World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 199 ความรู้ถ้ำใต้ดินพื้นฐาน

ตอนที่ 199 ความรู้ถ้ำใต้ดินพื้นฐาน

  วันรุ่งขึ้น ทั้งมหาลัยก็รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

  เมื่อเขาเข้าชั้นเรียนตอนกลางวัน นักศึกษาทุกคนต่างก็มีสีหน้าแปลกๆ

   ขั้นสาม! 

  ฟางผิงสำเร็จขั้นสามก่อนสิ้นปีหนึ่ง ความเร็วการฝึกฝนเช่นนี้ทำให้หลายคนรู้สึกด้อยกว่า

  ปัจจุบันนี้มีผู้ฝึกยุทธขั้นสามในโม๋อู่ไม่มากนัก

  เมื่อปีสี่จบการศึกษาเทอมนี้ จำนวนก็จะน้อยลงไปอีก

  ตอนนี้ผู้ฝึกยุทธขั้นสามจำนวนมากอยู่ปีสี่ ไม่ใช่แค่โม๋อู่ แต่มหาลัยอื่นก็เป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน

  สิ้นเทอมนี้ ทุกมหาลัยจะตกต่ำลงชั่วขณะ

  พอถึงเวลานั้น ยกเว้นผู้ฝึกยุทธขั้นสี่ที่มีจำนวนจำกัด จะมีนักศึกษาขั้นสามในโม๋อู่ไม่เกินห้าสิบคนเท่านั้น

  กว่าตัวเลขจะทะยานขึ้นก็ปีหน้า

  พูดอีกนัยนึง เทอมหน้าฟางผิงจะกลายเป็นยักษ์ใหญ่ในหมู่นักศึกษา

  เช่นเดียวกับตอนที่ฟางผิงเข้ามหาลัยใหม่ๆ เวลานั้นฉินเฟิ่งชิงพึ่งบรรลุขั้นสาม เขาถือเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ในมหาลัย ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้กลายเป็นรองประธานชมรมวิถียุทธ

  อันที่จริงครั้งนี้มันชัดเจนยิ่งกว่านั้นอีก

  ตอนนี้นักศึกษาปีสามของฉินเฟิ่งชิงแข็งแกร่งไม่เทียบเท่าปีสี่ปัจจุบัน นักศึกษาปีสี่ของโม๋อู่ปีนี้มีอัจฉริยะอยู่มากมาย

  รุ่นของฉินเฟิ่งชิงจะทำผลงานได้ดีกว่ารุ่นก่อนหรือไม่ขึ้นอยู่กับจำนวนยอดฝีมือที่มีในปีสี่

  …

  ฟางผิงไม่สนใจสายตาที่จ้องมองมา

  เขาสนใจบทเรียน แต่ฟางผิงรู้สึกง่วงนอน

  เขาตั้งตารอคาบความรู้ถ้ำใต้ดินพื้นฐานตอนกลางคืนเป็นอย่างยิ่ง

  ก่อนหน้านี้ไป๋รั่วซีเคยพูดถึงบางเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มาก ส่วนใหญ่ไม่ได้ลงลึกอะไร

  ขณะที่เขาคิดถึงเรื่องไป๋รั่วซี ฟางผิงก็พลันหันกลับไปถาม  ช่วงนี้ฉันไม่เห็นอาจารย์ไป๋เลย อาจารย์ไม่ได้อยู่มหาลัยเหรอ? 

  เฉินหยุนซีกำลังเหม่อ เมื่อฟางผิงหันมาถามอย่างฉับพลัน เธอจึงสะดุ้งโหยง เธอรีบสงบสติอารมณ์แล้วตอบ  อาจารย์ไม่ได้อยู่มหาลัย 

   น่าเสียดาย 

  เฉินหยุนซีค่อนข้างสงสัย ฟางผิงโอดครวญ  งั้นคืนนี้อาจารย์ไป๋คงไม่ได้เป็นคนสอน ฉันหวังว่าจะไม่ใช่เฒ่าถังนะ 

  ถ้าต้องเข้าคาบเรียน คนสอนเป็นอาจารย์สวยๆย่อมดีกว่า

  ถ้าถังเฟิงเป็นคนสอนในคาบเรียนคืนนี้ ฟางผิงคงรู้สึกสิ้นหวังมาก

  แต่หลังครุ่นคิดดูอีกที ถังเฟิงขั้นหกสูงสุดมาสอนก็ไม่ได้แย่อะไรนัก

  …

  นักศึกษาคลาสฝึกพิเศษต่างก็ตั้งตารอคาบเรียนคืนนี้

  ทุกคนรู้เรื่องถ้ำใต้ดิน

  แต่ไม่มีใครรู้เรื่องเฉพาะเจาะจง ทุกคนมีความเข้าใจที่คลุมเครือเท่านั้น

  …

  ช่วงกลางวัน ผู้ฝึกยุทธขั้นสองเหล่านี้ต่างก็หลับในคาบเรียน

  แต่หลังทานอาหารเย็น ทุกคนก็ไปอาคารเรียนด้วยท่าทางเปี่ยมไปด้วยพลังและชีวิตชีวา

  …

  ในห้องเรียน

  ทุกคนนั่งลงอย่างเรียบร้อย ในมือถือสมุดเตรียมจดบันทึก บางคนก็ถือโทรศัพท์เตรียมถ่ายรูป ตอนนี้ในที่สุดบรรยากาศก็ดูเหมือนมหาลัยมากขึ้นมาหน่อย

  ก่อนหน้านี้ทุกคนดูเหมือนเป็นนักเลง

  หยูซ่างฮวากับจางจื่อเวยก็มาเช่นกัน ทั้งสองยังคงหน้าซีดขาว เมื่อมาถึงห้องเรียน ทั้งสองก็ไม่ได้สนใจมองมาทางฟางผิง แต่มุ่งตรงไปกลุ่มของตนแทน

  ฟางผิงก็ไม่ได้อยากคุยกับพวกเขาอยู่แล้ว เขานั่งลงแล้วเฝ้ารออาจารย์เดินเข้าประตูมา

  ไม่นานหลังจากนั้น อาจารย์อาวุโสศีรษะขาวโพลนก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

   สวัสดีนักเรียน อาจารย์ชื่ออวี๋ป๋อ 

  อาจารย์อาวุโสยิ้มแย้มแนะนำตัวด้วยท่วงท่าอ่อนโยน เขาพูดต่อ  จากวันนี้ไป อาจารย์จะสอนเรื่องประวัติและสังคมของถ้ำใต้ดิน 

  …

   ประวัติของถ้ำใต้ดินต้องย้อนกลับไปยุคที่ห่างไกลมาก… 

  คำพูดแรกของอาจารย์ดึงดูดความสนใจของทุกคน บางคนก็อดถามขึ้นมาไม่ได้  อาจารย์ ปี 1920 รึเปล่า… 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่ายิ้ม  ปี 1920 เป็นปีที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินที่สามเปิดออก มันไม่ใช่ครั้งแรก 

   ถ้าเราย้อนรอยกลับไป มันมีบันทึกไว้ชัดเจนว่าทางเข้าถ้ำใต้ดินแรกที่จริงถูกค้นพบในปี 1303 บางทีอาจเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำ 

   ปี 1303 เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นที่มณฑลซีซาน ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หยวนกล่าวว่า ‘แผ่นดินแบ่งแยกเป็นเสี่ยงๆ จำนวนผู้คนที่ถูกบดขยี้แทบนับไม่ได้’ 

   ห๊ะ! 700 ปีที่แล้ว? 

  ทุกคนต่างก็ตกใจ ไป๋รั่วซีไม่ได้บอกพวกเขาว่าทางเข้าถ้ำใต้ดินแรกถูกค้นพบมานานกว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่ายิ้ม  นี่เป็นเพียงการคาดเดา มันอาจไม่เป็นจริงก็ได้ ยังไงเสียมันก็เกิดขึ้นมานานกว่าเจ็ดร้อยปีแล้ว เรายังไม่ทราบชัดเจนว่ามันเกิดอะไรขึ้นจริงๆ 

   อย่างไรก็ตามการคาดเดาของเรามีพื้นฐาน 

   มีนิกายชื่อวัดกว่างเซิ่งอยู่ในซีซาน ซึ่งสืบทอดกันมานานหลายพันปีแล้ว 

   จากบันทึกของนิกายวัดกว่างเซิ่งรวมถึงบันทึกของปราชญ์โบราณ กว่าเจ็ดร้อยปีก่อน ปราชญ์จากวัดกว่างเซิ่งค้นพบโลกอมตะ! 

  ทุกคนเกิดความสนใจขึ้นมาทันที

   โลกอมตะ? 

   ถูกต้อง ตามคำบอกเล่าของปราชญ์วัดกว่างเซิ่ง นี่เป็นการค้นพบโดยบังเอิญ ปรมาจารย์วัดกว่างเซิ่งได้ก้าวเข้าไปในโลกอมตะแห่งนั้น 

   จากนั้นเขาก็กลับมา… 

   หลังจากกลับมาได้ไม่นานก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่! 

   บรรพบุรุษที่ค้นพบโลกอมตะบาดเจ็บสาหัสจากแผ่นดินไหว เขาพูดประโยคซ้ำๆไม่หยุดว่า ‘ปุถุชนต้องไม่โลภ เทพผู้เป็นอมตะจะลงโทษเผ่าพันธุ์มนุษย์’ ต่อมาบรรพบุรุษก็เสียชีวิตด้วยความหวาดกลัว 

   เราสรุปได้ว่าบรรพบุรุษวัดกว่างเซิ่งได้ค้นพบทางเข้าถ้ำใต้ดิน จากนั้นทางเข้าก็ขยายตัวขึ้นซึ่งทำให้เกิดแผ่นดินไหว 

   นอกจากนั้น ทางเข้าถ้ำใต้ดินแรกตั้งอยู่ในมณฑลซีซานก็ยังเป็นหลักฐานที่ชัดเจน 

  ฟางผิงถามด้วยความสงสัย  อาจารย์ ตลอดเจ็ดร้อยปีนี้ ถ้ำใต้ดินไม่โจมตีเราเลย? 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่ายิ้ม  มันก็ไม่แปลก ถ้ำใต้ดินมีขนาดใหญ่มาก มันใหญ่มากจนเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะสำรวจจนหมด 

   ตอนที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินแรกปรากฏขึ้น สิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินอาจไม่ทราบก็ได้ 

   การเคลื่อนไหวผิดปกติภายในถ้ำใต้ดินจะก่อให้เกิดภัยพิบัติ อันที่จริงมันไม่ได้มีเพียงภัยพิบัติธรรมชาติและภัยพิบัติที่มนุษย์สร้างขึ้นเท่านั้น ตราบใดที่ทางเข้าขยายออกไป ภัยพิบัติก็จะเกิดขึ้นบนผืนโลก 

   ดังนั้นแผ่นดินไหวจึงไม่ได้เกิดจากสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินโจมตีทางเข้าอย่างเดียว มันเป็นเพราะตัวทางเข้าถ้ำใต้ดินขยายตัวด้วยเช่นกัน 

   เมื่อทางเข้าแรกปรากฏ สิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินยังไม่ค้นพบ มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ระบบสังคมของพวกมันคล้ายคลึงกับราชวงศ์ของเราในประวัติศาสตร์ 

   ในยุคนั้นการหาทางเข้าถ้ำใต้ดินไม่เจอเป็นเรื่องอภัยได้ 

   นอกจากนี้ ต่อให้พวกมันพบทางเข้าก็พูดยากว่าพวกมันจะบุกฝ่ามาถึงผืนโลกได้ไหม 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าพูดต่อ  เหตุผลที่ทำไมสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินอยากโจมตีทางเข้าถ้ำใต้ดินเป็นเพราะพวกมันถูกจำกัด โลกกับถ้ำใต้ดินเป็นมิติที่แยกจากกัน พวกเธอคิดซะว่ามันเป็นอุโมงค์ข้ามเวลาหรือเครื่องย้ายมวลสารก็ได้ 

   หลังจากวิจัยมานาน เราก็คิดว่ามันอาจเป็นทางเข้าออกฝั่งเดียว 

   มนุษย์เราเข้าไปได้ด้วยตนเอง แต่เมื่อสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินอยากมายังโลก พวกมันจำเป็นต้องทำลายช่องว่างมิติเพื่อมาบนโลก 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าหัวเราะดูถูกตัวเองพร้อมกับกล่าว  บางทีนี่เป็นวิธีที่จักรวาลชดเชยให้ผู้อ่อนแอ ผู้อ่อนแอเข้าไปดินแดนของผู้แข็งแกร่งได้เพราะมันไม่ส่งผลกระทบต่ออะไรทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหากผู้แข็งแกร่งเข้ามาดินแดนของผู้อ่อนแอ พวกมันต้องจ่ายราคาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อ่อนแอสูญพันธุ์ 

   ตอนที่ทางเข้าแรกปรากฏ เป็นไปได้ว่าสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินไม่มีความสามารถทำลายแนวพรมแดนนี้ เราสงสัยว่าในช่วงเจ็ดร้อยปี กำแพงมิติค่อยๆอ่อนแอลง เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนมันอาจแข็งแกร่งกว่านี้มาก 

   มันแข็งแกร่งมากจนแม้แต่ยอดฝีมือขั้นเก้าก็ไม่อาจทำลายได้! 

   อย่างไรก็ตามตอนนี้มันมาถึงจุดที่แม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นสามก็ทะลวงออกมาได้! 

  ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาถามอีกครั้ง  อาจารย์หมายความว่ากำแพงจะอ่อนแอลงเรื่อยๆจนแม้แต่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งก็ทะลวงออกมาได้งั้นเหรอ? 

   อาจารย์คิดเช่นนั้น 

  ศาสตราจารย์เฒ่าถอนหายใจ  อันที่จริงปรากฏการณ์นี้ชัดเจนมากแล้ว 

   มันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติของถ้ำใต้ดินตลอดช่วงสองสามปีมานี้ 

   ในอดีต กำแพงแข็งแกร่งมาก สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากโจมตีทางเข้า เพราะพวกมันจำเป็นต้องมีความสามารถที่สูงกว่าขั้นสามถึงจะออกมาจากถ้ำใต้ดินได้ 

   แต่ตอนนี้ถ้ากำแพงอ่อนลงอีก มันก็หมายความว่ากองกำลังหลักของถ้ำใต้ดินจะบุกเข้ามาได้! 

  นักศึกษาไม่มากนักที่ได้รับผลกระทบกับการเปิดเผยข้อมูลนี้ แต่ก็มีคนอดถามขึ้นมาไม่ได้  ทางเข้าถ้ำใต้ดินถูกเปิดจากสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินไม่ใช่เหรอ? 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าส่ายหน้าแล้วตอบ  อาจารย์ไม่มั่นใจเรื่องนั้น บางทีตอนแรกอาจไม่ใช่ อย่างไรก็ตามตอนนี้ตามคำพูดของยอดฝีมือ มันเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดิน 

   ในตอนแรก ทางเดินมิติอาจปรากฏขึ้นมาโดยบังเอิญ 

   เมื่อสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินรู้ว่าทางเดินเปิดไปสู่โลกใหม่ ยอดฝีมือในถ้ำใต้ดินอาจมีความคิดขยายเส้นทาง 

   เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทางเข้าขยายตัวเร็วเกินไป นอกจากนี้พวกมันเหมือนจะปรากฏอย่างมีแบบแผน 

  ฟู่ชางติ่งประหลาดใจมาก  มันหมายความว่ามียอดฝีมือในถ้ำใต้ดินที่มีหน้าที่ทำลายมิติงั้นเหรอ? 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าหัวเราะ  ไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่นไปเอง พวกเธอไม่เข้าใจแนวคิดเรื่องทำลายมิติหรอก มันต้องใช้พลังมหาศาลมากจนไม่อาจบรรลุได้ แม้แต่ศูนย์กลางของระเบิดนิวเคลียร์ก็ทำลายมิติไม่ได้ 

   ถ้ามียอดฝีมือแบบนี้ปรากฏขึ้นมา มนุษยชาติไม่สูญพันธุ์ไปแล้วเหรอ? 

   เราคาดเดาว่าทางเข้าถ้ำใต้ดินเป็นทางเดินมิติที่มีมานานแล้ว แต่ถูกซ่อนเอาไว้ เมื่อมันถูกค้นพบ อีกฝ่ายจึงเริ่มใช้ประโยชน์ แล้วค่อยๆขยายทางเดินที่มีอยู่ สุดท้ายมันก็กลายเป็นทางเข้าถ้ำใต้ดิน 

   ถ้าเป็นแบบนั้น ยอดฝีมือในถ้ำใต้ดินก็ไม่ใช่ยอดยุทธไร้เทียมทานที่นำพาหายนะน่ะสิ 

   นี่เป็นเพราะยอดฝีมือระดับปรมาจารย์ของเราก็ใช้ประโยชน์จากทางเข้าถ้ำใต้ดินเล็กๆน้อยๆเช่นกัน 

   ปรมาจารย์หลายท่านสามารถร่วมมือกันผนึกทางเดินชั่วคราว 

   ทางเข้าของเทียนหนานตอนนี้ก็ถูกผนึกอยู่ 

   แน่นอนว่ามันมีราคาต้องจ่ายมหาศาล ปรมาจารย์จะไม่ทำเช่นนี้หากไม่ใช่เหตุฉุกเฉิน นอกจากนี้มันเป็นแค่การผนึกชั่วคราว ถ้าหากปรมาจารย์ของอีกฝ่ายโจมตีกำแพง มันจะถูกทำลายในเวลาไม่นาน 

   ที่อาจารย์อยากบอกก็คือ ปรมาจารย์ของเราปิดทางเข้าได้ชั่วคราว แต่ยอดฝีมือถ้ำใต้ดินขยายทางเข้าได้ ผลสุดท้ายก็เป็นหายนะ 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าพูดอย่างชัดเจนว่าปรมาจารย์ผนึกทางเข้าได้ แต่สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินขยายทางเดินมิติได้ งั้นพวกมันก็ควรอยู่ขอบเขตเดียวกับปรมาจารย์

  ขณะที่ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าพูดต่อ ฟางผิงกับคนอื่นๆก็ไม่ได้ถามอะไรอีก พวกเขาฟังกันอย่างตั้งใจ

  ทางเข้าถ้ำใต้ดินแรกถูกค้นพบเขาซีซาน มันอาจปรากฏขึ้นมานานกว่าเจ็ดร้อยปี

  ทางเข้าถ้ำใต้ดินที่สองถูกค้นพบในซีเหว่ย มันอาจปรากฏขึ้นมานานกว่าสี่ร้อยห้าสิบปีแล้ว

  ถัดไปเป็นทางเข้าที่สามในมณฑลซีหยวนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 1920 นี่เป็นบันทึกที่ละเอียดที่สุดของทางเข้าถ้ำใต้ดินที่ปรากฏขึ้นมา

  ทางเข้าสามอันแรกถูกค้นพบทางภาคตะวันตก หลังจากนั้นมันก็เริ่มปรากฏทีละทางเข้าในภาคเหนือและภาคตะวันออก

  จากสถานการณ์ปัจจุบัน อนุมานได้ว่าทางเข้าถัดไปจะปรากฏทางภาคใต้

  นี่เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้จากประวัติศาสตร์ถ้ำใต้ดิน ศาสตราจารย์ผู้เฒ่ากล่าวถึงการคาดเดาจากคนวงในอีกเล็กน้อย

   บางคนก็ตัดสินว่านี่เป็นสัญญาณของการหลอมรวมโลก 

   ก่อนขั้นตอนการหลอมรวม มิติจะเกิดการปั่นป่วน ทางเข้าแต่ละแห่งที่เปิดอยู่จะส่งผลให้เกิดภัยพิบัติธรรมชาติซึ่งเกิดจากความผันผวนของระดับมิติ 

   แน่นอน ตอนนี้ไม่มีใครยืนยันการคาดเดาเหล่านี้ได้ ตามทฤษฏีของพวกเขา ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เมื่อทั้งสองโลกหลอมรวมกัน จะไม่มีทางเข้าถ้ำใต้ดินเกิดขึ้นอีก ทั้งสองโลกจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันจะเป็นเหมือนทวีปต่างๆตอนนี้ ที่หลอมรวมกันกลายเป็นโลก 

  ทุกคนอดคิดไม่ได้ว่ามันจะน่ากลัวขนาดไหนถ้าทั้งสองโลกหลอมรวมกัน!

  เห็นได้ชัดว่าโลกถ้ำใต้ดินแข็งแกร่งกว่าโลกมนุษย์มากนัก…

  ขณะที่พวกเขาคิดเรื่องนี้ ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าก็หัวเราะอีกครั้ง  อันที่จริงมีหลายคนอยากเห็นการหลอมรวมโลก ถ้ามันสำเร็จ กฎบางอย่างอาจหายไป ยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินอาจไม่ได้เป็นอมตะอีกเมื่อมาบนโลก 

   ถ้ำใต้ดินไม่ได้อยู่ในยุคเทคโนโลยี 

   เมื่อความเป็นอมตะนั้นหายไป พวกเธอคิดว่าถ้ำใต้ดินจะเอาชนะมนุษยชาติได้ไหม? 

   แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่การคาดเดา อย่าเสี่ยงทำแบบนั้น ผู้ที่เสี่ยงทำแบบนั้นคือลัทธิชั่ว! 

  น้ำเสียงของศาสตราจารย์ผู้เฒ่าแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเคร่งเครียด  ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วมากมายมีความคิดเช่นนี้ พวกมันเปิดทางเข้าและยอมให้สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินขึ้นมาบนผืนโลกตามต้องการ! 

   บางทีเมื่อจำนวนสิ่งมีชีวิตจากถ้ำใต้ดินมีเพิ่มมากขึ้น การหลอมรวมของทั้งสองโลกจะเร็วขึ้น! 

   สมาชิกลัทธิชั่วพวกนี้ไม่สมควรถูกเรียกว่ามนุษย์! 

   พวกมันไม่รู้หรือว่ามีมนุษย์มากแค่ไหนต้องเสียชีวิตเมื่อทางเข้าถูกเปิดออก? 

   ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเติมเต็มความฝันลมๆแล้งๆของพวกมัน พวกมันต้องใช้การอยู่รอดของมนุษย์เป็นการทดลองการคาดเดาเหรอ? 

   สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินเคยรุกรานเรา สุดท้ายมันก็กลายเป็นการสังหารหมู่ เป็นการสังหารหมู่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด… 

   เคยมีคนเกิดความคิดชั่ววูบขึ้นมา ถ้าผู้คนหลายพันล้านล้มตาย ปราณและเลือดมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมา มันเป็นเงื่อนไขเบื้องต้นในการเปิดทางเดินมิติ 

   จากทฤษฏีเหล่านี้ ถ้าผู้คนหลายพันล้านล้มตาย ทางเดินทั้งหมดจะถูกเปิด แล้วทั้งสองโลกจะเริ่มหลอมรวมกัน! 

   เจ้าพวกที่มีความทะเยอทะยานเพียงไม่กี่คนคิดจะใช้เทคโนโลยีพิชิตถ้ำใต้ดินเมื่อโลกหลอมรวมกันเสร็จ ช่างไร้สาระและน่าสมเพชแค่ไหน! 

  ฟางผิงอดตัวสั่นไม่ได้ เวลานี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วเป็นคนแบบไหน!

   อาจารย์กำลังจะบอกว่าจุดประสงค์ของลัทธิคือยอมให้สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินบุกขึ้นมาสังหารหมู่มนุษย์ตามใจชอบ แล้วเฝ้าดูทั้งสองโลกหลอมรวมกันงั้นเหรอ? 

   ไม่ใช่ทั้งหมดหรอก อย่างไรก็ตามนี่เป็นเป้าหมายของลัทธิชั่วส่วนใหญ่ 

  บางคนก็กล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวอย่างอดไม่ได้  พวกมันเสียสติไปแล้ว ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์สูญพันธุ์ ต่อให้พวกมันพิชิตถ้ำใต้ดินได้ แล้วมันจะมีความหมายอะไร? 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าส่ายหน้าแล้วเอ่ย  พวกมันบ้ามาตลอด พวกมันไม่สนใจว่าคนอื่นบนโลกจะตายหรือไม่ 

   ลัทธิพวกนี้ทั้งบ้าทั้งทะเยอทะยานทั้งขี้ขลาด… 

   ไม่ว่ายังไง ถ้าพวกเธอสังหารหมู่ทั้งลัทธิ มันอาจมีผู้บริสุทธิ์อยู่ แถมในสิบคน พวกเธออาจสังหารได้แค่เก้า มักจะมีปลาหลุดร่างแหเสมอ 

   ถ้าคนพวกนี้ตายไปก็อย่าไปเสียใจ ถ้าเจอพวกมันข้างนอก ต่อให้สังหารพวกมันไปจำนวนมากก็ไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด 

  ผู้ฝึกยุทธขั้นสองหลายคนเคยทำภารกิจ และส่วนใหญ่จะเคยพบกับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ว

  หน่วยงานอย่างกองทัพมีอำนาจถูกต้องตามกฎหมายในการสังหารผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ว แทบไม่มีภารกิจที่ให้จับกุมเลย

  ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่ามันโหดร้ายเกินไป แต่ตอนนี้หลังพวกเขารู้วัตถุเป้าหมายของลัทธิชั่ว ทุกคนก็รู้สึกทันทีว่าคนพวกนี้สมควรตาย!

  ทหารและผู้ฝึกยุทธมากมายอยู่ปราการด่านหน้าต่อต้านการรุกรานของถ้ำใต้ดิน

  แต่ลัทธิพวกนี้ดันอยากพาสิ่งมีชีวิตพวกนี้มาบนผืนโลก ต่อให้กฎของโลกถูกทำลายจริงๆ และสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินถูกสังหาร แต่ก่อนถึงเวลานั้น ผู้คนจะสูญสิ้นชีวิตไปมากแค่ไหน?

  หลายร้อยล้าน? หลายพันล้าน? บางทีถึงขั้นมนุษย์สูญพันธุ์ไปเลยก็ได้!

  …

  ในเวลาหนึ่งชั่วโมงนั้น ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าได้พูดถึงที่มาของถ้ำใต้ดิน ลัทธิชั่ว และตำแหน่งทางเข้าทั้ง 22 ทางเข้าในประเทศจีนปัจจุบัน

  เขายังพูดถึงการคาดการณ์ของคนวงในมากมาย รวมถึงข้อสรุปและเรื่องของนิกายต่างๆ!

  ยกตัวอย่างวัดกว่างเซิ่งเป็นนิกายแรกที่ค้นพบทางเข้าถ้ำใต้ดินและยังคงอยู่ในปัจจุบัน มีกระทั่งยอดยุทธระดับปรมาจารย์ที่คอยดูแลวัดกว่างเซิ่งในเขาซีซาน พวกเขาเป็นหนึ่งในเสาหลักของนิกายต่างๆ

  ทุกคนฟังอย่างเพลิดเพลินจนหมดชั่วโมงก่อนที่พวกเขาจะรู้ตัวเสียอีก

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าหัวเราะ  เราจะมาพูดกันต่อพรุ่งนี้ 

  ทุกคนรู้สึกเสียดาย เรื่องนี้น่าสนใจกับคาบวัฒนธรรม น่าเสียดายคาบนี้ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น

   อาจารย์เกือบลืม เรายังมีโหวตให้คะแนน ทุกคนโหวตคะแนนกันเลย เราจะแจกรางวัลของวันนี้ 

  ศาสตราจารย์ผู้เฒ่าจู่ๆก็นึกถึงเรื่องนี้แล้วพูดขึ้นมา

  ฟางผิงผุดลุกขึ้นทันที เขาก้าวออกไปเก็บผลโหวตด้วยตัวเอง

  หลังรวบรวมผลโหวต ฟางผิงก็ตรวจสอบผลโหวต แถมเขายังจำใบหน้าด้วยตอนเก็บผลโหวตมา

   ฟางผิง 42 คะแนน คะแนนสูงสุด จางจื่อเวย 17 คะแนน หยูซ่างฮวา 8 คะแนน… 

  ฟางผิงยิ้มตาหยีชำเลืองมองรุ่นพี่ทั้งสองแวบนึง แต่ทั้งสองไม่สนใจเขา นี่เป็นคะแนนโหวตจากคนอื่น มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกเขา พวกเขาทำได้แค่บังคับเพื่อนๆของตนเองเท่านั้น

  ฟางผิงไม่ได้มองทั้งสองอีก สิ่งสำคัญคือเขาคะแนนโหวตสูงสุด ถ้าวันหนึ่งเขาไม่ได้คะแนนสูงสุดอีก เขาจะชวนพวกนี้มาดื่มชาอีกครั้ง

  …

  หลังจบคาบเรียน ทุกคนก็คุยกันเบาๆพร้อมกับทยอยออกไป

  ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ถ้ำใต้ดินปรากฏเป็นครั้งแรก หรือทฤษฏีเรื่องหลอมรวมโลก หรือการมีอยู่ของผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ว เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นหัวข้อสนทนาของทุกคน

  ฟู่ชางติ่งพูดเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขึ้นมาฉับพลัน  อันที่จริงฉันสนใจนิกายมากกว่า สหาย นายคิดว่าผู้ฝึกยุทธของนิกายเป็นยังไง? 

  จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครได้ติดต่อกับผู้ฝึกยุทธของนิกายเลย

  คำพูดของฟู่ชางติ่งดึงดูดความสนใจของทุกคน ในสายตาพวกเขา คำว่า‘นิกาย’มีความหมายเหมือนกับการงมงายและล้าหลัง

  อย่างไรก็ตามมันยังเป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับ แถมทุกคนยังสนใจนิกายลึกลับเป็นอย่างยิ่ง

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท