World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 184 การประลองไม่ใช่เป้าหมาย

ตอนที่ 184 การประลองไม่ใช่เป้าหมาย

  ณ โรงแรม

  ขณะที่ทุกคนกำลังโทรกลับไปหาทางมหาลัย จู่ๆฟางผิงก็พูดขึ้นมา  ฉันโทรเอง! 

  ทุกคนหันมามองเขาอย่างสงสัย แต่ฟางผิงไม่สนใจ

  หลังครุ่นคิดเล็กน้อย ฟางผิงก็โทรหาถังเฟิง ยังไงเสียถังเฟิงก็เป็นหัวหน้าอาจารย์ของปีหนึ่ง

   อาจารย์ถัง 

   พูดธุระมา 

  ถังเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆและตรงเข้าประเด็นเหมือนปกติ

   วันนี้ทีมของเรามารับภารกิจที่หนานเจียง เราจึงไปเยือนมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงกัน 

   อืม 

   จากนั้นนักศึกษาของมหาลัยวิชายุทธหนานเจียงก็ยั่วยุเรา บอกว่าโม๋อู่ด้อยกว่าจิงอู่ เพราะครั้งก่อนหวังจินหยางปิดกั้นประตูและกวาดนักศึกษาขั้นหนึ่งของมหาลัยเราจนหมด 

   อือฮึ? 

   จากนั้น ประธานชมรมวิถียุทธหนานเจียง หวังจินหยาง ก็โผล่มายื่นสาส์นท้าประลอง ร้องขอการประลองยุทธหนึ่งรอบระหว่างเรากับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดห้าคนของหนานอู่…พวกเขา…พูดจาดูถูกโม๋อู่ 

   สู้ๆ! 

   ไม่ๆ… 

  ฟางผิงหยุดชั่วครู สีหน้าไม่ค่อยสบายใจ แต่เขาก็พูดต่อ  อาจารย์ เราลองครุ่นคิดดูแล้ว เราตัดสินใจปฏิเสธเพื่อไม่ให้ทำลายมิตรภาพของสองมหาลัย และเพื่อป้องกันไม่ให้โม๋อู่ขายหน้า 

   เรายังเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แต่อีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดห้าคน เราจะสู้ได้อย่างไร? 

   ถ้าเราแพ้ โม๋อู่คงไม่มีหน้าไปเจอหน้าใครอีก 

   แม้ว่าจะเป็นหนานอู่ที่ยื่นสาส์นท้าประลอง แต่เรายังเป็นเด็กปีหนึ่ง แม้ว่าข่าวการปฏิเสธคำท้าจะหลุดไป มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ 

   เราพิสูจน์ความแข็งแกร่งของโม๋อู่ไปแล้วด้วยการคว้าแชมป์งานประลองยุทธ เราจึงไม่จำเป็นต้องทำเรื่องแบบนี้ให้สิ้นเปลืองพลังและเวลาโดยไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ 

   ถ้าเราชนะ มันก็จะเป็นแค่เรื่องที่ควรจะเป็นอยู่แล้ว เพราะโม๋อู่แข็งแกร่งที่สุด! 

   ถ้าเราแพ้ สิ่งที่ได้มาก็ไม่คุ้มกับการสูญเสีย แม้ว่าหนานอู่จะเป็นคนยั่วยุเราตลอด… 

  ฟู่ชางติ่งกับคนอื่นๆอยู่ข้างๆมีสีหน้าสับสนงุนงง มันเป็นแบบนั้นหรอกเหรอ?

  ดูเหมือน…ดูเหมือนว่าสิ่งที่ฟางผิงพูดมาก็ไม่ได้ผิดซะทั้งหมด

   อ่า เป็นเพราะนักศึกษาหนานอู่ล้ำเส้นเกินไป 

   เตรียมผู้ฝึกยุทธคนนึงข่มเหงหยางเสี่ยวม่าน พูดจาหยาบคายว่าจะทำให้เธอนอนหยอดน้ำข้าวต้มสักสองสามเดือน… 

   จริงๆแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะภาพรวม ผมคงไม่ทน 

   อาจารย์ถัง เราหวังว่าอาจารย์จะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในระดับมหาลัย อาจารย์จะได้ระงับปัญหานี้ได้ บรรยากาศของหนานอู่ตอนนี้เลวร้ายมาก แถมชมรมวิถียุทธยังเอาแต่เติมเชื้อเพลิง บอกว่านักศึกษาโม๋อู่ไม่กล้ารับคำท้า… 

   ฮึ่ม! 

  ถังเฟิงแค่นเสียงเย็น เขาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะออกคำสั่ง  สู้! หยุดเล่นลิ้น ต้องการอะไร บอกมา! 

   อาจารย์ถังพูดผิดแล้ว ผมไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเองนะ 

   อาจารย์ถามหยางเสี่ยวม่านกับจ้าวเหล่ยสิ… 

   หยางเสี่ยวม่าน ที่หน้าประตูหนานอู่ เธอถูกเตรียมผู้ฝึกยุทธดูถูกใช่ไหม ฉันไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาเองใช่ไหม? 

  ฟางผิงเปิดโหมดลำโพงแล้วถลึงตามองหยางเสี่ยวม่านอย่างดุร้าย

  หยางเสี่ยวม่านดูอับอาย เธอกล่าวอย่างกระอักกระอ่วน  ใช่ มันเกิดขึ้นจริง 

   จ้าวเหล่ย หวังจินหยางพูดขึ้นมาหลายครั้งใช่ไหม บอกว่าเคยกวาดมาทั้งโม๋อู่ บอกว่าเราควรขอบคุณ นายก็อยู่ที่นั่นด้วย ฉันพูดถูกหรือผิดล่ะ? 

  จ้าวเหล่ยมุมปากกระตุก รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ เขากล่าวอย่างจนใจ  ถูกแล้ว 

  ปลายสาย ถังเฟิงไม่ได้พูดอะไร ดังนั้นฟางผิงจึงพูดต่อ  อาจารย์ถัง ผมฟางผิงตัวคนเดียวอาจพูดเกินจริงไปบ้าง แต่ศิษย์ทั้งสองของอาจารย์คงไม่หลอกอาจารย์หรอกใช่ไหม? 

  เวลานี้ น้ำเสียงของถังเฟิงเริ่มเย็นชาขึ้น  โทรมาหาฉันมีจุดประสงค์อะไร? 

   หนานอู่ตั้งสนามประลองที่ชมรมวิถียุทธหนานอู่แล้ว คืนนี้อาจารย์ใหญ่หนานอู่กับผู้สำเร็จราชการจาง สองปรมาจารย์จะมาชมการประลองด้วย 

   นักศึกษาหนานอู่ห้าพันคนก็มาด้วย 

   ไม่ว่าจะสู้หรือจะถอย หรือถ้าโม๋อู่อยากส่งนักศึกษาคนอื่นมา มันก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของมหาลัย! 

   ถ้าไม่มีทางเลือกให้เราต่อสู้ งั้นต่อให้เราอ่อนแอ เราก็จะสู้จนถึงที่สุด เราจะไม่ปล่อยให้โม๋อู่เสียหน้าแน่นอน! 

   อย่างมากเราจะสู้เอาชีวิตเข้าแลก ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เราจะไม่ถอย! 

  ประโยคสุดท้ายของฟางผิงเร่าร้อนถึงที่สุด

  อย่างไรก็ตามถังเฟิงรู้นิสัยฟางผิงดี เขากัดฟันจนแทบเป็นผุยผง  บอกมา! ต้องการยาเท่าไหร่เธอถึงจะมั่นใจว่าจะชนะ? 

   ยาปราณและเลือดขั้นสอง 50 เม็ด… 

   … 

  ปลายสายเงียบไปเล็กน้อย จากราคาตลาดแล้ว ยาปราณและเลือดขั้นสอง 50 เม็ดมีราคาถึง 35 ล้าน

  ฟางผิงรู้สึกว่าเปิดด้วยราคานี้ไม่ได้สูงเกินไปนัก

  อย่างไรก็ตาม สองวินาทีต่อมา ถังเฟิงคำรามอย่างเดือดดาล  เธอคิดว่าตาแก่คนนี้โง่เหรอ! 

   นี่เป็นเรื่องที่พวกเธอก่อขึ้นมาเอง คิดจะให้มหาลัยจ่ายเงินให้ วางแผนได้ดี! 

   ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 20 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 5 เม็ด แค่นี้แหละ! 

   ไม่งั้น ฉันจะให้มหาลัยส่งทีมอื่นไปหนานเจียง! 

  ฟางผิงลูบหูพึมพำเบาๆ  อาจารย์ ในฐานะแบบอย่าง ดุด่าต่อหน้าลูกศิษย์ไม่ดีใช่ไหม? 

   นอกจากนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัวของเรา อาจารย์จะบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องกับเกียรติยศของมหาลัยเหรอ? 

   ถ้าเราต่อสู้ตามใจชอบโดยไม่สนใจแพ้ชนะ คนที่ต้องอับอายไม่ใช่เรา 

   เราเป็นแค่นักศึกษาใหม่ที่อยู่มหาลัยไม่ถึงปี… 

   เลิกพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ได้แค่นี้แหละ และการประลองต้องชนะ! ฉันจะบอกให้คณบดีทราบ ให้คณบดีรีบเดินทางไปตอนช่วงบ่ายเพื่อป้องกันไม่ให้หนานเจียงเล่นตุกติก! 

  ถังเฟิงวางสายทันที ไม่ปล่อยให้ฟางผิงพูดจาเหลวไหลอีก

  ส่วนที่ให้คณบดีไป ที่จริงไม่ใช่เพื่อป้องกันปรมาจารย์ทั้งสอง แต่เป็นการปกป้องอัจฉริยะปีหนึ่งของโม๋อู่มากกว่า

  ใครจะรู้ล่ะว่าหนานเจียงคิดอะไรอยู่? ถ้าพวกเขาฉวยโอกาสนั้นทำให้ศิษย์โม๋อู่พิการ งั้นหัวกะทิปี 2008 ของโม๋อู่ก็จบเห่กันพอดี

  หลังวางสายแล้ว ฟางผิงก็พูดบ่น  มหาลัยงกมาก ไม่สิ สิงโตถังงกมาก! 

   แค่ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 20 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นสอง 5 เม็ด มันไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ! 

   เรากำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเพื่อเกียรติของมหาลัย แต่พวกเขาให้มาแค่นี้แล้วอยากให้เราชนะ? 

  คนอื่นๆรู้สึกโง่งม

  จ้าวเหล่ยพึมพำ  มหาลัยอนุมัติด้วย? 

  บีบขอรางวัลพิเศษจากมหาลัย ความคิดนี้ไม่เคยอยู่ในสมองเขามาก่อน

  ฟางผิงร้ายกาจมาก พูดจาเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค เขาก็ทำให้ถังเฟิงยอมสนับสนุนยา แม้ว่ามันจะไม่มากเท่าที่ฟางผิงร้องขอก็ตาม

  แต่มันก็ยังค่อนข้างมากอยู่!

  มูลค่าเกือบสิบล้าน แม้ว่าพวกเขาจะแบ่งเท่าๆกัน แต่ละคนก็ยังได้มาไม่น้อย มันเทียบได้กับรางวัลภารกิจขั้นสองสูงสุดด้วยซ้ำ แถมบางทียังมากกว่าด้วย ผู้ฝึกยุทธขั้นสองที่ยากจนบางคนต้องทำหลายภารกิจถึงจะได้มามากเท่านี้

  มันหมายความว่ายังไง?

  พวกเขายอมรับการต่อสู้ด้วยตัวเอง แถมยังปฏิเสธไม่ได้ แต่ด้วยคำพูดของฟางผิง ดูเหมือนทุกอย่างจะต่างออกไป

  ฟางผิงไม่ได้สนใจเขา เขายังบ่นต่อไม่หยุด  สิงโตถังไม่พอใจฉัน ฉันรู้มานานแล้ว! 

   หนานอู่ยากจนมาก แต่เหล่าหวังยังให้ยาปราณและเลือดขั้นสองคนละ 3 เม็ด รวมเป็นยาปราณและเลือดขั้นสอง 15 เม็ด คู่แข่งสนับสนุนเรามากกว่ามหาลัยเราอีก! 

   สิงโตถังทำแบบนี้ได้ไง? 

   ถ้าสิงโตถังทำแบบนี้อีก ครั้งหน้าเราจะไปจิงอู่เพื่อท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง จากนั้นก็ขอยอมแพ้ ดูซิว่าโม๋อู่จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน! 

   นายก็พอได้แล้ว! 

  หยางเสี่ยวม่านกลอกตา เธอพูดอย่างโกรธเคือง  นายไม่กลัวปรมาจารย์กับผู้ฝึกยุทธขั้นกลางเป็นศัตรู นายก็ทำเลย แต่อย่าลากเราไปด้วย 

  ฟู่ชางติ่งหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้  ตอนนี้ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่านายหาเงินเร็วๆได้ยังไง 

  พวกเขาควรแจ้งมหาลัยด้วยประโยคสั้นๆประโยคเดียว

  แล้วผลลัพธ์ของมันล่ะ?

  ทุกคนถึงกับได้รางวัลพิเศษ

  ฟางผิงไม่ได้บ่นต่อ กลับกันเขาจ้องคนอื่นๆด้วยสายตาข่มขู่  สิงโตถังกล่าวหาฉันบอกว่าฉันเรียกเขาสิงโตถังลับหลัง ฉันเกรงว่ามีแต่พวกนายที่เอาเรื่องนี้ไปฟ้อง 

   ฉันขอเตือน ครั้งหน้าถ้าสิงโตถังสร้างความลำบากให้ฉันเพราะเรื่องนี้ ฉันจะสร้างปัญหาให้พวกนายด้วย 

  หลายคนดูพูดไม่ออก จ้าวเหล่ยกล่าวอย่างไม่พอใจ  เคารพอาจารย์หน่อย เรายังไม่เคยพูดจาไม่ดีลับหลังอาจารย์หลู่เลย 

   แน่นอนสิ พวกนายจะกล้าเหรอ? 

  ฟางผิงแค่นเสียงก่อนจะกลับมาที่หัวข้อหลัก  อย่ามาเถียงเรื่องไร้ประโยชน์พวกนี้เลย ประลอง 5 คน แต่เรามี 6 คน 

   ถังซ่งถิงกับเฉินหยุนซี ใครจะประลอง? 

  ถังซ่งถิงเหลือบมองเฉินหยุนซี หลังจากพิจารณาสักครู่ เขาก็กล่าว  งั้นก็ให้เฉินหยุนซีเถอะ ฉันไม่ใช่ขั้นสองสูงสุด แถมยังไม่ได้ขัดเกลาสองครั้ง ปราณและเลือดกับจำนวนขัดเกลากระดูกเทียบกับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดไม่ได้ โอกาสแพ้มีสูงมาก 

  ฟางผิงมองเฉินหยุนซี เฉินหยุนซีรู้สึกขุ่นเคือง เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงปนรำคาญ  นายไม่ต้องสงสัยฉันตลอดเวลาได้ไหม? 

   ฉะ…ฉันไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่นายคิด! 

   งั้นก็เป็นเธอแล้วกัน 

  ฟางผิงรู้ว่าที่ถังซ่งถิงพูดมาเป็นความจริง ถ้าสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด เขาไม่มีเปรียบแม้แต่น้อย โอกาสพ่ายแพ้มีสูงเกินไป

  แม้ว่าเฉินหยุนซีจะไม่ได้เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด แต่ปราณและเลือดของเธอแข็งแกร่งมาก กระดูกทั่วร่างกายขัดเกลาไปแล้ว 20%

  ในฝั่งหนานอู่ ต้องการรวบรวมผู้ฝึกยุทธขั้นสองขัดเกลาสองครั้ง 5 คนเป็นอะไรที่ยากเย็นแสนเข็น

  ทั้งหนานอู่จะมีผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสองครั้งถึง 5 คนไหมยังพูดยากเลย

  หลังจากยืนยันสมาชิกที่ร่วมประลอง ฟางผิงก็กล่าว  ครั้งนี้จุดประสงค์ของหนานอู่คือให้นักศึกษาหนานอู่รู้สึกอับอาย พวกเขาจะได้ขยันขึ้น 

   ตามปกติแล้ว คนที่ร่วมประลองย่อมไม่แข็งแกร่งเกินไป 

   แต่อีกฝ่ายย่อมไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน 

   ยังไงเสียพวกเขาก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด ทุกคนควรระมัดระวังไว้ 

   นอกเหนือจากนั้น หวังจินหยางไม่ได้โง่ แม้เขาจะพูดแบบนั้น แต่ด้วยราคายาปราณและเลือดขั้นสอง 15 เม็ด ไม่มีทางเลยที่เขาจะปล่อยให้เราชนะง่ายๆ 

   ถ้าหนานอู่ชนะเราได้ ที่จริงมันเป็นแผนการที่ดีที่จะเพิ่มขวัญกำลังใจ 

   ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมตัวทุ่มสุดฝีมือ 

   นอกจากนี้ ฉันลืมถามไป แต่การประลองคืนนี้อาจเป็นระบบชนะสามในห้า หรือไม่ก็แพ้ออกเหมือนอย่างในงานประลอง…ถ้าใช้ระบบเหมือนงานประลอง งั้นก็ง่ายมาก ยังไงเสียนักศึกษาหนานอู่ก็ไม่เข้าใจทีมของเรา 

  เมื่อกี้เหล่าหวังจากไปเร็วจนพวกฟางผิงลืมถาม

  จ้าวเหล่ยกล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่น  ไม่ว่ารูปแบบการประลองจะเป็นยังไง แต่ขอแค่เราแข็งแกร่ง ยังไงก็เหมือนกันหมดแหละ! 

   โง่เขลา… 

  ฟางผิงอดด่าไม่ได้ หลังติดตามสิงโตถัง พวกเขาก็ไม่ชอบใช้สมองแล้วเหรอ?

  ไม่ว่ายังไงจ้าวเหล่ยก็เป็นนักศึกษาหัวกะทิ ไม่ใช่แค่เยี่ยมยุทธ แต่วัฒนธรรมศึกษาก็ด้วย

  แต่ตอนนี้ดูเหมือนจ้าวเหล่ยที่เก่งกาจทั้งสองด้านกำลังจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวในไม่ช้า

  หลังจากครุ่นคิด ฟางผิงก็โทรไปถาม

  มีเสียงความวุ่นวายทางด้านเหล่าหวัง ดูเหมือนพวกเขากำลังเลือกสมาชิกร่วมการประลอง

  หลังได้ยินคำพูดฟางผิง หวังจินหยางก็หัวเราะ  งั้นก็ใช้ระบบเดียวกับงานประลอง ให้โอกาสยอดฝีมือได้แสดงฝีมือมากขึ้น 

  หลังยืนยันระบบการประลอง ฟางผิงก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มอีก

  ตอนนี้ก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว ห่างจากกลางคืนไม่กี่ชั่วโมง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดห้าคน พวกเขาก็ยังต้องเตรียมตัวก่อน

  ฟางผิงไม่ได้คิดว่าพวกเขาจะชนะแน่นอน

  …

  ในขณะเดียวกัน

  ณ มหาลัยวิชายุทธหนานเจียง

   ข่มเหงกันเกินไปแล้ว! 

   นายได้ยินไหม? นักศึกษาใหม่ห้าคนของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ยื่นสาส์นท้าผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดห้าคนของหนานอู่เรา อีกฝ่ายเป็นเด็กใหม่ทั้งหมด 

   เด็กใหม่? ท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด? 

   ใช่ มันเป็นทีมนักศึกษาใหม่ที่เข้าร่วมงานประลองครั้งก่อน ฉันได้ยินว่าพวกเขาเป็นขั้นสองแล้ว 

   เชี่ย เร็วขนาดนั้นเลย? 

   เฮ้ย พวกนายหลงประเด็นหน่อยไหม? ตอนนี้เด็กใหม่โม๋อู่กำลังยั่วยุนักศึกษาเก่าเรา 

   ถ้าหนานอู่แพ้ เราจะไม่กลายเป็นตัวตลกในหมู่มหาลัยวิชายุทธเลยเหรอ? 

   อีกฝ่ายคงไม่ชนะหรอกมั้ง? ต่อให้พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองแล้ว แต่พวกเขาพึ่งทะลวงผ่าน… 

   ถ้าเกิดพวกเขาชนะล่ะ? 

   เอ่อ…ต่อให้พวกเรากังวลไป พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ เราทำได้แต่ปล่อยให้รุ่นพี่ขั้นสองสูงสุดจัดการ 

   คืนนี้เราไปเชียร์รุ่นพี่กัน! ข่มเหงกันขนาดนี้ โม๋อู่มีอะไรดีกัน! 

   … 

  เมื่อได้ยินคำพูดของทุกคน ถานห่าวก็พูดเบาๆ  นายมั่นใจเหรอว่าเป็นพวกฟางผิง? 

  อู๋จื้อเห่ากลอกตา  ฉันจะโกหกนายทำไม? ฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย! 

   จู่ๆประธานหวังก็โผล่มา เมื่อเขามาถึง เขาก็พูดเรื่องประลอง จากนั้นพวกฟางผิงก็ตอบตกลง 

   จนถึงตอนนี้ ฉันยังงงอยู่เลย… 

   ความเห็นของนาย เราควรเชียร์ใครดี? 

   อีกอย่าง พวกฟางผิงจะเอาชนะผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดได้จริงๆน่ะเหรอ? 

  ขณะที่คนอื่นมองหน้ากันไปมา ถานห่าวก็พูดอย่างขมขื่น  พวกเราเป็นคนเหมือนกัน แต่อีกฝ่ายเริ่มท้าประลองกับผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดแล้ว ส่วนพวกเรา… 

  คนอื่นก็เงียบ ไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบด้วยได้เลย

  มีไม่กี่คนที่ถือว่าก้าวหน้าค่อนข้างเร็ว ตอนนี้ปราณและเลือดของพวกเขามาถึงขีดจำกัดแล้ว ปราณและเลือดของพวกเขามาถึง 150แคลแล้ว

  จะทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธตอนนี้เลยก็เป็นไปได้

  แต่หลังจากเข้ามหาลัยวิชายุทธ มีคนเท่าไหร่เชียวที่ยอมทะลวงขั้นด้วยปราณและเลือด 150แคล?

  ด้วยความเร็วเท่านี้ อย่างน้อยพวกเขาต้องรอจนสิ้นเทอมนี้และขึ้นปีสองก่อนถึงพิจารณาเรื่องทะลวงขั้น

  หลังกลายเป็นผู้ฝึกยุทธในปีสอง ความคืบหน้าขัดเกลากระดูกก็ไม่ได้เร็วนัก การบรรลุขั้นสองก่อนจบการศึกษาเป็นเป้าหมายของทุกคนแล้ว

  กลับกันตอนนี้พวกฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองก่อนแล้ว พวกเขาเริ่มก้าวเท้าสู่ขั้นสามด้วยซ้ำ

  เวลานี้ทุกคนต่างก็มีสีหน้าขมขื่น

  …

  ทีมชนะเลิศของโม๋อู่จะประลองกับทีมผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุดของหนานอู่

  ข่าวนี้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานแวดวงยุทธเมืองเจียงเฉิงก็ทราบข่าวนี้กันหมด

  ผู้สำเร็จราชการจะมาชมการประลองด้วยตัวเอง และจะนำผู้ฝึกยุทธหนานเจียงจำนวนมากร่วมชมการประลองด้วย

  แต่เดิมมันเป็นแค่การแลกเปลี่ยนภายในระหว่างมหาลัยวิชายุทธ แต่ตอนนี้มันมีความหมายยิ่งกว่านั้น

  มีข้อมูลระบุว่าผู้สำเร็จราชการจางเริ่มไม่พอใจกับบรรยากาศเชิงยุทธของหนานเจียงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

  ตอนนี้หากนักศึกษาเก่าหนานอู่พ่ายแพ้ให้กับนักศึกษาใหม่โม๋อู่ โลกยุทธภพของหนานเจียงอาจประสบความเปลี่ยนแปลงแน่นอน

  ถ้าหนานอู่พ่ายแพ้จริงๆ ผู้สำเร็จราชการจางอาจตัดสินใจทำการปฏิรูปขั้นรุนแรง พอถึงเวลานั้นใครจะรู้ล่ะว่ามันจะดีหรือเลว ช่วงเวลานั้นผู้ฝึกยุทธที่ทราบข่าวนี้ต่างก็ให้ความสนใจกับการประลอง

  อีกคนที่ทราบข่าวนี้ก็คือผู้บัญชาการไป๋จิ่นซานจากหยางเฉิง

  เมื่อเขาได้ยินว่าฟางผิงเป็นหัวหน้าทีมยุทธ ไป๋จิ่นซานก็รู้สึกซับซ้อนมาก

  คนหนุ่มสาวเติบโตเร็วขนาดนี้เลยเหรอ?

  ขั้นสองสูงสุด ห่างจากขั้นสามเท่าไหร่เชียว?

   เมืองหยางเฉิงสร้างสัตว์ประหลาดออกมา…อันที่จริงมีถึงสองคนด้วย! 

  ไป๋จิ่นซานกล่าวเสียงสั่น

  …

  ไม่นานหลังจากนั้น ผู้อำนวยการกระทรวงศึกษาเมืองหยางเฉิงตบบ่าฟางหมิงหรงอย่างกระตือรือร้น กล่าวคำพูดให้กำลังใจอยู่หลายคำ

  ขณะที่ฟางหมิงหรงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็กลายเป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานแล้ว

  เวลานี้ ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวของฟางหมิงหรงคือ ‘ลูกชายฉันทำอะไรอีกแล้ว?’

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท