วันที่ 12 ฟางผิงไม่ได้นั่งบนชั้นสองให้เหมาะสมกับสถานะผู้ร่วมประลอง
เขานั่งอยู่กับฟางหยวนด้านล่าง
คู่ประลองวันนี้คือพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธกับแปดมหาลัยพันธมิตร
จากพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ มีสองคนที่มาจากทีมหลัก ไป๋อิ่นกับเฉินเจียเซิง อีกสามคนเป็นคนทีมสำรอง หนึ่งในนั้นคือหวังหวยจินจากมหาลัยวิชายุทธตงอู๋
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของแปดมหาลัยพันธมิตร…
ไช่ชิงไห่เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มาจากทีมหลัก
ปรมาจารย์หลายคนจากแปดมหาลัยพันธมิตรถลึงตามองฟางผิงจากที่นั่งชั้นสองอย่างดุร้าย จิตสังหารเต็มเปี่ยม
เมื่อวานสมาชิกหลายคนดูเหมือนไม่ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเว่ยปินด้วย แต่พวกเขาเลือดออกภายใน พวกเขาจึงมาประลองไม่ได้
ไช่ชิงไห่เป็นข้อยกเว้นคนเดียว แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บที่ขา แต่หลังได้รับรักษามาวันนึง อาการเขาก็ดีขึ้น
ฟางผิงเกือบทำลายทีมตัวจริงพวกเขาแล้ว!
พิธีกรหลิวหัวหรงประกาศด้วยความเสียใจ เมื่อวันนี้ หลายคนจากทีมหลักของแปดมหาลัยพันธมิตรได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดออกภายใน พวกเขาจึงขึ้นประลองไม่ได้ จึงมีไช่ชิงไห่คนเดียวเท่านั้นที่มาจากทีมหลัก
แม้ว่าคนอื่นจะมาจากทีมสำรอง แต่ผมเชื่อว่ายอดอัจฉริยะเหล่านี้จะประลองกันอย่างน่าเหลือเชื่อ!
…
ฟางผิงไม่กล้ามองชั้นสองด้วยซ้ำ สายตาที่มองมาน่ากลัวมาก!
ฟางผิงไม่เข้าใจ ‘มันเป็นความผิดฉันได้ยังไง?’
‘คนจากฝั่งคุณไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ยืนกรานรับกระบวนท่าฉัน! ไม่ถูกโจมตีจนตายก็ถือว่าเก่งแล้ว!’ เวลานี้ เขาแข็งแกร่งมากจนสังหารผู้ฝึกยุทธขั้นสองในสามดาบได้อย่างไม่มีปัญหา
…
บางคนก็คิดว่าการประลองวันที่ 12 คงจะน่าเบื่อ
บางทีมันอาจไม่ตื่นเต้นมากเท่าการประลองเมื่อวาน แต่มันโหดเหี้ยมมากกว่า
ถูกต้อง มันโหดเหี้ยมมาก
หากใครแพ้การประลองรอบนี้ พวกเขาต้องบอกลางานประลองและจบลงด้วยอันดับสี่ ทรัพยากรของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธจะไม่ถูกหัก แต่ถ้าแปดมหาลัยพันธมิตรไม่ได้อันดับสาม พวกเขาจะเสียทรัพยากรไปบางส่วน
คนแรกที่ขึ้นประลองจากทางฝั่งแปดมหาลัยพันธมิตรคือไช่ชิงไห่!
ไช่ชิงไห่ไม่คำนึงถึงชิวิต เขาหักซี่โครงทีมสำรองของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธด้วยสามกระบวนท่า ทำให้อีกฝ่ายทรุดลงกับพื้น หมดสติไป
ผู้ประลองคนที่สองจากพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธเป็นไป๋อิ่น
ไป๋อิ่นค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากับไช่ชิงไห่ สู้กันจนทั้งสองชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย สุดท้ายทั้งสองก็จบลงด้วยอาการสาหัส
ไป๋อิ่นถูกไช่ชิงไห่เตะจนขาหัก แต่ดาบเขาก็ฟันจนเปิดช่องท้องของไช่ชิงไห่!
…
ฟางผิงปิดตาฟางหยวนเอาไว้
โรงยิมเงียบสงัด
ยอดยุทธบนชั้นสองไม่ได้กล่าวอะไร ผู้ชมหญิงบางคนถึงกับร้องไห้
บางคนไม่เข้าใจ ทำไมพวกเขาถึงต้องเสี่ยงชีวิตด้วย? ที่สามที่สี่มันต่างกันตรงไหน?
คำพูดของเฉินเสวี่ยเยี่ยนฟังดูเย็นชา ทรัพยากรของประเทศมีอยู่จำกัด การบ่มเพาะผู้ฝึกยุทธ มีแต่จะใช้ทรัพยากรมากขึ้น ไม่มีลดลง!
มหาลัยทุกแห่งขาดแคลนทรัพยากรและเงินทุน!
แล้วพวกเราจะจัดการเรื่องนี้ยังไง?
เราก็ต้องสู้เพื่อทรัพยากร!
สู้ด้วยตัวเอง!
งานประลองเป็นการสู้เพื่อทรัพยากรเช่นกัน พวกเขาสู้เพื่อตัวเอง สู้เพื่อมหาลัย สู้เพื่อรุ่นน้องในอนาคต…
บางทีมันอาจจะโหดร้าย แต่นี่เป็นทางที่พวกเขาเลือกเอง!
ทุกคนพยายามเต็มที่ ไม่มีใครเสียใจ!
การเป็นผู้ฝึกยุทธไม่ใช่เพื่อความสนุก ไม่ได้เป็นเกม ทุกอย่างที่พวกเขามี มันมาจากความพยายามพวกเขา มาจากความพยายามของบรรพบุรุษ! คนรุ่นก่อนของผู้ฝึกยุทธรุ่นใหม่เหล่านี้ ก็ต้องผ่านการต่อสู้นองเลือดมาทั้งนั้น!
พวกเขาต่อสู้ถวายชีวิต!
พ่อของไช่ชิงไห่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นห้า แต่ไม่มีใครแสดงความเมตตาเพียงเพราะเขามีพ่อขั้นห้า
ไป๋อิ่นมีลุงขั้นสี่ที่ต่อสู้เพื่ออนาคตเช่นกัน…
บางคนพยายามไม่เท่าพวกเขา อดทนต่อความยากลำบากไม่เท่าพวกเขา แต่ดันโทษว่าตนเองโชคร้ายไม่ได้เกิดในครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่าง น่าขันนัก!
คนธรรมดาทำอะไรไม่ได้งั้นเหรอ?
ฟางผิงจากโม๋อู่มาจากครอบครัวธรรมดา พ่อแม่เป็นคนงานในโรงงานธรรมดาๆ ถึงอย่างนั้นฟางผิงก็มาถึงจุดนี้ได้ด้วยความพยายาม กลายเป็นหัวหน้าทีมของโม๋อู่ แสดงความสามารถของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้!
…
คำพูดของเฉินเสวี่ยเยี่ยนทำให้ฝูงชนเงียบลงอีกครั้ง
แต่การประลองต่อจากนั้นไม่ได้รับผลกระทบจากคำพูดของเธอ
แปดมหาลัยพันธมิตรใช้กลยุทธ์มดพิชิตช้าง ทำให้เฉินเจียเซิงถูกผลาญปราณและเลือดจนหมด ต้องออกจากเวทีไป แต่ค่าใช้จ่ายที่เสียไปคือผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นสูงบาดเจ็บสาหัสถึงสามคน
สุดท้าย ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งชั้นสูงคนสุดท้ายของแปดมหาลัยพันธมิตรก็เอาชนะคู่ต่อสู้ไปได้ เขาบังเอิญเป็นผู้ประลองคนที่สี่ของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ แต่เขาก็แขนหักไปข้างหนึ่ง
ชัยชนะจะถูกตัดสินจากผู้ประลองคนที่ห้าของจากทั้งสองทีมอีกครั้ง
ผู้ฝึกยุทธจากแปดมหาลัยพันธมิตรเหลือแขนเพียงข้างเดียว แต่เขาก็ยังดูน่ายำเกรง อาการบาดเจ็บไม่ได้ทำให้ฝีมือเขาตกลงอย่างใด
ผู้ฝึกยุทธคนสุดท้ายจากพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธก็มองว่าการประลองรอบนี้สำคัญมากเช่นกัน เมื่อก้าวขึ้นเวที เขาก็เสี่ยงชีวิตเพื่อชัยชนะ
ใครแพ้จะต้องตกรอบ!
ฟางหยวนไม่รู้ลืมตาเมื่อไหร่ เธอซุกหน้าอกฟางผิง ถามขึ้นมาเบาๆ พี่ ผู้ฝึกยุทธต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
ในอดีตไม่ใช่แบบนี้ แต่…บางทีในวันข้างหน้าทุกอย่างคงเป็นแบบนี้แหละ
ฟางผิงพึมพำเบาๆ ในอดีต ยอดยุทธปกป้องโลก แบกรับผืนฟ้าเอาไว้
แล้วอนาคตล่ะ?
ไม่มีใครบอกได้
…
สุดท้ายแปดมหาลัยพันธมิตรก็พ่ายแพ้ไป ผู้ฝึกยุทธที่เหลือแขนข้างเดียวหลั่งน้ำตาอย่างควบคุมไม่ได้ โดยไม่สนใจเลือดที่ไหลออกมาจากร่างกาย
พวกเขาแพ้แล้ว!
เขาไม่ได้ร้องไห้เมื่อได้รับบาดเจ็บ ความพ่ายแพ้ของเขาแปลว่า ปีหน้าทรัพยากรของแปดมหาลัยพันธมิตรจะเสียไป 30% มันเป็นทรัพยากรที่พอฝึกฝนผู้ฝึกยุทธขั้นสามถึง 30 คน!
ทรัพยากรที่พอฝึกฝนผู้ฝึกยุทธขั้นสี่ 2-3 คน!
บ่อยครั้ง ผู้ฝึกยุทธขั้นกลางเพียงพอให้เปลี่ยนกระแสการต่อสู้ที่มีขนาดย่อมๆ!
หนึ่งในปรมาจารย์ของแปดมหาลัยพันธมิตรเดินลงมาอุ้มชายหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้นเวทีแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม พอแล้ว ทุกคนทำได้ดีมาก! เก่งมาก!
เธอต่อสู้ได้สมกับชื่อเสียงของมหาลัยวิชายุทธ! ความกล้าหาญของเธอสมกับที่เป็นผู้ฝึกยุทธ!
ผู้ฝึกยุทธควรเป็นเช่นนี้!
พวกเราผู้ฝึกยุทธจากมหาลัยไม่กลัวการต่อสู้ พวกเราไม่กลัวการหลั่งเลือด! พวกเราต่อสู้ทุกครั้งด้วยจิตใจที่พร้อมสละชีพหากจำเป็น!
คำพูดของปรมาจารย์ดังก้องเปี่ยมด้วยพลัง!
น้ำเสียงเปี่ยมไปด้วยไอสังหาร เวลานี้ ฟางผิงรู้สึกเหมือนทวนทองอาชาเหล็กห้อตะบึงผ่านไป!
บางคนไม่รู้ก็ไม่เป็นไร!
บางคนไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร!
การต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินไม่มีทางให้ถอย!
เด็กรุ่นใหม่แสดงฝีมือออกมาแล้ว พวกเขากล้าหาญ พวกเขาสู้ถวายชีวิต แค่นั้นก็พอแล้ว!
พวกเขาเสียทรัพยากรไปบางส่วนแล้วไง? ตาเฒ่าอย่างพวกเขาปล้นสังหารเอามาได้ สิ่งสำคัญที่สุดคือจิตวิญญาณต่อสู้ของผู้ฝึกยุทธ!
พวกเขาลงลึกไปในถ้ำใต้ดินได้! มีใครบ้างไม่กล้า!
ผู้ฝึกยุทธ…
เวลานี้ ผู้ชมทั้ง 5000 คนก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างเช่นกัน สีหน้าของพวกเขาดูซับซ้อนอีกครั้ง
ต่อให้ไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่พวกเขาได้ยิน ผู้ฝึกยุทธควรเป็นเช่นนี้งั้นเหรอ?
คนหนุ่มสาวนับไม่ถ้วนที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ต่างก็รู้สึกพลุ่งพล่าน!
เสียงของปรมาจารย์เฒ่าเหมือนจะดังก้องอยู่ข้างหู
ผู้ฝึกยุทธจากมหาลัยไม่กลัวการต่อสู้ พวกเราไม่กลัวการหลั่งเลือด!