ณ สถานีรถไฟ
ฟู่ชางติ่งอุทาน ฟางผิงกับน้องสาวสนิทกันมาก!
นั่นสิ ดูเขารักน้องมาก แต่น้องสาวเขาก็ดูไม่เห็นผอมเลยไม่ใช่ไง?
…
ทุกคนที่อยู่รอบข้างทอดถอนใจชื่นชมกับความสัมพันธ์พี่น้องที่ฟางผิงแสดงออกมา
ในขณะเดียวกันฟางผิงก็บีบแก้มฟางหยวนและถอนหายใจไม่หยุด น้องผอมลงไปหน่อยจริงๆ พี่บอกแล้วให้กินข้าวเยอะๆ ทำไมน้องไม่ฟัง!
ตอนนั้น ตอนพี่บีบแก้มน้อง มันเคยยืดขนาดนี้…
ฟางผิงยื่นมือออกมาทำท่าทางอธิบาย
จากนั้นเขาก็ทดลองบีบแก้มฟางหยวนแล้วกล่าวอย่างอาวรณ์ น้องเห็นมั้ย! ตอนนี้มันยืดได้เท่านี้เอง!
ฟางหยวนหน้ามุ่ย เธอเบือนหน้าหนีโดยไม่พูดอะไร
‘รู้แล้ว!’
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหลิงพูดปนอิจฉา หยวนหยวน พี่ชายเธอใจดีกับเธอมาก!
เหอะเหอะ!
ฟางหยวนกลอกตามองบน ถ้าฟางผิงไม่ได้บีบแก้มเธอตอนนี้ เธออาจเชื่ออยู่ แต่ตั้งแต่เจอหน้ากันจนถึงตอนนี้ เจ้าบ้านี่บีบแก้มเธอมาสิบนาทีแล้ว!
โชคดีที่รอบข้างมีคนอยู่ด้วย ฟางผิงจึง‘ดูแล’น้องสาวอีกเล็กน้อยก่อนจะพาทุกคนไปลานจอดรถ
ฟางผิงไม่รีบร้อนทักทายอู๋จื้อเห่ากับพวก ฟางผิงหันไปหาถานเจิ้นผิงด้วยรอยยิ้ม ขอโทษที่รบกวนครับลุงถาน
ไม่เป็นไร บังเอิญฉันก็มาที่นี่เหมือนกัน
จากนั้นถานเจิ้นผิงก็เอ่ยถาม แล้วสองคนนี้คือ…
โอ้ ขอโทษครับ ผมลืมแนะนำพวกเขาไป
ฟางผิงพูดขึ้นมาทันที นี่คือฟู่ชางติ่ง ส่วนนี่คือจ้าวเสวี่ยเหมย ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมชั้นผมจากโม๋อู่
เอ่อ เป็นอัจฉริยะจากโม๋อู่นี่เอง เสียมารยาทแล้ว!
ถานเจิ้นผิงปั้นหน้าสุภาพ แม้ว่าหัวใจของเขาจะเต้นตุบตับด้วยความหวาดกลัวระคนสงสัยก็ตาม ทั้งสองเผยรังสีอันตรายมากออกมา
นักศึกษาโม๋อู่แข็งแกร่งกันแบบนี้ทุกคนเลยเหรอ?
ในแง่ของปราณและเลือด เขาสัมผัสถึงมันไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นขั้นหนึ่งสูงสุดเช่นกัน แต่ขั้นหนึ่งสูงสุดก็แตกต่างกัน
พวกฟู่ชางติ่งแข็งแกร่งกว่าเขา ถานเจิ้นผิงไม่รู้สึกอะไรเลยหากพวกเขาตั้งใจระงับมันไว้
ถ้าเขาไม่รู้สึกอะไร งั้นก็ไม่มีทางที่คนอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธจะสัมผัสได้
จากนั้นฟางผิงก็แนะนำทุกคนให้ฟู่ชางติ่งกับจ้าวเสวี่ยเหมยรู้จัก
ทุกคนสนิทกันเร็วมาก ขณะที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน ฟู่ชางติ่งก็ถาม พวกนายมาดูงานประลองกันหมดเลยเหรอ?
อู๋จื้อเห่าพยักหน้า ใช่ จากที่อาจารย์บอก นักศึกษาที่ร่วมงานประลองครั้งนี้ล้วนเป็นอัจฉริยะของมหาลัยวิชายุทธประเทศจีน แต่ละคนล้วนมีความโดดเด่น…
อะแฮ่ม อะแฮ่ม…
ฟู่ชางติ่งหัวเราะแห้งๆพลางคิดไปพลาง ‘ประจบกันต่อหน้าแบบนั้นจะดีเหรอ?’
อู๋จื้อเห่าไม่ได้สังเกตเห็นถึงบรรยากาศแปลกๆ กลับกันเขาถามด้วยความสงสัย พี่ฟู่ พวกคุณเป็นนักศึกษาโม๋อู่ พวกคุณน่าจะรู้จักนักศึกษาโม๋อู่ที่เข้าร่วมงานประลองใช่ไหม?
รู้สิ เรารู้…
ฟู่ชางติ่งชำเลืองมองฟางผิงแวบนึง เป็นเชิงสอบถามชัดเจนว่าเขาควรตอบอย่างไร?
จะบอกหรือไม่บอก?
เขาละอยากบอกจริงๆ!
ถ้าเขาบอกไป คนพวกนี้จะเริ่มบูชาเขาทันทีเลยไหม?
ฟางผิงกลอกตามองบนและเมินเขาไป
เวลานี้ฟางผิงไม่มีเจตนาบอกให้พวกเขารู้ ถ้าพวกเขารู้ เขาต้องถูกถามวุ่นวายจนหัวหมุนเป็นแน่
รอให้ถึงพรุ่งนี้ พอพิธีเปิดเริ่ม ทุกคนย่อมทราบเอง
เวลานั้นเขาไม่ได้อยู่ข้างพวกเขาอีก เขาจะได้รอดพ้นจากการถูกระดมยิงคำถาม
ให้ความจริงเป็นตัวอธิบายคงง่ายกว่ามานั่งอธิบายเยอะ
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ฟู่ชางติ่งได้แต่ตอบปัดไปคร่าวๆ จากนั้นอู๋จื้อเห่าก็ถามเรื่องข่าวลือบนอินเตอร์เน็ตเกี่ยวกับผู้เข้าร่วมงานประลอง ตัวอย่างเช่นจ้าวเหล่ย…
ฟู่ชางติ่งกล่าวแห้งๆด้วยสีหน้าซับซ้อน จ้าวเหล่ยแข็งแกร่งมากจริงๆ…
เวลานี้แม้แต่หลิวรั่วฉีก็รู้สึกสนใจ เธอถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา จ้าวเหล่ย…เขาดูเหมือนในรูปที่กระจายอยู่บนอินเตอร์เน็ตไหม?
เป็นเรื่องปกติที่เด็กสาวจะชื่นชมคนแข็งแกร่งที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
แน่นอนหลิวรั่วฉีไม่ได้ถึงขั้นชื่นชม แต่เธอย่อมรู้สึกสนใจระดับหนึ่ง
ประมาณนั้น…บางทีอาจต่างออกไปเล็กน้อยล่ะมั้ง? ฟู่ชางติ่งรู้สึกซับซ้อนอยู่ในใจ เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ หน้าเขา…อาจอ้วนกว่านั้นนิดหน่อย เขาเปลี่ยนหน้าได้ บางครั้งหน้าเขาก็อ้วนขึ้นได้!
เอ๊ะ?
หลิวรั่วฉีตะลึง มันเป็นไปได้เหรอ?
จ้าวเสวี่ยเหมยหัวเราะแทบตาย เธอกลั้นหัวเราะสุดความสามารถก่อนจะพูดออกมา อย่าไปฟังเขาพูดเหลวไหล เราไม่ค่อยรู้จักจ้าวเหล่ยเท่าไหร่ ฟางผิงสนิทกับเขา พวกนายต้องไปถามฟางผิง
อู๋จื้อเห่ามีสีหน้าประหลาดใจ ฟางผิง นายถึงกับสนิทกับจ้าวเหล่ยเลยเหรอ? โคตรเจ๋ง พวกเราไม่ค่อยเจอผู้ฝึกยุทธมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงด้วยซ้ำ แต่นายสนิทกับพวกเขาแล้ว
ไม่เท่าไหร่หรอก ที่จริงฉันกับเขาไม่สนิทกันเท่าไหร่หรอก ตอนฉันไม่มีอะไรทำ ฉันชอบไปช่วยเขาเปลี่ยนหน้า!
เอ๊ะ?
พวกเขาเริ่มสับสนกันเล็กน้อย ฟางผิงก็ไม่ได้อธิบายเพิ่มเติม เขายิ้มและเปลี่ยนหัวข้อ พวกนายจองโรงแรมกันยัง?
จองแล้ว พวกเรากลัวว่ามาจองนาทีสุดท้ายโรงแรมจะเต็มเอา
พี่ หนูกับเสี่ยวหลิงยังไม่ได้จองโรงแรม! ฟางหยวนกล่าวอย่างลนลาน เธอตั้งใจพึ่งพาฟางผิงอย่างเดียว เธอจึงไม่ได้คิดเรื่องจองโรงแรมล่วงหน้าเลยสักนิด
ไม่มีใครถาม!
ฟางผิงกลอกตามองเธอ เขาคิดในใจ ‘ทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ?’
คนอื่นๆจองโรงแรมกันใกล้ๆโม๋อู่ เพราะยังไงเสียงานประลองก็จัดขึ้นที่โม๋อู่
…
การขับรถจากสถานีมาโม๋อู่ใช้เวลาน้อยกว่ามาก
ผ่านมาไม่ถึงสี่สิบนาที รถยนต์ก็มาถึงโรงแรมที่พวกอู๋จื้อเห่าจองไว้
เมื่อทุกคนก้าวลงจากรถ ฟางผิงก็พูดขึ้นมา ลุงถานไปเช็คอินก่อนเถอะ ผมจะไปส่งน้องสาวกับเพื่อนไปโรงแรมโม๋อู่
ฟางผิงเลือกที่นั่นไม่ใช่เพราะไม่มีเงิน แต่เพราะโรงแรมโม๋อู่ปลอดภัยกว่า แถมมันยังอยู่ใกล้แถวนี้ด้วย
ถานเจิ้นผิงย่อมไม่คัดค้าน เขาขอบคุณฟู่ชางติ่งกับจ้าวเสวี่ยเหมย หลังสัญญาว่าจะทานมื้อค่ำด้วยกัน เขาก็เดินไปโรงแรมพร้อมกับคนอื่น
หลังทุกคนเดินจากไป ฟางผิงก็หันมาทางฟู่ชางติ่งกับจ้าวเสวี่ยเหมย ขอโทษที่รบกวนนะ นายกลับไปทำธุรกิจของนายเถอะ ฉันจะไปจัดการให้น้องสาวก่อน
ไม่เป็นไร ถ้านายต้องการอะไรก็โทรบอกฉันละกัน คนขี้เหนียวฟางถึงเวลาซื้อรถแล้ว ฟู่ชางติ่งหยอกล้อ
ฟางผิงพูดอย่างไม่สะดุ้งสะเทือน ช่วงนี้ฉันยุ่ง เอาเวลาไหนมาคิดเรื่องซื้อรถ
นั่นก็จริง เอาล่ะ พวกเราไปก่อนนะ
ฟู่ชางติ่งกับจ้าวเสวี่ยเหมยจากไปอย่างรวดเร็ว อันที่จริงพวกเขายุ่งกว่าฟางผิงด้วยซ้ำ
โดยเฉพาะจ้าวเสวี่ยเหมย เธอพึ่งขัดเกลากระดูกขาชิ้นสุดท้ายเสร็จเมื่อคืน เช้านี้ก่อนเขาออกมา ฟางผิงไม่ได้ตั้งใจรบกวนเธอด้วยซ้ำ แต่จ้าวเสวี่ยเหมยอาสามาช่วย
หลังทุกคนจากไปแล้ว ฟางหยวนก็กล่าวอย่างไม่พอใจเล็กน้อย พี่ หนูอยู่หอพี่ไม่ได้เหรอ?
ก่อนหน้านี้เธอได้ยินฟางผิงบอกว่าเขาอยู่หอพักคนเดียว
หอพักห้ามไม่ให้คนนอกมาค้างคืน ได้แค่ดู แต่อยู่ไม่ได้
ฟางผิงส่ายหน้า เขาไม่ได้กุเรื่องมาเอง เขตหอพักโม๋อู่ห้ามไม่ให้คนนอกเข้าพัก
นักศึกษากับอาจารย์โม๋อู่ถือว่าเขตหอพักเป็นดินแดนบริสุทธิ์จุดสุดท้าย
ถ้าอาจารย์พาครอบครัวมามันยังไม่เป็นไร แต่ฟางผิงเป็นแค่นักศึกษาใหม่ พาครอบครัวมาย่อมไม่ดี
ขณะที่เขาพูด ฟางผิงก็ถือกระเป๋าเดินทางของเด็กสาวแล้วเดินไปโรงแรมโม๋อู่ด้วยกัน
โรงแรมโม๋อู่ตอนนี้มีผู้คนมากกว่าปกติ อย่างไรก็ตามพนักงานต้อนรับที่ล็อบบี้จำฟางผิงได้ทันทีและรีบออกมาต้อนรับ คุณฟาง ยินดีที่ได้พบครับ!
สวัสดี ช่วยผมเช็คอินให้น้องสาวทั้งสองหน่อย
ได้ครับ โปรดรอสักครู่
พนักงานต้อนรับไม่ได้ขอบัตรประจำตัวใดๆจากฟางผิง เพราะพวกเขามีประวัติเป็นของตัวเองอยู่แล้ว ไม่นานพวกเขาก็เช็คอินเสร็จ
ฟางหยวนเฝ้าดูอยู่ข้างๆมาตลอดเวลา เมื่อพวกเขาขึ้นลิฟต์ เธอก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้ พี่ไม่ได้จ่ายเงิน!
มันฟรี
ฟรี?
พี่บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? อาหารที่พักที่โรงแรมโม๋อู่ฟรีหมด แน่นอนคนนึงจะได้ห้องเดียวเท่านั้น…
จริงเหรอ?
ยัยหนูนี่ ตาแทบเป็นรูปเงินหยวนแล้ว!
ฟางผิงตำหนิเธอแบบติดตลกพลางพาทั้งสองขึ้นไปชั้นหก แม้ว่ามันจะไม่ใช่ห้องที่เขาพักครั้งก่อน แต่โครงสร้างก็ยังเหมือนเดิม ฟางหยวนส่งเสียงเฮทันทีที่เข้ามาในห้อง เห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่คิดมาก่อนว่าห้องจะกว้างขวางปานนี้
ห้องดีมากเลย ฟางผิง หนูจะสอบเข้าโม๋อู่ด้วย! ฟางหยวนกอดเบาะโซฟา สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
ฟางผิงกล่าวอย่างจนใจ ความต้องการของน้องต่ำมาก…
เดี๋ยวเราลงไปทานมื้อเที่ยงกัน หลังกินมื้อเที่ยงเสร็จ ตอนบ่ายพี่จะพาพวกเธอไปเดินชมโม๋อู่ อีกอย่าง อย่าเดินไปไหนมาไหนเอง พกโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอด
พี่จะไม่ค้างด้วย ถ้าพวกเธอมีปัญหาอะไร ถ้าไม่โทรหาพี่ก็ไปแจ้งคนของโรงแรม
โอเค รู้แล้ว ขี้บ่นจริงๆ
ฟางหยวนโบกมือไล่ แต่ไม่ช้าเธอก็ยิ้มกว้างและเอ่ยถาม พี่รู้จักนักศึกษาโม๋อู่ที่ร่วมการประลองไหม?
อือฮึ
งั้นพี่ขอลายเซ็นให้หนูหน่อยได้ไหม?
ฟางผิงสีหน้าอึมครึม ฟางหยวนอธิบายอย่างเลิ่กลัก หนูไม่ได้เอาไปขาย หนูอยากเก็บสะสม!
เสี่ยวหลิงดูงุนงง เธอกล่าวอย่างไม่แน่ใจ หยวนหยวน เราเอาไปเปิดตลาดได้นะ…
ไม่มีใครรู้ว่าเด็กสองคนนี้ไปจำคำพวกนี้มาจากไหน ตั้งแต่ที่พวกเธอเปิดปากพูดไปจนถึงปิดปากล้วนมีแต่คำว่า ‘เปิดตลาด’ และ ‘ผลจากชื่อเสียง’
ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ฟางหยวนปิดปากเสี่ยวหลิงทันทีด้วยสีหน้าตำหนิ ยัยโง่!
…
หลังจากความวุ่นวายเล็กน้อย ฟางผิงก็พาเด็กสาวลงไปทานมื้อเที่ยงด้านล่าง
ขณะที่พวกเขากำลังทานอาหาร พวกอู๋จื้อเห่าก็โทรมาและนัดทานมื้อค่ำด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนเตรียมตัวไปเดินสำรวจเซี่ยงไฮ้ ช่วงนี้เซี่ยงไฮ้คึกคักมาก
ฟางผิงก็ไม่ได้ว่าอะไร ยังไงทุกคนก็ไม่ใช่เด็กๆกันแล้ว
…
เวลาบ่ายสอง ฟางผิงพาฟางหยวนกับเสี่ยวหลิงไปมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้
เมื่อพวกเธอเห็นประตูหลักของโม๋อู่ สองสาวก็ประหลาดใจไม่ต่างกับตอนฟางผิงเห็นตอนแรก
ครั้งนี้ฟางหยวนเตรียมพร้อมมาชัดเจน แถมยังเอากล้องมาด้วย เธอให้ฟางผิงถ่ายรูปให้ตรงหน้าประตูหลัก เธอจะได้เอาไปล้างและแบ่งให้เพื่อนๆตอนกลับหยางเฉิง
เมื่อเข้าไปในมหาลัยและได้ยินฟางผิงบรรยายสถานการณ์คร่าวๆในมหาลัย ทั้งสองก็ต้องตกใจอีกครั้ง
โรงเรียนใหญ่แบบนี้ แต่มีนักศึกษาไม่กี่คน?
ฟางผิง หนูจะต้องเข้าโม๋อู่แน่นอน!
ฟางหยวนพูดแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน เสี่ยวหลิงก็ดูหลงใหลไม่ต่างกัน ในสายตาพวกเธอ มหาลัยใหญ่ขนาดนี้ย่อมเป็นมหาลัยดี
นอกจากนี้โม๋อู่ยังมีชื่อเสียงมาก
หลังจากเดินรอบมหาลัยได้ไม่นาน ฟางหยวนก็เริ่มมาก่อกวน เร็วสิ ไปดูหอพักนายกัน แม่ยังขอให้หนูถ่ายรูปไปฝากด้วย แม่อยากเห็นว่านายอยู่ดีไหม แม่ให้หนูมาดูด้วยว่านายสนิทกับเพื่อนร่วมหอไหม ดูเหมือนนายจะไม่มีเพื่อนเลย
…
เมื่อฟางผิงพาสองสาวน้อยมาเขตหอพักก็มีเสียงอุทานดังขึ้นมาอีกครั้ง
แต่เมื่อเข้ามาในหอพัก พวกเธอก็ร้องเสียงแหลมยิ่งกว่าเดิมอีก
ฟางผิงไม่รู้ว่าเด็กน้อยสองคนนี้ไปเอาแรงมาจากไหนเยอะแยะ พวกเธอไม่เหนื่อยแม้แต่น้อย
…
ฟางผิงรับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กตลอดทั้งบ่าย เด็กสาวทั้งสองอ้อยอิ่งอยู่ในหอพักสักครู่ก่อนที่จะเริ่มอยู่ไม่สุขและลากฟางผิงออกไปเที่ยวชมวิทยาเขต
ระหว่างทาง ฟางผิงก็เห็นเพื่อนร่วมชั้นหลายคนเดินเตร็ดเตร่ในวิทยาเขตพร้อมกับครอบครัว
ปกติแล้วโม๋อู่ไม่เปิดให้สาธารณะ แม้ว่าผู้ปกครองจะมา พวกเขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเข้ามาในมหาลัย
อย่างไรก็ตามครั้งนี้ต่างออกไป พิธีเปิดงานประลองจะเริ่มพรุ่งนี้ แม้ว่าประชาชนทั่วไปยังไม่อนุญาตให้เข้ามา แต่มีการผ่อนปรนข้อจำกัดให้นักศึกษาพาญาติสนิทและเพื่อนๆมามหาลัยได้
ผู้ปกครองส่วนใหญ่ก็มีอาการคล้ายกับฟางหยวนกับเสี่ยวหลิง
พ่อแม่หลายคนก็ยืดอกเชิดหน้า เห็นได้ชัดว่าพวกเขาภูมิใจที่ลูกๆเข้ามหาลัยอย่างโม๋อู่ได้
…
หลังสำรวจมหาลัยกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฟางหยวนกับเพื่อนก็หมดแรงสักที
ฟางหยวนไม่ได้รีบร้อนดูทุกอย่างในวันเดียว เพราะพวกเขายังอยู่อีกหลายวัน
ขณะที่พวกเขาออกจากมหาลัย ความผิดหวังเดียวที่ฟางหยวนรู้สึกคือเธอไม่ได้พบกับนักศึกษาที่เข้าร่วมงานประลอง
พี่ หนูไปเจอนักศึกษาที่ร่วมงานประลองได้ไหม?
น้องเจอพวกเขาแล้วไม่ใช่เหรอ?
เจอพวกเขาแล้ว? ไม่นะ…
เด็กสาวมีสีหน้าสับสน ฟางผิงกล่าวอย่างขบขัน น้องเจอพวกเขาแล้ว ที่จริงน้องเจอหลายคนด้วย
จริงเหรอ? เราเจอพวกเขาตอนหนูไมได้สนใจรึเปล่า? ทำไมพี่ไม่บอกหนู? ฟางหยวนบุ้ยปากอย่างไม่พอใจ
‘ถ้าพี่บอก พี่ก็โดนขอให้ไปขอลายเซ็นสิ’
เลิกคิดเรื่องลายเซ็นได้แล้ว ที่พี่เซ็นให้ยังไม่พออีกเหรอ? หลังกินข้าวเย็นเสร็จ น้องกับเสี่ยวหลิงก็อยู่แต่ในโรงแรมนะ อย่าออกไปเพ่นพ่าน พรุ่งนี้เช้าพี่ไม่มีเวลา แต่พี่จะให้คนมารับพวกน้อง พวกน้องไปโม๋อู่กับเขานะ
ฟางผิงต้องร่วมพิธีเปิดพรุ่งนี้ เขาย่อมยุ่งเกินกว่าที่จะมารับคนอื่น อย่างไรก็ตามหลี่เฉิงเจ๋อย่อมมาทำธุระแทนให้ได้
ไม่เป็นไร พรุ่งนี้พวกหนูจะไปกับพวกพี่สาวรั่วฉี
ไว้ว่ากัน ยังไงก็เถอะ เป็นเด็กดีนะ อย่าทำให้พี่ต้องห่วง
หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะ ใครอยากให้นายห่วงกัน…
หลังสองพี่น้องคุยกันสักพัก ฟางผิงก็ไม่ได้พากลับโรงแรมที่พักอยู่ กลับกันพวกเขาไปโรงแรมที่อู๋จื้อเห่าพักแทน
…
ตอนกลางคืน
ทุกคนทานอาหารด้วยกัน แต่เพราะฟางผิงยังต้องกลับไปมหาลัย เขาจึงทานค่อนข้างรีบ เมื่อคนอื่นเห็นว่าฟางผิงมีธุระ พวกเขาจึงล้มเลิกแผนคุยกันโต้รุ่ง ยังไงเสียทุกคนก็อยู่เซี่ยงไฮ้อีกหลายวัน
หลังทานมื้อค่ำเสร็จ ฟางผิงก็ส่งฟางหยวนกับเสี่ยวหลิงกลับโรงแรม จากนั้นเขาก็กลับหอพักและไปโรงฝึกตามปกติ
เมื่อเขามาถึง สมาชิกทีมตัวจริงกับทีมสำรองก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว
นอกจากพวกนี้ อาจารย์ขั้นหกก็อยู่เช่นกัน
ทันทีที่ฟางผิงมาถึง ถังเฟิงก็กล่าวเสียงทุ้ม ทุกคนมากันแล้ว พรุ่งนี้เป็นพิธีเปิด ไม่มีการประลอง แต่ทุกคนต้องจับสลากเพื่อตัดสินคู่ประลองรอบแรก!
รอบแรกของเรา จะดีที่สุดถ้าเราไม่เจอคนจากจิงอู่!
แม้ว่าจะมีมหาลัยมากมาย มีอัจฉริยะนับไม่ถ้วนอยู่ในพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธกับแปดมหาลัยพันธมิตร แต่ในสายตาเรา จิงอู่เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด!
ถ้าเราเจอกับจิงอู่รอบแรก เราอาจจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ทีมตัวจริงควรพยายามสุดความสามารถเพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเราในการประลองนัดที่เหลือ
ไม่มีใครพูดอะไร ความหมายที่แท้จริงในคำพูดของถังเฟิงคือถ้าพวกเขาเจอจิงอู่รอบแรก เขาอาจต้องใช้กลยุทธ์เลี่ยงการต่อสู้
ถ้าเป็นแบบนั้น คนที่ถูกส่งไปประลองอาจเป็นคนจากทีมสำรอง
อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าพวกนักศึกษาไม่ได้คิดแบบนั้น
ทุกคนล้วนเป็นอัจฉริยะ ไม่มีใครคิดว่าตนเองด้อยกว่าคนอื่น ยิ่งกว่านั้นการหลีกเลี่ยงการประลองรอบแรก การประลองนัดหลังๆก็จะยากขึ้น มันมีทั้งข้อดีข้อเสีย
ถังเฟิงไม่ได้อธิบายละเอียด เขาจะอธิบายอีกทีถ้าพวกเขาจับได้จิงอู่จริงๆ
ถังเฟิงพูดต่อ สำหรับการประลองครั้งนี้ ทางมหาลัยได้เตรียมของบางอย่างให้ทุกคนเช่นกัน
แต่ละคนจะได้รับเม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 10 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 5 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 2 เม็ด
นอกจากนี้แล้วยังมีน้ำเยียวยา ยารักษาแผลจากโลหะ และเม็ดยารักษา
แถมใครขาดอาวุธอัลลอยยังยืมอาวุธจากมหาลัยได้ชั่วคราว แต่ต้องคืนด้วย
แต่ถ้าใครไม่จำเป็นต้องใช้ก็อย่าได้ยืม อาวุธไม่คุ้นมือไม่ควรใช้…
เวลาแบบนี้โม๋อู่ย่อมไม่ขี้เหนียว พวกเขามอบยารักษาและยาฟื้นฟูปราณและเลือดให้มากมาย
แม้ว่าอาวุธอัลลอยจะได้แค่ยืม แต่มันก็ดีกว่าไม่มีอะไรเลย
หลังเตรียมการเสร็จสิ้น ฟางผิงก็แวะไปแผนกโลจิสติกส์เพื่อยืมดาบ ถุงมือต่อสู้ มีดสั้น…
ที่จริงฟางผิงอยากยืมเกราะเต็มตัวครบเซ็ตด้วย แต่เฒ่าหลี่บอกว่าไม่มี!
ฟางผิงย่อมไม่เชื่อ แต่เนื่องจากเฒ่าหลี่ปฏิเสธไม่ให้ยืม มันจึงเห็นได้ชัดว่ามหาลัยไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้ทุกคนขึ้นประลองโดยหลบอยู่หลังชุดเกราะ ฟางผิงจึงได้แต่ล้มเลิกความคิด
หลังเตรียมการเสร็จ ทุกคนก็กลับหอพักกันแต่เนิ่นๆ คืนนั้น เขตนักศึกษาใหม่เขตหนึ่งเงียบเป็นพิเศษ