คำพูดของปรมาจารย์ผู้เฒ่าเป็นการยุติการประลองของวันที่ 12
แปดมหาลัยพันธมิตรเจอกับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ สุดท้ายแปดมหาลัยพันธมิตรพ่ายแพ้และถอนตัวออกจากงานประลอง
แม้ว่าการประลองจะจบลงแล้ว แต่แปดมหาลัยพันธมิตร มหาลัยวิชายุทธ งานประลอง และคำพูดของปรมาจารย์ผู้เฒ่าที่พูดต่อผู้ฝึกยุทธก็ไม่ได้เงียบลงเลย
ผู้ฝึกยุทธกล้าสู้ สู้จนตัวตาย?
พวกเขาสู้ไปทำไม?
พวกเขาสู้เพื่อใคร?
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเทศจีนไม่มีสงครามขนาดใหญ่แม้แต่ครั้งเดียว อาจมีสงครามเล็กๆเกิดขึ้นบ้าง แต่มันไม่เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธในมหาลัยวิชายุทธถูกมั้ย?
บนโลกออนไลน์พูดคุยกันอย่างดุเดือด
กระนั้นก็ไม่มีใครตอบ ไม่มีใครมีคำตอบที่ชัดเจน ความรู้สึกไม่แน่นอนผุดขึ้นมาในใจของคนธรรมดา
…
การประลองรอบนี้ ฟางผิงกับพวกเป็นแค่ผู้ชมเท่านั้น
หลังการประลอง ฟางผิง ฟู่ชางติ่งและคนที่เหลือก็มารวมตัวกัน
ณ โรงฝึก
ไป๋รั่วซีก็มาด้วยเช่นกัน เมื่อทุกคนมากันพร้อม เธอก็พูดขึ้นมา พรุ่งนี้เราต้องสู้กับจิงอู่ ถ้าเราชนะ เราก็จะได้รอจนกว่าจิงอู่กับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธชิงกันอีกรอบ
ถ้าเราแพ้ เราก็ต้องไปเจอกับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ จากนั้นถึงเจอกับจิงอู่อีกรอบ
นอกจากเฉินเจียเซิง สมาชิกทีมหลักของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธส่วนใหญ่บาดเจ็บสาหัส
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธไม่ใช่กุญแจสำคัญ กุญแจสำคัญคือเราจะได้อันดับหนึ่งไหม
พรุ่งนี้ ทางมหาลัยหวังว่าพวกเธอจะเก็บแรงเอาไว้ เพราะไม่ว่าเราจะชนะหรือแพ้ เราก็ยังต้องเจอกับจิงอู่อีกรอบ…
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธส่วนใหญ่บาดเจ็บสาหัส ไม่ว่าจะเป็นจิงอู่หรือโม๋อู่ก็เอาชนะได้ไม่ยาก
ที่สำคัญที่สุด สองมหาลัย โม๋อู่จิงอู่มั่นใจมากว่าพวกเขาจะได้เผชิญหน้ากันรอบสอง
ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ขึ้นอยู่กับการจัดตำแหน่งทีม
ฟางผิงพูดตรงๆ แค่ทำให้ทีมจิงอู่บาดเจ็บสาหัสในการประลองวันพรุ่งนี้ รอบต่อไปก็ง่ายขึ้นแล้ว
ไป๋รั่วซีหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ มันจะง่ายขนาดนั้นได้ไง?
ไป๋รั่วซีเมินฟางผิงและพูดต่อ จิงอู่อาจไม่ส่งทีมหลักทุกคนมาร่วมประลองพรุ่งนี้ หลี่หรานกับจางเจิ้งกวงก็ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ทั้งสองคงไม่ร่วมประลองทั้งๆที่ยังบาดเจ็บอยู่หรอก
ทั้งสองคงหายจากอาการบาดเจ็บทันรอบสุดท้ายวันที่ 15 ให้พวกเขาร่วมประลองตอนนั้นเหมาะสมมากกว่า
ดังนั้นสมาชิกทีมจิงอู่น่าจะมี หานซวี่ ฟางเหวินเสียง เว่ยซู่เจี๋ย สามคนจากทีมหลัก อีกสองคนจากทีมสำรอง
สมาชิกทีมสำรองของพวกเขาล้วนเป็นขั้นหนึ่งสูงสุด พวกเขาแข็งแกร่งมาก อย่าประเมิณพวกเขาต่ำไป
ถ้าเราส่งทั้งทีมหลักเข้าประลองพรุ่งนี้ แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝัน ทุกคนเกิดบาดเจ็บขึ้นมา การประลองรอบสุดท้ายเราจะลำบากเอา…
หากพรุ่งนี้ทีมหลักของโม๋อู่พ่ายแพ้ในการประลอง ต่อให้รอบต่อไปชนะพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ แต่รอบชิงชนะเลิศวันมะรืนคงขึ้นประลองไม่ได้เพราะอาการบาดเจ็บ
หลี่หรานกับจางเจิ้งกวงจากจิงอู่แข็งแกร่งกันทั้งคู่ พวกเขาอาจเป็นคนขึ้นประลองในวันมะรืน
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย อาจารย์ไป๋มีความคิดอะไรบอกพวกเราเถอะ
เราไม่มีทางตัดสินได้ว่าหานซวี่จะขึ้นประลองเป็นคนแรกไหม ถ้าใครเผชิญกับหานซวี่และท่าร่างไม่เร็วพอ บางทีอาจสร้างความเสียหายให้เขาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
จากทางมหาลัย พรุ่งนี้จ้าวเหล่ยกับเธอจะไม่ได้ขึ้นประลอง เผื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น…
จ้าวเหล่ยไม่พอใจ อาจารย์ มาถึงขั้นนี้แล้ว ขนาดเรายังกลัว จิงอู่จะไม่กลัวบ้างหรอ?
ถ้าเราบาดเจ็บ ผมว่าจิงอู่ก็คงไม่ได้ดีไปกว่าเรา…
อย่าลืมว่าพวกเขายังมีสมาชิกทีมสำรองขั้นหนึ่งสูงสุดอีกห้าคน!
ไป๋รั่วซีจริงจังขึ้นมา มหาลัยกังวลว่าพวกเขาจะใช้กลยุทธ์มดพิชิตช้าง!
ให้สมาชิกทีมสำรองสร้างความเสียหายต่อทีมหลัก ถ้าสมาชิกทีมหลักของเราบาดเจ็บ เราก็เหลือถังซ่งถิงคนเดียวที่เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดในทีมสำรอง!
เฉินหยุนซีที่มีความภาคภูมิใจของตนเอง จิตใจได้รับความเสียหายจนหมดความมั่นใจในตัวเองไปแล้ว แม้อาจารย์ของเธอจะเมินเฉยใส่เธอ เฉินหยุนซีก็ทำได้แต่ปิดปากเงียบ
แต่ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ก็ตัดสินกันในการประลองรอบสุดท้าย เพราะอย่างนั้น เราต้องออมแรงให้มาก
คำแนะนำของมหาลัยก็ไม่ได้แย่ซะทั้งหมด ยังไงเสียการประลองเพื่อชิงที่หนึ่งและสองเป็นการประลองรอบสุดท้าย
เนื่องจากสมาชิกทีมสำรองโม๋อู่อ่อนแอกว่าจิงอู่ ถ้าสมาชิกทีมหลักบาดเจ็บจากการประลองรอบพรุ่งนี้ มันคงพูดยากว่าสมาชิกทีมสำรองจะประลองรอบสุดท้ายไหวไหม
ถ้าเก็บทีมหลักเอาไว้ พรุ่งนี้จิงอู่ส่งสมาชิกทีมสำรองมาก็ไม่มีประโยชน์
การประลองรอบตัดสินคือวันที่ 15 ถ้าทีมหลักถูกจัดการหมด งั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องสู้กับทีมสำรองพวกเขาเลย
ฟางผิงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มหาลัยจัดทีมยังไง?
ถังซ่งถิง จ้าวเสวี่ยเหมย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน ทั้งสี่เป็นผู้ประลอง มีจ้าวเหล่ยไม่ก็เธอป้องกันเป็นด่านสุดท้าย
อาจารย์ถังเฟิงคิดว่าฟางผิงไม่จำเป็นต้องไป ปล่อยให้จินเหลยจากทีมสำรองไปแทน…
แบบนั้นเราจะแพ้ชัดๆเลยไม่ใช่เหรอ?
จ้าวเหล่ยไม่พอใจ แม้คำพูดของเขาจะฟังดูเหมือนเขาไม่เชื่อใจสมาชิกทีมตัวเอง แต่เขาก็ได้แต่พูดความจริง
ทั้งฟางผิงทั้งจ้าวเหล่ยไม่ได้ขึ้นสู้ จินเหลยเป็นเพียงขั้นหนึ่งชั้นสูง ถ้าเขาเผชิญหน้ากับหานซวี่ ฟางเหวินเสียงและคนที่เหลือ ความพ่ายแพ้ก็เป็นที่แน่นอนแล้ว
ต่อให้เราแพ้ เราก็ยังมีโอกาสแก้ตัว!
ถังเฟิงเดินผ่านประตูมาและพูดเสียงดัง สมาชิกทีมหลักสองสามคนจะอยู่เตรียมตัวประลองตัดสินวันที่ 15 นี่เป็นกุญแจสำคัญตัดสินว่าเราจะชนะหรือแพ้ในการประลองรอบตัดสิน!
แต่…ปรมาจารย์บอกว่าผู้ฝึกยุทธไม่กลัวการต่อสู้ เราไม่กลัวการนองเลือด…
โง่เขลา มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกลัวการต่อสู้หรือกลัวการนองเลือด นี่เป็นกลยุทธ์ตามปกติ! วันหนึ่งเมื่อคุณเข้าถ้ำใต้ดิน คุณจะพุ่งพรวดไปโจมตีรังศัตรูเลยงั้นเหรอ?
หลังถังเฟิงตำหนิจ้าวเหล่ย เขาก็มองฟางผิงแล้วถาม คุณเป็นหัวหน้าทีม คุณคิดเห็นอย่างไร?
ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ ผมทั้งไม่อยากแพ้และไม่อยากสู้เพิ่มอีกรอบ แต่ความกังวลของมหาลัยมีเหตุผล จ้าวเหล่ยอยู่เตรียมตัวดีกว่า
ฉันรู้!
จ้าวเหล่ยไม่พอใจยิ่ง เขารู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์มันจะเป็นอย่างนี้!
ตั้งแต่แรกแล้ว เขาไม่มีโอกาสได้ขึ้นประลอง!
ส่วนประลองชิงชนะเลิศ ไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นอย่างไร มันยังพูดยากว่าเขาจะได้ขึ้นประลองไหม
งั้นก็ตกลง พรุ่งนี้คุณจะเป็นคนสุดท้าย
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กๆ ทำไมพรุ่งนี้ไม่ให้ผมเป็นคนแรกล่ะ…
จ้าวเหล่ยไม่ได้ประลอง ฟางผิงกังวลว่าสี่คนก่อนหน้าเขาจะรู้สึกกดดันมาก
ไม่จำเป็น คุณจะเป็นคนสุดท้ายเพื่อสังเกตสถานการณ์ ถ้าสถานการณ์ย่ำแย่ ตอนท้าย…คุณได้รับอนุญาตให้ออมแรงเอาไว้!
แม้ว่าถังเฟิงจะไม่ได้พูดออกมาชัดเจน แต่ทุกคนก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร
ถ้าสี่คนแรกแพ้ ตกอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ งั้นฟางผิงจะขึ้นประลอง แต่ไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัว เพื่อออมแรงเอาไว้
การประลองรอบสุดท้ายในวันที่ 15 ต่างหากที่เป็นของจริง!
ฟางผิงไม่ได้เห็นต่าง หยางเสี่ยวม่านเม้มปาก อาจารย์ไม่ต้องห่วง พวกเราไม่ได้แพ้ง่ายๆ!
พยายามอย่าให้ตัวเองบาดเจ็บหนัก การประลองพรุ่งนี้ไม่ใช่การประลองตัดสินแพ้ชนะ!
ถังเฟิงเอ่ยเตือนอีกครั้ง ไม่ว่าทุกคนจะฟังหรือไม่ แต่ไม่มีใครบังคับพวกเขาได้ แม้แต่อาจารย์อย่างเขาก็ตาม
คำพูดเกินจริงของหลายคนในช่วงไม่กี่วันมานี้ ได้ปลูกฝังแนวคิดซึ่งทำให้ทุกคนคิดว่าผู้ฝึกยุทธบนเวทีประลองกำลังอยู่บนสังเวียนเป็นตาย
มาบอกให้พวกเขาหลีกเลี่ยงการต่อสู้ สำหรับนักศึกษาที่มีความภูมิใจและความทะนงตน มันจะเกิดผลตรงกันข้ามมากกว่า
หลังหารือเรื่องลำดับประลอง ถังเฟิงก็จากไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเดินจากไป เขาไม่ลืมเตือนให้ฟางผิงไปเอาเม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 5 เม็ด
…
เมื่อฟางผิงไปรับยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 5 เม็ดจากแผนกโลจิสติกส์ เขาก็รู้สึกพึงพอใจอีกครั้ง
ไม่กี่วันมานี้ มหาลัยแจกจ่ายเม็ดยาปราณและเลือดสามัญ 10 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 10 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 2 เม็ด รวมถึงเม็ดยารักษาจำนวนหนึ่ง
รวมทั้งหมดแล้ว ค่าทรัพย์สินของฟางผิงเพิ่มขึ้นมาประมาณ 4 ล้าน
หลังผลาญค่าทรัพย์สินมากว่าครึ่งเดือน และได้รับค่าชดเชยมาจากมหาลัย รายรับก็เท่ากับรายจ่ายอีกครั้ง
กลางเดือนธันวาคม ฟางผิงพึ่งบรรลุขั้นหนึ่งสูงสุด ค่าทรัพย์สินเขาอยู่ที่ 11 ล้าน ปราณและเลือด 319แคล
วันนี้ หลังผ่านเวลามาเดือนนึง แม้ว่าเขายังไม่บรรลุขั้นสอง แต่ความสามารถเขาเพิ่มขึ้นมากโข
ทรัพย์สิน : 10,000,000
ปราณและเลือด : 310แคล (330แคล)
จิตใจ : 279เฮิรตซ์ (299เฮิรตซ์)
ขัดเกลากระดูก : 62 ชิ้น (90%) 14 ชิ้น (40%) 130 ชิ้น (30%)
ภายในหนึ่งเดือน ค่าทรัพย์สินของเขามาถึง 330แคล แม้แต่ฟางผิงก็ประหลาดใจ เขาคิดว่าขีดจำกัดเขาคือ 320แคลเสียอีก
ในเรื่องความคืบหน้าการขัดเกลากระดูก กระดูกมือบางส่วนของเขาถูกขัดเกลาเนื่องจากเขาใช้ยาเสริมสร้างร่างกาย
นอกจากนั้น หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดคือวิชาต่อสู้ที่พัฒนาขึ้น
บนเวทีประลอง ฟางผิงได้แสดงฝีมือ สำเร็จวิชาต่อสู้ขั้นกระบวนท่าร้ายแรงถึงสองวิชา
แถมเขายังฝึกจวงกงสำเร็จถึงขั้นว่างเปล่า
ด้วยฝีมือระดับนี้ เขามีคุณสมบัติเป็นยอดอัจฉริยะในหมู่นักศึกษาใหม่ หรือแม้แต่ในหมู่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง
ความสามารถของจิงอู่ไม่ได้อ่อนแอ แม้หานซวี่จะจัดการได้แค่สองคนติด แต่มันเป็นเพราะซุนหมิงยวี่ทุ่มสุดตัว ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ไม่งั้นเขาอาจต่อคนที่สามไหว
ฟางเหวินเสียง…เจ้าคนที่เอาชนะเฉินเจียเซิง เขาไม่ได้แสดงฝีมือเท่าไหร่ เขาดื้อรั้นรับดาบคู่ของเฉินเจียเซิง เอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยหมัดเขย่าสวรรค์ไม่กี่หมัด
แม้ว่าเฉินเจียเซิงจะสู้มาสองรอบ ใช้ปราณและเลือดไปมากมาย แต่เขาก็ยังเป็นขั้นสอง เขาแทบถูกฟางเหวินเสียงฆ่าตาย
ฟางผิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้นัก
การประลองพรุ่งนี้ มหาลัยอยากให้พวกเขาเก็บแรงเอาไว้ อย่างไรก็ตามคนหนุ่มสาว แม้แต่ฟางผิงที่กลับมาเกิดใหม่ เขาก็ยังเป็นคนหนุ่ม!
มีคนหนุ่มสาวคนไหนบ้างไม่มีความทะนง ไม่มีความภาคภูมิใจ? บอกให้พวกเขาคิดถึงความพ่ายแพ้ก่อนได้ต่อสู้ ใครจะยอมรับกัน?
จิงอู่…
คืนนี้ ฟางผิงไม่ได้ฝึกฝนอะไรนัก ไม่นานเขาก็ปีนขึ้นเตียงแล้วหลับพักผ่อน
ฟางหยวนและพวกก็ไม่ได้รบกวนฟางผิง พวกเขารู้ว่าฟางผิงต้องประลองกับจิงอู่พรุ่งนี้ แม้พวกเขาจะรู้ว่าฟางผิงแข็งแกร่งมาก แต่จิงอู่เอาชนะผู้ฝึกยุทธขั้นสอง 2 คนจากพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ เป็นที่รู้จักกันในนามอันดับหนึ่งในหมู่มหาลัยวิชายุทธ ไม่มีใครกล้าดูแคลนจิงอู่
…
วันที่ 13 มกราคม
ณ โรงยิมโม๋อู่
ต่อไปจะเป็นการประลองระหว่างจิงอู่และโม๋อู่!
ระหว่างจิงอู่และโม๋อู่ มีความแค้นกันฝังลึก
การต่อสู้ระหว่างมหาลัยวิชายุทธที่ดีที่สุดของประเทศ!
การต่อสู้ระหว่างมหาลัยวิชายุทธที่ดีที่สุดของทางเหนือและทางใต้!
จิงอู่ดูแคลนโม๋อู่ ส่วนโม๋อู่ก็ดูแคลนจิงอู่ไม่ต่างกัน ทั้งสองมหาลัยต่อสู้กันเพราะเรื่องนี้มานานแล้ว…
โอ๊ะ เรากำลังออกนอกเรื่อง ผมเกรงว่ายอดยุทธระดับปรมาจารย์คงอยากหาอะไรมายัดปากผมแล้ว
หลิวหัวหรงหัวเราะ ยุติหัวข้อเหล่านี้
จากระบบการประลอง ผู้แพ้ในวันนี้จะประลองกับพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาผู้ชนะมาชิงอันดับหนึ่งกับผู้ชนะของวันนี้
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่การประลองวันนี้จะเป็นการประลองนัดแรกระหว่างจิงอู่กับโม๋อู่ พวกเขาอาจได้พบกันอีกครั้งในสองวันข้างหน้า
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการออมแรงเพื่อเตรียมตัวสำหรับการประลองรอบชิงชนะเลิศ หรือต่อสู้เพื่อคว้าชัยชนะครั้งแรกต่างก็เป็นคำถามที่น่าพิจารณา
หลิวหัวหรงมีความเข้าใจในระบบการประลอง เขาพินิจพิเคราะห์คำพูดของตน พูดยากจริงๆว่าใครจะเป็นผู้ชนะในครั้งนี้
การประลองรอบแรกในวันที่ 11 จิงอู่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม กระนั้นสมาชิกทีมหลักบางคนก็ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนโม๋อู่ หัวหน้าทีมฟางผิงเอาชนะสี่คนติด นอกจากฟู่ชางติ่งที่ขึ้นประลอง สมาชิกทีมหลักอีกสามคนต่างก็ยังไม่ได้ประลอง ความสามารถของพวกเขาจึงยังคาดเดาไม่ได้
พูดตามตรง ผมเดาไม่ออกเลยว่าใครจะเป็นผู้ชนะ
เอาล่ะ เรามาดูผู้เข้าประลองของทั้งสองทีมกันเถอะ!
เมื่อสิ้นเสียงพูด รายชื่อผู้เข้าประลองของทั้งสองทีมก็ถูกฉายบนหน้าจอใหญ่
จิงอู่ : เว่ยซู่เจี๋ย หลงเทา หานซวี่ ฟางเหวินเสียง หลิวฮ่าวหมิง
รายชื่อ…น่าสนใจ!
หลิวหัวหรงยิ้ม เนื่องจากอาการบาดเจ็บจากการประลองรอบก่อน หลี่หรานและจางเจิ้งกวงจากจิงอู่จึงไม่ได้ประลองรอบนี้ ไม่มั่นใจว่าพวกเขาประลองไม่ไหวเพราะอาการบาดเจ็บ หรือพวกเขาแค่ออมแรงกันแน่
แม้ว่าหลงเทากับหลิวฮ่าวหมิงจะเป็นสมาชิกทีมสำรอง แต่ทั้งคู่ต่างก็เป็นขั้นหนึ่งสูงสุด
คนแรกเป็นเว่ยซู๋เจี๋ย หานซวี่กับฟางเหวินเสียงถูกจัดให้เป็นคนที่สามและสี่ ผมมั่นใจว่าทุกคนคงเห็นฝีมือของทั้งสองแล้ว
พวกเขาเป็นผู้เข้าประลองขั้นหนึ่งที่แข็งแกร่งซึ่งเอาชนะขั้นสองได้!
ฟางผิงจากโม๋อู่จะเอาชนะสมาชิกทีมตัวจริงทั้งสองไหวเปล่านะ?
เอ๊ะ โม๋อู่ปรับผู้เข้าประลองใหม่ โม๋อู่ไม่มีสมาชิกคนไหนบาดเจ็บ…มันเป็นการออมแรงใช่ไหม?
พวกเขาเตรียมตัวออมแรงกันก่อน?
สมาชิกโม๋อู่มี จ้าวเสวี่ยเหมย ฟู่ชางติ่ง หยางเสี่ยวม่าน ถังซ่งถิงและฟางผิง
สมาชิกทีมหลักจ้าวเหล่ยไม่ได้ประลอง แต่ถังซ่งถิงที่เป็นขั้นหนึ่งสูงสุดและฟางผิงเป็นด่านป้องกันสุดท้าย
สถานการณ์แบบนี้…โม๋อู่ดูท่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ขณะที่หลิวหัวหรงอธิบาย เฉินเสวี่ยเยี่ยนก็พูดต่อ ถ้าสี่คนแรกแพ้ให้กับหานซวี่ งั้นฟางผิงก็จะต้องเผชิญกับหานซวี่ ฟางเหวินเสียงและหลงเทา
จ้าวเหล่ยเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดในการสอบวิชายุทธในเซี่ยงไฮ้ เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นเกลาสองครั้ง เกือบบรรลุระดับขั้นเกลาสามครั้ง
ตอนนี้จ้าวเหล่ยไม่ได้ประลอง สถานการณ์ของโม๋อู่ดูไม่ดีนัก พวกเขากำลังเตรียมตัวสำหรับการประลองนัดสุดท้ายในสองวันข้างหน้า
…
คำพูดของพิธีกรทั้งสองจากหน้าเวทีก็ดังมาหลังเวทีเช่นกัน
จ้าวเสวี่ยเหมยและคนอื่นๆต่างก็มีสีหน้าไม่พอใจ ฟู่ชางติ่งรู้สึกโมโห พวกเราแพ้แน่นอนเพียงเพราะจ้าวเหล่ยไม่ได้ขึ้นประลองเนี่ยนะ? พวกเขามองข้ามฉัน ฟู่ชางติ่ง ไปได้ยังไง? รอดูไปเถอะ ฉันจะทำให้พวกเขาอ้าปากค้าง!
ฉันหยางเสี่ยวม่านก็ไม่ใช่คนที่จะมาหาเรื่องได้!
หยางเสี่ยวม่านแค่นเสียงเบาๆ ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวเสวี่ยเหมยสีหน้าตื่นเต้นตึงเครียด ไป๋รั่วซีปลอบเธอเบาๆ ไม่ต้องกังวล เหตุผลที่ทำไมเธอถึงขึ้นประลองคนแรก เพราะเราพิจารณาแล้วว่ากระบวนท่าของเธอเหมาะกับการประลองนัดแรก…
จ้าวเสวี่ยเหมยอาจเป็นผู้หญิง แต่กระบวนท่าของเธอดุดันมาก มันจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิกที่ขึ้นประลองคนถัดไปอย่างยิ่ง
หยางเสี่ยวม่านก็มาปลอบเธอเหมือนกัน เว่ยซู่เจี๋ยไม่มีอะไรให้ห่วงหรอก รอบก่อนเขาแพ้ให้กับเฉินเจียเซิงง่ายๆเลย
เฉินหยุนซีที่เงียบมาตลอดก็พูดขึ้นมาเบาๆ ยังไงเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นเกลาสองครั้ง เสวี่ยเหมยระวังตัวไว้
ทีมหลักของจิงอู่ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นเกลาสองครั้ง อาจมีผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสามครั้งด้วยซ้ำไป แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ถูกต้อง
เว่ยซู่เจี๋ยแพ้ให้กับเฉินเจียเซิง อย่างไรก็ตามเฉินเจียเซิงเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสอง แถมยังเป็นขั้นสองที่แข็งแกร่ง จะมามองข้ามเขาเพราะเรื่องนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน
จ้าวเสวี่ยเหมยพยักหน้า สูดหายใจลึกๆ เงื้อพลองขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมา ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ทำให้โม๋อู่และทุกคนผิดหวัง!
ระวังตัวด้วย
ฟางผิงเอ่ยเตือน ฟางผิงรู้สึกกังวล เพราะจ้าวเสวี่ยเหมยเป็นพวกต่อสู้จนตัวตาย
ยิ่งกว่านั้น จ้าวเสวี่ยเหมยพึ่งเป็นขั้นหนึ่งสูงสุด แถมเธอยังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขั้นเกลาหนึ่งครั้ง ขีดจำกัดปราณและเลือดของเธอไม่สูงเท่าคู่ต่อสู้
นี่ทำให้ฟางผิงกังวลว่าเธออาจสู้ไม่ถอย ถ้าเธอบาดเจ็บสาหัสมันจะมีปัญหาเอา
ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ขีดจำกัดตัวเอง
หลังพูดจบ จ้าวเสวี่ยเหมยก็ก้าวเท้าขึ้นบนเวทีประลอง
ฟางผิงทำได้แต่ข่มความกังวลและมุ่งความสนใจไปที่เวทีประลองเหมือนกับคนอื่นๆ