แม็กซ์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เราต้องการพนักงานเสิร์ฟและตอนนี้ฉันไม่มีใครอยู่ในใจเลย” เขาตอบ “เธอบอกว่าเธอเคยทำงานในร้านอาหารมาก่อนใชมั้ย ?” เอมี่ได้พูดสิ่งที่ในใจของเขาออกมาแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้จ้างยาเบะมิยะในทันที เขาต้องทำให้แน่ใจว่าเธอมีคุณสมบัติที่เพียงพอซะก่อน
ยาเบะมิยะพยักหน้าอย่างกังวลและตื่นเต้น “ใช่ค่ะ ฉันเริ่มทำงานในครัวกับแม่ตอนอายุเก้าขวบ ตอนฉันอายุ 12 แม่ของฉันก็จากไปและฉันก็ทำงานอยู่ที่นั่นจนกระทั่งพวกเขาไล่ฉันออกมา…” ใบหน้าของเธอหมองคล้ำ ดูเหมือนว่าเธอจะซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้
แต่แม็กซ์ไม่ได้ต้องการสอบสวนอดีตของเธอ “ประสบการณ์การทำงานของเธอน่าประทับใจ ฉันต้องการพนักงานเสิร์ฟที่สามารถรับภาระงานมากๆได้ เธอจะต้องทักทายลูกค้า รับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร เช็ดโต๊ะและทำความสะอาดร้าน เรายุ่งมากในช่วงเวลาเปิดทำการ เธอแน่ใจมั้ยว่าเธอจะสามารถทำงานนี้ได้ ?” แม็กซ์ถามและมองตาเธอ
“ฉันต้องทักทายลูกค้าด้วยเหรอ ?” ความคาดหวังบนใบหน้าของเธอสั่นไหวในทันที ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในครัวราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน
ครั้งหนึ่งพ่อครัวได้ขอให้เธอออกไปเสิร์ฟอาหาร เธอทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังแต่เจ้าของก็ยังเขวี้ยงช้อนเข้าที่หัวของเธอเมื่อเขาเห็นเธอ เธอเสียเลือดไปมากและตอนนั้นเธอเพิ่งจะอายุ 13 เท่านั้น เธอไม่เคยเดินออกมาจากครัวในช่วงเวลาเปิดร้านอีกเลยนับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น
เธออยากจะใส่เสื้อผ้าที่สะอาดและสวยงามพร้อมทั้งให้บริการลูกค้าด้วยรอยยิ้มและเก็บโต๊ะอย่างคล่องแคล่วในขณะที่พวกเขามองดูเธอด้วยสายตาที่ชื่นชม อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ เธอเป็นลูกครึ่งมังกรและไม่มีร้านอาหารไหนที่ต้องการจ้างลูกครึ่งมังกรเป็นพนักงานเสิร์ฟ
“ฉันไม่เคยทักทายลูกค้ามาก่อน และถ้าฉันเป็นคนเสิร์ฟอาหารพวกเขาอาจจะไม่พอใจ” ยาเบะมิยะพูดด้วยความไม่มั่นใจ
“เธอไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะไม่พอใจที่เห็นเธอเพราะไม่ว่าเธอจะเป็นใครมันก็ไม่ใช่ปัญหาในร้านอาหารแห่งนี้” แม็กซ์พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันใช้รูปของเอมี่เป็นเครื่องหมายการค้าของร้านเรา เธอเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฉัน เธอทั้งคู่ต่างก็เหมือนกัน อยู่ที่นี่เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับตัวตนลูกครึ่งมังกรของเธอ” เขาวางถุงกระดาษคราฟท์ลงบนโต๊ะ
หญิงสาวที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองคนนี้เตือนให้แม็กซ์นึกถึงเอมี่ในสมัยก่อน แต่เธอผ่านความยากลำบากมามากกว่าเอมี่มากดังนั้นบาดแผลในจิตใจของเธอจึงค่อนข้างลึก เขารู้สึกสงสารเธอจริงๆ
ยาเบะมิยะมองไปที่แม็กซ์อย่างอึ้งๆพร้อมกับอ้าปากค้าง มันเป็นครั้งแรกที่มีคนบอกกับเธอว่าการเป็นลูกครึ่งมังกรนั้นไม่ใช่ปัญหา
เมื่อเธอก้มลงมองถุงกระดาษบนโต๊ะเธอก็มองเห็นภาพด้านหลังของสาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ – ด้านหลังของสาวน้อยน่ารักที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ มันเสี่ยงเกินไปที่จะใช้รูปนี้เป็นเครื่องหมายการค้า !
เมื่อสองปีที่แล้วที่ลานเอเดนเคยมีปีศาจเมาเหล้าและทำลายร้านอาหารเพราะว่าเจ้าของร้านจ้างพนักงานเสิร์ฟเป็นลูกครึ่งออร์ค เจ้าของร้านพิการและเสียชีวิตไปไม่นานหลังจากนั้น ร้านอาหารที่เคยประสบความสำเร็จของเขาถูกปิดลง
ถึงแม้ว่าปีศาจคนนั้นจะถูกลงโทษโดยวิหารสีเทาและยังอยู่ในคุก แต่พวกเขาก็ยังโทษพนักงานเสิร์ฟลูกครึ่งออร์คคนนั้นอยู่ดี
เมื่อผ่านคืนนั้นไปพนักงานเสิร์ฟลูกผสมทั้งชายและหญิงเกือบทั้งหมดต่างก็ตกงาน แม้แต่ยาเบะมิยะที่ทำงานอยู่ในครัวก็ถูกลดเงินเดือนลงครึ่งหนึ่ง เธอมีเงินพอสำหรับการใช้ชีวิตให้ผ่านไปแบบไม่อดตายเท่านั้น
เรื่องที่แม็กซ์ใช้รูปของลูกครึ่งเอลฟ์เป็นเครื่องหมายการค้าและเขาไม่สนใจว่าเธอเป็นใครทำให้เธอมองเห็นความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม็กซ์ที่มีต่อเอมี่และความให้เกียรติต่อลูกผสมเช่นเธอ
พวกเขาต้องการความเห็นอกเห็นใจ แต่พวกเขาต้องการได้รับความเท่าเทียมกับผู้อื่นมากกว่า
“ถ้าเธอต้องการงานนี้เธอต้องมีความกล้าและฉันจะทดสอบความสามารถของเธอ” แม็กซ์บอก
ยาเบะมิยะลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะรวบรวมความกล้าและพยักหน้า “ได้ค่ะ ช่วยทดสอบฉันด้วยค่ะ”
“เยี่ยม ! ไม่ต้องกังวลนะพี่สาวมิยะ พ่อใจดีมาก” เอมี่พูดพร้อมกับจับอุ้งมือของลูกแมวเอาไว้ในมือด้วยความคาดหวัง ฉันจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มขึ้นถ้าเธอทำงานที่นี่
ยาเบะมิยะพยักหน้า “เข้าใจแล้ว ขอบคุณนะ” ไม่เคยมีใครให้กำลังใจเธอเลยหลังจากที่แม่ของเธอเสียไป เธอรู้สึกอบอุ่นในใจ
“ดี” แม็กซ์พูดพร้อมกับยิ้ม เขาไม่ต้องการให้เธอคิดว่างานนี้เป็นงานที่ได้มาด้วยความสงสาร ดังนั้นเขาจึงให้โอกาสเธอได้รับมันด้วยศักดิ์ศรีของตัวเอง สิ่งนี้จะทำให้เธอมีความสุขและมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“งั้นเรามาเริ่มกันเถอะ” แม็กซ์พูดแล้วมองไปที่ยาเบะมิยะ “ร้านอาหารของเรายุ่งมากดังนั้นเพื่อประสิทธิภาพเธอจะต้องรวดเร็วเมื่อรับออเดอร์และเสิร์ฟอาหาร เธอต้องจำออเดอร์และความต้องการต่างๆให้ชัดเจน ถ้าเธอรู้วิธีการอ่านและเขียนเธอสามารถเขียนพวกมันลงไปในกระดาษได้แต่ต้องพยายามทำให้เร็ว”
ยาเบะมิยะพยักหน้าหลังจากที่เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แม่ของฉันสอนฉันเกี่ยวกับวิธีการอ่านและเขียนเมื่อตอนฉันยังเด็ก ฉันมีความจำที่ดีดังนั้นฉันจึงคิดว่าฉันสามารถจำออเดอร์ต่างๆได้”
“ดี ถ้าอย่างนั้นเรามาทดสอบกัน” แม็กซ์รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอมีความมั่นใจแต่เขาก็ไม่ได้รีบสรุปอะไร เขาหยิบปากกาและสมุดบันทึกมาแล้วฉีกกระดาษออกมาสี่แผ่นจากนั้นก็ฉีกแต่ละแผ่นออกเป็นสี่ส่วน เขาเขียนตัวเลขและออเดอร์ของลูกค้าลงไปในกระดาษแล้ววางลงบนโต๊ะ โต๊ะละหนึ่งแผ่น
“โต๊ะข้างประตูเป็นโต๊ะที่หนึ่งจากนั้นก็โต๊ะที่สอง สาม… กระดาษแต่ละแผ่นมีหมายเลขที่บ่งบอกถึงลำดับการเข้ามาและคำสั่งซื้อของลูกค้า เธอมีเวลา 10 นาทีในการจำหรือไม่ก็จดมันลงไปในสมุดบันทึกนี้” แม็กซ์มองนาฬิกาบนผนังแล้วพูดว่า “โอเค เริ่มเลย”
ยาเบะมิยะเหลือบมองไปที่สมุดบันทึกและปากกาแล้วเดินไปที่โต๊ะที่หนึ่งโดยไม่ลังเล
ห้านาทีต่อมายาเบะมิยะเดินเข้ามาหาแม็กซ์ “ฉันจำได้แล้ว” เธอพูดอย่างมั่นใจ
แม็กซ์ถูกทำให้แปลกใจอีกครั้ง “โอเค งั้นเรามาดูกันว่าเธอทำได้มั้ย” เขาไม่ได้รวบรวมกระดาษพวกนั้น เขาได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันความจำในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น เห็นได้ชัดว่าเขาจำสิ่งที่เขาเพิ่งเขียนลงไปได้
“โร่วเจียหมัวสองอันสำหรับโต๊ะที่สาม…” ยาเบะมิยะพูดอย่างช้าๆพร้อมกับมองไปที่แม็กซ์ เธอหยุดไปครู่หนึ่งเป็นบางครั้งเพื่อนึกแต่เธอก็สามารถท่องออเดอร์ทั้งหมดออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว
“พ่อ เธอเป็นยังไงบ้าง ?” เอมี่ถามด้วยความอยากรู้
ยาเบะมิยะยังคงมองไปที่แม็กซ์ด้วยความคาดหวังและอยากรู้อยากเห็น มันเป็นการทดสอบและยังเป็นการแสดงออกถึงการให้การยอมรับกับเธอ