World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 142.2 เราต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (2)

ตอนที่ 142.2 เราต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง (2)

  เมื่อเขาจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จ ฟางผิงก็ดูค่าสถานะอีกครั้ง

  ทรัพย์สิน : 15,180,000

  ปราณและเลือด : 299แคล (308แคล)

  จิตใจ : 256เฮิรตซ์ (269เฮิรตซ์)

  ขัดเกลากระดูก : 55 ชิ้น (90%) 1 ชิ้น (45%) 150 ชิ้น (30%)

   ฉันเหลือกระดูกขาอีก 7 ชิ้นถึงจะขัดเกลาครบ มันต้องใช้ค่าทรัพย์สิน 4.05 ล้านแต้ม 

   ฉันกลัวว่าร่างกายจะรับไม่ไหว ถ้าเป็นแบบนี้ ฉันควรซื้อน้ำยาเสริมสร้างร่างกาย ฉันจะซื้อด้วยเงินสด 

  ฟางผิงคิดคำนวณ ถ้าร่างกายเขาทนไหว เขาจะไปถึงขั้นหนึ่งสูงสุดก่อน

  ถ้าร่างกายเขาทนไม่ไหว เขาก็จะซื้อน้ำยาเสริมสร้างร่างกายแล้วเพิ่มอัตราการขัดเกลากระดูก

  ฟางผิงไม่ลังเล เขาเลือกเพิ่มจำนวนขัดเกลากระดูกทันที

  ไม่นาน กระดูกเขาก็เริ่มเหน็บชาอีกครั้ง

  ครึ่งชั่วโมงผ่านมา…

  ฟู่ว…

  ฟางผิงรู้สึกเหมือนร่างกายเต้นตุบๆเล็กน้อย จากนั้นอาการชาก่อนหน้านี้ก็หายไป

  ปัจจุบัน ค่าสถานะขัดเกลากระดูกก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

  ทรัพย์สิน : 12,930,000

  ปราณและเลือด : 297แคล (312แคล)

  จิตใจ : 250เฮิรตซ์ (269เฮิรตซ์)

  ขัดเกลากระดูก : 59 ชิ้น (90%) 147 ชิ้น (30%)

   ร่างกายฉันมาถึงขีดจำกัดแล้ว ฉันต้องซื้อน้ำยาเสริมสร้างร่างกายหรือยาที่คล้ายๆกันเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนังและเส้นลมปราณ 

  ฟางผิงยังมีกระดูกเหลืออีก 3 ชิ้นถึงขัดเกลากระดูกขาครบ

  ตอนนี้เป็นเวลาเพียงสามเดือนเท่านั้นหลังเขาเข้ามหาลัย!

   ต้องใช้เงินเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของจริง… 

  ฟางผิงคำนวณตัวเลขอีกครั้ง เขาต้องซื้อน้ำยาเสริมสร้างร่างกาย เขาซื้ออาวุธไปแล้ว ดังนั้นที่เหลือก็คือฝึกวิชาต่อสู้จำพวกวิชาดาบกับวิชาพลองไว้บ้าง

  ดาบฟ่งจุ่ยแยกส่วนได้ ใช้ต่างพลองได้ หรือจะใช้เป็นดาบก็ได้เหมือนกัน

   ฉันควรฝึกวิชาหมัดมวยด้วยเหมือนกัน 

   ผลของวิชาต่อสู้พื้นฐานมาถึงขีดจำกัดแล้ว… 

  …

  วันรุ่งขึ้น เข้าสู่เดือนธันวาคม

  ฟางผิงเข้าคลาสใหญ่อีกครั้งและรู้สึกเหมือนตัวเองตกอยู่ในห้วงความฝัน

  เดือนก่อน พวกเขาไม่ได้เข้าเรียนวัฒนธรรมศึกษาเลย ทางมหาลัยก็ไม่ได้จัดคลาสเรียนใหม่ให้พวกเขา พวกเขาต้องพึ่งพาตัวเองร่ำเรียนเองตามเพื่อนให้ทัน

  เมื่อพวกฟางผิงเข้ามา สายตาของคนอื่นที่จับจ้องมองมาก็ซับซ้อนยิ่งขึ้น

  ข่าวการเสียชีวิตของลู่คุนเฉียงเนื่องจากคลาสฝึกพิเศษก็เป็นที่รู้กันในชั้นเรียน

  มีผู้ฝึกยุทธไม่กี่คนที่เข้าคลาสฝึกพิเศษไม่ได้ พวกเขาไม่รู้ว่าควรมีความสุขที่เข้าคลาสฝึกพิเศษไม่ได้หรือผิดหวังดีเพราะช่องว่างมีแต่จะเพิ่มขึ้น

  ในความเป็นจริง เรื่องนี้มันเด่นชัดมากอยู่แล้ว

  เวลานี้ นักศึกษาคลาสฝึกพิเศษขัดเกลากระดูกแขนขาเกือบเสร็จแล้วส่วนนึง ต่อให้มีไม่กี่คน แต่ไม่นานก็คงเพิ่มขึ้น

  ส่วนคนอื่นที่อยู่ในชั้นเรียน มีไม่กี่คนที่ยังไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธ ต่อให้เป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว จำนวนขัดเกลากระดูกองพวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังเป็นแค่เลขหลักเดียว

  ความแตกชั้นของพวกเขากับคลาสฝึกพิเศษไม่ได้อยู่ที่จำนวนขัดเกลากระดูกเท่านั้น

  ยังมีความคุ้นเคยกับวิชายุทธ ประสบการณ์ต่อสู้ และปริมาณเลือดที่พวกเขาเห็น

  ต่อให้ปราณและเลือดกับจำนวนขัดเกลากระดูกของทุกคนจะเท่ากัน แต่นักศึกษาคลาสฝึกพิเศษก็จะชนะอยู่ดี

  ฟางผิงพึ่งนั่งลง เขาก็ได้ยินคนอื่นที่อยู่ข้างๆคุยกัน  จะมีการปฏิรูปขึ้น! 

   มันจะเป็นข่าวปลอมได้ยังไง? พวกเขากำลังปฏิรูปจริงๆ ตอนนี้พวกเขาขอความเห็นจากทุกฝ่ายแล้ว มันจะถูกประกาศใช้ในปี 09 

   มันไม่เกี่ยวกับเราไม่ใช่ไง? ต่อให้พวกเขากำหนดความยากของอันดับขึ้นใหม่ อันดับเราก็ยังเป็นเหมือนเดิม มีแต่พวกผู้ฝึกยุทธที่มีดีแค่ปราณและเลือดเท่านั้นแหละที่มีปัญหา 

   มีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นนอกเหนือจากนั้นอีก! 

  นักศึกษาคนนั้นพูดอย่างมีเลศนัย  ฉันได้ยินมาว่ารัฐบาลมีแผนส่งเสริมผู้ฝึกยุทธ! 

   ภายหลัง รัฐบาลจะจัดงานประลองยุทธ งานประลองแลกเปลี่ยนและงานประลองระดับประเทศ ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับวิชายุทธ 

   งานประลองของผู้ฝึกยุทธปกติจะถูกซ่อนไว้ รายการแบบนี้มีฉายบนอินเตอร์เน็ตเหมือนกัน 

   แต่ฉันได้ยินว่าภายหลัง งานประลองจะถูกถ่ายทอดสด มันไม่ใช่บนอินเตอร์เน็ต แต่จะถูกถ่ายทอดสดผ่านช่องข่าวใหญ่ๆ 

   บางคนถึงกับ…ถึงกับแนะนำว่า การประลองชี้เป็นชี้ตายเอามาออกอากาศได้ เพื่อให้คนธรรมดาเห็นฉากนองเลือด! 

   ไม่หรอกมั้ง? 

  บางคนก็รู้สึกไม่เหมาะสมและไม่เห็นด้วย  มันไม่เหมาะสม คนส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ก็เหมือนกับครอบครัวของเรา ถ้าครอบครัวเราดูรายการพวกนี้ พวกเขาก็คงห่วงเราและหวาดกลัวไม่ปล่อยให้ลูกหลานฝึกวิชายุทธ… 

   พวกเขายังหารือกันอยู่ แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่สำคัญ ยังไงเราก็ต้องฝึกยุทธอยู่ดี 

   … 

  ขณะที่ทุกคนคุยกันอย่างเข้มข้น สีหน้าของพวกฟางผิงก็ยังเรียบเฉย แน่นอนหัวใจของพวกเขายังสั่นไหวอยู่บ้าง

  รัฐบาลลงมือแล้ว!

  นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงใช่ไหม?

  หรือมันเป็นแค่การทำตามกระแสและเตรียมปล่อยให้คนธรรมดาค่อยๆรับรู้ถึงฉากนองเลือดที่แท้จริงของยุทธจักร?

  อินเตอร์เน็ตก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ข่าวบางอย่างก็แพร่กระจายไปเร็วมาก

  แทนที่จะปล่อยให้ลัทธิสร้างปัญหา รัฐบาลอาจต้องการเปิดเผยความจริงอย่างช้าๆแทน

  แน่นอน ปัจจุบันมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น

  พวกเขาจะค่อยๆปล่อยให้คนธรรมดายอมรับเรื่องทั้งหมดนี้และปล่อยให้คนธรรมดาเข้าใจว่าผู้ฝึกยุทธไม่ได้สบายอย่างที่พวกเขาคิด ผู้ฝึกยุทธต้องต่อสู้และยังตายได้ พวกเขาต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อความก้าวหน้า

  นอกจากนี้ การออกอากาศงานประลองต่างๆอย่างเป็นทางการผ่านโทรทัศน์ยังทำให้ผู้ฝึกยุทธได้ชื่อเสียงและทำให้ยอดยุทธเป็นที่รู้จัก มันยังเป็นการกระตุ้นให้คนธรรมดามุ่งสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธด้วยเช่นกัน

  ฟางผิงไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ดีหรือไม่

  เขาไม่รู้อีกเช่นกันว่ามันจะได้ผลจริงไหม

  อย่างไรก็ตามมันก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง มันจะช่วยให้ผู้ฝึกยุทธบางส่วนระบายความคับข้องใจที่มีอยู่เต็มอก

  ผู้ฝึกยุทธมากมายเสียชีวิตไปโดยไม่มีข่าวคราว บอกว่าพวกเขาเสียชีวิตเพื่อมนุษยชาติก็ไม่ได้เกินจริงเลย

  อย่างไรก็ตามพวกเขาเสียชีวิตไปโดยไม่ออกข่าว ไม่ว่าความตายของพวกเขาจะคุ้มค่าหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ การปล่อยให้คนธรรมดารู้เรื่องพวกเขามากขึ้นก็แปลว่าพวกเขาจะกระจายข่าวเกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธเหล่านี้ได้ ต่อให้คนธรรมดาจะนึกถึงพวกเขาแค่เสี้ยววิ มันก็ยังคุ้มกว่าการตายไปอย่างเงียบๆ

  ยิ่งกว่านั้นการจัดงานประลองยังอาจทำให้ผู้ฝึกยุทธที่มีดีแต่ปราณและเลือดมุ่งสู่การเป็นผู้ฝึกยุทธที่แท้จริง

  ผู้ฝึกยุทธสายปราณและเลือดกับผู้ฝึกยุทธสายต่อสู้แตกต่างกันแค่การฝึกฝนวิชาต่อสู้เท่านั้น

  ถ้าคนเหล่านี้อยากเปลี่ยนตัวเอง ที่จริงแล้วมันง่ายมาก

   ด้วยวิธีนี้ ผู้ฝึกยุทธขั้นสามและต่ำกว่าจะมีโอกาสสร้างชื่อเช่นกัน 

  ในห้องเรียน มีคนพูดเรื่องนี้ขึ้นมาและกระตุ้นอารมณ์บางอย่างในใจให้ลุกโชน

  ก่อนหน้านี้ มีเพียงยอดยุทธและปรมาจารย์เท่านั้นที่มีชื่อเสียง

  จะมีสักกี่คนเชียวที่รู้จักผู้ฝึกยุทธที่ต่ำกว่าขั้นสาม?

  แต่งานประลองต่างๆกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว มันต้องมีงานประลองยุทธสำหรับผู้ฝึกยุทธที่ต่ำกว่าขั้นสามแน่นอน และนี่แหละจะเป็นโอกาสให้พวกเขาสร้างชื่อ

   พวกนายพูดอะไรกัน จะมีการจัดอันดับอย่างอันดับปรมาจารย์ที่จัดอันดับของผู้ฝึกยุทธที่ต่ำกว่าขั้นสามที่เชื่อถือได้งั้นเหรอ? 

   มีโอกาสเป็นไปได้สูงมาก! 

   … 

  อันดับของผู้ฝึกยุทธต่ำกว่าขั้นสามทุกวันนี้จัดทำโดยไม่กี่องค์กร มันมีไว้เพื่อความบันเทิงเท่านั้นเพราะกองทัพครอบครองไปส่วนหนึ่ง มันไม่ได้เปิดเผยสู่สาธารณะ มีแต่คนในเท่านั้นที่รู้เรื่อง

  แต่ในอนาคต บางทีอาจมีอันดับผู้ฝึกยุทธต่ำกว่าขั้นสามอย่างเป็นทางการออกมาก็ได้

  ความคิดของฟางผิงล่องลอยไปไกล เขาก็ไม่มั่นใจว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท