World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 182.1 ขั้นสองสูงสุด (1)

ตอนที่ 182.1 ขั้นสองสูงสุด (1)

  ณ ลานบ้าน

  หยางเสี่ยวม่านเดินออกมาจากบ้านอย่างรวดเร็ว

   ข้างในนอกจากเงินสดห้าหมื่นก็ไม่มีอะไรแล้ว 

  ถังซ่งถิงค้นศพเสร็จก็กล่าว  ยาปราณและเลือดขั้นสอง 1 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 3 เม็ด ยาชำระกระดูกขั้นหนึ่ง 1 เม็ด แล้วก็ยาปราณและเลือดสามัญ 9 เม็ด 

   ราคาตลาดของยาราว 3 ล้าน นอกจากนี้ยังมีดาบอัลลอยคลาสเอฟกับดาบหัก ราคาน่าจะตกไปเยอะ 

  หยางเสี่ยวม่านบ่น  รอบหน้านายไม่ทำลายอาวุธได้ไหม? ตอนนี้ได้แต่เอามันไปขายเป็นเศษเหล็ก 

  ฟางผิงรู้สึกรำคาญ เขากล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา  ผู้ฝึกยุทธขั้นสองสามคนปะทะกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสามคน แต่ใช้เวลาไปสองนาที! 

   ฉันถูกผู้ฝึกยุทธขั้นสองสองคนกลุ้มรุม ถ้าฉันไม่ใช้กระบวนท่าที่รุนแรง ฉันควรรอให้พวกนายมาช่วยฉันเหรอ? 

   สุดท้ายขั้นสองสูงสุดอยู่กับฉัน พวกนายเจอกับขั้นสองชั้นกลาง 

   แล้วผลลัพธ์ล่ะเป็นยังไง? 

   ปราณและเลือดไม่ดีเท่าพวกนาย วิชาต่อสู้ไม่ดีเท่าพวกนาย แม้แต่อาวุธก็ไม่ดีเท่าพวกนาย… 

   มันเป็นสามต่อหนึ่ง แต่พวกนายเกือบทำให้มันหนีไป! 

   นอกจากนี้หยางเสี่ยวม่าน เธอกับหยางซ่งถิงไม่มีสมองเหรอ? 

   ใครบอกให้พวกนายผละจากประตูหลัง? 

  หยางเสี่ยวม่านให้เหตุผล  ฉันเห็นว่าไม่มีใครอยู่ประตูหลัง แถมเราอยู่เฉยไม่ได้ ฉันเลยมาช่วย 

  อาการปวดหัวของฟางผิงกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง  งั้นถ้าเกิดมีคนซ่อนตัวอยู่หลังประตูล่ะ? ถ้าพวกมันวิ่งหนีไปหลังเธอออกจากตำแหน่งเดิมล่ะ? เธอจะรู้ไหม? 

   ฉันบอกแล้วว่าให้เฝ้าระวังประตูหลังไว้ เว้นแต่เราจะขอความช่วยเหลือ ไม่งั้นเธอไม่ต้องมา! 

   จ้าวเหล่ย พวกนายทั้งสามด้วย บอกฉันมาหน่อย ปัญหาของนายหนักแค่ไหน? 

   นี่เป็นภารกิจกลุ่ม ที่เราต้องทำคือจ่ายน้อยที่สุดเพื่อให้ได้กำไรที่มากที่สุด! 

   ถ้าพวกนายจัดการสามคนนั้นแต่เนิ่นๆ งั้นพวกเราสี่คนจะผนึกกำลังกันจัดการอีกสองคนที่เหลือได้ ไม่เหมือนตอนนี้ที่ฉันไม่มีทางเลือกนอกจากทำลายดาบอีกฝ่าย 

   นอกจากนี้ พวกนายคิดว่ากระบวนท่าที่ใช้ไปไม่กินปราณและเลือดรึไง? 

   สามดาบฉันกินปราณและเลือดไปประมาณ 400แคล ฉันจำเป็นต้องใช้ยาปราณและเลือดขั้นสองเป็นอย่างน้อยเพื่อฟื้นฟู… 

  ฟู่ชางติ่งพูดไม่ค่อยออก  มันเป็นเพราะนายอวด… 

   บ้ารึไง! ถ้าไม่ใช่เพราะพวกนายเกือบทำให้ศัตรูหนีไป ฉันจะต้องกังวลขนาดนี้เหรอ? 

  ฟางผิงก่นด่าก่อนจะพูดเสริม  ครั้งนี้เราจัดการผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งไปสามคน ผู้ฝึกยุทธขั้นสองไปสองคน เราอาจได้รางวัลราว 60 คะแนน 

   หลังจากนี้ คะแนนของเราจะคำนวณเป็นเงินสามหมื่นต่อหนึ่งคะแนน 

   จากการคำนวณของฉัน ของมีค่าที่ได้มารอบนี้รวมกับดาบยาวกับดาบหัก รวมกันประมาณ 6 ล้าน 

   6 ล้าน ฉันต้องใช้ยาปราณและเลือดขั้นสอง 1 เม็ด ส่วนพวกนายสามคนใช้ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งคนละเม็ด มันเป็นเงิน 1.6 ล้านแล้ว! 

   รวมกับค่าเดินทาง เงินอุดหนุนพวกหวังเฉิง… 

   อย่างมาก อิงจากราคาตลาด เราจะได้ราว 4 ล้าน 

   ถ้าฉันเอา 30% มันก็เป็น 1.8 ล้าน หลังหักค่าใช้จ่ายที่ฉันใช้ไป ฉันก็ได้อยู่ 9 แสน มันมากไหม? แน่นอนว่าไม่! 

   มันฟังดูดีนะถ้าเราบอกว่าเราจัดการผู้ฝึกยุทธห้าคนได้ในคราวเดียว ในนั้นยังมีผู้ฝึกยุทธขั้นสองอีกสองคน 

   แต่สุดท้ายแล้ว เราได้มาน้อยนิด มันคุ้มไหม? 

  แม้แต่หวงปินที่น่าสงสารยังให้เขามากกว่านี้เลย แม้ภารกิจจะไม่คุ้มค่าเงิน แต่หวงปินมีของมีค่ามากมาย ตอนนั้นเขาแบ่งกับเหล่าหวังสองคน

  ตอนนี้มีคนอยู่กันมากมาย

  ภารกิจแรกที่ฟางผิงทำ เขาได้ไม่ถึงล้านด้วยซ้ำ นี่รวมกับโบนัสเพิ่มเติมด้วย

  ฟู่ชางติ่งกับคนอื่นๆได้น้อยกว่านั้นอีก

  ถ้าค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมคือ 10% งั้นพวกเขาก็จะได้รับกันแค่ 10% เท่านั้น หลังหักค่ายาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 1 เม็ด งั้นอย่างมากพวกเขาก็ได้แค่ 3 แสน

  ถ้าได้แค่นี้ พวกเขาไปทำภารกิจขั้นหนึ่งเป้าหมายเดี่ยว พวกเขาอาจได้มากกว่านี้อีก

  จ้าวเหล่ยขมวดคิ้ว หลังครุ่นคิดเขาก็กล่าว  บางทีเราอาจไม่เหมาะกับภารกิจเป้าหมายหลายคน ฉันว่าเราไปทำภารกิจเป้าหมายเดี่ยวก็ได้ ผนึกกำลังกันไม่จำเป็นต้องใช้วิชายุทธมากนัก 

   แถม ยอดฝีมือยังมีของดีมากมาย คนพวกนี้ไม่เหลือของดีให้เลย 

   พอเราไปถ้ำใต้ดิน นายเคยคิดบ้างไหมว่าเราจะต่อสู้เป็นกลุ่มยังไง? 

   เอ่อ… 

  จ้าวเหล่ยรู้สึกปวดหัวเช่นกัน เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ  นายอยากพูดอะไรก็พูดมา 

  ฟางผิงคลี่ยิ้ม  จะคุยธุระต้องท่าทีแบบนี้สิ ความหมายฉันเรียบง่ายมาก เมื่อเราทำภารกิจ เราจะไม่พูดถึงจิตวิญญาณของผู้ฝึกยุทธ 

   ไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องต่อสู้ตัวต่อตัว สบโอกาส เราจะล้อมสังหารทันที! 

   นอกจากนั้น ถ้าเราเจอภารกิจเป้าหมายหลายคนแบบนี้อีก และมีคนหนีไป เราจะจัดการคนที่แข็งแกร่ง ส่วนปลาเล็กปลาน้อยก็ปล่อยไป ขั้นสองคุ้มกว่าขั้นหนึ่ง 

   นอกจากนี้ จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อความกล้าหาญหรือพลัง 

   ทุกคน ฉันเคยบอกแล้วนะ จุดประสงค์ที่เรามาก็เพื่อหาเงิน ไม่ใช่ท้าทายตัวเอง! 

   บางทีพวกนายอาจไม่ขาดแคลนเงิน แต่ฉันขาด เราจะสิ้นเปลืองแบบนั้นตลอดได้เหรอ? 

   สุดท้าย ทีมชั่วคราวของเราที่จริงไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่… 

  ความสับสนงุนงงปรากฏบนสีหน้าทุกคน

   ทุกคนเป็นผู้ฝึกยุทธสายต่อสู้ มันจำกัดเกินไป 

   ฉันต้องการหน่วยสอดแนม ต้องการผู้ฝึกยุทธประเภทสืบสวน 

   เหมือนอย่างครั้งนี้ ที่จริงเราต้องการผู้ฝึกยุทธสืบสวนเพื่อไปตรวจสอบสถานที่ล่วงหน้า เฝ้าดูสถานการณ์ และยืนยันเป้าหมายรวมถึงความแข็งแกร่งของศัตรู 

   มีผู้ฝึกยุทธขั้นสามไหม? 

   มีการตรวจตราไหม? 

   นอกเหนือจากนั้น อีกฝ่ายเป็นเป้าหมายภารกิจจริงไหม? ถ้าเราทำพลาดล่ะ คนที่ฉันสังหารที่หน้าประตูเมื่อกี้อาจเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ได้ 

   ก่อนหน้านี้เราไม่ได้ระบุชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นเป้าหมายของเราแน่นอน ดังนั้นพวกหวังเฉิงจึงไม่กล้าเข้าใกล้ 

   เพราะงั้นฉันถึงบอกว่าเราต้องการผู้ฝึกยุทธสืบสวน 

  ทุกคนมองหน้ากันเองไปมา…

  ทันใดนั้น ฟางผิงก็มองเฉินหยุนซีพร้อมกับเผยรอยยิ้มกว้าง  เลิกยืนเอ๋อได้แล้ว จวงกงของเธอถึงขั้นว่างเปล่าแล้ว แถมวิชาตัวเบายังล้ำเลิศ ไม่มีใครเหมาะกว่าเธอแล้ว! 

   เป็นยังไง เธอสนใจไหม? 

  เฉินหยุนซีไม่พอใจนัก แต่ถ้าให้เธอปฏิเสธ เธอก็ไม่สบายใจเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงหันไปมองหยางเสี่ยวม่านด้วยแววตาอ้อนวอน

  หยางเสี่ยวม่านกระแอมเบาๆ ขณะที่เธอกำลังเปิดปากพูด ฟางผิงก็เอ่ยขึ้นมา  อย่ามาโบ้ยให้ฉัน ฉันเป็นกำลังหลัก ฉันต้องถนอมพลังและความแข็งแกร่งเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อันหนักหน่วง 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น หยางเสี่ยวม่านก็ยักไหล่แล้วมองเฉินหยุนซีด้วยความจนใจ

  เว้นแต่เฉินหยุนซีจะแทนที่ตำแหน่งฟางผิง การให้เฉินหยุนซีทำหน้าที่เป็นหน่วยสอดแนมเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ

  เฉินหยุนซีเห็นแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าอย่างจนปัญญา  ก็ได้ 

   ดังนั้น ฉันขอแนะนำให้เธอเรียนรู้และหาความรู้ในสาขานี้หลังกลับมหาลัย 

   อันที่จริงฉันว่าเธอเหมาะกับเส้นทางนี้มาก… 

  เฉินหยุนซีเมินเขา ก้มหน้ามองต่ำ

   เฉินหยุนซีรับผิดชอบการสอดแนม ถังซ่งถิงกับหยางเสี่ยวม่านจะป้องกันอยู่รอบนอกเหมือนเดิม 

   พวกเราสามคน ฉัน จ้าวเหล่ย ฟู่ชางติ่ง จะเป็นกำลังหลัก 

   เมื่อเราพบศัตรู ฉันจะจัดการคนที่แข็งแกร่งที่สุด คนที่แข็งแกร่งรองลงมาจะให้จ้าวเหล่ยเป็นคนจัดการ ฟู่ชางติ่งจะเก็บกวาดพวกปลาเล็กปลาน้อย 

   ใครจัดการศัตรูได้ก่อนก็อย่าเอาแต่ยืนดู ร่วมมือกันเก็บกวาดพวกปลาเล็กปลาน้อย จากนั้นค่อยมาผนึกกำลังจัดการเป้าหมายหลัก 

   เราไม่อยากให้บาดเจ็บหรือใช้ปราณและเลือดมากเกินไป 

   หยางเสี่ยวม่านกับถังซ่งถิง ป้องกันรอบนอกไว้ นอกจากจะจำเป็นจริงๆ งั้นไม่ต้องมา! 

  เมื่อฟางผิงพูดจบ หยางเสี่ยวม่านก็กล่าวอย่างไม่พอใจ  ฉันต้องคอยป้องกันรอบนอก? เพราะอะไร! 

   เพราะว่าเธอไม่ใช่คู่มือของพวกเราสามคน! 

   ฉัน… 

  หยางเสี่ยวม่านไม่พอใจเล็กน้อย ฟู่ชางติ่งพูดเสริมอย่างเบิกบาน  ฉันขัดเกลากระดูกมากกว่าเธอ 5 ชิ้น 

  จ้าวเหล่ยกอดอก พูดอย่างราบเรียบ  ฉันก็เหมือนกัน 

   พวกนาย… 

  หยางเสี่ยวม่านไม่พอใจมาก ฟางผิงกล่าวพร้อมกับอาการปวดหัว  รอบนอกไม่สำคัญงั้นเหรอ? ถ้าศัตรูมีกำลังเสริม เธอจะต้องมาสู้เหมือนกัน 

   ไม่ต้องพูดถึงเลยว่า คนที่หลบหนีจากเงื้อมมือเราได้ต้องไม่อ่อนแอเช่นกัน 

   อาจพูดได้ว่างานของเธอน่ากลัวและอันตรายมากกว่าเสียอีก 

   ทราบแล้ว! 

   หกคนพอแล้ว อีกสี่คนจัดการเรื่องจิปาถะ รับภารกิจ รวมถึงจัดการของมีค่าที่เราเก็บมา 

   มีเพียงทีมแบบนี้เท่านั้นที่จะทำภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด 

  หลังได้ยินคำอธิบาย คนอื่นๆก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอีก

  มีเพียงคนเดียวที่ไม่ค่อยพอใจคือเฉินหยุนซี แต่ฟางผิงไม่สนใจ หน่วยสอดแนมตายง่ายสุด ถ้าไม่ใช่เพราะเขารู้ว่าเธอร่ำรวยมาก มียาไว้ช่วยชีวิตตนเองมากมาย ฟางผิงคงไม่เลือกเธอ

  …

  ณ เมืองซู่เฉิง ฟางผิงรับสามภารกิจติดต่อกันเพื่อฝึกฝีมือของทีม

  หลังทำไปสามภารกิจ พวกฟางผิงกวาดล้างไปสามที่มั่น จัดการผู้ฝึกยุทธไปมากกว่าสิบคน เวลานี้พวกเขาได้สร้างชื่อให้กับตัวเองในกองทัพและกรมสืบสวนของเมืองซู่เฉิงแล้ว

  ทุกคนรู้ว่ามีทีมผู้ฝึกยุทธขั้นสองจากโม๋อู่มาทำภารกิจที่ตงหลิน

  นอกจากนี้มันยังไม่ใช่ดังแล้วดับ

  และมันก็เป็นไปตามคาด ไม่นานฟางผิงกับพวกก็รีบไปเมืองอื่นของตงหลิน เริ่มทำภารกิจด้วยความเร็วสูง

  เวลาครึ่งเดือนผ่านไป ทีมของฟางผิงเดินทางไปถึงสี่เมืองในตงหลินและทำภารกิจไปแล้ว 12 ภารกิจ!

  ตั้งแต่ผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดในตอนแรกมาจนถึงคนที่สิบสอง กลุ่มฟางผิงก็เริ่มรับภารกิจผู้ฝึกยุทธขั้นสามแล้ว

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท