World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 169.2 ช่วงรุ่งเรือง! (2)

ตอนที่ 169.2 ช่วงรุ่งเรือง! (2)

  ทั้งครอบครัวติดกลอนคู่ปีใหม่ที่หน้าประตู แขวนโคมไฟและเตรียมอาหารค่ำส่งท้ายปีอย่างมีความสุข…

  ด้านนอกมีเสียงประทัดดังตั้งแต่เช้าตรู่

  โทรศัพท์ก็ดังเป็นระยะเช่นกัน บางสายก็เป็นของฟางหมิงหรง บางสายก็เป็นของฟางผิง แต่…

  ส่วนใหญ่เป็นของฟางหยวน!

  ฟางผิงก็โทรไปสวัสดีปีใหม่หลายสายเช่นกัน

  สายของหลู่เฟิ่งโหรวโทรไม่ติด ฟางผิงจึงเดาว่าหลู่เฟิ่งโหรวอาจไปถ้ำใต้ดิน

  สายของหวังจินหยางโทรติด แต่เขาไม่ได้กลับมาฉลองปีใหม่ที่หยางเฉิง แต่ใช้เวลาอยู่ที่เจียงเฉิงแทน

  ตอนแรกฟางผิงไม่ได้สังเกต จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังผ่านโทรศัพท์  พี่จินหยาง อาหารค่ำพร้อมแล้ว! 

  มันเป็นเสียงที่คุ้นหูฟางผิงเล็กน้อย

  หลังครุ่นคิดสักพัก เขาก็จำได้ นั่นไม่ใช่ลูกสาวอาจารย์ของหวังจินหยางหรอกเหรอ?

  เหล่าหวังฉลองปีใหม่ที่นั่น…จิ๊ จิ๊!

  ฟางผิงทอดถอนใจ เขายังเป็นศิษย์อยู่ แต่เขาจะกลายเป็นลูกเขยแล้ว?

  อย่างไรก็ตามเด็กสาวดูอายุไม่มากนัก ที่จริงเธอดูเด็กกว่าฟางหยวนด้วยซ้ำ

  หลังตำหนิในใจอยู่หลายคำ ฟางผิงก็ไม่ได้คุยอะไรกับอีกฝ่ายนัก แล้ววางสายอย่างรวดเร็ว

  จากนั้นฟางผิงก็โทรหาครอบครัวฝั่งป้า

  หลังทั้งสองครอบครัวอวยพรให้กัน มื้อค่ำของวันส่งท้ายปีก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

  บนทีวีกำลังฉายภาพผู้นำประเทศจีนกำลังปลอบโยนและแสดงความเป็นห่วงนักรบชายแดน

  ฟางผิงเห็นนักรบที่อยู่ในแถวบางคนได้รับบาดเจ็บลางๆ…

  ในเขตชายแดน มีทางเข้าถ้ำใต้ดินหลายแห่ง

  …

  ยามค่ำคืน บ้านเรือนหลายหมื่นหลังสว่างสไว ดอกไม้ไฟเปล่งแสงสวยงาม

  ฟางผิงพาฟางหยวนไปชั้นล่าง จุดดอกไม้ไฟเล่นกันสักครู่ก่อนจะขึ้นไปฝึกฝนต่อที่ชั้นบน เขาไม่ได้สบายเหมือนฟางหยวน

  ยังไงเสียฟางหยวนก็อายุ 14 ปีเท่านั้น หลังปีใหม่ เธอก็อายุแค่ 15 ปี

  เธอไม่ได้รู้สึกถึงความเร่งรีบเหมือนฟางผิง ในสายตาฟางหยวน ขอแค่พี่ชายเธอแข็งแกร่ง แค่นั้นก็พอแล้ว

  ส่วนตัวเธอ ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ กลายเป็นผู้ฝึกยุทธและเข้าโม๋อู่ แม้ว่าเธอจะสนใจการบ่มเพาะ แต่เด็กสาวก็ไม่ได้รู้สึกเร่งรีบนัก

  ในห้องฝึกฝน

  ฟางผิงตรวจสอบค่าสถานะอีกครั้ง

  ค่าทรัพย์สิน : 19,200,000

  ปราณและเลือด : 340แคล (355แคล)

  จิตใจ : 305เฮิรตซ์ (312เฮิรตซ์)

  ขัดเกลากระดูก : 66 ชิ้น (90%) 10 ชิ้น (40%) 130 ชิ้น (30%)

  เขาขัดเกลากระดูกขา 62 ชิ้นไปแล้ว กระดูกแขน 64 ชิ้น เขาขัดเกลาไปแล้ว 4 ชิ้น เขาอยู่ห่างจากขั้นสองสูงสุดอีก 60 ชิ้น

  ถ้าเขาใช้ระบบเพิ่มความเร็วขัดเกลากระดูก เขาต้องใช้ค่าทรัพย์สินถึง 35 แต้ม!

  ‘ถ้าฉันใช้ระบบเพิ่มความเร็วขัดเกลากระดูก มันต้องใช้หกแสนแต้มต่อกระดูกหนึ่งชิ้น และฉันต้องซื้อเม็ดยาชำระร่างกายควบคู่ไปด้วย’

  ‘ถ้าฉันขัดเกลากระดูกเอง ประมาณสามแสนแต้มก็พอขัดเกลากระดูกชิ้นนึงแล้ว อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันเพื่อขัดเกลากระดูกแต่ละชิ้น’

  ‘ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนภาคเรียนจะเริ่ม ในครึ่งเดือนนี้ ฉันควรตั้งเป้าขัดเกลากระดูกทั้งสิบชิ้นที่ขัดเกลามา 40% แล้ว’

  ‘ถึงตอนนั้น ฉันจะเหลือเพียง 50 ชิ้น แบบนั้นค่าทรัพย์สิน 30 ล้านก็พอขัดเกลากระดูกจนครบหมดแล้ว’

  ฟางผิงคิดคำนวณอยู่ในหัว เขากำลังพิจารณาว่าเขาควรยอมลงทุนหลังเปิดภาคเรียนใหม่เพื่อให้เป็นขั้นสองสูงสุดอย่างรวดเร็วแล้วก้าวเข้าสู่ขั้นสามไหม

  ถ้ำใต้ดินอันตรายมากถ้าไม่มีความแข็งแกร่งของขั้นสาม

  ยิ่งกว่านั้น ดาบคลั่งระเบิดเลือดที่เขาฝึก จะระเบิดปราณและเลือดที่ทรงพลังที่สุดได้หลังจากเขาขัดเกลากระดูกแขนเสร็จแล้ว

  ไม่งั้น 100แคลจะเป็นขีดจำกัด ถ้าเขาต้องการระเบิดพลังให้สูงกว่านี้ ร่างกายจะได้รับความเสียหาย

   ผู้ฝึกยุทธขั้นสองทั่วๆไปมีปราณและเลือด 250แคลถึง 400แคล 

   พอฉันเป็นขั้นสองสูงสุด ฉันอาจมีปราณและเลือดสูงถึง 500แคล ขัดเกลาสามครั้งค่อยๆเพิ่มช่องว่างระหว่างฉันกับผู้ฝึกยุทธทั่วๆไป 

   แต่ฉันขาดเงิน ขาดค่าทรัพย์สิน… 

  ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง ถ้าเขามีเงิน มีค่าทรัพย์สินพร้อมพรัก เขาอาจบรรลุขั้นสองสูงสุดในหนึ่งเดือน

  ความยากจนจำกัดความก้าวหน้าของฉันอีกครั้ง

   อ่า ฉันหวังว่าไม่กี่ปีนี้สังคมจะสงบสุขนะ ไม่งั้นธุรกิจคงย่ำแย่! 

  ฟางผิงอธิษฐานไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ก่อนจะกลับมาสู่โหมดฝึกฝนอย่างรวดเร็ว ฝึกจวงกงและขัดเกลากระดูกไปพร้อมกัน

  …

  ในเวลาเดียวกัน

  ณ ทางเข้าถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้

  หลู่เฟิ่งโหรวขมวดคิ้ว  ถ้าสถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป ในสามปี เราอาจค้ำไว้ไม่ไหวอีก! 

   ปี 2012 วันสิ้นโลก… 

  หวงจิ่งตำหนิ  แม้แต่คุณก็เชื่อเรื่องเหลวไหลแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่ลัทธิชั่วพวกนั้นยังอยู่รอดมาได้! 

  หลู่เฟิ่งโหรวตอบอย่างไม่พอใจ  ฉันบอกเหรอว่าฉันเชื่อ? แต่สาเหตุที่ลัทธิชั่วดึงตัวผู้ฝึกยุทธมาได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน ในสามปี สถานการณ์จะเลวร้ายลงเป็นแน่! 

   สิ่งที่ฉันจะพูดก็คือ ปรมาจารย์อย่างคุณคิดอะไรไม่ได้เลยเหรอ? 

   ตอนนี้ทางเข้าถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดินแอบแฝงอยู่ ผู้ฝึกยุทธขั้นต่ำย่อมเข้าไปไม่ได้ 

  หวงจิ่งถอนหายใจและกล่าวพร้อมกับเดินไปด้วย  รัฐบาลกำลังคิดหาทาง พวกเขากระทั่งเริ่มจัดระเบียบ ดูว่าจะรวบรวมผู้ฝึกยุทธเหนือกว่าขั้นเจ็ดทุกคนเข้าถ้ำใต้ดิน ทำการกวาดล้างครั้งใหญ่ได้ไหม 

   พวกคุณบ้าไปแล้วเหรอ? 

  หลู่เฟิ่งโหรวตกใจ  กวาดล้างครั้งใหญ่แบบนั้นจะทำให้เกิดการตอบโต้ของสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่อยู่ลึกในถ้ำใต้ดินแน่นอน! 

  ปรมาจารย์สักสองสามคนยังไม่มีอะไรมากหรอก แต่ถ้าเป็นปรมาจารย์นับร้อยเข้าถ้ำใต้ดินไปกวาดล้าง สิ่งมีชีวิตจากส่วนลึกของถ้ำใต้ดินย่อมไม่อยู่เฉย

  เมื่อถึงเวลานั้น สถานการณ์อาจอันตรายยิ่งกว่าเดิม

   มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ นี่เป็นแค่ทางเลือกสุดท้าย ไม่งั้นเราก็ทำได้แต่พึ่งพาผู้ฝึกยุทธขั้นกลางและขั้นต่ำ รวมถึงคนธรรมดาทำการกวาดล้าง 

   น่าเสียดาย…การพัฒนาอาวุธแร่พลังงานยังไม่มีความคืบหน้า ไม่งั้นเราจะมอบอาวุธชิ้นนี้แก่ทหารทั่วไปแล้วช่วยลดแรงกดดันให้เรา 

  หลู่เฟิ่งโหรวคิ้วขมวด  ยังไม่มีความคืบหน้าเหรอ? 

   มีแร่พลังงานน้อยเกินไป มันไม่พอ 

  หวงจิ่งส่ายหน้าและคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดออกมา  กระทรวงศึกษามีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย หลังปีใหม่ อาจมีการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์บางอย่างเพื่อให้ผู้ฝึกยุทธขั้นสองจากมหาลัยวิชายุทธเข้าสู่ถ้ำใต้ดินเช่นกัน! 

   ขั้นสอง…มัน…มันไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ? 

  หลู่เฟิ่งโหรวกังวลเล็กน้อย ผู้ฝึกยุทธขั้นสองเข้าถ้ำใต้ดินเป็นอะไรที่อันตรายมาก

  หวงจิ่งเม้มปากพร้อมกับสีหน้าหนักแน่น  ศิษย์มหาลัยวิชายุทธเป็นคน แต่ทหารก็เป็นคนเช่นเดียวกัน! มีทหารธรรมดามากมายประจำการอยู่ถ้ำใต้ดิน… 

   มันไม่เหมือนกัน! ทหารมีโครงสร้างองค์กร… 

   มันก็เหมือนกัน ผู้ฝึกยุทธก็มีโครงสร้างองค์กรได้! 

  หลังพูดจบ หวงจิ่งก็โบกมือปัด  ไว้ค่อยพูดกันเวลาอื่น เรื่องนี้ยังไม่ได้ยืนยัน แต่ถ้ายืนยันแล้ว ฉันก็ไม่ปล่อยให้โม๋อู่หลีกหนีเช่นกัน จะไม่มีนักศึกษามหาลัยวิชายุทธคนไหนที่หลีกเลี่ยงการต่อสู้! 

  หลังจากนั้นสักพัก หวงจิ่งก็พลันพูดเสริม  คุณกลับไปก่อนเถอะ เหล่าอู๋ครอบครัวคุณยังรออยู่… 

   เราหย่ากันแล้ว เขามีชีวิตของตัวเอง ฉันก็มีชีวิตของฉันเอง เลิกพูดเรื่องนี้ 

   เหอะ เหอะ! 

  เสียงหัวเราะของหวงจิ่งมีน้ำเสียงเยาะเย้ยปนอยู่ด้วย

  ‘หย่า?’

  ‘พวกคุณหย่ากันมาเป็นสิบปีแล้ว!’

  ‘แต่พอมีเรื่องอะไร ทำไมคุณถึงพูดถึงแต่เหล่าอู๋นั้นเหล่าอู๋นี้?’

  เขาขี้เกียจเกินจะสนใจเธอ เวลานี้หวงจิ่งออกจากถ้ำใต้ดินแล้ว ด้านนอก แสงไฟจากเมืองเซี่ยงไฮ้ก็อยู่ไม่ไกล

   มันเป็นช่วงรุ่งเรือง เป็นช่วงรุ่งเรืองห้าพันปีนับตั้งแต่เปิดประเทศ… 

  หวงจิ่งพึมพำ ประชาชนชาวจีนกว่าพันล้านคนมีเสื้อผ้าอบอุ่น มีอาหารกินไม่หิวโหย ไม่มีใครทุกข์ทรมาณจากความหนาวเย็นหรือความอดอยาก มีช่วงรุ่งเรืองกว่านี้อีกเหรอ?

  ประเทศชาติตกอยู่ในสภาวะลำบาก ประชาชนจะร่วมแรงร่วมใจกันสร้างความเข้มแข็งให้ประเทศงั้นเหรอ?

  มีสิทธิ์อะไร?

  กว่าจะผ่านความยากลำบากมาแสนเข็นเพื่อพบกับชีวิตที่ดี มีสิทธิ์อะไรมาทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความยากลำบากอีก!

   ถ้ำใต้ดิน… 

  หวงจิ่งถอนหายใจ จากนั้นร่างเงาเขาก็ค่อยๆหายไป

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท