World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 134.2 ล้อมปราบ (2)

ตอนที่ 134.2 ล้อมปราบ (2)

  เวลาบ่าย 2.30 น.

  พวกฟางผิงออกมาจากโรงแรมและมุ่งตรงไปยังทางตะวันออกของหมู่บ้าน มันอยู่ใกล้กับท่าเรือ ซึ่งเป็นที่ที่สือเฟิงเช่าอยู่

  ในเซี่ยงไฮ้ หมูบ้านชานเมืองอย่างหมูบ้านสือชิงมีบ้านให้เช่ามากมาย หลายคนเป็นชนชั้นแรงงานจากที่อื่น เพื่อค่าเช่าถูกๆ พวกเขาไม่สนสิ่งแวดล้อม

  แถมการเช่าบ้านที่นี่ก็ง่ายอีกด้วย แค่จ่ายเงิน จ่ายค่ามัดจำ ไม่สำคัญว่าจะเซ็นสัญญาหรือไม่ ขอแค่จ่ายค่าเช่าให้ทันเวลาก็พอ

  ด้านตะวันออกของหมู่บ้านต่างจากต่างจากหน้าหมู่บ้าน สภาพแวดล้อมแย่กว่า

  หน้าหมู่บ้านเป็นหน้าร้าน ที่พักอาศัยล้วนเป็นอาคาร เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว มีบ้านเดี่ยวเล็กๆหลายหลัง บ้านที่ดูทรุดโทรมและเล็กมาก

  เวลานี้โจวสือผิงหายไปไหนไม่รู้แล้ว

  เมื่อพวกเขาทำภารกิจ โจวสือผิงจะไม่ติดตามพวกเขาตลอดเวลา เขาอาจซุ่มสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ หรืออาจไปห้องน้ำก็ได้ ความคิดของฟางผิงลอยละล่องขณะเดิน

  พวกเขาเดินตามป้ายเลขที่สักครู่ ไม่นานฟางผิงก็พูดเสียงต่ำ  หลังข้างหน้า! 

  ทุกคนหันมาสนใจบ้านซอมซ่อตรงหน้า สือเฟิงอาจไม่อยากติดต่อใคร บ้านจึงอยู่ไกลจากบ้านคนอื่นอยู่บ้าง

   โจวเยว่หง อู๋เค่อเผิง จางห่าว…พวกนายเฝ้าข้างนอกไว้ อย่าปล่อยให้คนเดินผ่านแถวนี้ 

   ถังซ่งถิง นายไปเคาะประตูดูว่ามีคนอยู่ในบ้านไหม… 

   ฉัน? 

  ถังซ่งถิงหน้าเปลี่ยนสี เขามั่นใจ แต่ถ้าเขาไปเคาะประตูคนเดียว เขาจะทำยังไงถ้าเขาถูกโจมตีล่ะ?

  ฟางผิงพูดอย่างใจเย็น  นายแข็งแกร่งกว่า เวลาครู่เดียวนายไม่ตายหรอก อีกอย่างอีกฝ่ายอาจไม่กล้าเปิดประตูด้วยซ้ำ 

   ไหนๆเราก็รับภารกิจมากันแล้ว เมื่อเรายืนยันว่ามีคนอยู่ เราจะร่วมมือกันจัดการอีกฝ่าย ไม่มีทางเลือกอื่น 

   เราจะคอยปกป้องอยู่ข้างๆ ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่เรารู้ว่ามีคนอยู่ข้างใน เราจะออกมาทันที! 

   แต่… 

   นายจะไปไหม? 

   ฉัน… 

  ถังซ่งถิงกัดฟันและพูดขึ้นมาอย่างเคร่งขรึม  ฉันจะไป ยังไงก็แบ่งหน้าที่กันแล้วหนิ ฉันจะไปดูว่ามีใครอยู่ข้างในไหม 

   ไป 

  ฟางผิงเมินอีกฝ่าย หลังเตรียมการเสร็จ เขาก็เข้าไปใกล้บ้านพร้อมกับจ้าวเสวี่ยเหมยกับพวก พวกเขานั่งยองๆรออยู่ทั้งสองข้าง

  คนอื่นๆตระเวนอยู่ด้านนอกป้องกันไม่ให้ใครเดินเข้ามา อันที่จริงแล้วช่วงกลางวันมีนักท่องเที่ยวแถวนี้ไม่มากเท่าไหร่

  ถังซ่งถิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก้าวเดินไปข้างหน้าและเตรียมตัวเตรียมใจ เขารักษาระยะห่างจากประตู ยื่นมือออกไปเคาะประตู

  ปัง ปัง ปัง!

   … 

   มีใครอยู่ไหม? 

   … 

  ความเงียบปกคลุมทั้งบ้าน ถังซ่งถิงเคาะประตูอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครตอบ

  ถังซ่งถิงหันหน้าไปข้างๆและชำเลืองมองฟางผิง ฟางผิงก็ส่งสัญญาณให้เขาทำต่อ

  ถังซ่งถิงได้แต่เคาะประตูต่อ  เปิดประตู เลิกทำเป็นไม่อยู่ได้แล้ว นายโยนขยะมาบ้านฉัน เลิกเสแสร้ง! มันต้องเป็นฝีมือนายแน่! 

  หลังพูดจบ ก็มีการเคลื่อนไหวบางอย่างจากในบ้าน ไม่นานก็มีคนตอบ  ฉันไม่เคยโยนขยะไป! 

  สีหน้าของถังซ่งถิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมองฟางผิงอีกครั้ง

  ฟางผิงส่งสัญญาณให้เคาะต่อ แม้ว่ามันจะเป็นบ้านในหมู่บ้าน แต่ประตูดันเป็นประตูเหล็ก ไม่ใช่ประตูไม้ จะให้ถีบประตูก็คงเสียงดังเกินไป

   เปิดประตูก่อน ฉันจะรู้ได้ไงว่านายโยนขยะรึเปล่า นายเป็นคนเดียวที่พึ่งย้ายมาที่นี่ ปกติไม่มีใครโยนขยะมาบ้านฉันมาก่อน… 

  มีเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากอีกด้านนึงของประตู แม้ว่ามันจะเบามากก็ตาม

  ฟางผิงแนบกำแพงฟังอยู่ชั่วครู่ สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป เขาคำรามเสียงทุ้ม  ถอยออกมา! 

  ถังซ่งถิงไม่ได้ชักช้า เขาก้าวถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว!

  ขณะที่เขาก้าวถอยหลัง ก็มีรูปรากฏบนประตูเหล็ก ใบมีดแหลมคมแทงใส่เขาจากอีกด้านนึง!

  ไม่นานประตูเหล็กก็เปิดออก เงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วและไม่มีเจตนาว่าจะหยุด เขามุ่งตรงไปยังชายฝั่งที่อยู่ไมไกล!

  เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาจะสู้

  ครั้งนี้ฟางผิงก็กระโดดออกมาเช่นกัน เขาเตะใส่ร่างเงาที่กำลังวิ่งหนี

  อีกฝ่ายไม่ยอมพัวพันด้วย เขาหยุดเล็กน้อย หลบลูกเตะของฟางผิง และวิ่งหนีต่อ

  ถังซ่งถิงที่ยังตกใจไม่หายก็กลับมามีสติอย่างรวดเร็ว เขาเริ่มไล่ตามอยู่ด้านหลัง

  จ้าวเสวี่ยเหมยและอีกสองคนออกจามากที่ซ่อนและเข้ามาล้อมกรอบสือเฟิง

   สือเฟิง อย่าหนีนะ! 

  ถังซ่งถิงคำรามมาจากด้านหลัง เขาเงื้อมมีดอัลลอยฟันฉับใส่หลังสือเฟิง

  สือเฟิงถูกฟางผิงหยุดไว้ เขาจึงอยู่ไม่ไกลจากถังซ่งถิง

  เมื่อสัมผัสถึงการเคลื่อนไหวด้านหลัง สือเฟิงก็หลบหลีกอีกครั้ง แต่เขาก็ยังวิ่งไปข้างหน้าต่อโดยไม่เข้ามาพัวพัน

  อีกด้านหนึ่ง ฟางผิงเหยียดขา กวาดเป็นแนวนอน ส่วนจ้าวเสวี่ยเหมยหยิบพลองยาวอัลลอยออกมา พลองยาวพุ่งตรงเข้าใส่กลางอกสือเฟิง!

  สือเฟิงถูกโจมตีทุกด้าน เขาหยุดนิ่งและเคลื่อนกายหลบการโจมตีไปข้างๆ

  เมื่อหลบการโจมตีจนอยู่ในระยะปลอดภัย ในที่สุดทุกคนก็เห็นใบหน้าของสือเฟิง เขาดูเหมือนกับในรูปภารกิจที่ทุกคนเห็น

  ทันทีที่สือเฟิงหยุดลง จ้าวเสวี่ยเหมยกับคนอื่นๆก็หยุดเช่นกัน ฟางผิงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงคำรามเสียงดัง  ดูอะไรกัน? ลงมือ!  Aileen-novel

  คราวนี้เนื่องจากทุกคนมั่นใจว่าเขาเป็นเป้าหมายแล้ว ทำไมถึงหยุดกันอีก?

  ทุกคนได้สติกลับมา และเข้ามาล้อมกรอบสือเฟิงอย่างรวดเร็ว!

  สือเฟิงพอเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆแล้ว เขาพึมพำ  นักศึกษามหาลัยวิชายุทธงั้นเหรอ? 

  เขาไม่ได้พูดเสียงดังเพื่อรอคำตอบจากพวกเขา หลังสังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่น สือเฟิงก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!

  ไม่ใช่คนจากกองทัพ ไม่ใช่คนจากกรมสืบสวน แต่พวกเขาเป็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ!

  หลังก้าวถอยหลังอีกสองสามก้าว สือเฟิงก็ไม่รอให้ใครตอบ เขาตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบแทน

  ในเวลานี้พวกจ้าวชิงก็เข้ามาล้อมเขาอย่างรวดเร็วเช่นกัน

   กลุ่มคนงั้นเหรอ… 

  อย่างไรก็ตามหลังเห็นคนกลุ่มนี้ สือเฟิงก็รู้สึกไม่เร่งรีบเหมือนตอนแรกแล้ว

  นักศึกษามหาลัยวิชายุทธ ปกติแล้วยอดยุทธจะเป็นหมาป่าเดียวดาย

  เป็นกลุ่มคนมาล้อมสังหารเขาก็หมายความว่าพวกเขาอ่อนแอกว่า

  สองสามคนที่โจมตีใส่เขาเมื่อกี้ก็มีปฏิกิริยาช้าเช่นกัน สือเฟิงโล่งอกเล็กน้อย

  เขากวาดสายตามองรอบตัว สือเฟิงรีบเน้นความสนใจที่จ้าวเสวี่ยเหมย ทิศทางที่จ้าวเสวี่ยเหมยกำลังยืนอยู่ใกล้กับชายทะเล

  แม้ว่ากลุ่มนี้จะอ่อนแอกว่า แต่สือเฟิงก็ไม่มีเจตนาสู้พัวพันกับอีกฝ่าย เมื่อเขาถูกเจอตัว หนีไปดีกว่าติดสู้พัวพัน ไม่งั้นจะมีใครมาอีกไหมก็พูดยากแล้ว

  ในฐานะผู้ฝึกยุทธขั้นสอง เขารู้สึกว่าคนพวกนี้ล้วนเป็นขั้นหนึ่ง มันไม่สอดคล้องกับรูปแบบปกติของกองทัพและมหาลัยวิชายุทธเลย

  แม้ว่าความคิดเหล่านี้จะแวบเข้ามาในหัว แต่การกระทำของเขาก็ไม่ได้ชักช้า

  สือเฟิงมุ่งตรงเข้าใส่จ้าวเสวี่ยเหมยโดยไม่สนใจคนที่เหลือ

  เมื่อจ้าวเสวี่ยเหมยเห็นการเคลื่อนไหวนี้ เธอก็กวาดไม้พลองเป็นแนวนอน เล็งที่ศีรษะของสือเฟิง

  สือเฟิงขยับศีรษะเล็กน้อย บิดตัว ยื่นฝ่ามือทั้งสองข้างคว้าจับไม้พลองของจ้าวเสวี่ยเหมยดังหมับ!

  ฟางผิงพึ่งตามมาทัน หลังเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น นัยน์ตาดำเขาก็หดตัว  ถอย! 

  จ้าวเสวี่ยเหมยไม่เข้าใจว่าทำไม แต่เธอก็กระชากไม้พลองและถอยกลับอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลอีก

  สือเฟิงไม่ยอมพัวพันด้วย หลังจ้าวเสวี่ยเหมยล่าถอย ก็ไม่มีผู้ใดขัดขวางอยู่ตรงหน้าอีก เขาสาวเท้าก้าวใหญ่วิ่งหนีต่อ

  ฟางผิงที่อยู่ข้างๆชะลอฝีเท้าลง อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นถังซ่งถิงไล่ตามสือเฟิงอีกครั้ง เขาก็กัดฟันตะโกน  เขาเป็นขั้นสอง ขัดเกลากระดูกมือแล้ว! 

  ทุกคนตื่นตกใจ!

  เมื่อกี้นี้ไม่มีใครมีเวลาพอตอบสนอง พวกเขาจำได้ว่าในรายละเอียด สือเฟิงขัดเกลากระดูกขา

  แต่เมื่อกี้ เมื่อจ้าวเสวี่ยเหมยวาดไม้พลองใส่เต็มกำลัง อีกฝ่ายคว้าจับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่ขัดเกลากระดูกขาจะทำได้!

   หืม? 

  สือเฟิงที่กำลังหลบหนีรู้สึกตกใจแทน พวกเขาไม่รู้งั้นเหรอว่าฉันเป็นขั้นสอง? พวกเขาไม่ใช่นักศึกษาจากมหาลัยวิชายุทธงั้นเหรอ?

  นั่นเป็นสิ่งที่เขาคิด แต่ฝีเท้าเขาไม่ได้ช้าลงเลย

  ถังซ่งถิงตะโกน  ขั้นสองชั้นต้น ถ้าล้มเหลวเราจะถูกหักคะแนน อย่าปล่อยให้มันหนีไป! 

  เมื่อคนอื่นๆได้ยินที่เขาพูด พวกเขาก็เข้าไปโอบล้อมโดยสัญชาตญาณ

  แม้ว่าฟางผิงจะอยากหยุดไล่ แต่หลังจากเห็นคนอื่นยืนกรานจะสู้ให้ถึงที่สุด เขาก็ไม่อาจอยู่เฉยได้

  ตอนแรกสือเฟิงอยากหนีต่อ แต่ฝีเท้าเขาก็ชะงักอย่างฉับพลันพร้อมกับสีหน้าหวาดผวา

   จงสังหารให้เต็มที่! 

  น้ำเสียงเบาบางแทบไม่ได้ยินดังขึ้นมาข้างหู สือเฟิงหยุดวิ่งทันที เขาหันไปมองข้างๆแล้วเห็นพวกถังซ่งถิงที่กำลังใกล้เข้ามา!

   พวกมันทำเหมือนฉันเป็นคู่มือเก็บประสบการณ์งั้นเหรอ? 

  สือเฟิงไม่ใช่คนโง่ เขาเข้าใจอย่างรวดเร็ว สายตาเขาแวววาวอยู่วูบนึง

  มียอดยุทธอยู่ตรงหน้า เขาไม่มีทางหนีพ้น!

  ครั้งนี้เขาตายแน่นอน!

  ในขณะเดียวกันฟางผิงก็สัมผัสถึงพลังงานวูบนึงที่มาจากปราณและเลือดอันแข็งแกร่ง เขาสบถ  เชี่ย! 

  ตอนนี้เขาเข้าใจทันที!

  มันต้องเป็นฝีมือโจวสือผิงแน่!

  เขากำลังบังคับให้สือเฟิงต่อสู้กับพวกเขา!

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท