําให้เกิดกระแสในประเทศ

ฟางผิงไม่เคยคิดที่จะท้าทายพี่หม่าผู้ยิ่งใหญ่ เขากลัวถูกปรมาจารย์ซ้อมจนตายมากกว่า

กระนั้น เขารู้ดีว่าเขาใช้ประโยชน์จากกระแสนี้ได้และเดินตามรอยของยักษ์ใหญ่เหล่านี้

ในอนาคต นอกจากอสังหาริมทรัพย์และเจ้าพ่ออินเตอร์เน็ต คนจากอุตสาหกรรมส่งพัสดุมีโอกาสติดรายชื่อบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดเช่นกัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าคนที่ทําธุรกิจออนไลน์

ตอนนี้ บริษัทส่งพัสดุมากมายตั้งอยู่ในเซี่ยงไฮ้ แต่ส่วนใหญ่เน้นการส่งพัสดุธรรมดาและอาศัยการส่งของจํานวนมากเป็นหลัก

ไม่มีบริษัทไหนเลยที่โฟกัสกับตลาดออนไลน์

หลังวางแผนมาหลายเดือน ฟางผิงก็จํากัดตัวเลือกลงเหลือซื้อของออนไลน์กับแพลตฟอร์มอาหารและเครื่องดื่ม

สองธุรกิจนี้ไม่จําเป็นต้องแยกจากกันด้วยเช่นกัน มันส่งเสริมกันและกันได้

เขาสามารถดําเนินธุรกิจนี้แบบออนไลน์ เช่นเดียวกับแพลตฟอร์มส่งอาหารและไม่จําเป็นต้องขยายตัวเร็วเกินไป

เขาแค่เริ่มจากจัดตั้งจุดส่งของสักสองสามที่ จ้างพนักงานส่งของสักสองสามคน และเริ่มทําเว็บไซต์ส่งอาหารในท้องถิ่นอย่างเรียบง่าย

สิ่งเหล่านี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายมากเกินไป ฟางผิงยังมีทุนพออยู่

ถ้าเป็นไปได้ เขาสามารถไปคุยข้อตกลงส่งของกับสํานักงานอาลีสาขาเซี่ยงไฮ้ แต่ตอนนี้ข้อนี้ ถูกตัดออกไปก่อน

ตอนนี้ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ ตําแหน่งในสังคมยังไม่สูงพอ ถ้าเขาไปเจรจาข้อตกลง อีกฝ่ายอาจไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ เขาจะเข้าหาอีกฝ่ายได้โดยใช้ฐานะนักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ พวกเขาอาจไม่สนใจทําสัญญาบริษัทส่งของอื่นเพิ่มอีก

ตอนนี้บริษัทส่งของที่ทํางานกับอาลีมักจะเป็นฝายมีเปรียบ

(ผู้แปล : เผื่อใครงง อาลีบาบา แพลตฟอร์มซื้อขายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ใครนึกภาพไม่ออกก็ประมาณ Shopee lazada แต่ตามไทม์ไลน์ในเรื่อง แพลตฟอร์มซื้อขายยังไม่บูม)

ท้ายที่สุดแล้วการซื้อของออนไลน์ก็เป็นเพียงส่วนเล็กๆในตลาดของพวกเขา ดังนั้นบริษัทส่วนใหญ่จึงไม่ได้สนใจเรื่องอาลีนัก อย่างไรก็ตามสิ่งนี้กําลังจะเปลี่ยนแปลงในไม่ช้า

ฟางผิงต้องทําข้อตกลงกับอาลีก่อนคนอื่นจะหันมาสนใจเรื่องนี้ และกลายเป็นหุ้นส่วนสําคัญกับอาลีสาขาเซี่ยงไฮ้

….

ตอนนี้เขาตัดสินใจลงมือแล้ว ฟางผิงจึงไม่ลังเลอีก

วันที่สอง ฟางผิงยืมรถจากโรงแรม แทนที่จะยอมรับคนขับของโรงแรม เขาขับรถไปเองแทน

แม้ว่าเขาจะไม่มีใบขับขี่ แต่ฟางผิงไม่ได้กังวลนัก

เขาพูดกับหลี่เฉิงเจ๋อแล้วว่าไม่มีใบขับขี่ หลี่เฉิงเจ๋อจึงแนะนําให้เขาแสดงใบอนุญาตวิชายุทธแทนถ้าหากตํารวจเรียก

แม้ว่าใบอนุญาตวิชายุทธจะใช้แทนใบขับขี่ไม่ได้ แต่ตราบใดที่เขาไม่ประสบอุบัติเหตุ มันจะไม่มีปัญหา

แน่นอน ถ้าเกิดอะไรขึ้น ความผิดทั้งหมดจะตกอยู่บนบ่าของฟางผิง

กระนั้น นั่นก็เป็นหนึ่งในข้อดีของใบอนุญาตวิชายุทธ ในฐานะคนขับที่มีประสบการณ์ ฟางผิงย่อมไม่ปล่อยให้คนอื่นขับแทน

จุดหมายแรกของฟางผิงคือเมืองมหาวิทยาลัย

เมืองมหาวิทยาลัยเป็นหนึ่งในหกเขตของเซี่ยงไฮ้ และมันอยู่ใกล้กับมหาลัย ซึ่งหมายความว่า ฟางผิงจะสะดวกมากขึ้น

แม้ว่ามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้จะเป็นมหาลัยชั้นนําในเมืองมหาวิทยาลัย แต่นักศึกษามหาลัยวิชายุทธก็ยังเป็นประชากรส่วนน้อย คนส่วนใหญ่ยังเป็นนักศึกษาปกติ

พวกเขายังเป็นกลุ่มเป้าหมายของฟางผิงอีกด้วย

การส่งอาหารออนไลน์และการซื้อของออนไลน์เป็นสิ่งที่นักศึกษามหาลัยปรับตัวเข้าหาได้ง่าย ที่จริงพนักงานบริษัทและนักศึกษามหาลัยเป็นประชากรที่ยอมรับสิ่งใหม่ได้ง่ายที่สุด

นอกจากนี้การซื้อของออนไลน์ยังมีมานานหลายปีแล้ว ดังนั้นมันจึงไม่ใช่สิ่งใหม่

ในมหานครใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ นักศึกษาหลายคนได้เริ่มทําธุรกิจออนไลน์เป็นของตนเอง

ถ้าฟางผิงลองทําอะไรแบบนี้ในเมืองหยางเฉิง แผนเขาจะล่มก่อนเริ่มเสียอีก อย่างไรก็ตามในเซี่ยงไฮ้ นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ดีที่สุด

เมืองมหาวิทยาลัยมีมหาลัยทั้งหมด 64 มหาลัยซึ่งมีรูปร่างและขนาดต่างกันออกไป!

มีมหาลัยวิชายุทธเฉพาะทางอย่างมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ และมีมหาลัยที่มีคณะวิชายุทธอย่างมหาลัยครุศาสตร์หัวตงและมหาลัยโลจิสติกส์เซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ยังมีมหาลัยที่มุ่งเน้นสังคมศาสตร์อย่างเดียว

มหาลัยสังคมศาสตร์มีจํานวนนักศึกษามากที่สุด รวมทั้งสี่รุ่น มีสองหมื่นถึงสามหมื่นคน รวม อาจารย์ ครอบครัว พนักงาน มีคนถึงสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคนก็เป็นเรื่องปกติ

แม้แต่มหาลัยที่มีจํานวนน้อยกว่า อย่างมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ก็มีคนเกือบหมื่นคน

เนื่องจากมี 64 มหาลัยอยู่รวมกัน งั้นมันก็หมายความว่านักศึกษาและอาจารย์ทั้งหมดของมหาลัยรวมกันแล้วมีจํานวนเกือบสองล้านคน นั่นเกือบจะเท่ากับจํานวนประชากรทั้งหมดของนครระดับจังหวัด

นี่นับแค่มหาลัยเท่านั้น เนื่องจากการกระจุกตัวของมหาลัย อุตสาหกรรมอื่นๆจึงถูกสร้างขี้นด้วย บรรยากาศทางธุรกิจถูกพัฒนาขึ้นมาก

มีห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์ไม่มากนัก เพราะนักศึกษาไม่ใช่กลุ่มผู้บริโภคหลักของอุตสาหกรรมเหล่านี้

อย่างไรก็ตามร้านค้าปกติมีจนนับไม่หวาดไม่ไหว

จากสถิติแล้ว ทั้งเมืองมหาวิทยาลัยมีประชากรทั้งหมดมากกว่า 4.8 ล้านคน!

นั่นเป็นจํานวนประชากรสิบเท่าของเมืองหยางเฉิง!

เมืองมหาวิทยาลัยแห่งเดียวมีคนกว่าห้าล้านคน สําหรับฟางผิง นี่เป็นสถานที่เริ่มธุรกิ จที่ยอดเยี่ยมที่สุด

วันที่ 1 สิงหาคม ฟางผิงขับรถไปรอบๆเมืองมหาวิทยาลัย

เพราะงั้น เขาจึงมีความเข้าใจเบื้องต้นกับที่ตั้งของมหาลัย

ถ้าเขามองเมืองมหาวิทยาลัยโดยรวม มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้อยู่เหนือสุดติดกับทะเล เนื่องจากมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้กินพื้นที่ไป 30000 มู่ เขาจึงเห็นทะเลได้จากในวิทยาเขต แต่ตอนนี้ฟางผิงยังไม่ทราบเรื่องนี้

มีมหาลัยมากกว่าสิบแห่งรอบมหาลัยวิชายุทธเซียงไฮ้ แต่ส่วนใหญ่เป็นมหาลัยสังคมศาสตร์ มหาลัยวิชายุทธมักจะอยู่ห่างกันค่อนข้างมาก อาจเป็นเพราะพวกเขาขับไล่กันเอง

ในบรรดามหาลัยกว่าสิบแห่งนี้ นักศึกษา อาจารย์ และครอบครัวรวมกันแล้วมีมากกว่าสามแสนคน

พวกเขาอยู่รอบๆมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงทําให้ฟางผิงสะดวกยิ่งขึ้น

เนื่องจากเขามีงบจํากัด ฟางผิงจึงไม่ได้ตั้งเป้าไปที่มหาลัยทุกแห่งในครั้งเดียว เขาวางแผนเริ่มจากทางใต้ของเมืองมหาวิทยาลัยและค่อยๆกระจายอาณาเขตไป

“ฉันจะเช่าสํานักงานใหญ่หน่อยเพื่อเริ่มแพลตฟอร์มส่งอาหาร มันจะเป็นสํานักงานใหญ่ชั่วคราวของฉันด้วย”

“มหาลัยมากกว่าสิบแห่งกระจายกันอยู่ค่อนข้างไกล ถ้าฉันอยากครอบคลุมทั้งหมด ฉันต้องตั้งจุดส่งของอย่างน้อยห้าจุด แต่ละจุดครอบคลุมคําสั่งซื้อจาก 3 มหาลัย”

“ส่วนกําลังคน จุดขนส่งแต่ละจุดจะรับผิดชอบสามมหาลัย ดังนั้นฉันต้องจ้างพนักงานอย่างน้อยสิบคน”

” ออฟฟิศ 1 จุดส่งของ 5 พนักงานส่งของ 50.บางที่ฉันลดมันลงได้เล็กน้อย 50 คนจะมากเกินไปไหม?”

ฟางผิงคํานวณสิ่งที่เขาต้องทําต่อไปนี้ขณะยังอยู่ในรถ ขับหาตําแหน่งที่เหมาะสม

เซี่ยงไฮ้มีค่าครองชีพสูง ดังนั้นเงินเดือนเฉลี่ยจึงไม่ต่ํา

ในเมืองหยางเฉิง เขาจ้างคนได้ด้วยเงิน 800 หยวน

ในเซี่ยงไฮ้ แม้แต่ตอนนี้ มีคนไม่มากนักที่จะยอมรับตําแหน่งระดับต่ำที่มีเงินเดือนน้อยกว่า 3000 หยวน

ต่อให้เขายึดเงินเดือน 3000 หยวนเป็นหลัก นั่นก็หมายความว่า เงินเดือนพนักงานส่งของอย่างเดียวก็ต้องจ่ายไป 150,000 หยวนทุกเดือน

นั่นยังไม่รวมกําลังคนที่ต้องใช้บริการลูกค้า คอลเซ็นเตอร์ และช่างเทคนิคที่สร้างแพลตฟอร์ม จากนั้นเขาก็ต้องหาผู้รับผิดชอบดําเนินงาน และฝ่ายการตลาดเพื่อปูทางเข้าสู่ตลาด

ขั้นตอนแรกควรจะง่าย ดังนั้นเขาสามารถละทิ้งเรื่องการเงิน การบริหาร การผลิต การพัฒนาโลจิสติกส์และทรัพยากรมนุษย์ไว้ก่อน

กระนั้น เมื่อรวมทุกอย่าง ฟางผังรู้สึกว่าเขายังต้องการคนประมาณ 20 คนเพื่อเริ่มแพล็ตฟอร์

ย้อนกลับไป เอ้อเลอเมอเริ่มต้นได้ด้วยคนไม่กี่คน แต่อีกฝ่ายทดลองดําเนินงานในโรงเรียนเท่านั้น

นอกจากนี้ฟางผิงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้มากเกินไป เขาจึงต้องจ้างคนเพิ่มเพื่อให้เป็นตามที่เขาต้องการ

คน 20 คนนี้จําเป็นต้องมีเงินเดือนเฉลี่ย 5000 หยวนเป็นอย่างน้อย

นั่นหมายความว่าเงินเดือนอย่างเดียวก็มีค่าใช้จ่ายมากกว่า 250,000 หยวนต่อเดือน

อย่างไรก็ตามเงินเดือนไม่ใช่เรื่องที่เขากังวลหนักที่สุด ในบริษัทไอทีเต็มรูปแบบ เงินเดือนพนักงานมีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของบริษัท แต่ฟางผิงไม่ต้องการบริษัทไอทีเต็มรูปแบบ ในกรณีของเขา เงินเดือนควรสูงแค่ 40% ของรายจ่ายทั้งหมดเท่านั้น

พูดอีกนัยนึง เขาต้องจ่ายมากกว่า 600,000 หยวนต่อเดือน

ช่วงสตาร์ทอัพจะมีค่าใช้จ่ายมาก เพราะออฟฟิศเช่าไม่ค่อยมีจ่ายรายเดือน การชําระเงินตามรอบฤดูถือเป็นระยะสั้น และนั่นยังไม่รวมกับค่ามัดจํา

ตอนนี้เขามีเงินอยู่ 1.6 ล้าน แต่มันอาจอยู่ได้เดือนเดียว

ธุรกิจแบบนี้ทําเงินได้ไม่มากนักในช่วงแรก เพราะเขาต้องบุกตลาดก่อนมีคําสั่งซื้อ พู ดอีกนัยนึง ช่วงแรกเป็นการลงทุนโดยไม่หวังผล

“ฉันควรร่วมกับบริษัทส่งของและเป็นแฟรนไชส์ไหม?”

ฟางผิงพิจารณาดู ถ้าเขาเข้าร่วมแฟรนไชส์ เขาจะเข้าตลาดและเริ่มธุรกิจได้เร็ว

เขาจําเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแฟรนไชส์เพิ่มเติม แต่หลังจากนั้น เขาจะได้ทุนคืนเร็วมากเช่นกัน

กระนั้นถ้าเขาร่วมแฟรนไชส์ มันจะเป็นเรื่องยากที่เขาจะสร้างชื่อในตลาด ฟางผิงไม่ได้ตั้งใจจะทํางานให้คนอื่นไปตลอด

“ไม่ว่ายังไง ตอนนี้ฉันจะตัดสินใจหาทําเลและจ้างพนักงานก่อน โอ้ ฉันต้องหาคนที่ฉลาดพอ และจัดการเรื่องส่วนใหญ่ได้ตอนฉันไม่อยู่ด้วย”

เขาไม่ได้กังวลเรื่องตําแหน่งอื่นๆเลย เซี่ยงไฮ้ขาดอะไรก็ขาดได้ ยกเว้นกําลังคน

ไปที่ตลาดหางาน แล้วคุณจะพบคนมากเท่าที่คุณต้องการ

อย่างไรก็ตามเมื่อพูดถึงผู้จัดการทั่วไป มันต้องขึ้นอยู่กับโชค ถ้าเขาโชคไม่ดี ฟางผิงอาจหาได้แค่คนที่มีคุณสมบัติครึ่งนึ่งที่เขาต้องการ ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น เขาจะต้องใช้เวลาและความพยายามในการบริหารมากขึ้น

หลังกินเวลาไปทั้งวัน ฟางผิงก็เดินทางรอบทางใต้ของเมืองมหาวิทยาลัยไปสองสามรอบ

เขากําหนดจุดส่งของและออฟฟิศได้คร่าวๆ ที่เหลือก็คือเริ่มงานอย่างเป็นทางการ

“ฉันจะเตรียมการขั้นต้นให้เสร็จในหนึ่งเดือนและเริ่มโฆษณาตอนเปิดภาคเรียน ฉันต้องได้ทุนคืนให้เร็วที่สุด”

“ไม่รู้ว่า 1.6 ล้านจะพอไหม บางทีฉันอาจไปกู้เงินได้”

คืนนั้น เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ฟางผิงฝึกฝนตามปกติจนเสร็จและเริ่มร่างโฆษณารับคน

ขั้นแรกยากที่สุดเสมอ และฟางผิงก็ไม่คิดมากที่ต้องทํางานหนัก ความสําเร็จไม่ได้ได้มาง่ายๆ อยู่แล้ว

เขาไม่อยากลงเอยเหมือนเหล่าหวัง จู่โจมมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ วิ่งเต้นทําภารกิจไปทั่วประเทศเพื่อทรัพยากรหยิบมือเดียว

ฟางผิงไม่คิดมากถ้าต้องทําภารกิจ แต่การวิ่งเต้นไปทั่วประเทศเพื่อเงินแสนสองแสนหยวนเป็นการเสียเวลาเกินไป

แถมนี่ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น เมื่อพลังเขาสูงขึ้น เขาก็ต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น

พอถึงตอนนั้น การทําภารกิจเพียงอย่างเดียวจะพอหรือ? ไม่พอแน่นอน

สมัยนี้ มีปรมาจารย์คนไหนบ้างที่ไม่มีทรัพยากรสังคมมากมายเป็นของตัวเอง

ความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธไม่เพียงแต่จะขึ้นอยู่กับความสามารถเท่านั้น ทักษะอื่นที่เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน เช่นการหาเงิน…

ถ้าคุณหาเงินไม่ได้ คุณทํางานกับรัฐบาลได้ แต่รัฐบาลก็ไม่อยากจ้างคนที่มีแต่กล้ามเนื้อเช่นกัน

ผู้สําเร็จราชการมากมายทั่วประเทศต่างก็แข็งแกร่ง เรื่องนี้ถูกต้อง แต่พวกเขาเชี่ยวชาญด้านบริหารเช่นกัน

พวกเขาได้รับทรัพยากรก็เพราะพวกเขาบริหารมณฑลได้ดี ยกตัวอย่างจินเค่อหมิง ขาดความสามารถนี้ไป เขาจึงเกือบถูกไล่ออกจากตําแหน่ง

ผู้ฝึกยุทธต้องไม่เชี่ยวชาญวิชายุทธเพียงอย่างเดียว

ทุกคนต้องดื่มกิน มีหลังคาบังศีรษะโดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ!

ผู้ฝึกยุทธเติบโตแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขาพัฒนารอบด้าน

“เหล่าหวังอาจเข้ารับราชการในอนาคตใช่ไหม?”

ความคิดนี้ปรากฏในหัวฟางผิง เขาไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น เพราะงั้นเขาจึงเริ่มธุรกิจของตนเอง

การทํางานกับรัฐบาลมาพร้อมกับข้อจํากัดมากมาย มันไม่เหมาะกับคนอย่างเขา

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท