World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 172 ลูกค้ากระเป๋าหนักกลับมาแล้ว!

ตอนที่ 172 ลูกค้ากระเป๋าหนักกลับมาแล้ว!

  ไป๋จิ่นซานไม่ได้หาสถานที่เพื่อคุยกันตามลำพัง

  ขณะที่ก้าวลงบันได เขาก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า  ฉันเห็นเธอในงานประลองแล้ว เธอทำได้เยี่ยมมาก 

   ขอบคุณที่เอ่ยปากชมครับผู้บัญชาการ 

   ฉันไม่รู้ว่าเธอสังเกตไหมฟางผิง แต่ครั้งนี้โครงการก่อตั้งทีมและให้ผู้ฝึกยุทธฝึกพิเศษไม่ใช่โครงการระดับประเทศ 

   มีแค่ไม่กี่มณฑลเท่านั้นที่กำลังทดลองใช้ แต่ผลออกมาดีมาก 

  ฟางผิงรู้สึกฉงน

  ไป๋จิ่นซานกล่าว  ฟางผิง เธอรู้เรื่องโลกใบนี้มากแค่ไหน? 

   ท่านกำลังพูดถึง…ถ้ำ… 

   ดูเหมือนเธอจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว  ไป๋จิ่นซานไม่แปลกใจที่ฟางผิงรู้เรื่องนี้ มันเป็นเรื่องปกติที่นักศึกษาหัวกะทิอย่างฟางผิงจะรู้เรื่องพวกนี้ล่วงหน้า

   มีไม่กี่มณฑลที่บังคับใช้นโยบายนี้ และยังเป็นมณฑลที่อยากเห็นผลลัพธ์ที่สุด ได้แก่สามมณฑล หนานเจียง หนานเหอและหนานเจ๋อ 

   แต่สามมณฑลนี้ เธอพบอะไรไหม? ผู้สำเร็จราชการของทั้งสามมณฑลบรรลุเป็นระดับปรมาจารย์ได้ในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา ห้าปีก่อน ไม่มีสักคนที่เป็นปรมาจารย์! สมัยนี้ระดับปรมาจารย์บรรลุง่ายขึ้นอย่างนั้นเหรอ? 

  ฟางผิงรู้สึกเหมือนมีหลอดไฟกระพริบวาบอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็กล่าวโดยเลือกคำพูดอย่างระมัดระวัง  ท่านหมายความว่า… 

   การปรากฏขึ้นของ 22 ทางเข้าถ้ำใต้ดินไม่ใช่เรื่องบังเอิญ สามปีก่อน ทางเข้าที่ 22 ปรากฏขึ้นทางภาคตะวันออก ถ้าเธอศึกษาตำแหน่งของทุกทางเข้าและเวลาที่ปรากฏ เธอจะค้นพบว่า…ถ้ำใต้ดินเลือกตำแหน่งเหล่านั้นอย่างตั้งใจ! 

  ฟางผิงหน้าเปลี่ยนสี เขากล่าวด้วยความตกใจ  ท่านกำลังจะบอกว่าทางเข้าถ้ำใต้ดินไม่ได้เกิดขึ้นแบบสุ่ม แต่ถูกวางแผนไว้? 

   ถูกต้อง มันค่อยๆครอบคลุมทั่วประเทศ สามมณฑลทางใต้ที่ฉันพูดถึงไม่เคยมีทางเข้าปรากฏขึ้นมาก่อน ทางเข้าถัดไปจะปรากฏที่นั่นในหนึ่งถึงสองปีอย่างไม่ต้องสงสัย! 

   ทางเข้า…ในความเห็นของฉัน มันเป็นเหมือนจุดตั้งทัพมากกว่า ถ้ำใต้ดินกำลังรุกคืบทีละนิดจนกระทั่งพวกมันกลืนกินทั้งประเทศจีน 

   สามมณฑลทางใต้คือจุดถัดไป เพราะงั้นพวกเราจึงเร่งการปฏิรูปขึ้น 

   เราสามารถพึ่งพากองทัพและมหาลัยวิชายุทธเพื่อปกป้องเรา…แต่จะปกป้องได้นานแค่ไหนเชียว? ไม่ได้ เราต้องปกป้องตัวเอง ถ้าเราความแข็งแกร่งในท้องถิ่นมีต่ำ เราก็จะลงเอยเหมือนเทียนหนาน 

   กองทัพให้ความสำคัญกับการป้องกัน เธอรู้ไหมว่าฉันหมายถึงอะไร? 

   เนื่องจากขาดความแข็งแกร่ง กองทัพจึงได้แต่ตั้งมั่นรักษาการณ์ พวกเขาไม่สามารถยึดดินแดนใหม่ ไม่สามารถรุกคืบไปได้ หนทางเดียวที่จะทำให้ดินแดนปลอดภัยคือ กำลังพลท้องถิ่นแข็งแกร่งพอเข้าถ้ำใต้ดินแล้วกวาดล้างทุกอย่างภายใน 

   นี่ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกยุทธจากที่อื่นไม่ทุ่มเทสุดความสามารถ แต่พวกเขาจะรั้งอยู่มณฑลทางใต้ได้นานแค่ไหนเชียว? 

   ครั้งก่อนเมื่อเทียนหนานประสบปัญหา ความช่วยเหลือมาจากทุกมณฑล แต่ผู้ฝึกยุทธที่มาช่วยเหลือไม่อาจรั้งอยู่ตลอดใช่ไหมล่ะ? 

   ยอดยุทธระดับปรมาจารย์ไม่อาจรั้งอยู่เทียนหนานได้นานเช่นกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เทียนนานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอความช่วยเหลือจากภายนอก 

   เพราะงั้น ความแข็งแกร่งในท้องถิ่นจึงสำคัญที่สุด 

   น่าเสียดายที่เศรษฐกิจของหนานเจียงอ่อนแอ จึงไม่มีแรงดึงดูดต่อผู้ฝึกยุทธ นอกจากนี้มันยังเป็นเหตุผลที่ผู้แข็งแกร่งมักจะจากไปเช่นกัน 

   ในฐานะชาวเมืองหยางเฉิง เราหวังว่านักศึกษาอย่างเธอที่ไปเรียนต่างมณฑลจะกลับมาหนานเจียงเพื่อช่วยเหลือพวกเราในช่วงเวลาวิกฤต 

   มีทางเข้าถ้ำใต้ดินในเซี่ยงไฮ้น่ะถูกต้อง แต่ที่นั่นมียอดยุทธเหนือคณานับ นอกจากนี้ทางเข้ายังเกิดขึ้นมานานปีแล้ว มีระบบที่ครอบคลุม อันตรายที่แท้จริงคือหากทางเข้าใหม่เกิดขึ้นในหนานเจียงจริงๆต่างหาก 

   ฟางผิง เราไม่ได้ตั้งข้อกำหนดกับอัจฉริยะอย่างเธอ แต่เราหวังว่าเธอจะกลับมาหนานเจียงหากมีหายนะใกล้เข้ามา 

   ทางเข้าถ้ำใต้ดินในหนานเจียง…  ฟางผิงกลืนน้ำลาย จากนั้นเขาก็เอ่ยถามทันที  ผู้บัญชาการ คาดการณ์ตำแหน่งเจาะจงได้ไหม? มันคงไม่ใช่ในเมืองหยางเฉิงใช่ไหม? 

   ระบุตำแหน่งไม่ง่ายนัก ในสามมณฑลทางใต้ เป็นไปได้ทุกที่  ไป๋จิ่นซานตอบ

  จากนั้นเขาก็หัวเราะเยาะตนเอง  ทางเข้าจะค่อยๆครอบคลุมทั่วประเทศจีน ต่อให้ตอนนี้ยัง แต่หลังจากนั้นล่ะ? เฮ้อ ไม่มีใครปลอดภัยหากประเทศล่มสลาย… 

  ฟางผิงเป็นกังวล เขากำลังคิดอยากให้ครอบครัวย้ายบ้าน

  สามมณฑลทางใต้คงปลอดภัยได้ไม่นาน

  เขาพอปะติดปะต่อความรู้เรื่องถ้ำใต้ดินได้แล้ว ช่วงที่อันตรายที่สุดคือเมื่อทางเข้าใหม่ปรากฏขึ้น!

  เมื่อมันปรากฏขึ้น สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินจะก่อความวุ่นวาย พวกมันจะบุกรุกอย่างไม่หยุดยั้ง ขยายพื้นที่รอบทางเข้าใหม่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลท้องถิ่นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจัดตั้งกลุ่มทหารที่สละชีวิตพยายามเอาชนะศัตรู

  หลังขับไล่การบุกรุกระลอกแรกไปได้ สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินจะล่าถอยและเตรียมโจมตีครั้งต่อไป

  ถ้าทางเข้าใหม่ปรากฏในหนานเจียงจริง ผู้ฝึกยุทธท้องถิ่นจะถูกเกณฑ์ไปต้านผู้รุกราน และจะเกิดการบาดเจ็บล้มตายมากมาย สูญเสียชีวิตไปอย่างน่าเศร้า

  ไป๋จิ่นซานเหมือนจะรู้ความคิดเขา เขาส่ายหน้า  ที่อื่นอาจไม่ปลอดภัยไปกว่าเมืองหยางเฉิง ตอนนี้มีความวุ่นวายเกิดขึ้นทุกทางเข้าถ้ำใต้ดิน 

   สิ่งที่ต้องทำที่สุดคือ ขัดเกลาฝีมือของเราเพื่อปราบปรามความวุ่นวายจนกระทั่งเราตอบโต้ถ้ำใต้ดินได้ในที่สุด! เนื่องจากพวกมันรุกรานเรา ทำไมเราไม่ฉวยโอกาสนี้ล่ะ? 

  แววตาของไป๋จิ่นซานดูเย็นชา  หากไม่มีสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดิน ถ้ำใต้ดินก็ไม่ต่างอะไรกับโลกใบใหม่! มันไม่ได้หมายความว่ามนุษยชาติจะพิชิตมันได้อย่างนั้นหรือ? เพราะงั้นผู้มีอำนาจทั่วโลกจึงไม่ลดความพยายามฝึกฝนผู้ฝึกยุทธขึ้นมา พวกเขาหวังว่าสักวันหนึ่งผู้ฝึกยุทธจะเปิดฉากการโจมตีตอบโต้กลับไปได้! 

   ตอบโต้ถ้ำใต้ดิน…  ฟางผิงพึมพำ เขาพบว่าความคิดนี้มีเหตุผล ยังไงเสียมันก็เป็นโลกใบใหม่ทั้งใบ

  สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินที่รุกรานโลก มนุษยชาติต้องการตั้งรกรากบนโลกใบใหม่เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเชียวหรือ?

  ก็แค่พวกเขาขาดความสามารถที่จะทำเช่นนั้น

  ถ้าอาวุธอย่างระเบิดนิวเคลียร์ใช้ได้ในถ้ำใต้ดิน รัฐบาลหลายประเทศคงเปิดฉากโจมตีเต็มกำลังไปแล้ว

  ไป๋จิ่นซานพาฟางผิงกลับมาสู่โลกความจริง  เราพูดนอกเรื่องแล้วสิ ฉันรั้งเธอไว้เพราะอยากบอกอะไรเธอบางอย่าง หายากที่จะเจอยอดฝีมือที่มาจากเมืองหยางเฉิง ฉันหวังว่ายอดฝีมือเช่นเธอจะช่วยเหลือมณฑลได้ ฉันไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเธอ แต่ลึกๆแล้วฉันหวังว่าเธอจะกลับมาปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง 

  ฟางผิงโต้แย้งคำพูดของไป๋จิ่นซานอยู่ในใจสักครู่ สุดท้ายเขาก็พูดขึ้นมา  ถ้าวันนั้นมาถึง และผมมีความแข็งแกร่งมากพอ ผมจะไม่หลบหนีจากการต่อสู้แน่นอน! 

   เช่นนั้นก็ขอบใจเธอมาก  ไป๋จิ่นซานหัวเราะ จากนั้นก็บอกลาฟางผิงอย่างรวดเร็ว

  หลังฟางผิงหายลับไปแล้ว ไป๋จิ่นซานก็ยังอยู่ในรถ เขาพึมพำกับตัวเอง  ทางเข้าที่เมืองหยางเฉิง…มันอาจเป็นไปได้… 

  เขาส่ายหน้าอย่างจำใจ

  ถ้าทางเข้าปรากฏในเมืองหยางเฉิงจริงๆ เมืองก็จะสูญเสียกำลังคนเหนือคณา เศรษฐกิจจะล่มสลาย แม้ว่าจะเตรียมการเบื้องต้นอย่างละเอียดแล้วก็ตาม

   ฉันหวังว่ายอดฝีมือในท้องที่ที่มีอยู่ไม่กี่คนจะลุกขึ้นมาแบกรับความรับผิดชอบนะ…น่าเสียดายที่เราเก็บฟางผิงไว้ที่หนานอู่ไม่ได้  ไป๋จิ่นซานพึมพำเบาๆแล้วส่ายหน้า ถ้าฟางผิงอยู่หนานอู่จริง เขาอาจไม่เติบโตได้ไวขนาดนี้ก็ได้

   ขั้นสองแล้ว…สองปีมานี้ เมืองหยางเฉิงได้ฟูมฟักหวังจินหยางขึ้นมา ตอนนี้ก็มีฟางผิงอีกคน… 

  คนอื่นอาจไม่ตระหนัก แต่ไป๋จิ่นซานดูออก ฟางผิงเป็นขั้นสองแล้ว

  …

  ณ ย่านกวนหูหยวน

  เมื่อกลับมาถึงบ้าน ฟางผิงก็มองทุกอย่างด้วยความสงสัย

  ทางเข้าถ้ำใต้ดินจะปรากฏใต้บ้านเขาอย่างเฉียบพลันเลยไหม?

  จากนั้นเขาก็นึกได้ว่ายังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งถึงสองปีกว่าทางเข้าจะปรากฏ นอกจากนี้ในสามมณฑลทางใต้ มันปรากฏได้ทุกที่ เขารู้สึกว่าตอนนี้เขาคิดมากไปแล้ว

  ที่บ้าน ฟางหยวนกำลังทะเลาะกับหลิวเหวินหลิวอู่

  เมื่อเห็นพี่ชายกลับมา ฟางหยวนก็บ่นให้ฟัง  พี่ชาย สองคนนี้ชอบแย่งของๆหนูตลอดเลย! 

   เราไม่ได้ทำ! คุณป้าเอาให้เรา! 

   นั่นเป็นของฉัน! แม่ไม่ได้ขออนุญาตจากฉันด้วยซ้ำ มันไม่นับ! 

   ขี้งก! 

   เธอสิขี้งก! ฟางผิงซื้อให้ฉัน! เขาซื้อให้เธอด้วยไม่ใช่รึไง? 

   แต่ของเธอดูดีกว่า… 

   ฉันไม่สน! เอาคืนมา! 

   … 

  ทั้งสามเริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง ความกังวลของฟางผิงตอนแรกจางหายไปทันควัน เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  อย่าทะเลาะกัน  เขาดุ  เราจะกลับไปซื้อเพิ่มกัน 

   พ่อ พ่อกลับไปรับรางวัลที่ศาลากลางด้วยนะ 

   ผมไปประชุมมาวันนี้ ผู้บัญชาการไป๋บอกจะให้เงินรางวัลผมครึ่งล้าน พ่อเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายประจำวันของเราเถอะ 

  ทั้งครอบครัวตกอยู่ในความเงียบ

  ฟางหยวนอ้าปากค้าง หลังรู้สึกตัว เธอก็กล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ  แค่ไปประชุมมา พี่ก็ได้เงินมาครึ่งล้านเหรอ? 

  เธอคิดคำนวณในใจว่ามีเงินเก็บอยู่มากแค่ไหน

  หลังนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อวานเธอก็นับอีกสามครั้ง…เธอมีอยู่ทั้งหมด 12830 หยวน!

  ใช่แล้ว เธอฟางหยวนเป็นคนที่มีเงินเก็บถึงหมื่นหยวนแล้ว!

  เธอร่ำรวยในหมู่นักเรียน!

  แต่ตอนนี้ฟางผิงออกไปเที่ยวเล่นตอนเช้าเพื่อไปประชุม พอกลับมาก็บอกครอบครัวว่าไปรับเงินครึ่งล้านหยวนเก็บไว้เถอะ!

  มันน่าโมโหนัก!

   พี่ชาย หนูช่วยพี่ไปเอาเอง!  ฟางหยวนเปล่งประกายขึ้นมาทันตา เธอโผตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดฟางผิงแล้วพูดอย่างออดอ้อน  อย่าให้พ่อออกไปอีกเลย หนูจะไปเอารางวัลให้พี่เอง 

   น้องเหรอ?  ฟางผิงอดหัวเราะไม่ได้  รัฐบาลจะรู้ไหมว่าน้องเป็นใคร? ถ้าพ่อไปน่ะไม่มีปัญหา แต่น้องน่ะเหรอ? 

  เขาเคาะหน้าผากเธอเบาๆ  อย่าสร้างปัญหา หลังน้องกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ เงินห้าล้านไม่มีอะไรเลย! 

   ฝึกฝีมือตัวเองให้ดีเป็นวิธีหาเงิน 

   ลองคำนวณดูเองสิ ถ้าปราณและเลือดของน้องเพิ่มขึ้นหนึ่งแคล น้องก็จะได้หลายหมื่นหยวน หรือหลายแสนหยวนด้วยซ้ำ อันไหนเร็วกว่ากัน ฝึกวิชาหรือสมาคมหยวนผิงของน้อง? 

   คนที่ไม่ใช้สมอง หรือคนที่ไม่รู้วิธีหาเงิน พวกเขาไม่มีทางรวย 

   ทำไมพี่ถึงหาเงินได้มากขนาดนี้? เพราะพี่เป็นผู้ฝึกยุทธ และพี่ฝึกฝนได้เร็ว เข้าใจไหม? 

   ถ้าน้องไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ อย่าคิดเลยว่าจะหาเงินได้มากขนาดนี้! น้องไม่มีปัญญาซื้ออาวุธด้วยซ้ำ!  ฟางผิงตำหนิน้องสาว สนใจแต่ผลประโยชน์ตรงหน้าทำไม? เธอจำเป็นต้องคิดถึงอนาคตด้วย

  แน่นอนสิ่งสำคัญที่สุดก็คือฝีมือ ซึ่งจะทำให้เราได้เปรียบคนอื่น

  ถ้ามีอันตรายคุกคามมา อย่างน้อยที่สุดเราก็วิ่งหนีได้เร็วกว่าคนธรรมดา

  ฟางหยวนค่อนข้างสับสน เธอพึมพำ  พี่คำนวณแบบนั้นเหรอ? มีเหตุผล ถ้าหนูฝึกฝนได้เร็วแล้วกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ หนูก็จะได้เงินห้าแสนแค่จากการเข้าร่วมประชุม… 

  เธอคำนวณในใจอีกครั้ง เธอได้เงินมาประมาณหนึ่งหมื่นหยวนในช่วงสี่เดือนมานี้

  นั่นก็เท่ากับสามพันหยวนต่อเดือน

  ถ้าเธออยากได้เงินห้าแสน เธอต้องใช้เวลา 14 ปี!

  ถ้าเธอกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ เธอก็จะหาเงินได้มากกว่านี้

  จากนั้นฟางหยวนก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม  พี่ชาย หนูอยากขยันฝึก! 

  ฟางผิงยิ้มมุมปาก เห็นได้ชัดว่าเด็กขี้งกอย่างเธอถูกหลอกล่อด้วยเงิน

  แต่มันก็เป็นเรื่องดี ในอนาคตเขาคงไม่จำเป็นต้องกระตุ้นเธอแล้วใช่ไหม?

  …

  หลังประชุม ฟางผิงก็ไม่มีอะไรทำที่บ้านเกิดอีก

  ปีนี้ไม่มีนัดฉลองศิษย์เก่า แต่ต่อให้มี เขาก็อาจไม่ไป

  ตอนนี้เขาค่อนข้างโด่งดัง ไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน เขาก็จะถูกถามไม่หยุด ดีไม่ดีคำตอบอาจสร้างความไม่พอใจและทำร้ายจิตใจของเพื่อนๆอีกต่างหาก

  แต่วันตรุษจีนวันที่แปด เขาออกไปข้างนอกอีกครั้ง ไปเยี่ยมอาจารย์ประจำชั้นสมัยมัธยมปลาย หลิวอันกั๋ว

  อดีตอาจารย์ประจำชั้นของเขาเคยดูแลเขาเป็นอย่างดี แถมยังเคยมอบหนังสือชุดหนึ่งแก่เขาก่อนสอบวิชายุทธ อาจารย์ของเขายังเปิดโอกาสให้เขาได้ทำความรู้จักกับหวังจินหยางด้วยการจัดการให้เขาไปต้อนรับหวังจินหยาง

  ทุกคนยุ่งกันทั้งก่อนและหลังปีใหม่ และเวลานั้นฟางผิงก็ขี้เกียจไปเยี่ยม เขาวางแผนไปเยี่ยมอาจารย์หลังตรุษจีนวันที่เจ็ดแทน

  หลิวอันกั๋วตื่นเต้นมากที่ได้เห็นฟางผิง แถมยังยืนกรานให้ฟางผิงทานมื้อเที่ยงด้วย เหล่าหลิวเดินลงไปชั้นล่างพร้อมกับฟางผิงด้วยเสียงอึกทึกราวกับกลัวอาจารย์ที่อยู่ข้างห้องไม่รู้ว่าศิษย์เก่ามาเยี่ยมเยือน

  ฟางผิงก็สังเกตเห็น เขาอดยิ้มไม่ได้

  ยังไงเสียก็ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ เหล่าหลิวก็ให้ความสำคัญกับหน้าตาเช่นกัน

  หลังมาเยี่ยมเหล่าหลิว สิ่งที่ต้องทำหลังกลับมาที่บ้านของเขาก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์

  วันตรุษจีนวันที่เก้า ฟางผิงนัดพวกอู๋จื้อเห่ามาทานมื้อเที่ยงและพูดคุยเกี่ยวกับการฝึกยุทธ

  ตอนเช้าของวันตรุษจีนวันที่สิบ ฟางผิงก็ขึ้นรถไฟกลับเซี่ยงไฮ้

  ด้วยระดับปัจจุบันของเขา เขาขัดเกลาฝีมือได้เร็วที่สุดเมื่อกลับไปยังมหาลัย

  เมื่อเขาอยู่ห่างจากโม๋อู่ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาซื้อยาที่ไหนได้ แม้ว่าที่จริงเขาไม่ได้ต้องการก็ตาม

  นอกจากนี้เขายังได้มอบเม็ดยาปราณและเลือดสามัญกับฟางหยวน 10 เม็ดก่อนจะจากมา รวมถึงน้ำยาเยียวยาส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน

  …

  ณ เซี่ยงไฮ้

  สิ่งแรกที่ฟางผิงนึกถึงเมื่อกลับมามหาลัยก็คือ เขาจำเป็นต้องซื้อรถจริงๆ

  พอไม่มีรถแล้วจะทำอะไรก็ไม่สะดวก

  แต่ตอนนี้ข่มความคิดไว้ชั่วคราวและรีบไปที่แผนกโลจิสติกส์

  เขาไม่ได้ไปชั้นแรก แต่ตรงไปชั้นสอง แม้ยังไม่เปิดภาคเรียน แต่แผนกโลจิสติกส์ยังเปิดอยู่

  ณ ชั้นสอง

  ศูนย์กำหนดขั้นพลัง

  เมื่อฟางผิงมาถึง เขาก็เห็นอาจารย์ที่เป็นคนกำหนดขั้นพลังของเขาก่อนหน้านี้ อาจารย์มองฟางผิงพักใหญ่ก่อนจะถาม  เธอเป็นขั้นสองแล้ว? 

   ครับ 

   ไม่เลว  อาจารย์พยักหน้า มันไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง ก่อนฟางผิงกลับบ้าน เขาก็เป็นขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว แถมยังค้างอยู่ที่ขั้นนี้มาระยะหนึ่งแล้ว

  โดยไม่เสียเวลาพูดคุยไร้สาระอีก อาจารย์พาฟางผิงไปที่ห้องด้านหลังแล้วพูดขึ้นมาตามอารมณ์  เตะ อาจารย์จะอัพเดทข้อมูลของเธอ 

  ฟางผิงจ้องมองแผ่นโลหะตรงหน้า หมดคำจะพูด  อาจารย์ มันไม่ลวกไปหน่อยเหรอ? 

   เหลวไหล เธอเป็นปีหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดในโม๋อู่! ฉันไม่จำเป็นต้องทำตามกฎ มันเสียเวลา! เตะใส่แผ่นเหล็กซะ จะได้เสร็จสักที! 

  อาจารย์แสดงสีหน้าหมดความอดทน ผู้ฝึกยุทธทั่วไปต้องผ่านการทดสอบยาวนานเพื่อกำหนดขั้น แต่นี่เป็นฟางผิง เขาไม่คิดเลยเหรอว่าอาจารย์จะรู้ถึงความสามารถเขา?

  ฟางผิงหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขาเหยียดเท้าเตะแผ่นเหล็กลวกๆ

  อาจารย์ออกไปจากห้องโดยไม่สนใจดูด้วยซ้ำ เขากล่าวพร้อมกับเดินไปด้วย  เธอบรรลุขั้นสองในช่วงเวลาสั้นๆ เธอโชคดีมาก 

   เธอรู้ไหมปีที่แล้วเกิดอะไรขึ้น ทางมหาลัยเตรียมทรัพยากรไว้มากมาย 

   ตอนนี้หมดช่วงเวลานั้นแล้ว เธอจะไม่ได้เพลิดเพลินกับสิทธิพิเศษแบบนั้นแล้ว 

   ถ้าเธออยากได้คะแนน เธอต้องหาเอาเอง ภารกิจ ตะลุยถ้ำใต้ดิน จะทำอะไรก็แล้วแต่เธอ 

   นอกจากนี้ หลังบรรลุขั้นสอง ทางมหาลัยจะเปิดพื้นที่และทรัพยากรให้เธอเพิ่ม… 

  ฟางผิงถามด้วยความรู้สึกสงสัย  ทางมหาลัยจะเปิดพื้นที่เพิ่ม? อาจารย์หมายถึง… 

   ถูกต้อง โม๋อู่มีพื้นที่ใหญ่โต เธอไม่สังเกตเลยเหรอว่าพื้นที่ข้างทะเลถูกปิด? ของดีอยู่ตรงนั้นแหละ นั่นเป็นจุดสำคัญของโม๋อู่ 

   เธอคิดว่าลูกศิษย์โม๋อู่เติบโตได้เร็วแบบนี้เพียงเพราะหอบรรยายและยาอย่างเดียวเหรอ? มีนักศึกษาขั้นสามมากมาย นักศึกษาขั้นสี่ก็ไม่ได้หายาก มีกระทั่งขั้นห้าด้วยซ้ำ! 

   สามขั้นต่ำยังง่าย ส่วนขั้นสี่ขั้นห้าที่ยังไม่จบการศึกษา ลองคิดดูว่ามันยากแค่ไหน! 

   มหาลัยชื่อดัง ถ้าไม่เก็บของดีไว้เป็นความลับ จะยังเรียกว่ามหาลัยชื่อดังได้อีกเหรอ? 

  ฟางผิงแววตาลุกโชน เขาถามอย่างเร่งรีบ  อาจารย์ช่วยบอกได้ไหมว่ามันคืออะไรบ้าง? 

  อาจารย์สบตาเขาและพูดอย่างไม่ใส่ใจ  พอถึงเวลาเธอก็รู้เอง ไปหาอาจารย์ของเธอสิ อาจารย์มีหน้าที่กำหนดขั้นพลังอย่างเดียว 

  ฟางผิงก็ไม่ได้ผิดหวัง เขาเดินลงบันไดอย่างมีความสุข

  อาจารย์เฝ้าดูฟางผิงเดินจากไปแล้วหัวเราะเบาๆ  ไม่รู้ว่าเขาจะไปถึงขั้นห้าก่อนจบการศึกษาได้ไหม 

  ขั้นห้านั้นโหดหินมาก

  มีนักศึกษาโม๋อู่ที่บรรลุถึงขั้นนั้น แต่ก็มีเพียงน้อยนิด

  ฟางผิงเติบโตได้เร็ว แต่พอไปถึงสามขั้นกลาง เขาก็จะช้าลงอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

   เด็กรุ่นใหม่ก็ยังจำต้องเติบโตขึ้นโดยเร็วที่สุด…  อาจารย์พึมพำเบาๆพร้อมกับล้มตัวนอนงีบต่อ

  …

  ชั้นหนึ่ง

  เฒ่าหลี่แววตาเปล่งประกาย ลูกค้ารายใหญ่ของเขากลับมาแล้ว!

  ฟางผิงที่มีคะแนนถึง 420 คะแนน เป็นลูกค้าที่มั่งคั่งที่สุดในหมู่นักศึกษาปีหนึ่ง แม้แต่นักศึกษาปีสองบางคนก็เทียบความร่ำรวยกับฟางผิงไม่ได้ด้วยซ้ำ ครั้งนี้เขาต้องหลอกล่อลูกค้ากระเป๋าหนักให้ซื้อของ!

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท