ณ หนานเจียง
เมืองชางหนาน
แม้ว่าพื้นที่หนานเจียงจะเป็นที่ราบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีภูเขา
เขาชางซานเป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ตัดผ่านหนานเจียง แม้แต่เมืองหยางเฉิงก็อยู่ในขอบเขตเดียวกับเขาเทือกนี้
…
รถยนต์ค่อยๆขับเข้าสู่เขตเมืองชางหนาน
บนรถยนต์ ถังเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น คนพวกนี้ถูกปิดล้อมอยู่ในพื้นที่ชางหนาน อยู่หลังเขาชางหนาน
ฐานที่มั่นของพวกคุณต้องล้อมเชิงเขาชางหนาน แต่เดิมมันเป็นหมู่บ้าน แต่ตอนนี้ถูกทิ้งร้างแล้ว
ชาวบ้านออกมาทำงานและย้ายไปอยู่ในเมืองกันหมด มีเพียงคนเฒ่าคนแก่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้อยู่ที่หมู่บ้าน…
มีคนขมวดคิ้วกล่าว คนเฒ่าคนแก่…
ถูกสังหาร
หญิงสาวคนหนึ่งอดถามขึ้นมาไม่ได้ อาจารย์บอกไม่ใช่เหรอว่าเรากดดันพวกมันให้ไปรวมกันที่จุดเดียวตามแผนที่วางไว้?
ถังเฟิงกล่าวอย่างใจเย็น ไม่ว่าแผนจะละเอียดขนาดไหนก็ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่วางไว้เสมอไป แผนเดิมไม่ได้กดดันให้ศัตรูมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ แต่ให้ไปที่หมู่บ้านร้างกลางภูเขา
อย่างไรก็ตามทุกอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังไว้เสมอไป แผนไม่ได้เป็นไปตามที่เราคิด
อุบัติเหตุแบบนี้…ฉันขอพูดอย่างเลือดเย็น มันยังอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม
ไม่มีใครพูดโต้แย้งอะไร เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วมากมายที่ถูกล้อมไว้ที่นี่ คนเฒ่าคนแก่ไม่กี่คนที่เสียชีวิตไปดูเป็นราคาที่ยุติธรรมพอที่จะจ่าย
แต่คนที่ถูกสังเวยไปแล้ว พวกเขาจะรู้สึกว่ามันคุ้มไหม?
ถังเฟิงเปลี่ยนหัวข้อ หมู่บ้านอยู่ที่เชิงเขา เราได้วางแนวป้องกันไว้ที่ส่วนลึกของภูเขาและทางเข้าอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้อยู่บริเวณใกล้เคียง
นี่หมายความว่าอีกฝ่ายหนีขึ้นเขาได้ทุกเมื่อ พื้นที่บนภูเขามีความซับซ้อนมากกว่า สุดท้ายพวกคุณอาจต้องไล่ล่ากันในป่า
พวกคุณต้องระวังตัว พื้นที่ซับซ้อนไม่พอ สภาพแวดล้อมก็ซับซ้อนไม่ต่างกัน ซึ่งแปลว่ามันจะอันตรายยิ่งขึ้น!
ฟางผิงเปิดปากพูด หมู่บ้านมีคนอยู่กี่คน? เป็นผู้ฝึกยุทธหมดเลยไหม?
ไม่ มีคนธรรมดาอยู่บ้าง…อย่างไรก็ตามตอนนี้ไม่ว่าพวกมันจะเป็นคนธรรมดาหรือผู้ฝึกยุทธก็ต้องสังหารให้หมด!
ถังเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จำไว้ อย่าปล่อยให้พวกมันมีชีวิตรอด! สังหารพวกมันให้หมด!
พวกมันมีกันอยู่ประมาณ 300 คน เวลานี้เราบอกไม่ได้ว่าพวกมันมีคนธรรมดาอยู่กี่คน
300 คน?
ทุกคนผงะไปเล็กน้อย หยูเซี่ยงฮวาพูดขึ้นมา อาจารย์ งั้นฝั่งมหาลัยวิชายุทธเรามีกำลังคนอยู่เท่าไหร่เหรอ?
โม๋อู่มี 97 คน จิงอู่มี 80 คน และมหาลัยวิชายุทธอีกสามแห่งในหนานเจียงรวม 40 คน นอกเหนือจากนี้ส่วนใหญ่จะเป็นมหาลัยวิชายุทธของสามมณฑลทางใต้ หนานหูกับหนานเจ๋อ พวกเขามีประมาณ 60 คน
เกือบ 300 คน…
หยูเซี่ยงฮวาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว จำนวนเราใกล้เคียงกับพวกมัน อ่อนสุดของเราคือผู้ฝึกยุทธขั้นสอง ส่วนพวกมันยังมีคนธรรมดาอยู่ด้วย…
มันโหดร้ายขนาดนั้นเลยจริงเหรอ?
ถังเฟิงแค่นเสียงเบาๆ อย่าดูเบาไป ไม่งั้นคุณจะตายโดยไม่รู้ตัว!
ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าพวกมันอาจมีผู้ฝึกยุทธขั้นสามหลายคนก็ได้
รายละเอียดจำเป็นต้องตรวจสอบด้วยตัวเอง
ฟางผิงขัดจังหวะ พวกมันมีผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางไหม?
ไม่ทราบ
ฟางผิงถึงกับพูดไม่ออก หมายความว่ายังไง?
เขาไม่รู้?
พูดอีกนัยนึง มันอาจมีก็ได้งั้นเหรอ?
ด้วยกลุ่มผู้ฝึกยุทธขั้นสองกับผู้ฝึกยุทธขั้นสามคนหนึ่ง การประมือกับผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางเป็นอะไรที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง นอกเสียจากว่าพวกเขาจะเอาชีวิตเข้าแลก
…
ขณะที่พวกเขาคุยกัน เวลากลางคืนก็มาถึง
เมื่อเวลาตีหนึ่ง รถยนต์ก็มาจอดที่ฐานทัพทหารชั่วคราวในเขตชานเมืองชางหนาน
รถของโม๋อู่พึ่งมาถึง ไม่ช้าก็มีรถอีกหลายคันมาจอดที่หน้าประตู
พวกฟางผิงก้าวลงจากรถ ยืมแสงไฟจากประตูมองดูอีกด้านหนึ่ง
จากนั้นเขาก็เห็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาสองสามคน
ห่างออกไป ฟางเหวินเสียงถลึงตามองฟางผิงอย่างเกลียดชัง
เมื่อเห็นแบบนั้น ฟางผิงก็ถูมือไปมาแล้วกล่าว ชดใช้คืนมา!
ฟางเหวินเสียงสีหน้าอึมครึม แต่เขาก็เบือนหน้าหนี
ฟางผิงเบ้ปาก เจ้าหมอนี่เป็นหนี้เม็ดยาเขา เขาจำได้ว่าที่เขากลืนไปตอนนั้นคือเม็ดยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง ตอนนี้เขาเป็นขั้นสามแล้ว น้ำขึ้นเรือก็ต้องลอยขึ้นสูงตาม ดังนั้นอย่างน้อยมันก็ควรเป็นเม็ดยาปราณและเลือดขั้นสาม
นอกจากฟางเหวินเสียง ยังมีหานซวี่ หลี่หรานและนักศึกษาส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมงานประลองครั้งก่อน
นับตั้งแต่งานประลองก็ผ่านมา 4 เดือนแล้ว ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดตอนนั้นแทบกลายเป็นขั้นสองกันหมดแล้ว บางคนไม่ได้เป็นชั้นต้นด้วยซ้ำ
นอกจากจิงอู่กับโม๋อู่ มหาลัยวิชายุทธอื่นมาถึงกันแล้ว
เมื่อพวกฟางผิงเข้าฐานทีละคน นักศึกษามหาลัยอื่นก็ตื่นขึ้นมาบ้าง มีหลายคนเดินออกมาจากค่ายทหาร
เป็นผลให้ฟางผิงถูกสายตามากมายค้อนใส่!
คนจากหนานอู่ต่างก็มองเขาอย่างไม่พอใจ
พวกขี้แพ้ชวนตี มองอะไร!
ฟางผิงแค่นเสียงอย่างอารมณ์เสีย เจ้าพวกนี้จ้องทำเพื่อ? ฉันชนะการประลอง มันผิดกฎหมายด้วยรึไง?
คนเราแพ้แล้วก็ต้องยอมรับ!
ทันทีที่เขาเปิดปากพูด คนจากหนานอู่ก็โต้กลับมาอย่างเดือดดาล ไม่ใช่ว่านักศึกษาหนานอู่เราจะไม่เคยแพ้ แต่แกฟางผิง แกข่มเหงและดูถูกนักศึกษาหนานอู่มากเกินไป!
ฟางผิงหมดคำจะพูด ฟู่ชางติ่งเย้ยหยัน นายรนหาเรื่องเอง ถ้านายแค่เอาชนะพวกเขาเฉยๆมันคงไม่มีปัญหา แต่นายดันพูดพร่ำเอง
ก่อนหน้านี้ที่มหาลัยวิชายุทธหนานเจียง ฟางผิงยั่วโมโหหลันไฉเย่หนักจนเธอแทบกระอักเลือด แถมเขายังไม่ยอมให้ผู้ฝึกยุทธคนอื่นแนะนำตัวด้วย นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่หนานอู่ถึงถลึงตามองเขาอย่างไม่พอใจ
แน่นอน มันเป็นเพราะช่วงนี้หนานอู่เผชิญกับความยากลำบากด้วย ผู้ฝึกยุทธขั้นสองเหล่านี้ล้วนถูกโยนออกมาเผชิญกับความเป็นความตาย
ฟางผิงก็คร้านจะตอบโต้ เขาแค่หยุดมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ
ไม่นาน ทุกคนก็เดินตามเหล่าอาจารย์และเจ้าหน้าที่ทางทหารเข้าไปในเต้นท์ใหญ่ชั่วคราว
…
ในเต้นท์
ถังเฟิงและคนอื่นๆกำลังหารือกับเจ้าหน้าที่ของฐานเบาๆอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นานก็มีคนเปิดปากพูด อย่าเสียเวลาจนเสียการเสียงานไป ปลุกนักศึกษามหาลัยวิชายุทธคนอื่นๆแล้วให้มารวมตัวกัน!
สิ้นเสียงพูดก็ไม่มีใครไปแจ้งพวกเขาทราบทีละคน แต่มียอดฝีมือคนหนึ่งคำรามเสียงดัง ทุกคน มารวมตัว!
พวกฟางผิงสะดุ้งโหยง อดเอามือปิดหูไม่ได้ ฟางผิงหัวเราะแล้วพูดเสียงเบา ที่จริงควรให้อาจารย์ถังตะโกนเรียก ยังไงเขาก็รู้วิชาราชสีห์คำราม มันเป็นวิชาที่จำเป็น
เฉินหยุนซีพลันผลักฟางผิงจากข้างหลัง ฟางผิงเงยหน้าขึ้นมามอง รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นตอนที่เขาเห็นถังเฟิงกำลังมองมาพอดี
ฟางผิงพูดไม่ออก ‘มีคนคุยกันเยอะแยะ แต่เขายังได้ยินอีกเหรอ?’
ถังเฟิงไม่ได้จัดการเขา ทุกคนกำลังรออยู่ ไม่นานพวกนักศึกษาก็เข้ามาทีละคน
เมื่อเห็นว่าเต้นท์เบียดเสียดกันเกินไป ก็มีบุคคลไม่ทราบชื่อแหวกเต้นท์ออกแล้วตะโกน กลุ่มผู้ฝึกยุทธจะต้องการเต้นท์มาจัดการประชุมไปทำไม! เรามาประชุมกันใต้ผืนนภาก็ได้!
เมื่อเต้นท์ถูกรื้อ พื้นที่ก็กว้างขวางขึ้นมาก
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ทหารผู้หนึ่งที่หารืออยู่กับถังเฟิงก็ลุกขึ้นยืนประกาศ ขอขอบคุณที่มาช่วยผมแก้ปัญหาที่หนานเจียง
ผมคิดว่าทุกคนคงทราบดีถึงภารกิจปัจจุบัน
เป้าหมายภารกิจของคุณคือหมู่บ้านผานสือที่อยู่ห่างจากที่นี่สิบห้ากิโลเมตร
เราไม่ได้กำหนดวิธีกวาดล้าง ตามมหาลัยวิชายุทธของพวกคุณแล้ว พวกคุณจะต้องเตรียมการเอง
พวกคุณจะลงมือด้วยกันหรือลุยเดี่ยว ล้วนแล้วแต่พวกคุณ
เรามีข้อกำหนดเพียงสามข้อเท่านั้น
หนึ่ง อย่าลงมือกับพันธมิตรของตน ถ้าถูกค้นพบเมื่อไหร่ คุณจะถูกส่งไปถ้ำใต้ดิน หรืออย่างแย่ที่สุดคือ คุณจะถูกสังหารทันที!
สอง พื้นที่นี้ถูกกำหนดเป็นเขตสงคราม
ตอนนี้ทุกคนอยู่ในเขตสงครามแล้ว เราทำได้แต่ก้าวไปข้างหน้าไม่มีถอยหลังกลับ เราจะวางแนวป้องกันทั้งสี่ทิศ พวกคุณต้องห้ามข้ามแนวป้องกันไป!
สาม สินสงครามจะถูกประมวลผลจากส่วนกลาง
ระหว่างการต่อสู้ พวกคุณไม่ได้รับอนุญาตให้เก็บสินสงคราม รอจนกว่าส่วนกลางประมวลผลเสร็จ แล้วพวกคุณจะได้รับสินสงครามตามผลงานของตนเอง!
อย่ากังวลไป สินสงครามเป็นของพวกคุณทั้งหมด พวกคุณจะได้รับมากเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับผลงาน
อย่าให้สถานการณ์พาไปจนพวกคุณแทงข้างหลังพันธมิตรเพื่อเม็ดยาไม่กี่เม็ด! หากถูกจับได้เมื่อไหร่ พวกคุณจะถูกจัดการอย่างจริงจัง!
ทหารไม่ได้กำหนดกฎอะไรนัก แม้แต่ข้อกำหนดทางวินัยก็ไม่มี ส่วนปัญหาเรื่องสินสงคราม มันก็แค่ป้องกันไม่ให้มีเรื่องกันก่อนศัตรูทั้งหมดถูกสังหาร ไม่งั้นมันคงวุ่นวาย
เมื่อเขาพูดจบ ถังเฟิงก็เปิดปากพูดเสริม ครั้งนี้ อาจารย์จะไม่ยุ่งกับการต่อสู้ เรายังมีภารกิจอื่นอีก
ตอนนี้พวกคุณทราบภารกิจของตัวเองแล้ว
ต่อจากนี้ฐานชั่วคราวจะถูกส่งมอบให้พวกคุณ การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับพวกคุณ
พวกคุณต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองและขั้นสาม ไม่ใช่มือใหม่หรือผู้ฝึกยุทธหน้าใหม่อีกต่อไป พวกคุณล้วนแต่เป็นหัวกะทิของมหาลัย
ถ้าพวกคุณไม่สามารถกวาดล้างกลุ่มผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วที่อยู่ระดับเดียวกัน พวกคุณจะจัดการกับสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินได้อย่างไร!
ถังเฟิงพูดอย่างตรงไปตรงมา การกระทำก็ตรงไปตรงมาไม่ต่างกัน เมื่อเขาพูดจบ เขาก็หันไปพูดกับอาจารย์คนอื่นๆ พวกเราไปกันได้แล้ว!
เหล่าอาจารย์ไม่ได้ลังเล เจ้าหน้าที่ทางทหารก็รวดเร็วพอกัน เสียงฝีเท้าดังขึ้น ชั่วพริบตาพวกเขาก็หายลับไป!