แผนกโลจิสติกส์
ฟางผิงไม่ได้รีบร้อน หลังไปรับคะแนน เขาก็ไปที่สำนักงานแลกเปลี่ยน
สำนักงานแลกเปลี่ยนเป็นเหมือนปกติ คนที่อยู่ที่สำนักงานก็เป็นอาจารย์หลี่คนเดิม ลูกค้าใหญ่มา รอบนี้เธอหาคะแนนได้มาเยอะเลยใช่มั้ย?
ในหมู่นักศึกษาใหม่ ฟางผิงเป็นลูกค้ารายใหญ่
ตอนนี้เขาใช้คะแนนไปมากกว่า 200 คะแนนแล้ว แถมคะแนนเขาก็พึ่งเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
เมื่อนับรวมทั้งหมด ฟางผิงที่เป็นนักศึกษาใหม่ได้คะแนนมาแล้วกว่า 400 คะแนนก่อนจบเทอมแรก!
อิงจากอัตราแลกเปลี่ยนกับเงินสด มันก็แปลว่าฟางผิงทำเงินมากว่า 12 ล้าน ซึ่งสูงมากสำหรับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง
นี่แหละอำนาจของมหาลัยวิชายุทธ!
แต่พูดให้ถูกคือ เป็นอำนาจของโม๋อู่มากกว่า
ถ้าเขาไม่ได้อยู่โม๋อู่ ฟางผิงก็มีโอกาสทำภารกิจแบบนี้เหมือนกัน แต่ต่อให้เขาทำภารกิจเดียวกันในมหาลัยวิชายุทธอื่น เขาก็จะได้คะแนนน้อยกว่ามาก
ฟางผิงฉีกยิ้ม อาจารย์หลี่ ผมมาบ่อยขนาดนี้ มหาลัยไม่ให้ส่วนลดผมหน่อยเหรอ?
เธอคิดว่าที่นี่เป็นตลาดสดเหรอ?
อาจารย์หลี่หัวเราะ เขามองฟางผิงขึ้นๆลงๆก่อนจะพยักหน้าเบาๆ เธอพัฒนาเร็วมาก คราวนี้เธออยากแลกเปลี่ยนอะไร?
อาจารย์ ผมอยากแลกอาวุธที่เหมาะกับผม
ฟางผิงคิดเล็กน้อย ปราณและเลือดผมสูงมาก และมันมีแต่จะสูงขึ้น มันจะสูงกว่าขั้นเดียวกันอย่างมาก อาจารย์มีอะไรแนะนำผมไหม?
แม้ฟางผิงจะไม่รู้แน่ชัดว่าอาจารย์ที่อยู่ตรงหน้าเขาอยู่ขั้นไหน แต่ในฐานะผู้รับผิดชอบสำนักงานแลกเปลี่ยนของแผนกโลจิสติกส์ เขาไม่อาจอ่อนแอ
เฒ่าหลี่ยิ้ม ทำไมเธอไม่ไปถามอาจารย์เธอล่ะ? แต่หลู่เฟิ่งโหรวคงพร่ำสอนลูกศิษย์ให้ใช้ยา ใช้ยา ใช้ยาอย่างเดียว
เธอคงไม่มีคำแนะนำดีๆแน่!
แค่ก แค่ก แค่ก…
ฟางผิงไอแห้ง ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
กระนั้นที่อาจารย์พูดมา…เหมือนจะไม่ผิดเท่าไหร่
หลู่เฟิ่งโหรวมีทัศนคติแบบนี้จริงๆ หลังได้คะแนนเพิ่ม แลกเปลี่ยนเม็ดยาเพิ่ม ใช้ยาเพิ่ม และเพิ่มพื้นฐานการฝึกฝน พวกเขาถึงจะพูดถึงเรื่องอื่น
มันไม่ใช่วิธีที่ไม่ดี เพราะพื้นฐานการฝึกฝนเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของผู้ฝึกยุทธต่ำกว่าขั้นสาม
เฒ่าหลี่พูดติดตลกและคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะถามขึ้นมา เธอเชี่ยวชาญวิชาอาวุธไหนเป็นพิเศษไหม?
ไม่ครับ
ฟางผิงส่ายหน้า เขาฝึกใช้อาวุธมาหลายชนิด แต่มันเป็นแค่วิชาพื้นฐาน เขายังไม่ได้เรียนวิชาต่อสู้เฉพาะทาง
หลังคิดอยู่ครู่นึง ฟางผิงก็ถามอีกครั้ง ผมอยากได้อาวุธที่แข็งแกร่งกว่าและพกไปไหนสะดวก
มันขึ้นอยู่กับว่าเธอใช้อาวุธยังไง อาวุธแข็งแกร่งทุกชนิด
เฒ่าหลี่ยิ้ม ที่จริงสำหรับมือใหม่ ดาบยังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
มีอาวุธที่ต่างกันอยู่สิบแปดชนิด มีดาบ หอก กระบี่ ง้าว ขวาน ขวานศึก ตะขอ ง่าม…
ดาบอยู่อันดับหนึ่ง และไม่ใช่เพราะมันใช้ง่ายที่สุด
แน่นอน อาจารย์รู้ว่าเธอจะสื่ออะไร ดาบไม่แข็งแกร่งพอสินะ นี่เป็นเพราะเธอยังไม่ได้ฝึกฝนวิชาดาบ แถมเพราะดาบมีหลายประเภทด้วย
เฒ่าหลี่หยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ ในบรรดาดาบประเภทต่างๆ มีสองชนิดที่เหมาะกับเธอ หนึ่งคือดาบพิชิตอาชา(จ้านหม่าเตา)ของราชวงศ์ฮั่น เป็นดาบที่ฟันม้าได้ เธอน่าจะเข้าใจนะ ทหารม้ามีแรงกระแทกที่รุนแรงมาก
ดาบที่ฟันม้าได้ พลังของดาบพิชิตอาชาย่อมเป็นที่ชัดเจน
อีกประเภทนึงคือดาบหัวแหวน(หวนโส่วเตา) ต้นกำเนิดของดาบหัวแหวนต้องย้อนกลับไปไกล มันมาจากราชวงศ์ซางและราชวงศ์โจว ดาบใหญ่ในบรรดาดาบถังที่รู้จักกันในสมัยนี้ที่จริงก็ถูกออกแบบโดยอิงมาจากดาบหัวแหวน…
ผมควรใช้ดาบต่อไหม?
ฟางผิงครุ่นคิดและรู้สึกว่ามันเป็นไปได้เช่นกัน เขาใช้ดาบมาตลอด และมันก็สะดวกไม่เบา
อาจารย์ มีตัวอย่างให้ผมดูไหม?
มีสิ
เฒ่าหลี่ยิ้มและสั่งให้คนไปเอาดาบมาจากห้องเก็บของ
ไม่นาน พนักงานก็กลับมาพร้อมกับดาบสองสามเล่มในมือ
เฒ่าหลี่ชี้ไปที่ดาบเล่มนึง นี่คือดาบพิชิตอาชา แต่การออกแบบไม่เหมือนกับดาบโบราณ ดาบกระบี่สมัยนี้ต่างก็ถูกปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับเรามากขึ้น
ดาบพิชิตอาชาเล่มนี้มีใบมีดยาว 1 เมตรและด้ามยาวอีก 40 เซนติเมตร ความยาวรวม 1.4 เมตร ใบมีดส่วนที่กว้างที่สุดคือ 8 เซนติเมตร…
ฟางผิงชำเลืองมองก่อนจะหันไปมองดาบเล่มอื่น มันดูเหมือนกันหมดเลย…
เฒ่าหลี่ยิ้ม ปกติ ไม่ว่าจะเป็นดาบฮั่น ดาบถัง หรือดาบที่วิวัฒนาการมาจากราชวงศ์อื่น มันก็ล้วนถูกสร้างขึ้นให้เหมาะสมกับเป้าหมาย
อันที่จริงดาบที่มีชื่อเสียงมีความแตกต่างกันไม่มากเท่าไหร่
แล้วมันยาวไปหน่อยไหม? 1.4 เมตรพกไปไหนไม่สะดวกแน่ๆ
ฟางผิงเกาหัว เฒ่าหลี่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะขึ้นมา เธออยากให้มันแข็งแกร่ง แต่เธอก็อยากให้มันพกพาสะดวก…ดาบไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น
แต่ก็ไม่ได้มีปัญหา อาจารย์มีอาวุธอีกอย่างนึงที่เหมาะกับเธอ!
คราวนี้เฒ่าหลี่เดินไปห้องเก็บของด้วยตัวเองและหยิบอาวุธมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อฟางผิงเห็นอาวุธชิ้นใหม่ เขาก็งงงวย ผ่านไปสักพักเขาถึงพูดขึ้นมาได้ ง้าวมังกรเขียวของกวนอู?
โง่เขลา!
เฒ่าหลี่พูดเชิงดูถูก น้ำเสียงเขาฟังดูใจร้อน ดาบฟ่งจุ่ย อย่าคิดว่ามันเป็นอาวุธของกวนอูเพียงเพราะมันเป็นดาบที่มีด้ามดาบยาว ยิ่งกว่านั้นมันเป็นแค่พงศาวดารสามก๊ก มันไม่ใช่เรื่องจริง ดาบเหยียนเยว่มาจากราชวงศ์ซ่ง
(ผู้แปล : มันคือดาบง้าว มีรูปร่างคล้ายกันทั้งสองชนิด ดาบเหยียนเยว่หรือเหยียนเยว่เตาเป็นดาบง้าวประเภทเดียวกับง้าวมังกรเขียวของกวนอู)
ดาบฟ่งจุ่ยเป็นที่นิยมในสมัยราชวงศ์ซ่งเช่นกัน ราชวงศ์ซ่งการทหารถดถอย แต่การผลิตอาวุธยังคงเป็นเอกลักษณ์
ข้อดีของดาบฟ่งจุ่ยเล่มนี้คือมันถอดประกอบได้
ใบดาบถอดออกได้ ด้ามใช้แทนพลองได้
ด้ามดาบยาว 1.2 เมตร ใบดาบยาว 60 เซนติเมตร ด้ามดาบถอดเป็นสองส่วนได้เช่นกัน สรุปแล้วมันมีอยู่สามส่วน และตัวด้ามก็ปรับความยาวได้
เธอจะใช้ด้ามดาบส่วนนึงต่อกับใบมีดก็ได้ ซึ่งจะได้ความยาวเป็น 1.2 เมตรและใช้มันเหมือนดาบทั่วไป
เธอประกอบทั้งสามส่วนเลยก็ได้ มันจะยาวรวม 1.8 เมตร และใช้เป็นดาบยาว
หรือเธอจะใช้ต่างพลองก็ได้…
ไม่ต้องห่วง ข้อต่อแข็งแรงมาก ต่อให้ใช้พลังมากเกินไป มันก็ไม่หัก
ถ้าเธออยากได้ อาจารย์จะแถมด้ามจับให้อีกส่วนนึง มันจะได้ความยาวถึง 2.4 เมตร เธอประกอบแค่ด้ามจับสามส่วน และใช้มันเป็นพลองยาว 1.8 ก็ได้เหมือนกัน
หรือเธอจะใช้กับหัวหอกก็ได้…
เฒ่าหลี่ยิ้มกว้างจนแววตาเป็นรูปจันทร์เสี้ยว มันเป็นทางเลือกที่ดีแน่นอน เธออยากใช้มันแบบไหน มันก็ไม่มีจำกัด
แน่นอน มันทำมาจากอัลลอยเกรดดีแท้ๆ ไม่มีผสม
ถ้าเธอไม่เพิ่มด้ามจับอีกส่วน และใช้ตามสภาพตอนนี้ มันจะหนัก 16 กิโลกรัม…
32จิน?
ฟางผิงมุมปากกระตุก อัลลอยเกรดดียี่สิบคะแนนต่อหนึ่งกิโลกรัม มันก็แปลว่าดาบฟ่งจุ่ยเล่มนี้มีราคา 320 คะแนน!
นี่ยังไม่ได้รวมค่าผลิต เฒ่าหลี่ยิ้ม สำหรับผู้ฝึกยุทธแล้ว 32 จินไม่ถือว่าหนักมาก เธอมีปราณและเลือดสูง จะใช้ดาบหนักขนาดนี้ก็ไม่มีปัญหา
ยิ่งกว่านั้นลองคิดดูสิ ถ้าเธอดาบยาวอัลลอยเกรดดี เธอจะสามารถฟันอาวุธของคู่ต่อสู้เป็นชิ้นๆได้ในไม่กี่กระบวนท่า
เธอจะฟันคนได้ไม่ต่างกับสับเนื้อ มันสะดวกมาก!
มันไม่แพงเลยแม้แต่นิด ก่อนที่เธอจะไปถึงขั้นกลาง เธอไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอาวุธเลย
ถ้าเธออยากได้ อาจารย์ช่วยเธอตัดสินใจได้ อาจารย์จะไม่เก็บค่าสร้าง อาจารย์คิดแค่ 320 คะแนนเท่านั้น!
แค่กๆ…
ฟางผิงไอแห้ง ส่ายหน้าอย่างหนัก
พูดเป็นเล่น 300 คะแนนขึ้นไปก็หมายความว่าราคาตลาดอาจสูงถึงสิบล้าน!
‘ฉันเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง ฉันต้องใช้ของหรูแบบนี้เลย?’
กระนั้นฟางผิงก็รู้สึกว่าดาบเล่มนี้ไม่เลวเลย เขาแบ่งมันเป็นสามส่วนได้ การพกของยาวประมาณ 60 เมตรไม่ใช่เรื่องยาก
เขาใช้มันต่างพลองได้ เขาใช้พลองจัดการผู้ฝึกยุทธที่ต้องจับเป็นได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะเผลอฟันเป้าหมายโดยไม่ได้ตั้งใจ
เขายังใช้มันเป็นดาบใหญ่ได้ ด้วยน้ำหนัก 32 จินพร้อมกับระเบิดความแข็งแกร่งปราณและเลือดเต็มกำลัง เขาอาจฟันใส่ดาบเหยาจินเฉิงได้เป็นสองท่อนในกระบวนท่าเดียว
ปัญหาอย่างเดียวคือราคา!
ไม่ต้องพูดถึงเขามีคะแนนไม่พอเลย ต่อให้เขามีคะแนนพอ ฟางผิงก็ต้องคิดหนักอยู่ดี
เฒ่าหลี่ถอนหายใจ ดูเธอสิ เธออยากได้ แต่ดันลังเล ถ้าเป็นแบบนั้นที่เธอถามมาก็ไม่มีประโยชน์หรอก
ราคาอาวุธดีๆต้องแพงอยู่แล้ว
เธออยากได้อาวุธที่แข็งแกร่งกว่า ‘แข็งแกร่งกว่า’ก็ต้องหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
ดาบเล่มนี้ถือว่าเบาแล้ว มันหนักแค่ 32 จินเอง อาวุธหนักบางเล่มหนักถึงร้อยจิน!
ถ้าใช้อัลลอยเกรดเอฟ ผู้ฝึกยุทธต่ำกว่าขั้นสามทุกคนก็ใช้อัลลอยเกรดเอฟอยู่แล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นเธอก็จะไม่มีข้อได้เปรียบเลย ความคมของมันจะสู้อัลลอยเกรดดีได้อย่างไร?
ลองคิดดูสิ ฟันอาวุธอีกฝ่ายเป็นสองท่อนได้ในกระบวนท่าเดียวและแม้แต่ฟันคนขาดเป็นสองท่อนไปพร้อมกันจะดีกว่าไหม หรือเธออยากทำให้ตัวเองเหนื่อย ฟันอีกฝ่ายเป็นครึ่งค่อนวันและทำให้คมดาบบิ่นไปด้วย?
ฟางผิงยิ้มอย่างขมขื่น เกรดดีหั่นเกรดเอฟไม่ได้หรอกใช่ไหม?
ขอแค่เธอมีปราณและเลือดมากกว่า เรียนวิชาอาวุธ จะฟันเป็นสองท่อนในกระบวนท่าเดียวก็ไม่ใช่ความฝัน!
มันแพงเกินไป…
ตาแก่คนนี้ชอบเธอ ฉันจะตัดสินใจให้ 300 คะแนน ที่เหลืออาจารย์ช่วยเอง!
สีหน้าของเฒ่าหลี่สงบมาก นักศึกษาที่มีพรสวรรค์อย่างเธอควรมีอาวุธที่ยอดเยี่ยมแบบนี้แหละ ถ้าเธอมีคะแนนไม่พอก็ไม่เป็นไร เธอใช้ของมาชดเชยได้ อาจารย์จะตกลงแทนมหาลัยเอง!
ฟางผิงดูอีกฝ่ายด้วยความสงสัยอยู่ครู่นึง อาจารย์ ผมเป็นหลานชายที่พลัดหลงกันมานานของอาจารย์เหรอ?
แค่กๆ…
เธอพูดบ้าอะไร! เฒ่าหลี่หมดคำพูด
งั้นอาจารย์กำลังหลอกผมเหรอ?
เลิกล้อเล่นได้แล้ว อาจารย์จะหลอกเธอเพื่อ? เธอจะซื้อไหม? ถ้าไม่ซื้อก็ช่างเถอะ…
ฟางผิงคิดเล็กน้อยและนำเอาดาบธรรมดาเกรดเอฟ มีดสองเล่มและสนับเกรดดีที่มีออกมา
อาจารย์ ผมพึ่งซื้อดาบมา 40 คะแนนเมื่อไม่กี่วันก่อน และใช้อีก 10 คะแนนซื้อสนับมือมา ส่วนมีดสองเล่มนี้อย่างน้อยก็ 40 คะแนน
รวมแล้ว 90 คะแนน ผมจะให้อีก 60 คะแนน อาจารย์…
ไปให้พ้น!
ปราณและเลือดปะทุออกมาจากร่างเฒ่าหลี่ แรงกดดันสูงมากจนฟางผิงก้าวถอยหลังออกไปอย่างเร่งรีบ
ชายชราโกรธมาก คุณพระ มันน่าตลกสิ้นดี!
เขากำลังเสนอ 60 คะแนนแลกกับอาวุธที่มามูลค่ามากกว่า 300 คะแนนงั้นเหรอ?
เขาคิดจริงๆเหรอว่ามันเป็นตลาดสด?
ฟางผิงก้าวถอยหลังและพูดแย้งออกมา อาจารย์ ผมไม่มีคะแนนมากขนาดนั้นจริงๆ 60 คะแนนเป็นคะแนนที่ผมเก็บหอมรอมริบมา
ถ้าไม่โอเค งั้น 62…
จะไปหรือไม่ไป? เฒ่าหลี่โกรธ!
เสียงเอะอะของทั้งสองดึงดูดความสนใจมากพอควร
ฟางผิงยิ้มอย่างประจบประแจง อาจารย์อย่าโกรธกันสิ เอาแบบนี้ไหม ผมจะเพิ่มอีก 20 คะแนนเป็น 81 คะแนน รวมกับของที่ผมมีมูลค่า 90 คะแนนก็เป็น 171 คะแนน!
คิดดูสิ นอกจากผมแล้ว จะมีใครอีกที่แลกของเล่นชิ้นนี้?
นักศึกษาขั้นหนึ่งขั้นสองคงไม่มีปัญญาจ่าย ขั้นสามคงคิดว่าตัวเองใกล้ขั้นสี่แล้ว ของชิ้นนี้ไม่จำเป็น
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ของเล่นชิ้นนี้คงฝุ่นเกาะอยู่ในห้องเก็บของมานานมากแล้ว
มหาลัยกำลังมีงานประลองแลกเปลี่ยน ถ้าผมไม่มีอาวุธที่เหมาะสมแล้วเกิดมหาลัยแพ้ขึ้นมาล่ะ?
ยิ่งกว่านั้น ผมไม่ได้ขอฟรีๆสักหน่อย…
เฒ่าหลี่ถลึงตามองเขาก่อนจะระงับปราณและเลือดลง เขาพูดอย่างหัวเสีย อาวุธรีไซเคิลพวกนี้จะมีราคาขนาดนั้นได้ไง? ของมือสองพวกนี้ได้ 50 คะแนนก็เกินพอแล้ว!
เอามาอีก 200 คะแนน อาจารย์จะยอมขาดทุนและช่วยเธอจ่ายเอง…
ฟางผิงคอตกและเดินจากไป เขาจ่ายไม่ไหว เขาจึงไม่ซื้อ!
180 คะแนน! เฒ่าหลี่โพล่งออกมา
ธะ เธอยังไม่ยอมเหรอ? 160 คะแนน จะเอาหรือไม่เอา ถ้าเธอพลาดโอกาสนี้ เธอจะไม่มีโอกาสอีกเป็นครั้งที่สองหรอกนะ
ไปถามใครก็ได้ อาวุธอัลลอยเกรดดีที่ร้านขายอาวุธทุกแห่งมีราคาอย่างน้อยสามแสนหยวนต่อหนึ่งจินโดยไม่คิดค่าทำอาวุธ!
ฝีเท้าของฟางผิงชะงักลง เขาครุ่นคิดบางอย่างก่อนจะหันหน้ากลับไปถาม อาจารย์ ถ้าผมไม่ใช้คะแนน จ่ายเป็นเงิน 4.5 ล้านแทนล่ะ?
ห๊ะ?
เฒ่าหลี่จ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจ เด็กคนนี้อยากใช้เงินจ่ายแทนคะแนนงั้นเหรอ?
4.5 ล้านมีค่า 150 คะแนนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามนักศึกษาส่วนใหญ่มีคะแนนไม่มีเงิน แต่ไม่มีใครยอมแลกคะแนนเป็นเงิน เพราะใช้คะแนนซื้อของคุ้มกว่า
ฟางผิงขาดเงินไม่ใช่เหรอ?
ครั้งก่อนเขาแลกเม็ดยาจำนวนมากไม่ใช่เหรอ?
แม้ว่าเขาจะสงสัยเล็กน้อย แต่เฒ่าหลี่ก็กล่าว ถ้าเธอต้องการแบบนั้นก็ได้อยู่หรอก
การใช้เงินแลกเปลี่ยนแทนนั้นแพงมาก แม้ว่าฟางผิงจะลดเงินไปสามแสน แต่เงิน 4.5 ล้านก็พอคุ้มทุนแล้ว
ยิ่งกว่านั้นฟางผิงยังนำอาวุธทั้งหมดมาขายคืนด้วย
หลังคำนวณตัวเลข สำนักงานแลกเปลี่ยนก็ไม่ได้ขาดทุน พวกเขาได้กำไรด้วยซ้ำ
ฟางผิงปวดใจ แต่เขารู้สึกว่ามันไม่ได้ขาดทุนเช่นกัน แม้ว่าเขาจะหมดงบไปเยอะ แต่ถ้าซื้ออาวุธเกรดดีข้างนอก มันแพงมากจริงๆ
แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ พอเขาไม่ใช้แล้ว ขายทิ้งก็จบ!
ราคาของเล่นชิ้นนี้มือสองคงไม่ต่ำเกินไปเว้นแต่ว่ามันจะใช้การไม่ได้เลย
ฟางผิงยังได้ความรู้ใหม่เช่นกัน สำนักงานแลกเปลี่ยนต่อรองได้ ไว้ครั้งหน้าเขาจะจำไว้!
ฟางผิงได้ดาบฟ่งจุ่ยในราคา 4.5 ล้านบวกกับอาวุธทั้งหมดที่มียกเว้นรองเท้าคอมแบทอัลลอย
ฟางผิงลูบๆคลำๆอาวุธชิ้นใหม่สักพักก่อนจะพึมพำออกมา อาวุธราคาสิบล้าน…ฉันเริ่มสุรุ่ยสุร่ายขึ้นเรื่อยๆแล้ว!
ครั้งก่อนเขาแลกรองเท้ามา 40 คะแนน เขาก็รู้สึกสุรุ่ยสุร่ายมากแล้ว
ตอนนี้เขาใช้เงินไปเกือบสิบล้าน…แน่นอนที่จริงมันไม่ได้มากขนาดนั้น แต่ฟางผิงถือว่ามันราคาสิบล้านโดยอัตโนมัติ
การซื้อของเล่นชิ้นนี้ข้างนอกจะมีราคาประมาณนั้น
ขณะที่เขาบ่น เฒ่าหลี่ก็บ่นเช่นกัน เพราะอาจารย์เชื่อว่าครั้งหน้าเธอจะได้คะแนนมากยิ่งขึ้น อาจารย์ถึงยอมขาดทุน ไม่งั้นถ้าเธอคิดว่าเธอจะต่อราคาดาบฟ่งจุ่ยได้แบบนี้ เธอฝันไปได้เลย!
ฟางผิงไม่สนใจคำบ่น พ่อค้าหน้าเลือด!
ฟางผิงถอนหายใจ เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูด อาจารย์ ผมขอแลกยาปราณและเลือดสามัญ 50 เม็ด…
เฒ่าหลี่สำลัก เจ้าเด็กนี่สมองป่วยรึไง?
เม็ดยาปราณและเลือด 50 เม็ดหรือ 150 คะแนนก็มีมูลค่าใกล้เคียงกับ 4.5 ล้านก่อนหน้านี้ ถ้าฟางผิงแลกเม็ดยามาแล้วเอาไปขาย อย่างมากที่สุดเขาก็ได้เงินที่พึ่งจ่ายไปกลับคืนมา
จำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ?
เจ้าหนู เธอ…
อาจารย์ ผมต้องใช้เอามาฝึกฝน!
เธอไม่จำเป็นต้องใช้เยอะขนาดนี้…
ผมกินเม็ดนึง ผมก็จะทิ้งเม็ดนึง ผมมีเงิน และผมก็ดื้อรั้นมาก… ฟางผิงเม้มปาก
เจ้าเด็กนี่!
เฒ่าหลี่พูดไม่ออก แต่เขาก็ยังช่วยฟางผิงแลกยามา 50 เม็ด
หลังได้เม็ดยามา ฟางผิงก็ดูคะแนนที่เหลืออยู่อีก 11 คะแนนและแจ้งเตือนเงินคงเหลือ 1.5 ล้านบนมือถือ เขาถอนหายใจออกมายาวเหยียด
เงินหมดเร็วเหลือเกิน!
โชคดีที่เขาได้ค่าทรัพย์สินมากว่า 5 แสนแต้มจากการแลกเม็ดยา เมื่อเขาขายเม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 100 เม็ดที่มีอยู่ เขาอาจจะได้ค่าทรัพย์สินมากกว่า 1 ล้าน
จากการคำนวณ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ขาดทุน เพราะค่าทรัพย์สินเขาเพิ่มขึ้นมาก
ครั้งหน้าเมื่อเขามาสำนักงานแลกเปลี่ยนเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ ทางที่ดีที่สุดก็คือใช้เงินสดจ่ายและใช้คะแนนซื้อเม็ดยา
เมื่อเขาลูบๆคลำๆดาบฟ่งจุ่ยในมืออีกครั้ง ฟางผิงก็ไม่ได้หยิบออกมาทันที แต่แย่งมันเป็นสามส่วนแทน
หลังคิดอีกพักนึง เขาก็หันหน้ามาอีกครั้ง อาจารย์ ผมจ่ายเงินไปตั้งเยอะ แต่ไม่ให้กล่องเก็บของผมหน่อยเหรอ?
เจ้าหนู เธอนี่ต่อรองเก่งจริงๆ…
เฒ่าหลี่หมดคำจะพูด แต่เขาก็ยังให้คนไปเอากล่องไม้ยาวมาให้ฟางผิง
ฟางผิงเอาดาบฟ่งจุ่ยใส่กล่อง เขาพิจารณาตัวเองที่ไร้อาวุธและถอนหายใจออกมาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ก้าวจากไปด้วยฝีเท้าที่หนักอึ้ง
เมื่อเขาเดินจากไป เฒ่าหลี่ก็พูดอย่างขบขัน ครั้งหน้าฉันจะแนะนำของในห้องเก็บของให้เจ้าหนูนี่อีก!
มีนักศึกษาใหม่ไม่มากนักที่ร่ำรวยเหมือนฟางผิง
ต่อให้เป็นคนอย่างฟู่ชางติ่งที่บ้านร่ำรวยเงินทอง แต่มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะใช้เงินหลายสิบล้านเพื่อซื้ออาวุธได้
แต่ความเร็วการขัดเกลากระดูกของเด็กคนนี้ก็เร็วมาก เขาเกือบเป็นขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว ถ้าเจ้าหนูนี่ไม่ตาย เขาจะกลายเป็นลูกค้าประจำของฉันนับจากนี้…
เฒ่าหลี่หัวเราะออกมาอีกครั้ง ไม่มีใครรู้ว่าเขามีความสุขเพราะเขาขายของได้หรือเป็นเพราะเขาเจอคนที่ขายของที่ฝุ่นจับอยู่ในห้องเก็บของได้กันแน่