World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 113 สู้สองตายสอง! (2)

ตอนที่ 113 สู้สองตายสอง! (2)

ข้างเวทีถูกปกคลุมด้วยความเงียบ
ทั้งสองฝ่ายเหมือนประมือกันหลายกระบวนท่า อย่างไรก็ตามที่จริงแล้วพวกเขาเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการปะทะกันจึงกินเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที
การประลองระหว่างผู้ฝึกยุทธนั้นเรียบง่ายเช่นนี้แหละ
เฉินกั๋วหลงตายแล้ว!
ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดคนนี้พ่ายแพ้ให้กับหวังจินหยางเมื่อต้นปี ในเวลานั้นเขาแค่บาดเจ็บ แต่ก็ไม่ถึงกับชีวิต
แต่วันนี้ เขาเสียชีวิตให้กับคนที่เป็นรุ่นน้องของหวังจินหยาง หรือบางทีอาจเป็นศิษย์ของหวังจินหยาง
“มีคนตาย…”
สีหน้าของจ้าวเสวี่ยเหมยซีดเผือด เธอไม่คิดเลยว่าจะมีคนตายทันทีเมื่อเริ่มการประลอง!
มันเกินความคาดหมายของเธอโดยสิ้นเชิง!
หยางเสี่ยวม่านอยู่ข้างๆก็เริ่มหน้าซีด เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเช่นกัน มันยังเป็นการประลองกันอยู่ไหม?
ในกลุ่มคน สีหน้าของหลิวหย่งเหวินเปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไร
บนสนามประลอง ชีวิตและความตายถูกกำหนดโดยโชคชะตา เฉินกั๋วหลงควรเตรียมตัวรับสถานการณ์เช่นนี้กก่อนก้าวขึ้นเวที
“เป็นการต่อสู้ที่ไม่เลว”
หลู่เฟิ่งโหรวกล่าวอย่างเย็นชา “ขาดไหวพริบไปหน่อย แถมความแข็งแกร่งของนายก็ขาดไปเล็กน้อยเหมือนกัน ไม่งั้นแค่กระบวนท่าแรก นายก็หักแขนซ้ายคู่ต่อสู้ไปแล้ว จากนั้นด้วยกระบวนท่าที่สอง นายจะสังหารอีกฝ่ายได้!”   กลับกันอาจารย์ที่อยู่ข้างเธอมีสีหน้าไม่สู้ดี เขากัดฟันกรอด “ลงมือโหดเหี้ยมเกินไป!”
หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจคำพูดเขา อย่างไรก็ตามข้างๆ จางกั๋วหรูสูดหายใจลึกๆแล้วกล่าวอย่างใจเย็น “พูดเป็นเล่น!”
แม้ว่าทุกคนจะอยู่ฝั่งเดียวกัน แต่ก็อย่างที่เขาบอก ถ้าอยากฆ่าก็ต้องเตรียมตัวถูกฆ่าด้วย!
ความตายของเฉินกั๋วหลงก็แค่แสดงให้เห็นว่าเขาโชคไม่ดี ความสามารถไม่เพียงพอ
อาจารย์อีกคนพูดอย่างไม่พอใจ “มันเร็วเกินไป เป็นไปได้ยังไงที่เขาจะขัดเกลากระดูกเท้าจนเสร็จ มันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ!”
“นอกจากนี้ รองเท้าของฟางผิงเป็นรองเท้าอัลลอยคลาสอี สู้ด้วยมือเปล่าต้องเสียเปรียบอยู่แล้ว!”
“เฉินกั๋วหลงประมาท ตั้งแต่เริ่มประลอง เขาก็ได้แต่ตั้งรับ การสวนกลับก็อ่อนแอเช่นกัน เพราะเขาถูกหลอกล่อด้วยการแสร้งโจมตี”
“ถ้าเขาเสี่ยงและไม่ป้องกันการโจมตีด้านล่าง เขาอาจเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้ เขามีโอกาสพลิกกลับมาชนะ!”
“พูดอะไรตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว!”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียง มันเหมือนว่าอาจารย์คนนี้กำลังพูดเรื่องเฉินกั๋วหลง แต่ที่จริงแล้วเขากำลังอธิบายแต่ละฉากให้คนที่อยู่ด้านหลัง
ฟางผิงสังหารเฉินกั๋วหลงได้ทันทีไม่ใช่เพราะมีความสามารถเหนือกว่า
เหตุผลเบื้องต้นคือเขามีอาวุธที่ดีรวมถึงการโจมตีอย่างฉับพลัน เฉินกั๋วหลงไม่กล้าโจมตีฟางผิงก่อนเพราะเขาบาดเจ็บ…
ถ้าเขากล้าเสี่ยงและไม่สนใจการโจมตีด้านล่าง เฉินกั๋วหลงอาจสังหารฟางผิงได้ด้วยหมัดเดียว
…..
ข้างเวที สมาชิกชมรมวิถียุทธรีบขึ้นมาบนสนามประลองพร้อมกับแพทย์และนำเฉินกั๋วหลงลงจากเวที
อันที่จริงผู้ชมรู้ หมอแค่มาให้รู้ว่ามีเท่านั้นเอง
ฟางผิงถอนหายใจระบายลมออกมา ฟื้นปราณและเลือดและจิตใจกลับมาสู่จุดสูงสุด เขาหันไปหาผู้ชมข้างเวทีด้วยความรู้สึกไม่สบายใจหน่อยๆที่คั่งค้างในอก “ผมไม่ได้ตั้งใจฆ่าใคร ความสามารถผมมีจำกัด…”
“ฟางผิง ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้น!”
หลิวหย่งเหวินขัดจังหวะอย่างเย็นชา “บนสนามประลอง เราต้องรับผิดชอบชีวิตของตนเอง!”
“ไม่มีใครที่ไม่รู้หลักการนี้!”
“ถ้านายแข็งแกร่ง งั้นก็แก้แค้นซะ ถ้านายอ่อนแอ งั้นก็ยอมรับการสูญเสีย นีเป็นกฏของโม๋อู่เหมือนกัน!”
“ไม่มีใครบังคับให้เฉินกั๋วหลงขึ้นไปบนสนามประลอง มันเป็นการตัดสินใจของเขาเอง สามคนที่อยู่ข้างหลังก็เหมือนกัน ถ้ามีใครไม่อยากขึ้นเวทีประลองก็ถอนตัวได้!”
เมื่อถูกขัดจังหวะ ฟางผิงก็หยุดชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ผมว่าผมคงโวยวายไปเอง ถ้าแบบนั้นมาต่อกันเถอะ”
“นายไม่พัก?”
“ไม่จำเป็น ผมจองตั๋วรถไฟไว้ตอนบ่าย ผมจะเอาชนะทุกคนแล้วไปทำธุระของตัวเอง!”
ฟางผิงหันไปมองสามคนที่กำลังยืนอยู่ข้างเวทีแล้วยิ้มเหี้ยม “ใครเป็นคนต่อไป? รีบขึ้นมา!”
“มั่นใจเสียจริง!”
ผู้ประลองคนที่สองไม่เกรงกลัว เขากระโดดขึ้นเวทีและพูดน้ำเสียงเคร่งขรึม “สาขาศัสตราวุธ นักศึกษาปีสามจางกั๋วเวย!”
“เมื่อต้นปี หวังจินหยางเล่นงานฉันกระดูกอกหักครึ่ง แม้จะพักฟื้นไปหลายเดือนก็ยังไม่หายดี”   “อย่างที่นายรู้ ในมหาลัยวิชายุทธ การไม่ได้ฝึกฝนและไร้ความก้าวหน้าไปครึ่งปีก็หมายความว่าเส้นทางบนวิถียุทธของฉันถูกทำลายไปครึ่งนึง!”
“พวกเรามีพรสวรรค์จำกัดและไม่มีการสนับสนุนจากครอบครัวมากนัก พวกเราไม่มีพ่อแม่คอยหนุนหลัง”
“เมื่อไหร่ที่หยุดฝึกฝน มันก็หมายความว่าอนาคตมืดมัวในทันที!”
“ตอนแรกฉันมีหวังจบการศึกษาตอนขั้นสาม แต่ตอนนี้ฉันอาจติดอยู่ขั้นหนึ่ง…”
“ตอนนี้หวังจินหยางเป็นขั้นสามสูงสุดแล้ว แถมกำลังก้าวเข้าสู่ขั้นสี่ ฉันไม่มีหวังแก้แค้นเขา!”
“การต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกยุทธไม่เกี่ยวข้องกับคนธรรมดา พ่อแม่ของเขาเป็นคนธรรมดา และเขาไม่มีพี่น้อง”
“เนื่องจากนาย ฟางผิง นายได้รับการสั่งสอนมาจากเขา มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันจะมาแก้แค้นจากนาย”
“ไม่ว่านายจะฆ่าฉันหรือฉันฆ่านาย มันก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่น มันเป็นแค่การล้างแค้นเท่านั้น ฉันไม่มีญาติเป็นผู้ฝึกยุทธ ถ้าฉันตายไป ความแค้นทั้งหมดก็จะตายไปพร้อมกับฉัน!”
“เข้าใจแล้ว”
ฟางผิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “พูดแบบนี้ก็ง่ายเลย ผมไม่ต่างจากคุณเท่าไหร่ หวังจินหยางอาจไม่ทำอะไรให้ฉันเลย ต่อให้รุ่นพี่ฆ่าผม มันก็ไม่ควรมีปัญหามากเท่าไหร่”
นอกเวที โจวเหยียนรอให้ทั้งสองพูดกันจบก่อน จากนั้นเธอก็กล่าว “เริ่ม!”
เมื่อสิ้นคำพูด ทั้งสองฝ่ายก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน!
จางกั๋วเวยขัดเกลากระดูกขาเช่นกัน เขาหลบขาที่สะบัดมาเหมือนแส้ของฟางผิงอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้ขาหวดใส่แข้งซ้ายฟางผิง
ฟางผิงหลบอย่างเร่งรีบ จางกั๋วเวยยังคงเข้าประชิดตัว บังคับให้ฟางผิงไปทางมุมเวทีประลอง!
…..
ข้างเวที จ้าวเสวี่ยเหมยกังวลมาก เธอพูดขึ้นมาเบาๆ “เสี่ยวม่าน รอบนี้…รอบนี้จะมีคนตายอีกไหม?”
หยางเสี่ยวม่านถอนหายใจ สีหน้าของเธอซีดเผือด เธอพยักหน้าหงึกๆ “โอกาสแปดถึงเก้าส่วน”
ทั้งสองฝ่ายพูดขึ้นมาชัดเจนแล้วว่าจะสังหารกัน!
“ถ้าเป็นแบบนั้น…แล้วฟางผิงตอนนี้ เอ่อ…” ไอรีนโนเวล
“ฉันไม่รู้ ยังไงจางกั๋วเวยก็เป็นขั้นหนึ่งสูงสุด เขาเตรียมพร้อมและไม่ได้ดูถูกฟางผิงไว้ก่อนเหมือนกับคนที่แล้ว…”
ทั้งสองคุยกัน จากนั้นก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีกและก็เงียบไป
ในฐานะนักศึกษาปีหนึ่ง พวกเธอไม่ชินกับเหตุการณ์แบบนี้ จะให้พวกเธอทำตัวเงียบๆและไม่แยแสเหมือนคนอื่นๆ พวกเธอทำไม่ได้
…..
บนเวที
ฟางผิงหรี่ตา เขาเลิกสวนการโจมตี ด้วยความช่วยเหลือของท่ายืนจวงกง เขาก้าวถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ปราณและเลือดของผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งมีจำกัด การระเบิดพลังอยู่ได้ไม่นานนัก
จางกั๋วเวยออกกระบวนท่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่หลบหลีกของฟางผิงลดลงเรื่อยๆ
ปราณและเลือดของเขามีจำกัด แต่ฟางผิงก็เช่นกัน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากฟางผิงยังขัดเกลากระดูกไม่เสร็จ แขนขาข้างนึงก็ไม่เสร็จ ดังนั้นเมื่อเทียบกับอัตราการผลาญปราณและเลือด ฟางผิงย่อมอยู่ได้ไม่นานกว่าเขา  ห้าหกนาทีต่อมา สีหน้าของฟางผิงเริ่มไม่สู้ดี ท่าเท้าเหมือนจะอ่อนลงเล็กน้อย
จางกั๋วเวยไม่เสี่ยง เขายังลดพื้นที่หลบหลีกของฟางผิงอย่างต่อเนื่อง และไม่ให้โอกาสฟางผิงได้กินยา
ครู่ต่อมา สีหน้าของฟางผิงซีดลงเรื่อยๆ มือไม้เริ่มสั่นเทา Aileen-novel
ข้างเวที หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้วเล็กน้อย จางกั๋วหรูพูดเสียงเบา “ปราณและเลือดเขาถูกใช้ไปมากแล้ว”
“ฮึ่ม!”
หลู่เฟิ่งโหรวแค่นเสียง จางกั๋วเวยนิ่งมาก เขาไม่ปล่อยให้ฟางผิงมีเวลา ไม่งั้นฟางผิงอาจกินยาปราณและเลือดขั้นสองที่เธอให้ไว้ได้และระเบิดพลังได้อีกพักนึง
ในทางทฤษฏีแล้ว ปราณและเลือดของขั้นหนึ่งสูงสุดจะอยู่ได้นานกว่าฟางผิง
ฟางผิงขัดเกลาสามครั้ง ปราณและเลือดไม่ได้ต่ำ อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ฟางผิงเหมือนควบคุมตัวเองไม่เป็น ดังนั้นเขาจึงใช้ปราณและเลือดไปมากกว่าจางกั๋วเวย
เมื่อจางกั๋วหรูพูดจบประโยค ฟางผิงก็ตัวเซเล็กน้อย อาการเล็กน้อยมาก
อย่างไรก็ตามผู้ชมทุกคนมีสายตาที่ไม่ธรรมดา!
บนเวที จางกั๋วเวยก็สังเกตเห็นเช่นกัน เมื่อสบโอกาส เขาจึงถลันตัวไปข้างหน้า เตรียมกวาดเท้าเตะใส่ขาฟางผิงที่ปราณและเลือดกำลังหมดลงอย่างรุนแรง หลังโดนลูกเตะนี้เข้าไป มันจะเป็นเวลาตายของฟางผิง!
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาพุ่งตัวเข้าไป เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ!
ก่อนหน้านี้ฟางผิงมีสีหน้าซีดเซียว มือเท้าอ่อนเปรี้ย ฉันพลันนั้นใบหน้าเขาก็มีเลือดฝาด!
เท้าทะลวงที่แต่เดิมเบาหวิวและอ่อนแอพลันระเบิดปราณและเลือดที่แข็งแกร่งออกมา!
“ชิบ!”
จางกั๋วเวยไม่มีเวลาให้คิดด้วยซ้ำว่าจู่ๆฟางผิงจะมีปราณและเลือดเต็มเปี่ยมได้ยังไง
เวลานี้แม้แต่เขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งก็รู้สึกทนรับได้ไม่นานนัก เขาดูออกว่าฟางผิงใช้ปราณและเลือดมากกว่าเขา แม้ว่าฟางผิงจะกินยาปราณและเลือดตอนนี้ มันก็ยากที่จะออกฤทธิ์ทันที มันมีสิ่งที่เรียกว่าช่วงย่อยยา!
น่าเสียดายที่ฟางผิงไม่เปิดโอกาสให้เขาอีกต่อไป
จางกั๋วเวยกำลังตะโกน’ยอมแพ้’ อย่างไรก็ตามก่อนที่คำพูดเขาจะหลุดจากปาก เท้าของฟางผิงก็กระแทกเข้าใส่หัวใจเขาดัง’ปัง’
แม้ลูกเตะเขาจะเข้าเป้า แต่ฟางผิงไม่หยุด สองหมัดของเขากางออก กกใส่ขมับซ้ายขวาของจางกั๋วเวย!
เลือดไหลออกมาจากรูจมูกจางกั๋วเวย มุมปากรวมไปถึงหางตา แม้ว่าฟางผิงจะไม่ได้ขัดเกลาแขนขาโดยสมบูรณ์ แต่ความแข็งแกร่งของการขัดเกลาสามครั้งก็ไม่อาจมองข้ามได้
เนื่องจากกระโหลกไม่ได้ผ่านการขัดเกลา ศีรษะของผู้ฝึกยุทธจึงเป็นจุดอ่อน
ตึง…
แววตาของจางกั๋วเวยหม่นประกาย เขาล้มตัวนั่งลง ศีรษะล้มฟุบ
…..
ข้างเวที
สีหน้าของหลิวหย่งเหวินและผู้ชมเปลี่ยนไปมาก แม้แต่จางกั๋วหรูก็ขมวดคิ้ว กล่าวเสียงทุ้มต่ำ “เป็นไปได้ยังไง!”
เขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นห้าเห็นได้อย่างชัดเจนว่าปราณและเลือดของฟางผิงหมดลงแล้ว อย่างไรก็ตามฟางผิงระเบิดปราณและเลือดออกมาฉับพลันจนทำให้จางกั๋วเวยตาย!
สู้สองตายสอง มันเกินความคาดหมายของเขาโดยสิ้นเชิง  คนที่เหลือทั้งสองที่ไม่ได้สูญเสียจิตวิญญาณการต่อสู้หลังการตายของเฉินกั๋วหลงมีอาการหวาดกลัวอย่างเด่นชัด
…..
บนเวที ฟางผิงหลับตา เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หัวใจเต้นระรัวไม่หยุด
ในการประลองครั้งเดียว เขาสังหารไปสองคนแล้ว เวลานี้เขาไม่ได้สนใจว่าจะถูกหรือผิด ไม่ต้องพูดถึงว่ามันจะคุ้มหรือไม่ สิ่งเดียวที่ฟางผิงรู้ก็คือ ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอ!

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท