World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 151.2 เทียบไม่ได้แม้แต่กับฟางผิง (2)

ตอนที่ 151.2 เทียบไม่ได้แม้แต่กับฟางผิง (2)

  ชั้นบน ฟางผิงออกความเห็น  สวยมาก! 

  จ้าวเสวี่ยเหมยถามอย่างสงสัย  ระยะห่างพวกเขาอาจมีแค่สองเมตร กระบี่เขายาวหนึ่งถึงสองเมตร…เขาสำแดงวิชากระบี่ทำบ้าอะไร? 

  จ้าวเหล่ยเบ้ปาก  ฉันคิดว่ามันคงเป็นการประลองแลกเปลี่ยนวิชาตามปกติ สำแดงวิชาสวยๆก่อนแล้วค่อยต่อสู้กันจริงๆทีหลัง 

   ใช่เหรอ? 

   ฟัง! 

   … 

  เวลานี้ บรรยากาศในโรงยิมกำลังเดือดพล่าน

   หล่อมาก! 

   จ่านเผิงเฟย เรารักคุณ! 

   หล่อมาก! ร้อนแรงสุดๆ! 

   … 

  ฟู่ชางติ่งที่เป็นคู่ต่อสู้งุนงงอย่างเห็นได้ชัด เขาสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

  ‘ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงไม่ป้องกัน?’

  ตามคำแนะนำของถังเฟิง เขาจึงยั้งการโจมตี แต่มันก็ยังทรงพลังมากพอ ไม่ใช่ใครก็ป้องกันได้

  เห็นได้ชัดว่าจ่านเผิงเฟยไม่ใช้เส้นทางรุกกลับอย่างดุร้าย เวลานี้เขามีทางเลือกอยู่สองทางคือ ถอยหนีหรือไม่ก็ใช้ท่าร่างประชิดตัวฟู่ชางติ่งเพื่อต่อสู้ระยะประชิด

  กระบี่เป็นอาวุธอ่อนและสง่างาม ซึ่งหมายความว่ามันโจมตีเต็มกำลังได้ยากกว่า เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ไม่แสดงทีท่าว่าจะหลบ ฟู่ชางติ่งก็คิด ‘เขาไม่รั้งกระบี่มากันเลยเหรอ?’

  ‘นี่ไม่ใช่ดาบสองมือนะ!’

  ‘นอกจากว่าเขาจะเชี่ยวชาญอาวุธนี้?’

  ฟู่ชางติ่งระแวงเล็กน้อย แต่หอกยาวก็ยังพุ่งตรงใส่จ่านเผิงเฟย ‘ไม่สำคัญว่าเขาจะเชี่ยวชาญไหม รอปะทะกันเดี๋ยวก็รู้!’

  เวลานั้น จ่านเผิงเฟยเริ่มควงกระบี่มาป้องกันตัว เป็นอย่างที่ฟู่ชางติ่งคาดไว้ เขาจะใช้กระบี่มาป้องกัน!

  แน่นอน มันไม่ใช่แค่กระบวนท่าป้องกันเท่านั้น กระบี่หมุนรอบปลายหอกและเบี่ยงแรงออกไป ต้องการใช้กระบี่ปัดหัวหอกของฟู่ชางติ่ง การป้องกันเป็นแค่ส่วนเสริมให้กับท่าแทง…

  อย่างไรก็ตาม อาศัยแค่จินตนาการย่อมไร้ประโยชน์!

  จ่านเผิงเฟยปัดอยู่ครู่นึง แต่ก็ไม่ได้ผล หัวหอกของฟู่ชางติ่งยังคงพุ่งตรงมา ไม่มีทีท่าว่ามันจะเบี่ยงออกไปเลย

  เวลานี้ จ่านเผิงเฟยสูญเสียความสงบ เขาก้าวถอยอย่างเร่งรีบ!

  อย่างไรก็ตามเขาลืมไปแล้วว่าฟู่ชางติ่งไม่ใช่คนตาย ทุกครั้งที่หอกเคลื่อนไหว ร่างกายเขาก็ขยับตามเช่นกัน!

  เมื่อจ่านเผิงเฟยก้าวถอยไป ฟู่ชางติ่งก็เข้าประชิด หอกยาวไม่ได้เป็นแค่ทางแทงเปล่าๆแล้ว ฟู่ชางติ่งสั่นด้ามหอกจนปลายหอกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!

  กระบี่ของจ่านเผิงเฟยสั่นอย่างฉับพลันจนแทบจะหลุดมือ!

   พวกแกกล้าดียังไงมาดูถูกฉัน! 

  ฟู่ชางติ่งโกรธมาก เมื่อเขาทดสอบอีกฝ่ายเสร็จ เขาก็พบว่าอีกฝ่ายอ่อนแอมาก!

  ฟู่ชางติ่งเป็นนักศึกษาอัจฉริยะ หัวซือดันส่งคนอ่อนแอแบบนี้มาขึ้นประลองกับเขา อีกฝ่ายดูถูกเขาชัดๆ!

  เขาพลันระเบิดปราณและเลือดด้วยความโกรธ ปลายหอกสั่นสะเทือนอย่างน่ากลัวอีกครั้ง เวลานี้มันสั่นแรงจนจ่านเผิงเฟยแทบยอมแพ้และทิ้งกระบี่ไป

  ความโกรธสุมอยู่เต็มอกไม่ลดลง ฟู่ชางติ่งสะบัดหัวหอกจนทำให้กระบี่กระเด็นหลุดมือไป กระบี่พุ่งตรงไปยังเสาเวทีปานลูกศรจนฝังอยู่ในเสาและสั่นสะเทือนอย่างแรงไม่หยุด

  ฟู่ชางติ่งยกเลิกเล็งลำคออีกฝ่าย ปลายหอกสั่นสะเทือน เบี่ยงไปจากลำคอและปะทะเข้าที่ข้างคออย่างแรง!

  เสียงเพี๊ยะดังก้อง!

  จ่านเผิงเฟยโอดครวญด้วยความเจ็บปวด วิสัยทัศน์มืดลง ร่างกายเขาเซจนเกือบล้ม ส่วนหอกยาวของฟู่ชางติ่งที่ยังสั่นเทือนโค้งงอและวกกลับมาอีกครั้ง

  เพี๊ยะ!

  ครั้งนี้โดนเข้าที่แก้มอีกฝ่ายเต็มแรง!

  ริ้วเลือดปรากฏบนใบหน้าจ่านเผิงเฟยแทบจะทันที…

  ฟู่ชางติ่งคร้านจะโจมตีอีก เขาหันหลังกลับก้าวลงจากเวที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียด ทั่วทั้งโรงยิมเงียบเสียงลงในพริบตา

  …

  ชั้นสอง

  ถังเฟิงขมวดคิ้วและกล่าวด้วยน้ำเสียงเจือปนด้วยความโกรธ  หัวซือยอมให้นักศึกษาแบบนี้ขึ้นเวทีเหรอ? คุณดูถูกเราใช่ไหม? 

  ฝั่งหัวซือเงียบสนิท

  ไม่นานเหล่าเสอก็ค่อยๆพูดออกมา  ขออภัย เรา…เราไม่คิดว่า… 

  ไป๋รั่วซีขมวดคิ้ว  ทุกท่าน นี่ไม่ใช่การประกวดการแสดงนะ! 

  แน่นอน ท่ารำกระบี่ของจ่านเผิงเฟยงดงามน่าดูชม มันจะเหมาะสมมากถ้ามันเป็นการแสดง

  อย่างไรก็ตามตอนนี้มันเป็นงานแสดงงั้นเหรอ?

  มันควรเป็นการประลองอุ่นเครื่องสำหรับงานประลองระดับประเทศที่กำลังมาถึงต่างหาก!

  อาจารย์หลายท่านของหัวซือสีหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเขาไม่รู้งั้นเหรอ?

  พวกเขาย่อมรู้ดีว่าเวทีนี้ไม่ใช่สำหรับแสดงโชว์!

  แต่จ่านเผิงเฟยก็ไม่ได้อ่อนแอเกินไป อาจเป็นเพราะหัวซือขาดคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ แต่คราวนี้พวกเขาดูถูกคู่ต่อสู้เกินไป!

  ยิ่งกว่านั้นฟู่ชางติ่งชำนาญอาวุธประเภทนี้ นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโม๋อู่ ส่วนจ่านเผิงเฟยไม่ได้อยู่ใกล้อันดับต้นๆของหัวซือเลย

  ยิ่งกว่านั้น แม้แต่นักศึกษาอัจฉริยะอันดับต้นๆของหัวซือก็ไม่สามารถเทียบกับอัจฉริยะของโม๋อู่ได้

  จ่านเผิงเฟยเป็นรองฟู่ชางติ่งสองถึงสามขั้นได้

  หากเทียบความแข็งแกร่ง แม้แต่คนที่อ่อนแอที่สุดในโม๋อู่ หลี่จ้าวซวี่ ก็อาจแข็งแกร่งกว่าจ่านเผิงเฟย แถมความสามารถของหลี่จ้าวซวี่ก็เทียบไม่ได้กับฟู่ชางติ่ง มันควรเรียกว่าการโจมตีข้างเดียวมากกว่าการประลอง!

  นอกจากนี้ ช่องว่างความสามารถของพวกเขายังกว้างใหญ่เกินกว่าจะนำมาพิจารณาได้!

  เมื่อสักครู่ เสียงเชียร์ล่างเวทีดังกระหึ่ม แต่หลังรู้ผลการประลอง แม้แต่อาจารย์ของหัวซือก็ยังยอมรับไม่ได้

  เหล่าเสอสูดหายใจลึกๆและหันไปเผชิญหน้ากับกลุ่มนักศึกษาด้วยสีหน้าดั่งเดิม  เฉินหงเหว่ย ตาเธอแล้ว หาวิธีรับมือเอง ฮึ่ม! 

  เห็นได้ชัดว่าเหล่าเสอก็กังวลเช่นกัน!

  พวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องแพ้แน่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะน่าเกลียดขนาดนี้! พวกเขาต้องหาวิธีลบล้างความอับอายครั้งนี้!

  ถังเฟิงชำเลืองมองเฉินหงเหว่ยโดยไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา

  เขาแสดงความโกรธเพื่อกระตุ้นให้หัวซือเปิดเผยอัจฉริยะที่เก็บซ่อนไว้ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะได้รับอะไรบ้างจากการฝึกฝน

  ถ้าคนถัดไปมีระดับแค่จ่านเผิงเฟย พาฟู่ชางติ่งและคนอื่นๆมาด้วยจะไปมีประโยชน์อะไร?

   จินเหลย ต่อไปตาคุณ 

  จินเหลยตัวไม่สูง แถมยังไม่ได้พกพาอาวุธยาว แต่สวมถุงมือต่อสู้

  เมื่อได้ยินแบบนั้น เขาก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นเดินไปเวทีด้านล่าง

  …

  บนชั้นสอง เมื่อฟู่ชางติ่งขึ้นมาข้างบน เขาก็บ่นพึมพำ  อะไรวะ เสียแรงเปล่า… 

   พอแล้ว! 

  ถังเฟิงรู้ว่าคนจากหัวซือกำลังอารมณ์ไม่ดี เขาจึงตัดสินใจไม่ยั่วยุพวกเขาอีก คำดูถูกที่เขาพูดก่อนหน้านี้ก็เพียงพอสั่งสอนบทเรียนให้พวกเขาแล้ว แต่ถ้าเขากระตุ้นอีกฝ่ายอีก สถานการณ์อาจเลวร้ายลง

  บนเวทีด้านล่าง จินเหลยกับเฉินหงเหว่ยเริ่มประมือกันแล้ว

  ครั้งนี้เสียงเชียร์จากหัวซือไม่ดังเหมือนครั้งก่อน ทุกคนยังคงช็อคจากการประลองครั้งที่แล้วไม่หาย!

  จ่านเผิงเฟยที่รักพ่ายแพ้อย่างอนาถในเวลาชั่วพริบตา ยิ่งกว่านั้นใบหน้าอันหล่อเหลาก็เสียโฉมไป

  คนส่วนใหญ่คงยอมรับไม่ได้!

  เวลานี้แม้ว่าเฉินหงเหว่ยกับจินเหลยจะประมือกันอย่างดุเดือด แต่ฝูงชนก็หมดความกระตือรือร้นแล้ว

  อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นเฉินหงเหว่ยมีเปรียบ จิตวิญญาณของนักศึกษาหัวซือก็ลุกโชนอีกครั้ง!

  ในขณะเดียวกันฟางผิงกับคนอื่นๆไม่ได้สนใจฝูงชน พวกเขากำลังสนใจกับการวิเคราะห์ของไป๋รั่วซี

   เฉินหงเหว่ยบรรลุขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว เขาควรใช้อาวุธ แต่เขาไม่ใช้ เขาอาจเก็บงำฝีมือเอาไว้

   แน่นอน ถ้าเขาทุ่มระเบิดพลังทั้งหมด อย่างมากเขาคงมีความสามารถพอๆกับถังซ่งถิง 

   เขาน่าจะเป็นนักศึกษาชั้นยอดอันดับสองอันดับสามของหัวซือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ทีมตัวจริง แต่มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเข้าร่วมการประลองปีนี้ 

  ขณะที่หยางเสี่ยวม่านมองดูล่างเวที เธอก็กระซิบเบาๆ  ทีมตัวจริงของแปดมหาลัยพันธมิตรแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ? 

  ไป๋รั่วซีหัวเราะ  นี่เป็นการวิเคราะห์ของอาจารย์โดยอิงจากนักศึกษาที่อาจารย์รู้จัก ความจริงอาจต่างจากที่เราคาดการณ์ไว้ พอถึงเวลา เราจะดูกันว่าเขาอยู่ทีมตัวจริงไหม นี่เป็นแค่การคาดการณ์ของอาจารย์เท่านั้น 

  หยางเสี่ยวม่านพยักหน้าเล็กน้อย  ถ้าทีมตัวจริงของแปดมหาลัยพันธมิตรมีความสามารถแค่นี้ บางทีเราคนใดคนนึงก็เอาชนะคู่ต่อสู้ห้าคนติดได้! 

   มีความมั่นใจเป็นเรื่องดี แต่อย่าผยองเกินไป แปดมหาลัยพันธมิตรต้องมีอาวุธลับแน่นอน ในหมู่แปดมหาลัยพันธมิตร มหาลัยวิชายุทธแห่งประเทศจีนแข็งแกร่งที่สุด ส่วนมหาลัยครุศาสตร์หัวตงอยู่อันดับต่ำสุด 

  ไป๋รั่วซีพูดเสริม  แน่นอน เมื่อเข้ามหาลัย พวกเขาแข็งแกร่งไม่เท่าพวกเธอ แถมพวกเธอก็ไม่ได้ขี้เกียจกัน จะแข็งแกร่งกว่าพวกเขาก็เป็นเรื่องปกติ 

   แต่แปดมหาลัยพันธมิตรก็ไม่ใช่ว่าไม่มีผู้ฝึกยุทธเข้ามา พวกเธอแค่ยังไม่เห็น 

  ระหว่างคุยกัน จินเหลยก็กุมอก ลุกไม่ไหวหลังเจอลูกเตะของเฉินหงเหว่ยเข้าไป

  หลังตรวจสอบสถานการณ์เล็กน้อย กรรมการก็ประกาศให้เฉินหงเหว่ยชนะ คราวนี้เสียงเชียร์จากหัวซือดังกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

   รอบต่อไป หลี่จ้าวซวี่ จากนั้นก็เป็นตาสวี่อี้ข่าย สุดท้ายให้ถังซ่งถิงจัดการพวกเขา! 

   อาจารย์…  หยางเสี่ยวม่านกล่าวด้วยน้ำเสียงผิดหวัง แต่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง เป็นเพื่อเฉินหยุนซี เฉินหยุนซีไม่มีโอกาสขึ้นเวทีประลองอุ่นเครื่องเลย

  ถังเฟิงพูดออกมาโต้งๆ  มันเป็นความผิดของเธอที่ไม่ยอมสู้ ดังนั้นเธอไม่มีสิทธิ์ขึ้นเวที! เด็กใหม่ทุกคนที่เป็นขั้นหนึ่งสูงสุดหรือขั้นหนึ่งสูงสุดขัดเกลาสองครั้งทั่วทั้งประเทศจีนตัดสินจากจำนวนขัดเกลากระดูกและปราณและเลือด เธอเป็นหนึ่งในคนที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่แล้ว แต่เธอกลัวการต่อสู้ คนแบบนี้เทียบไม่ได้แม้แต่กับฟางผิง! 

   บัดซบ! 

  ฟางผิงโกรธมาก ‘ฉันไปทำอะไรให้คุณ!’

  ‘เทียบไม่ได้แม้แต่กับฉัน หมายความว่าไง?’

  ‘ในหมู่เด็กใหม่โม๋อู่ มีใครเอาชนะผู้ฝึกยุทธขั้นสองได้มากเท่าฉันอีกไหม?’

  ‘สิงโตถังพูดเกินไปแล้ว!’

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน