World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 202 สองภารกิจง่ายๆ

ตอนที่ 202 สองภารกิจง่ายๆ

  หลังหมดคาบฝึกพิเศษตอนกลางคืน ฟางผิงก็ไปแผนกโลจิสติกส์

  เมื่อเห็นเขาเข้ามา เฒ่าหลี่ก็หรี่ตามองด้วยแววตาอันตราย  มาแล้วสินะ 

   ครับ 

   ยอดเยี่ยม ฉันคิดว่านายคงไม่กล้ามาหาฉันอย่างน้อยสามเดือนห้าเดือนเสียอีก 

   อาจารย์พูดเรื่องอะไร ผมมาเยี่ยม… 

   เด็กเวร!  เฒ่าหลี่คำรามด้วยความโกรธ เขายื่นแขนออกไป จากนั้นฟางผิงที่ยืนอยู่ห่างออกไปหลายเมตรถูกเฒ่าหลี่จับตัวเอาไว้

  เฒ่าหลี่ไม่รอให้ฟางผิงพูดจาไร้สาระ เขาจับโยนไปในทันที

  …

  ไม่กี่วินาทีต่อมา ฟางผิงก็นอนแอ้งแม้งอยู่นอกแผนกโลจิสติกส์อย่างมึนงง และเริ่มสงสัยเกี่ยวกับชีวิต

  ‘ฉันอยู่ไหน?’

  ‘ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง?’

  ‘เมื่อกี้ฉันบินใช่มั้ย?’

  แม้จะเป็นตอนกลางคืน แผนกโลจิสติกส์ก็ยังมีคนเข้าๆออกๆ เวลานั้นเองฟางผิงก็ได้ยินเสียงคนเอ่ยถึง  ประธาน ทำอะไร… 

  ฟางผิงหันไปมอง เมื่อเขาเห็นว่าเป็นเจ้าอ้วนกัวเซิ่ง เขาก็ยิ้มบางๆ  พระจันทร์คืนนี้ไม่เลว ฉันเลยออกมาดู แล้วนายล่ะ? 

   โอ้ ผมมาเอาเม็ดยา มีรุ่นพี่สั่งซื้อ 

   อืม ทำดีมาก นายน่าจะใกล้เป็นผู้ฝึกยุทธแล้วใช่ไหม? 

  กัวเซิ่งดูค่อนข้างแปลกใจ เขาตอบอย่างเขินๆ  ประธาน ผมทะลวงสำเร็จเมื่อเดือนที่แล้ว 

  ฟางผิงเลิกคิ้ว เขาลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท ยังไงเสียก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก

  หลังกระแอมกลบเกลื่อน ฟางผิงก็ยิ้ม  ฉันจำผิดคนนิดหน่อย ไม่นานมานี้มีคนบอกว่าจะขัดเกลาสองครั้ง นาย… 

   ใช่ นั่นผมเอง  กัวเซิ่งดูทำอะไรไม่ถูก เขาอธิบาย  แต่หลังจากผมบรรลุ 169แคล ผมก็ติดอยู่ตรงนี้ไปต่อไม่ได้ เพราะงั้นผมเลยทะลวงขั้นเลย 

  ฟางผิงหรี่ตาทอแววอันตราย เจ้าหนูนี่รู้จักวิธีประจบสอพลอไหม?

  ฉันกำลังพูด นายแค่ตั้งใจฟังก็พอ จำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจนด้วยเหรอ?

  กัวเซิ่งเหมือนตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาพยายามอธิบายแทน  ประธานคงยุ่งเกินไป อย่าเครียดมากเลย ประธานขั้นสามแล้ว นำคนอื่นไปไกล 

   อืม ไปทำธุระนายเถอะ  ฟางผิงโบกมือไล่

  เมื่อกัวเซิ่งไปแล้ว ฟางผิงก็บ่นพึมพำอย่างจนใจ  ดูเหมือนตอนนี้จะเข้าใกล้เฒ่าหลี่ไม่ได้แล้วสิ 

  ที่จริงเขาวางแผนขอรางวัลล่วงหน้ากับเฒ่าหลี่ แต่ดูตอนนี้สิ เฒ่าหลี่รู้แล้วว่า เรื่องแจกเม็ดยาให้กับสมาชิกชมรมผิงหยวนที่ฟางผิงเล่าให้ฟังครั้งก่อนเป็นฟางผิงโกหก เพราะงั้นเขาจึงจับฟางผิงโยนออกไป

  หลังมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นคนคุ้นหน้าคนตา ฟางผิงก็คิดจะเข้าไปแผนกโลจิสติกส์พยายามไปขอรางวัลล่วงหน้าอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเขาจำได้ว่ากัวเซิ่งอาจยังอยู่ข้างใน ฟางผิงจึงถอนหายใจแล้วหันตัวเดินจากไป ตัดสินใจกลับมาใหม่วันพรุ่งนี้เอา

  …

  แผนของฟางผิงที่จะขอรางวัลล่วงหน้าอาจไม่มีความคืบหน้า แต่ทางด้านเฉินหยุนซีนั้นแน่นอนแล้ว

  วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน

  วิลล่าหมายเลข 8

  หลู่เฟิ่งโหรวกับไป๋รั่วซีอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา รวมถึงสามสหายเฉินหยุนซี ฟางผิงและจ้าวเสวี่ยเหมยด้วย

  หลู่เฟิ่งโหรวจ้องมองเฉินหยุนซีด้วยท่าทางเย็นชาเข้มงวด

   อาจารย์ของเธอยืนกรานจะฝากฝังเธอไว้กับฉัน ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสเธอ เธอจะไปหาคนอื่นแทนก็ได้ ไปหาถังเฟิงก็ได้ ฉันจะพูดให้เอง! 

  เฉินหยุนซีมองไป๋รั่วซีอย่างหมดปัญญา อย่างไรก็ตามไป๋รั่วซียืนยันการตัดสินใจของตนอย่างหนักแน่น  พี่โหรว ขอร้อง! 

   ฮึ่ม! 

  หลู่เฟิ่งโหรวดูไม่พอใจ ฟางผิงกับจ้าวเสวี่ยเหมยคิดว่ามันค่อนข้างแปลก

  หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่สุภาพกับพวกเขาสองคนเหมือนกัน แต่เธอไม่เคยทำท่ารังเกียจแบบนี้

  จากสีหน้าแล้วหลู่เฟิ่งโหรวเหมือนจะรังเกียจเธอจริงๆ

  มันเป็นเพราะนิสัยของเฉินหยุนซีรึเปล่า?

  เฉินหยุนซีเชื่อฟังมาก แม้บางครั้งเธออาจลังเลทำอะไรสักอย่าง แต่เมื่ออาจารย์สั่ง เธอก็ไม่ปฏิเสธ

  นั่นเป็นเหตุผลที่หลู่เฟิ่งโหรวเกลียดเธอเหรอ?

  อย่างไรก็ตามอาจารย์ขั้นหกรู้ดีกว่า แม้ว่าราชสีห์ถังจะไม่ชอบนิสัยฟางผิง แต่เขาก็ไม่ทำท่าทีแบบนี้

  แถมมันยังแปลกๆด้วยที่ไป๋รั่วซีฝากฝังเฉินหยุนซีไว้กับหลู่เฟิ่งโหรว

  พวกฟางผิงไม่เข้าใจ และก็ไม่กล้าถามด้วย

  หลังจากเงียบไปสักครู่ หลู่เฟิ่งโหรวก็พยักหน้าและตัดสินใจ  เอาล่ะ เธออยู่กับฉันก็ได้ 

   ส่วนเธอก็ไปได้แล้ว อาการบาดเจ็บยังไม่หายดี อย่าเดินเตร็ดเตร่ไปไหนมาไหน! 

  ไป๋รั่วซีหัวเราะเบาๆ เธอมองเฉินหยุนซีแล้วกล่าว  หยุนซี ตั้งแต่นี้ไปอาจารย์หลู่จะเป็นอาจารย์ของเธอ ฝึกฝนให้หนัก ว่างๆอาจารย์จะมาเยี่ยมพวกเธอ 

   อาจารย์… 

  เฉินหยุนซีดูไม่อยากให้ไป๋รั่วซีจากไป หลู่เฟิ่งโหรวก็มีท่าทีรำคาญ  ถ้าเธอจะไปก็ไปซะ เธอคิดว่ามันเป็นการจากกันตลอดกาลรึไง? 

  ไป๋รั่วซีอดหัวเราะไม่ได้ เธอหันหลังจากไปโดยไม่เสียเวลาอีก

  เมื่อไป๋รั่วซีออกไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็จ้องมองเฉินหยุนซีสักครู่แล้วกล่าว  เธอเป็นผู้ฝึกยุทธตอนปราณและเลือด 199แคล กล่าวได้เลยว่าเธออยู่ห่างจากขัดเกลาสามครั้งเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! 

   ตระกูลเฉินไม่ได้ขาดแคลนทรัพยากร! 

   แต่แล้วเธอล่ะ? 

   ตอนนี้ฟางผิงเป็นขั้นสามแล้ว เขาขัดเกลากระดูกลำตัวไป 6 ชิ้น! 

   จ้าวเหล่ยขัดเกลากระดูกไป 96 ชิ้น เป็นขั้นสองชั้นกลางแล้ว 

   ฟู่ชางติ่งก็ขัดเกลาไป 95 ชิ้น เป็นขั้นสองชั้นกลาง 

   แต่เธอล่ะเฉินหยุนซี เธอมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติมากกว่าพวกเขา ก้าวหน้าเร็วกว่าพวกเขา แต่เธอพึ่งผ่านเกณฑ์ขั้นสองชั้นกลาง ขัดเกลากระดูกแค่ 93 ชิ้น… 

   เธอเป็นขยะไร้ประโยชน์ที่มีทั้งพรสวรรค์และทรัพยากร ถ้าไม่ใช่เพราะไป๋รั่วซี… 

   อาจารย์! 

  ฟางผิงกระแอมขัดจังหวะการด่าของหลู่เฟิ่งโหรว  อาจารย์ เอิ่ม…อะไรนะ เราควรจัดพิธีรับหยุนซีเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการไหม?

   ออกไป! 

  หลู่เฟิ่งโหรวถลึงตามองฟางผิง แต่ความโกรธของเธอก็ลดลงเล็กน้อย เธอหันไปมองเฉินหยุนซีแล้วสั่ง  วันนี้วันที่ 19 ถ้าเธอขัดเกลากระดูกได้ไม่ถึง 100 ชิ้นในสิ้นเดือน เธอควรกลับไปตระกูลเฉินซะ! 

  เฉินหยุนซีหน้าแดงก่ำ หลู่เฟิ่งโหรวพูดอย่างหงุดหงิด  ไปได้แล้ว! 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินหยุนซีก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเดินจากไป

  หลังจากเฉินหยุนซีเดินจากไปแล้ว หลู่เฟิ่งโหรวก็ไม่ได้ดูเกรี้ยวกราดเหมือนเมื่อกี้ ฟางผิงรู้สึกว่ามันเข้าใจยาก หลู่เฟิ่งโหรวมีความแค้นกับตระกูลเฉินเหรอ?

  แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ไป๋รั่วซีคงไม่มีทางฝากฝังเฉินหยุนซีไว้กับหลู่เฟิ่งโหรว

  อาจารย์อาจไม่ใช่พ่อแม่ของศิษย์ แต่ในสามสี่ปีนับจากนี้ การฝึกวิชายุทธเป็นหน้าที่ของอาจารย์ทั้งหมด นี่เป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ส่งผลต่อชีวิต

  หลู่เฟิ่งโหรวไม่สนใจอธิบาย เธอมองจ้าวเสวี่ยเหมยแล้วกล่าว  ตอนนี้เลิกฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้ซะ ให้ขัดเกลากระดูก ตั้งเป้าให้บรรลุขั้นสองสูงสุดก่อนเข้าถ้ำใต้ดิน! 

   เลิกดูแลธุรกิจครอบครัวด้วย ลุงของเธอสนใจมันอยู่ใช่ไหม? 

   ขายให้เขาแลกกับเงินซะ! 

   พอขายเสร็จ เธอก็มาเอาเม็ดยาที่ฉันแล้วไปฝึกที่ห้องพลังงาน! 

   อาจารย์…  จ้าวเสวี่ยเหมยพลันตื่นตระหนก เธอกล่างอย่างเร่งรีบ  นั่นเป็นของพ่อหนู… 

   พ่อของเธอตายในสนามรบ! เธออยากตายอยู่ในถ้ำใต้ดินเหมือนกับพ่อของเธอเหรอ?  หลู่เฟิ่งโหรวตำหนิ

   เด็กโง่! ตอนที่พ่อเธอตาย ญาติๆของเธอต่างก็เล็งบริษัทเธอ ถ้าเธอไม่ได้อยู่โม๋อู่ ถ้าฉันไม่ได้เป็นอาจารย์เธอ เธอคิดว่าเธอจะถือครองมันไว้ได้เหรอ? 

   ขายเดี๋ยวนี้แล้วแลกมันกับทรัพยากร เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง 

   เมื่อเธอกลายเป็นขั้นสามหรือแม้แต่ขั้นสี่ แล้วเธออยากบริหารธุรกิจต่อ มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ? 

   เธอคิดว่าลุงของเธอจะกล้ายึดบริษัทไปจากเธอเหรอ? 

   ถ้าผู้ฝึกยุทธแค่ขั้นสามอย่างเขาไม่มอบมันให้เธอ เขาก็รนหาที่ตายแล้ว! 

   ขายบริษัทสัก 100-200 ล้าน มันคงพอให้ฝึกอย่างน้อยก็ขั้นสามสูงสุด เธอเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? 

  ถ้าแค่เม็ดยา เงิน 100-200 ล้านอาจพอให้จ้าวเสวี่ยเหมยฝึกจนถึงขั้นสามสูงสุด

  เห็นได้ชัดว่านี่เป็นสิ่งที่หลู่เฟิ่งโหรวจะสื่อ จ้าวเสวี่ยเหมยคืบหน้าช้ากว่าคนอื่น ถ้าเธอไม่ยอมใช้เงินอัดฉีด เธอจะตามคนอื่นทันได้ยังไง?

  เม็ดยาชำระกระดูกขั้นสองเม็ดละล้าน

  จากที่หลู่เฟิ่งโหรวพูด จ้าวเสวี่ยเหมยต้องใช้อย่างน้อย 10 เม็ดต่อเดือน นั่นเป็นเงินสิบล้านแล้ว

  บวกกับเม็ดยาปราณและเลือดขั้นสอง 30 เม็ด เธอต้องใช้อีกราว 20 ล้าน

  ด้วยค่าใช้จ่ายราว 30 ล้านต่อเดือน แถมความสามารถของจ้าวเสวี่ยเหมยก็ไม่ได้ย่ำแย่จนเกินไป จะบรรลุขั้นสองสูงสุดในสองเดือนก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นเธอคงไม่มีทางมาถึงจุดนี้ได้หรอก

  แน่นอน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องใช้จ่ายเงิน 40-50 ล้านในสองเดือนเช่นกัน

  จ้าวเสวี่ยเหมยเผยสีหน้าลังเล แต่จากนั้นไม่นานเธอก็ตอบ  ตกลงค่ะ 

  เวลานี้หลู่เฟิ่งโหรวถึงมีท่าทีอ่อนโยน เธอหันไปมองฟางผิงแล้วขมวดคิ้ว  เกิดอะไรขึ้นกับนาย? 

  ฟางผิงมีสีหน้าแปลกๆ  อาจารย์ ผมไม่เป็นไร 

  จากนั้นฟางผิงก็กล่าวเสริมขึ้นมาฉับพลัน  อาจารย์พูดถึงเรื่องอาจารย์หลี่ใช่ไหม? ผมไม่ได้ยั่วยุเขา จู่ๆตาเฒ่าก็โยนผมออกมา อาจารย์จะไปแก้แค้นให้ผมใช่ไหม? 

   หืม? 

  เห็นได้ชัดว่าหลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้รู้เรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลัง แถมยังไม่อยากรับรู้ด้วย เธอขมวดคิ้วกล่าว  ที่ฉันจะพูดก็คือ นายทะลวงขั้นสามมากว่า 20 วันแล้ว ทำไมนายถึงขัดเกลากระดูกได้แค่ 6 ชิ้น? 

  ก่อนหน้านี้ ฟางผิงฝึกฝนได้รวดเร็วมาก

  เขาขัดเกลากระดูก 126 ชิ้นในเวลาไม่ถึง 7 เดือน ขัดเกลากระดูกชิ้นนึงไม่ถึงสองวันด้วยซ้ำ

  แล้วตอนนี้ล่ะ?

  มันผ่านมานานกว่า 20 วันแล้ว เขาขัดเกลากระดูกได้แค่ 6 ชิ้น

  แม้ว่าลำตัวจะขัดเกลาค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับกระดูกแขนขา แต่ฟางผิงยังไปไม่ถึงกระดูกสันหลังส่วนที่ยากที่สุดเลย ตอนนี้เขายังคงขัดเกลากระดูกซี่โครงอยู่ ถ้ากระดูกซี่โครงยังช้า แล้วเมื่อเขาขัดเกลากระดูกสันหลังล่ะ มันจะช้าแค่ไหน?

  ฟางผิงกลอกตามองบนก่อนจะถอนหายใจเบาๆ  อาจารย์ ผมมั่นใจว่าอาจารย์คงรู้ ก่อนหน้านี้ที่ผมก้าวหน้าเร็วเป็นเพราะผมใช้ทรัพยากรไปมหาศาล 

   ตอนนี้ผมไม่มีรายได้เลย แถมผมยังไม่มีธุรกิจครอบครัวเอามาขาย ผมจนมาก ผมจะก้าวหน้าช้าก็เป็นเรื่องปกติ 

   ตอนนี้ผมอาศัยปราณและเลือดของตัวเองในการหล่อเลี้ยง ผมไม่ได้กินยาชำระกระดูก แถมผมยังต้องประหยัดยาปราณและเลือดให้มากที่สุด… 

   นอกจากนี้ ถ้าผมซื้อเม็ดยาตอนนี้ มันก็ต้องเป็นเม็ดยาขั้นสาม! 

  ฟางผิงบ่นไม่หยุด  เม็ดยาขั้นสามแพงเกินไป! มันแพงจนผมหวาดหวั่น เม็ดยาปราณและเลือดสามัญเม็ดละ 3 คะแนน เม็ดยาขั้นหนึ่ง 10 คะแนน เม็ดยาขั้นสอง 20 คะแนน แต่เม็ดยาขั้นสามใช้ถึง 40 คะแนน! 

  ฟางผิงพูดด้วยท่าทางราวกับทนไม่ไหวอีกต่อไป  40 คะแนน ผมไม่มีปัญญาจ่ายหรอก! 

   โอ้  หลู่เฟิ่งโหรวตอบอยู่คำเดียว จากนั้นเธอก็พูดต่อ  อย่ามาบอกฉันว่านายจน มันไม่ได้ช่วยอะไรหรอก 

   นายลงทุนหลายสิบล้านกับบริษัทตัวเอง ฉันรู้เรื่องนี้เหมือนกัน 

   อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่านายชอบบ่นว่าฉันลำเอียง ไม่เคยให้อะไรนายเลยงั้นเหรอ? 

   ก็ได้ ตอนนี้ฉันจะมอบข้อเสนอให้นาย ถ้านายเห็นด้วย นับแต่นี้ไปฉันจะจัดหาทรัพยากรฝึกฝนทั้งหมดให้เอง 

   บอกผมมาได้เลย!  ฟางผิงกล่าวอย่างเร่งรีบ

  หลู่เฟิ่งโหรวยิ้มบางๆ  ง่ายมาก มีแค่สองเรื่อง 

   หนึ่ง ช่วยฉันส่งจดหมายพร้อมกับคำพูดไม่กี่คำ 

   ไม่มีปัญหา! 

  ฟางผิงตอบแทบจะในทันที เขาลอบยินดี บ่นคร่ำครวญว่าตัวเองยากจนก็ยังมีประโยชน์อยู่ เพราะในที่สุดอาจารย์ก็มอบข้อเสนอให้แล้ว

  การส่งจดหมายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขทำภารกิจจริงๆ เว้นแต่เขาจะส่งจดหมายไปถ้ำใต้ดิน ภารกิจนี้ไม่มีอันตรายเลย

   สอง ฆ่าคนให้ฉัน! 

  ฟางผิงขมวดคิ้วฉับพลัน เขากล่าวอย่างอายๆอยู่บ้าง  แต่อาจารย์ ตัวอาจารย์ก็เกือบเป็นปรมาจารย์แล้ว… 

  เธอล้อเขาเล่นเหรอ?

   ทำไม? นายไม่เต็มใจทำ? ฉันจะมอบผลประโยชน์ให้นายล่วงหน้า แน่นอนมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ฉันไม่ได้บอกให้นายไปฆ่าตอนนี้ นายไปฆ่าเขาซะเมื่อนายแข็งแกร่งมากขึ้น! 

  แววตาของหลู่เฟิ่งโหรวทอประกายเย็นเหยียบ ฟางผิงได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยถามแห้งๆ  ตระกูลฟางจากตงหู? 

   ไปให้พ้น!  หลู่เฟิ่งโหรวคำราม เธอแค่นเสียงดังเฮอะ  ทำไมฉันต้องใช้นายไปฆ่าเขาด้วย? 

  ฟางผิงอึ้ง นี่หมายความว่าเขาอาจต้องเผชิญกับปรมาจารย์ขั้นเจ็ดเป็นอย่างน้อย!

  อาจารย์ล้อเขาเล่นแล้ว

   เอาล่ะ นายจะตกลงไหม? ถ้านายตกลง ฉันจะให้นาย 1000 คะแนนทันที ถ้านายตายระหว่างทาง ฉันจะไม่ตามไปทางหนี้! 

   เอ่อ… 

  ฟางผิงยิ้มขม  อาจารย์อยากให้ผมขายหน้าเหรอ? อีกฝ่ายเป็นปรมาจารย์? 

   ไม่ใช่ 

   ไม่ใช่? 

  ฟางผิงรู้สึกกลัดกลุ้ม ถ้าเป้าหมายไม่ใช่ปรมาจารย์ ทำไมหลู่เฟิ่งโหรวถึงขอให้เขาทำอะไรแบบนี้ล่ะ?

  หรือเธออยากเพิ่มประสบการณ์ให้เขา?

  ฟางผิงคิดอยู่เนิ่นนานจนเริ่มปวดหัว จากนั้นเขาก็เอ่ยถาม  งั้นขั้นหกสูงสุด? 

   ไม่ใช่อีกเหมือนกัน 

   อย่าบอกผมนะว่าเป็นปรมาจารย์ระดับสูง? 

   ไม่ ทำไมนายถึงพูดจาไร้สาระมากนัก?  หลู่เฟิ่งโหรวเริ่มหมดความอดทน ในถ้ำใต้ดินไม่มีทั้งปรมาจารย์ ไม่มีทั้งปรมาจารย์ระดับสูง มีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ใช้สมญานามนี้

  ถ้ำใต้ดินเรียกมันว่าขั้นเจ็ด ขั้นแปด และขั้นเก้า เจ้าหนูนี่จะไปรู้อะไร?

  ฟางผิงโล่งอก เขาหัวเราะ  อาจารย์ งั้นก็ไม่มีปัญหาเลย ผมเชื่อว่าอาจารย์คงไม่ขอให้ผมฆ่าผู้บริสุทธิ์… 

   เหลวไหล 

  หลู่เฟิ่งโหรวจ้องมองฟางผิงแล้วโยนม้วนภาพวาดให้  เป็นคนนี้ ถ้านายเจอก็ฆ่าซะ นายฆ่ามันได้เมื่อนายแข็งแกร่งขึ้น 

   เอาล่ะ ไม่มีปัญหา  ฟางผิงยอมรับด้วยความยินดี สองภารกิจนี้ไม่ได้ยากนัก อันที่จริงเหล่าหลู่จะมอบคะแนนให้เขา 1000 คะแนนก็เหมือนดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกนั่นแหละ

  จากนั้นหลู่เฟิ่งโหรวก็โยนจดหมายให้ฟางผิง  ไปทางเข้าถ้ำใต้ดินในเขตใต้แล้วรออยู่ที่นั่น ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ จะมีชายชราผมขาวกลับมาจากถ้ำใต้ดิน มอบจดหมายให้เขา นอกจากนี้ฝากบอกเขาด้วยว่า ลูกสาวเขาคิดถึง ขอให้เขามาหาให้เร็วที่สุด 

   โอ้ 

  ฟางผิงพยักหน้าโดยรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เขาเป็นพ่อของหลู่เฟิ่งโหรวงั้นเหรอ?

  แล้วอีกฝ่ายเป็นอะไรกับเขาล่ะ?

  อาจารย์ของอาจารย์?

  แม้เขาจะแปลกใจ แต่ส่งจดหมายไม่ได้จำเป็นต้องให้ฟางผิงออกนอกมหาลัย ดังนั้นเขาจึงยินดีมากที่ได้ส่งจดหมายแทนหลู่เฟิ่งโหรว

  1000 คะแนน อาจารย์เขาร่ำรวยมากจริงๆ

  แถมมันยังดีต่อเขามาก ในที่สุดเขาก็อดทนผ่านช่วงที่ยากลำบากไปได้

  จ้าวเสวี่ยเหมยที่มองดูอยู่ข้างๆรู้สึกอิจฉา เธอยังแข็งแกร่งไม่พอ ไม่งั้นเธอคงฉวยโอกาสรับภารกิจนี้ไปแล้ว

  จ้าวเสวี่ยเหมยกับฟางผิงต่างก็คิดกันในใจ ถ้าหลู่เฟิ่งโหรวสั่งให้ฟางผิงไปสังหารใครสักคน คนๆนั้นต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายมากแน่ๆ

  ในสังคมปัจจุบัน ผู้ฝึกยุทธอาจเป็นชนชั้นอภิสิทธิ์ แต่ถ้าพวกเขาสังหารผู้บริสุทธิ์ พวกเขาจะต้องชดใช้อย่างใหญ่หลวง

  วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือส่งพวกเขาไปค่ายมรณะในถ้ำใต้ดิน

  เหล่าหลู่ย่อมไม่เล่นงานฟางผิงแบบนั้น ก่อนที่ฟางผิงจะฆ่าใครสักคน เขาย่อมต้องไปสืบด้วยตัวเอง

  ถ้าเป้าหมายไม่ใช่ทั้งปรมาจารย์หรือขั้นหก มันก็อาจจะเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งขั้นสี่หรือขั้นห้า เมื่อเขามีความแข็งแกร่ง ฟางผิงย่อมไม่คิดมากที่จะช่วยหลู่เฟิ่งโหรว

  …

  เมื่อออกมาจากวิลล่า สีหน้าฟางผิงก็เปี่ยมไปด้วยความสุข  อาจารย์ใจกว้างมาก! 1000 คะแนน…ยอดเยี่ยมไปเลย 

  หลู่เฟิ่งโหรวจ่ายให้เขาล่วงหน้า 1000 คะแนน ในสายตาฟางผิง เธอดูแลเขาดีมากจริงๆ

  จ้าวเสวี่ยเหมยอิจฉาเล็กน้อย แต่เธอไม่อยากเห็นฟางผิงโอ้อวด เธอจึงเอ่ยถาม  เหมือนอาจารย์จะไม่ค่อยประทับใจเฉินหยุนซีใช่ไหม? 

   ฉันไม่รู้ อาจเป็นเพราะอาจารย์กับเฉินหยุนซีไม่ค่อยได้คุยกัน บางทีหลังผ่านไปสักพัก มันอาจจะดีขึ้นก็ได้ 

   น่าเสียดายเรื่องอาจารย์ไป๋  จ้าวเสวี่ยเหมยถอนหายใจ ไป๋รั่วซีแขนหัก บาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เธอแทบสอนไม่ได้ด้วยซ้ำ

   อาจารย์หลู่บอกแล้วไม่ใช่เหรอ? รอดกลับมาได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว 

   นอกจากนี้สำหรับอาจารย์ไป๋แล้ว การบาดเจ็บก็หมายความว่าเธอไม่จำเป็นต้องไปถ้ำใต้ดินอีก บางทีมันอาจเป็นเรื่องดีก็ได้… 

  เรื่องนี้ฟางผิงได้แต่คิดในแง่ดีเท่านั้น ไม่งั้นมันคงกลายเป็นเรื่องค้างคาใจ

  ฟางผิงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้อีก เขาจึงกล่าว  ฉันจะไปแผนกโลจิสติกส์สักหน่อย ไว้ฉันแลกคะแนนเสร็จค่อยคุยกันใหม่ 

  คะแนนเหล่านี้เป็นรางวัลภารกิจที่หลู่เฟิ่งโหรวมอบให้ ดังนั้นมันจึงถือเป็นของฟางผิง เขาจึงไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องค่าทรัพย์สินอีก

  ถ้าเขาใช้ 1000 คะแนนนี้อย่างชาญฉลาด นั่นจะเทียบเท่ากับค่าทรัพย์สิน 30 ล้าน ต่อให้เขาไม่ได้ใช้คะแนนแลกเม็ดยาไปขาย เขาก็ยังมีค่าทรัพย์สินถึง 20 ล้าน

  สำหรับฟางผิงแล้ว คะแนนเหล่านี้มาในเวลาที่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

  หลังพูดจบประโยค ฟางผิงก็รีบไปที่แผนกโลจิสติกส์ เมื่อกี้เฒ่าหลี่อาจโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ตอนนี้หวังว่าเขาจะใจเย็นลงบ้างนะ

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท