ฟางผิงกลับมาหอพักและกำลังจะนั่งลงดูใบสมัครเข้าชมรม แต่จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เมื่อเปิดประตู ฟางผิงก็เห็นฟู่ชางติ่งกับคนอื่นๆ เขาถามอย่าหงุดหงิด นายต้องการอะไรอีก? ฉันยุ่งอยู่
ฟางผิง บอกความจริงมา ทำไมนายถึงตั้งชมรม? ฟู่ชางติ่งถามด้วยความสงสัย ไม่ต้องห่วง เราสัญญาว่าจะไม่เอาไปบอกใคร
ฉันบอกนายไปแล้ว เพราะทุกคนมีความฝันเหมือนกัน เราจะสู้เพื่อความฝันร่วมกัน นายอยากรู้เรื่องอะไรอีก?
ถ้าฉันเชื่อ ฉันก็โง่แล้ว! ฟู่ชางติ่งพูด เขาส่งสายตาแล้วพูดต่อ พูดตามตรง ความแข็งแกร่งของชมรมนายอ่อนแอเกินไป ฉันดูมาเมื่อกี้ มีผู้ฝึกยุทธไม่กี่คนเท่านั้น แถมทุกคนยังอ่อนแอมาก
ถ้านายให้เราเข้าชมรมด้วย อย่างน้อยเราก็ช่วยสนับสนุนนายได้
นายไม่มีอะไรต้องทำแล้วรึไง? ฟางผิงถาม
ฟู่ชางติ่งเมินเฉย เมื่อเทียบกันแล้ว จ้าวเสวี่ยเหมยจริงใจกว่าหน่อยนึง เธอหว่านล้อมเบาๆ ฟางผิง เทอมก่อนเราผลาญเงินไปมาก ทางตระกูลก็ยากที่จะสนับสนุน พวกเราต่างก็พยายามหาวิธีหาเงิน
ถ้านายมีหนทาง นายช่วยเราหน่อยได้ไหม?
เทอมก่อนทุกคนมีค่าใช้จ่ายสูงกันมาก
แม้มหาลัยจะมีรางวัลมอบให้ แต่คะแนนที่พวกเขาได้มาถูกใช้หมดไปเร็วมากเพื่อบรรลุขั้นหนึ่งขั้นสอง ไม่ต้องเอ่ยถึงเลยว่าพวกเขาจำเป็นต้องแลกอาวุธมาใช้อีก
หนทางเดียวที่พวกเขาจะก้าวไปข้างหน้าได้คือต้องพึ่งพาตนเอง
บางครั้งตระกูลใหญ่ก็มีปัญหามาก ปู่ของฟู่ชางติ่งจะมอบทรัพยากรทั้งหมดของตระกูลฟู่ให้หลานชายคนเดียวได้เหรอ?
ฟู่ชางติ่งมีลุงกับป้าเจ็ดแปดคน มีลูกพี่ลูกน้องรวมกันถึงสี่สิบห้าสิบคน
ถ้าลูกพี่ลูกน้องคนนึงใช้จ่ายร้อยล้านต่อปี ทั้งหมดก็เป็นเงินหลายพันล้านแล้ว ต่อให้เป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดก็ไม่มีปัญญาจ่าย
ฟางผิงพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็ท้วง นายคิดมากไปแล้ว ฉันอธิบายแล้วว่ามันเป็นชมรมที่ตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือกันและกัน นายไปเอาความคิดบ้าๆแบบนั้นมาจากไหน?
จริงเหรอ?
นายจะเชื่อไหมก็แล้วแต่นาย ฉันยุ่งอยู่ ฉันไม่ส่งนะ
แม้ว่าฟู่ชางติ่งกับพวกจะยังสงสัยมาก แต่พวกเขาก็พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจไม่ถามอะไรอีก
ขณะที่พวกเขากำลังจากไป จู่ๆฟางผิงก็กล่าวขึ้นมา อันที่จริง ไม่ใช่ว่าฉันรับนายเข้าชมรมไม่ได้ แต่ถ้านายอยากเข้า นายต้องมีผลงานสักอย่าง นายทำได้ไหม?
ผลงานอะไร?
นายจะต้องรับผิดชอบจัดการกับผู้ท้าประลองและคนมาสร้างปัญหาในอนาคต
นอกจากนี้นายยังช่วยตอบข้อสงสัยเชิงยุทธให้กับคนอื่นได้ด้วย
พอเราเริ่มชมรมอย่างเป็นทางการและดำเนินไปได้ถูกต้อง พวกนายจะกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งและมีผลงานสำคัญ ใครจะรู้ล่ะ บางทีอาจจะเหมือนกับชมรมวิถียุทธ พวกนายอาจได้สิทธิพิเศษ ได้รับการแบ่งสรรทรัพยากรจากมหาลัยก็ได้!
ที่จริงตอนตั้งชมรมฉันก็มีความคิดแบบนี้
ชมรมวิถียุทธตอนนี้ถูกพวกรุ่นพี่ครอบครองอย่างสิ้นเชิง
เมื่อไหร่นักศึกษาใหม่อย่างเราจะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองกัน?
เพราะงั้นฉันถึงตัดสินใจตั้งขึ้นมาใหม่เลย…
คำพูดไม่จริงใจของฟางผิงดังขึ้นมา เจ้าหมอนี่คิดจริงๆเหรอว่าพวกเขาโง่กันหมดถึงเชื่อเรื่องแบบนี้?
อย่างไรก็ตามเป็นอย่างคำพูด ความสงสัยฆ่าแมว หลังพิจารณาเล็กน้อย พวกเขาก็พยักหน้าตกลง
เมื่อเห็นพวกเขาไปกันแล้ว ฟางผิงก็แสยะยิ้ม โง่เขลา แรงงานฟรีส่งมาถึงหน้าประตู ฉันจะพลาดได้ไง
จากนั้น ฟางผิงก็ดูข้อมูลต่อ
…
ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ เทศกาลโคมไฟ
ฟางผิงอยู่ในอาคารชมรม กำลังจัดประชุมครั้งแรกของสมาคมผิงหยวน!
ชมรมตอนนี้สะอาดมากเมื่อเทียบกับวันแรก มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์และมีเก้าอี้มาเพิ่ม
สหาย วันนี้เป็นการประชุมสามัญครั้งแรกหลังก่อตั้งชมรม!
วันนี้รวมถึงฉันด้วยมีทั้งสิ้น 108 คน! นี่เป็นตัวเลขมงคล อนาคตเราจะมีสมาชิกผู้ก่อตั้ง 108 คน และ 108 ปรมาจารย์ในอนาคต!
พวกเราต้องไม่ลืมความฝันตัวเอง การเป็นปรมาจารย์ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
สมาคมผิงหยวนไม่ได้มีกฎมาก ทุกคนเท่าเทียมกัน พวกเรามารวมกันเพื่อวิชายุทธ
อย่างไรก็ตาม…มันเป็นกฎที่กำหนดว่าเราเป็นใคร!
อันดับมีอยู่เสมอ!
ในมหาลัยวิชายุทธ ทุกคนมุ่งเน้นเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือความสามารถเชิงยุทธ นี่เป็นสิ่งที่เราไขว่คว้า เป็นพื้นฐานแรงจูงใจของเราที่จะก้าวต่อไป!
ฉันฟางผิงรับหน้าที่เป็นประธานชมรม ถ้ามีสมาชิกคนไหนแข็งแกร่งกว่าฉัน เหมาะสมกว่าฉัน ฉันก็จะก้าวลงจากตำแหน่งแล้วส่งมอบตำแหน่งให้
ในสมาคมผิงหยวน ฉันหวังว่าทุกคนจะปฏิบัติตามกฎที่ฉันกำหนดไว้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นพวกเราถึงจะช่วยเหลือกันและเติบโตไปด้วยกัน
บางคนในกลุ่มก็เบ้ปาก ฟางผิงชำเลืองมองพวกเขาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ไม่แปลกใจ มันเป็นพวกฟู่ชางติ่ง พวกตัวปัญหา
ฟางผิงไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดไหมที่รับพวกเขาเข้าชมรม อย่างไรก็ตามเขาจำปฏิกิริยาของพวกเขาไว้ในใจ และสัญญากับตัวเองว่าจะจัดการกับพวกเขาภายหลัง!
ตอนนี้ฉันมีข่าวดี ไม่นานมานี้ทางมหาลัยผลักดันให้มีการปฏิรูป และฉันก็ได้มอบโอกาสอันดีเยี่ยมให้แก่ทุกคน!
ทางมหาลัยตัดสินใจนำระบบแลกเปลี่ยนทรัพยากรออนไลน์ นั่นแปลว่านักศึกษาไม่จำเป็นต้องไปแผนกโลจิสติกส์เพื่อแลกเปลี่ยนทรัพยากรอีก กลับกันพวกเขาสามารถแลกเปลี่ยนผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแทนได้เลย
อย่างที่ฉันบอกไป พวกเราจึงต้องการนักศึกษาอาสามาช่วยกระจายทรัพยากรเหล่านี้…
แบบนั้นเป็นงานส่งของไม่ใช่เหรอ? มีคนพึมพำออกมา
ฟางผิงตำหนิพวกเขาทันที เหลวไหล ใช้สมองคิดหน่อยสิ รุ่นพี่ที่เอาคะแนนมาแลกเปลี่ยนทรัพยากร พวกเขาอ่อนแอเหรอ?
พวกเขาเป็นรุ่นพี่ขั้นสามหรือแม้แต่ขั้นสี่ที่ทำภารกิจ!
ถ้านายเป็นแค่คนส่งของ นายจะได้ไปส่งสินค้าถึงที่บ้านผู้ฝึกยุทธทุกวันไหม?
นี่เป็นการดำเนินงานในมหาลัย ก็แค่เดินไปมาไม่กี่ก้าว มีผู้คนมากมายไขว่คว้าหาโอกาสนี้ แต่พวกเขาไม่ได้รับโอกาสไป!
คณบดีตกลงให้เราลองเพราะฉันเข้าพบคณบดีและถามท่านว่าจะมอบโอกาสนี้ให้นักศึกษาใหม่อย่างเราได้ไหม
ไม่มีทุกคนหรอกนะที่ได้โอกาสแบบนี้
ตอนนี้มหาลัยไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยมากนัก มีเพียง 50 คนจากชมรมเราเท่านั้นที่มีโอกาสเป็นหนึ่งในนั้น
นายต้องเข้าใจนะ ไม่ใช่แค่นักศึกษา แต่อาจารย์ก็แลกเปลี่ยนทรัพยากรเหมือนกัน พวกเขาจะแลกเปลี่ยนผ่านออนไลน์เช่นเดียวกัน
ลองจินตนาการดูสิว่าโอกาสแบบนี้หายากแค่ไหน ถ้าอาจารย์ถูกใจนักศึกษาที่เอาของไปส่งแล้วมอบยาสองสามเม็ดให้เป็นรางวัล นายก็จะได้กำไร!
ลองคิดดูสิ นายไม่คิดว่ามันเป็นไปได้เหรอ?
ถ้าตอนนี้นายมีข้อสงสัย นายก็ลองคิดดู ภายใต้สถานการณ์ปกติ นักศึกษาไม่ได้รับอนุญาตให้ไปเขตหอพักอาจารย์ด้วยซ้ำ พอนายไปถึงหอพักอาจารย์ นายก็ลองถามปัญหาที่นายติดขัดก็ได้ นายคิดว่าอาจารย์จะปฏิเสธนายเหรอ?
เดิมทีมหาลัยกังวลว่านักศึกษาอาจทำงานล่าช้า หรือพ่ายแพ้ต่อความยั่วยวนของทรัพยากรที่มีค่ามากมาย ดังนั้นพวกเขาจึงอยากให้นักศึกษาจ่ายเงิน 5 ล้านเพื่อเป็นการค้ำประกัน!
ฉันเลยไปขอร้องอาจารย์ฉัน อาจารย์หลู่เฟิ่งโหรวเพื่อไปรับประกันว่าพวกเรานักศึกษาของโม๋อู่ไม่ใช่คนแบบนั้น!
การมีอาจารย์ขั้นหกสูงสุดมาค้ำประกันให้ นายรู้ไหมว่าชมรมต้องใช้ความพยายามแค่ไหนถึงคว้าโอกาสนี้มาได้?
ตอนนี้ยังมีคนที่คิดว่าโอกาสนี้ไม่สำคัญ คนที่คิดว่ามันน่าอับอายก็ปฏิเสธออกมาได้เลย ฉันยังกังวลอยู่เลยว่าจะทำยังไงถ้ามีคนมากไป
50 คน แบ่งเป็นห้าทีม ตารางงานอิงจากตารางเรียน แบ่งกะละวัน พวกนายจะทำงานหนึ่งกะทุกห้าวัน
ส่วนคนที่เหลือ ถ้ามีโอกาสอีกในอนาคต พวกนายถึงจะได้เข้าร่วม
ตอนนี้พวกนายมีโอกาสก็คว้าโอกาสไว้ซะ!
นักศึกษาโม๋อู่ไม่ได้โง่ แม้ว่าสิ่งที่ฟางผิงพูดมาจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว แต่พวกเขาก็ต้องยอมรับว่ามันยังมีความเป็นไปได้
พวกเขาล้วนเป็นเตรียมผู้ฝึกยุทธ แต่พูดตามตรงในโม๋อู่พวกเขาถือว่าไม่สลักสำคัญอะไรเลย
อาจารย์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพวกเขาเป็นพิเศษ นักศึกษาคนอื่นๆก็ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตา
การใช้เวลาหนึ่งวันในหนึ่งสัปดาห์เพื่อลองเสี่ยงโชคดูไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ฟู่ชางติ่งกับพวกสบสายตากัน แลกเปลี่ยนทรัพยากรออนไลน์?
ฟางผิงมีบทบาทยังไง?
เขาไขว่คว้าโอกาสมาให้ทุกคนจริงๆ?
แต่แผนนี้ดูมีผลประโยชน์ไม่มากใช่ไหม?
การส่งยาให้รุ่นพี่ เดินไม่ไกลก็เสร็จแล้ว มันไม่ได้ใช้ความพยายามมากจริงๆ นับประสาอะไรกับส่งยาให้อาจารย์ อย่างไรก็ตามมันจะปกติมากกว่าถ้าพวกเขาไปประจบอาจารย์แล้วล้มเหลว
ไม่ใช่ทุกคนที่เหมือนฟางผิงกับพวกที่บรรลุได้ถึงขั้นสองในเวลาแค่เทอมเดียว
ฟางผิงพูดต่อโดยไม่สนใจกลุ่มฟู่ชางติ่ง อีกเรื่อง นอกจากทำงานกะละห้าวัน ถ้าใครมีเวลาว่างก็มาที่ชมรมได้ ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับการฝึกยุทธหรือมีปัญหาอะไร เราจะช่วยพวกนายหาคำตอบเอง
ส่วนนักศึกษาที่ช่วยส่งทรัพยากร ต่อให้พวกนายไม่ได้รับผลประโยชน์จากรุ่นพี่หรืออาจารย์ แต่ทางชมรมจะมอบรางวัลให้พวกนายเอง จะมอบแรงจูงใจให้พวกนายทำงานให้ดีขึ้น
ยกตัวอย่าง ชมรมอาจมีส่วนลดในอนาคต
คนอื่นใช้ 30 คะแนนแลกเปลี่ยนยาชำระร่างกาย แต่สมาชิกชมรมอาจต้องใช้แค่ 28 คะแนนหรือแม้แต่ 27 คะแนน
ยาปราณและเลือดสามัญ 3 คะแนน เราอาจให้ทุกคนในราคาพิเศษ 11 เม็ด 30 คะแนน
นี่เป็นผลประโยชน์ที่ฉันพยายามนำมาให้!
อย่าดูแคลนไปล่ะ ลองถามตัวเองดู ในระยะยาว เราจะประหยัดได้เท่าไหร่?
ฉันบอกว่าเราจะเติบโตและก้าวหน้าไปด้วยกัน เรื่องนี้ฉันไม่ได้สัญญาเปล่า
เวลานี้ทุกคนเริ่มปั่นป่วนเล็กน้อย
ถ้าที่ฟางผิงพูดมาเป็นความจริง พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายจากชมรม
ฟางผิงคิดมาแล้วว่าทางมหาลัยจะให้ส่วนลดเท่าไหร่หากซื้อทรัพยากรเป็นจำนวนมาก
มหาลัยอาจไม่ห้ามเรื่องนี้ แต่พวกเขาย่อมไม่ให้คะแนนมาฟรีๆ
ในโม๋อู่ คะแนนมีความหมายหลายอย่าง
การดึงคะแนนจากนักศึกษาคืนและบังคับให้ทุกคนหาคะแนนเพิ่ม เป็นสิ่งที่มหาลัยทำมาโดยตลอดเช่นกัน
ต่อเมื่อนักศึกษาใช้คะแนนไปหมดเท่านั้น พวกเขาถึงจะมีแรงจูงใจทำภารกิจ ใฝ่หาความแข็งแกร่ง
ดังนั้น หากมีคะแนนไหลกลับเข้ามหาลัยเป็นจำนวนมาก ทางมหาลัยก็ไม่คิดมากที่จะมอบส่วนลดให้เช่นกัน
ที่เฒ่าหลี่พยายามทำให้ฟางผิงใช้คะแนนจนหมดก็เพื่อกระตุ้นให้ฟางผิงรับภารกิจ ทำให้ฟางผิงขยันเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
การกระทำเหล่านี้ดำเนินการอย่างละเอียดถี่ถ้วน นักศึกษาแทบดูไม่ออกด้วยซ้ำ
ตอนนี้แม้แต่ฟู่ชางติ่งกับพวกก็เริ่มหลงเชื่อ หยางเสี่ยวม่านถาม ฟางผิง…
เรียกฉันว่าประธาน! ฟางผิงสั่ง
หยางเสี่ยวม่านเดือดดาล เจ้าหมอนี่เริ่มวางมาดแล้วเหรอ?
ประธาน เราจะมีส่วนลดซื้อยาจริงเหรอ?
จริง แต่อย่างที่ฉันพูดไป มันเป็นแรงจูงใจสำหรับนักศึกษาที่ทำงานได้ดี ถ้าเธอเข้าชมรมเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว งั้นฉันขอโทษด้วย คำตอบคือไม่!
หยางเสี่ยวม่านกลอกตามองบน จ้องฉันทำไม? อยากว่าคนอื่น แต่มาว่าฉันแทนเพื่อ?
แต่ส่งของ…
ก่อนที่เธอจะพูดจบ ฟางผิงก็ขัดจังหวะ ผู้ฝึกยุทธอย่างเธอไม่ได้รับผิดชอบเรื่องส่งของ ให้โอกาสแบบนี้กับพี่น้องเตรียมผู้ฝึกยุทธเถอะ
ผลงานของพวกเธอจะได้รับการประเมินจากสามข้อนี้
หนึ่ง พวกเธอสองคนจะทำงานเป็นกะ ต้องมีผู้ฝึกยุทธสองคนอยู่เวรในชมรมทุกวันเพื่อตอบคำถามหรือข้อสงสัยของทุกคน
สอง เธอต้องรับผิดชอบรับมือกับชมรมหรือสมาคมอื่นที่มาสร้างปัญหาให้เรา ถ้าเธอรู้สึกรับมือไม่ไหว เธอก็มาบอกฉัน ฉันจะมาจัดการให้เอง
สาม เมื่ออนาคตทุกคนแข็งแกร่งขึ้น เราอาจได้รับภารกิจชมรม
ภารกิจชมรมจะเน้นเป้าหมายที่รุ่นพี่ที่อยู่ไกลจากมหาลัย
บางคนก็กำลังฝึกงานอยู่ในเขตท้องถิ่น บางคนก็อาจเปิดกิจการ นอกจากนี้ยังมีคนที่ทำภารกิจอยู่ในพื้นที่ต่างๆ
เมื่อพวกเขาสั่งซื้อทรัพยากรออนไลน์ เราจะจัดหาผู้ฝึกยุทธไปคุ้มการทรัพยากร
นี่เป็นภารกิจที่ได้ประสบการณ์ มันไม่ยากเท่าไหร่ นอกจากนี้พวกนายยังจะได้ความรู้อันมีค่าจากรุ่นพี่ขั้นสูงๆ
อีกอย่างจะมีคะแนนรางวัลให้ภารกิจพวกนี้ด้วย!
ฟางผิงคิดทุกอย่างถี่ถ้วนแล้ว ในอนาคตเมื่อเขารับคำสั่งซื้อนอกมหาลัย เขาจะไม่คิดเป็นเงิน แต่คิดเป็นคะแนนแทน
ฟางผิงสามารถรับคะแนนพวกนี้ไว้เองแล้วเปลี่ยนมันเป็นเงินสดเพื่อจ่ายให้ผู้ฝึกยุทธที่ไปทำภารกิจ
นอกจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องแทรกแซงอะไรเลย ผู้ฝึกยุทธสามารถรับภารกิจเองได้โดยสมัครใจ
แน่นอนพวกเขายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ต่อจากนี้พวกเขาจำเป็นต้องวางแผนการและข้อจำกัด เขาไม่อาจคาดหวังให้นักศึกษาพวกนี้ทำเรื่องทั้งหมดได้
ที่จริงมีนักศึกษาบางคนคาดการณ์บทบาทของฟางผิงแล้ว
แผนการฟังดูดี แต่ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ยังเป็นคนส่งของอยู่ดี
เป็นไปได้ไหมว่าฟางผิงเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มนี้? หรือเขาได้รับผลประโยชน์จากมัน?
ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง แต่มันก็ถือเป็นโอกาสจริงๆ เตรียมผู้ฝึกยุทธปกติแล้วไม่มีโอกาสได้คะแนนจากภารกิจเลย
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งและขั้นหนึ่งชั้นต้นก็ไม่มีคุณสมบัติเข้าใกล้ระบบภารกิจ
…
หลังโน้มน้าวอย่างระมัดระวัง ฟางผิงก็ทำให้ทุกคนยอมรับเรื่องภารกิจหลักของชมรมได้สำเร็จ
ยกเว้นเพียงไม่กี่คน สมาชิกส่วนใหญ่ลงทะเบียนเป็นคนส่งของ
ฟางผิงไม่ได้เลือกทุกคนที่มาลงชื่อ เขาตัดรายชื่อจำนวนหนึ่งที่ดูไม่น่าเชื่อถือทิ้งไป เขาจำเป็นต้องสร้างความประทับใจ แสดงให้ทุกคนเห็นว่าโอกาสนี้ไม่ได้มาง่ายๆ และไม่ใช่ทุกคนที่จะได้เข้าร่วมด้วย
ต่อจากนั้นฟางผิงก็เริ่มแต่งตั้งตำแหน่งของชมรม
โจวเยว่หง นายจะรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักงานชมรม เลือกสักสองสามคนมาจัดการคำสั่งซื้อด้วย
ส่วนประมวลคำสั่งซื้อ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซดิสแทนซ์จะจัดการเอง พวกเขาจะส่งคำสั่งซื้อที่สมบูรณ์ให้เรา และเราจะจัดการหาคนไปส่งมอบ
ตอนนี้ สำนักงานจำเป็นต้องจัดสรรเจ้าหน้าที่
นี่เป็นโอกาสหาประสบการณ์เช่นกัน อย่างน้อยที่สุดสำหรับผู้หญิงที่อยากเข้าสู่องค์กรหรือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาล มันเป็นโอกาสที่หาได้ยาก
โดยปกติแล้ว บริษัทต่างๆจะไม่อนุญาตให้พวกนายตัดสินใจกันเองในเรื่องบางอย่าง
กัวเซิ่ง นายจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่จริงเป็นฝ่าจัดส่ง งานนี้ต้องการคนที่ซื่อสัตย์ เชื่อถือได้และมีความสามารถในการทำงาน
เจ้าอ้วนดูเป็นคนซื่อสัตย์เชื่อถือได้ นอกจากนี้ความสามารถของเขายังเป็นที่ยอมรับในหมู่เตรียมผู้ฝึกยุทธ เขาจะเป็นตัวอย่างที่ดี
ฟู่ชางติ่ง นายจะรับตำแหน่งเป็นรองประธาน นายมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการสื่อสารระหว่างชมรมกับมหาลัย รวมถึงชมรมอื่นด้วย
นอกจากนั้นนายยังต้องรับผิดชอบเป็นหัวหน้ากลุ่มผู้ฝึกยุทธไปเก็บเม็ดยากับอาวุธกรณีที่มีปัญหา นายมีปัญหาไหม?
ฟู่ชางติ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม มันยุ่งไหม?
ไม่เท่าไหร่ แถมนายไม่ได้รับผิดชอบคนเดียวเหมือนกัน นายได้ประสบการณ์มากขึ้นตอนนี้ก็ไม่ได้เป็นอันตรายต่อนายหรอก
ก็ได้ ฉันยอมรับ
ฟางผิงพูดต่อ จ้าวเสวี่ยเหมย เธอจะเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสู้รบภายนอก!
ฝ่ายสู้รบภายนอก?
ทุกคนสับสนงุนงง ฝ่ายนี้จำเป็นยังไงกับชมรม?
ถูกต้อง ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าอนาคตชมรมอาจรับภารกิจนอกมหาลัย? เราจำเป็นต้องคัดเลือกผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งมาทำภารกิจเหล่านี้ และนั่นจะประกอบขึ้นเป็นฝ่ายสู้รบภายนอก!
พูดสั้นๆก็คือ ชมรมพึ่งก่อตั้งขึ้น เราจะตั้งฝ่ายขึ้นมาง่ายๆ เรามีสำนักงาน มีฝ่ายประชาสัมพันธ์และฝ่ายสู้รบภายนอก
สำนักงานมีหน้าที่ดูแลกิจการภายใน…ฉันหมายถึงภารกิจภายใน
ฝ่ายประชาสัมพันธ์จะมีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจภายนอกที่เกี่ยวข้องกับมหาลัย
ฝ่ายสู้รบภายนอกมีหน้าที่รับผิดชอบ…
แล้วฉันล่ะ? หยางเสี่ยวม่านพูดขัด เธอทนต่อไปไม่ไหวอีก ฟางผิงไม่ได้มอบตำแหน่งอะไรให้เธอเลย แม้ว่าตำแหน่งพวกนี้จะไม่ค่อยมีค่าก็ตาม
เธอ?
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมา ถ้าเธอพูดแบบนั้น เธอรับผิดชอบฝ่ายควบคุมดูแลภายในสมาคมแล้วกัน
นี่เป็นฝ่ายที่สำคัญยิ่ง เธอจะรับผิดชอบประเมินประสิทธิภาพการทำงานของแต่ละฝ่าย ทัศนคติการให้บริการ และประเมินสรุป
พอเธอประเมินสมาชิก ชมรมจะมอบรางวัลให้ นี่เป็นสัญญาณความเจริญรุ่งเรืองของชมรม ทุกคนมารวมตัวกันเพราะต้องการแข็งแกร่งขึ้นอย่างจริงใจแทนที่จะเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์!
นอกจากนั้น เธอมีหน้าที่สอนวิชายุทธในชมรม มันเป็นการทบทวนประสบการณ์เชิงยุทธของเธอด้วย
แล้วนายล่ะ? หยางเสี่ยวม่านถาม
ฉันเหรอ? ฟางผิงตอบกลับอย่างเร่งรีบ ฉันมีหน้าที่ประสานงานโดยรวมและพยายามหาผลประโยชน์มาให้ทุกคน มันยังไม่พออีกเหรอ?
ชมรมต้องการศูนย์รวม นอกจากนี้ยังจำต้องมียอดฝีมือมาเป็นตัวอย่างให้ทุกคน เป็นเสาหลักทางใจ!
ถ้าไม่ใช่ฉัน เราจะพึ่งใครล่ะ? เธอเหรอ?
หน้าที่ฉันหนักหนากว่าเธอ แต่ฉันจะทำต่อไปโดยปราศจากความลังเลเพื่อให้ทุกคนเติบโตไปด้วยกัน!
ฟางผิงพูดจนปากแห้งผาก เขาพูดจาล่อลวงจนแม้แต่ตัวเองก็เริ่มเชื่อแล้ว
‘ใช่ ฉันสู้เพื่อผลประโยชน์ของทุกคน!’ เขาเถียงกับตัวเอง ‘ฉันไม่ได้เห็นแก่ตัว!’
เขาอาจไม่จ่ายค่าแรงให้ทุกคน แต่กลุ่มนักศึกษาพูดเรื่องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ค่าแรงก็ไม่สำคัญแล้ว
อย่างแย่ที่สุด ทุกคนจะได้ทานข้าวฟรีสัปดาห์ละมื้อ การพูดเรื่องเงินในหมู่นักศึกษาก็มีแต่จะทำลายมิตรภาพของกันและกันไปเท่านั้น
ใครมีความเห็นอะไรไหม?
ทุกคนแสดงสีหน้าบ่งบอกว่าไม่มี
ถ้าไม่มีความเห็นอะไรแล้ว งั้นมาเริ่มกระจายคนกัน เลือกฝ่ายที่พวกนายอยากเข้าร่วมได้เลย จำไว้ว่าทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจ คนที่ไม่ได้เข้าร่วมฝ่ายประชาสัมพันธ์เมื่อกี้ก็เข้าร่วมฝ่ายอื่นได้ ทุกคนจะมีส่วนร่วมทำให้ชมรมของเราดียิ่งขึ้น!
ฉันอยากให้ทุกคนรู้ว่ายอดฝีมือแข็งแกร่งเพราะความขยันหมั่นเพียรและความต้องการอยากแข็งแกร่ง แทนที่จะอาศัยวงศ์ตระกูล!
ประธานพูดถูก ถ้าเราขยันพอ เราจะก้าวข้ามทายาทเศรษฐีที่ขี้เกียจได้แน่นอน!
เจ้าอ้วนกัวเซิ่งรู้สึกเดือดพล่าน เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตนเองจะได้รับตำแหน่งสำคัญในชมรม ท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ เตรียมผู้ฝึกยุทธอย่างเขาดันกลายมาเป็นผู้อำนวยการจริงๆ!
ประธานพูดถูก มนุษย์เราควรพึ่งพาความขยันหมั่นเพียรของตนเอง!
ฟางผิงยกนิ้วให้กัวเซิ่ง อย่างน้อยที่สุดเขาก็หลอกเจ้าอ้วนคนนี้ได้ การให้เขามาเป็นหัวหน้าคนจัดส่งไม่เสียเปล่าแน่นอน
ฟางผิงรู้สึกปากแห้งผากจึงยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม
เขาอารมณ์ดีมาก ไม่เพียงแต่จะมีบริษัทสาขา…ไม่สิ ชมรมค่อยๆก่อตัวขึ้น แถมเขายังดึงตัวผู้ฝึกยุทธและเตรียมผู้ฝึกยุทธมานับร้อย
ถ้าเขาอยากให้คนพวกนี้มาทำงานให้ เงินเดือนพวกเขาอย่างเดียวก็เป็นเงินกว่าสิบล้านได้ง่ายๆเลย
ตอนนี้ แค่คำพูดไม่กี่คำของเขาก็พอแล้ว
ฟางผิงไม่มีปัญญาจ้างผู้ฝึกยุทธขั้นสองอย่างฟู่ชางติ่งและคนอื่นๆในกลุ่มแน่นอน แต่ตอนนี้แม้แต่พวกเขาก็กลายเป็นคนของเขา ยอดเยี่ยมมาก! ฟู่ชางติ่งกับพวกตัวสั่นเทาเล็กน้อย พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ…เหมือนตกหลุมพรางฟางผิง
อย่างไรก็ตามตอนนี้มีนักศึกษาหลายคนเลยที่ถูกกระตุ้นด้วยความรักและเกียรติยศจากการก่อตั้งชมรมใหม่
ก่อนคำนวณผลประโยชน์ที่ตนเองได้รับ นักศึกษามากมายต่างก็ถูกความกระตือรือร้นกระตุ้นให้ทำงานให้กับองค์กรต่างๆของมหาลัย
ส่วนค่าแรงงั้นเหรอ? มันสำคัญยังไงล่ะ?
เมื่อเขาเห็นว่าห้องชมรมเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งความเยาว์วัย กำลังพูดถึงเรื่องก้าวถัดไป ฟางผิงก็รู้สึกหลากหลายอีกครั้ง
เขาแค่ต้องนั่งรอเงินเข้าอยู่เฉยๆก็พอ!
สิ่งสำคัญที่สุด เขาจำเป็นต้องทำให้แน่ใจว่าตนเองจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเรื่องเล็กน้อยก็ปล่อยคนอื่นจัดการไป ขอแค่ไม่มีใครก้าวข้ามเขาไป ชมรมก็จะทำทุกอย่างที่เขาต้องการ