ยาเบะมิยะมองโร่วเจียหมัวบนโต๊ะอย่างลังเลใจ ประสบการณ์ความสุขที่เธอเพิ่งจะได้รับจากการกินโวเจียหมัวทำให้เธออยากกินมันอีก รสชาติของมันแตกต่างจากข้าวผัดหยางโจวโดยสิ้นเชิง
“พี่สาวมิยะ หน้าอกของคุณกำลังโป๊อยู่” เอมี่พูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าอกของยาเบะมิยะ
พนักงานเสิร์ฟสาวแข็งค้างไปในทันที เธอก้มหน้ามองและรู้สึกอายในทันที เธอรีบหันหลังไปติดกระดุมอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็หันกลับมาแล้วก้มหน้าลงด้วยใบหน้าที่แดงเพราะความอาย
แม็กซ์นิ่งมาก เขาเห็นสิ่งนี้บ่อยจนมันไม่ส่งผลอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว เธอยังเป็นแค่สาวน้อยเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังเป็นพนักงานของฉัน
“พี่สาวมิยะ คุณสามารถซ่อนหางของคุณได้หลังจากที่กินโร่วเจียหมัวเสร็จ” เอมี่แนะนำในขณะที่เธอกินข้าวผัด “ถ้าจะให้พูดปลอบใจล่ะก็ เราคิดว่ามันน่ารักมาก”
แม็กซ์พยักหน้า “ฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดีถ้าเธอยังอยากกินมัน จะไม่มีใครรู้ว่าเธอมีหาง”
ยาเบะมิยะมองดูสายตาที่จริงใจของแม็กซ์และเอมี่แล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพยักหน้า เธอยกเก้าอี้กลับขึ้นมาตั้งแล้วหยิบโร่วเจียหมัวบนโต๊ะขึ้นมา จากนั้นก็หายใจเข้าออกเป็นเวลานานและกัดมันอีกครั้ง
รสชาติที่น่ารื่นรมย์แพร่กระจายอยู่ภายในปากของเธอและกลายเป็นกระแสพลังที่รุนแรง หางของเธอปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอไม่ได้คำราม หน้าอกของเธอสั่นเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ระเบิดชุดของเธอ
เธอส่ายหางสีทองของเธอไปมาด้วยความดีใจ หลังจากนั้นไม่นานเมื่อเธอมองไปที่ถุงกระดาษเปล่าในมือของเธอเธอก็เลียริมฝีปากของเธออย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“พี่สาวมิยะมันอร่อยมากใช่มั้ยคะ ?” เอมี่ถามอย่างภาคภูมิใจ
ยาเบะมิยะพยักหน้าอย่างจริงจัง “ใช่ โร่วเจียหมัวที่หัวหน้าทำอร่อยมาก !” เธอไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อน ในความเป็นจริงเธอไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีอาหารศักดิ์สิทธิ์แบบนี้อยู่ “และฉันคิดว่าพลังของฉันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนว่าจะมีผลพิเศษกับฉัน”
“งั้นเธอก็กินโร่วเจียหมัวเป็นอาหารกลางวันได้ถ้าเธอต้องการ” แม็กซ์พูดพร้อมกับยิ้มและกัดโร่วเจียหมัวของเขา เขารู้สึกดีมากที่มีสาวน้อยสองคนนี้มาคอยยกย่องเขาทุกวัน
หลังกินมื้อกลางวันเสร็จแม็กซ์ก็หยุดพัก เมื่อถึงเวลา 11:30 น. เขาก็เปิดประตู
แม้ว่าตอนนี้ยาเบะมิยะจะยังควบคุมการเปลี่ยนแปลงของเธอได้ไม่คล่องนัก แต่เธอต้องใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งนาทีเท่านั้นในการเก็บหางของเธอ มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเธอดังนั้นความกังวลของเธอจึงลดลงเป็นอย่างมาก
ความแข็งแกร่งของเธอเพิ่มขึ้นทำให้แม็กซ์รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เธอดูเต็มไปด้วยพลังและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะผอมก็ตาม การเดินไปมาหลายร้อยครั้งต่อวันระหว่างห้องครัวและห้องอาหารไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย
หลังช่วงเวลาอาหารเย็นยาเบะมิยะก็ทำความสะอาดร้าน จากนั้นเธอก็บอกลาแม็กซ์และเอมี่ที่กำลังจะล้างจานอยู่ วันนี้เธอยิ้มมากกว่าที่เธอเคยยิ้มมาตลอดทั้งปีซะอีก ปรากฏว่าการทำงานก็สามารถมีความสุขได้เหมือนกัน เธอเพิ่งจะเข้าใจ
“แล้วเจอกันนะพี่สาวมิยะ” เอมี่พูดในขณะที่เธอโบกมือเล็กๆของเธอไปมาอย่างง่วงๆและอุ้มลูกเป็ดขี้เหร่เอาไว้ในอ้อมแขนของเธอ
“กลับบ้านดีๆนะ” แม็กซ์พูดพร้อมกับยิ้ม
“ขอบคุณค่ะหัวหน้า ฉันจะระวัง” ยาเบะมิยะพยักหน้าอย่างจริงจังและจากไป
แม็กซ์เก็บชามสองสามใบสุดท้ายเข้าไปในตู้ ตอนนี้มันง่ายขึ้นมากเมื่อเขามีพนักงานเสิร์ฟ เขาทำงานอยู่ในครัวเป็นเวลานานแต่เขาไม่รู้สึกเหนื่อยเลย การเดินไปเดินมานั้นน่าเบื่อมากกว่าการทำอาหาร
“ขอแสดงความยินดี” ระบบพูด “คุณทำภารกิจขายโร่วเจียหมัว 1,000 อันภายในสิบวันสำเร็จแล้ว ทำการปลดล็อคสูตรพุดดิ้งเต้าหู้ กรุณาเข้าไปในพื้นที่ทดสอบภายใน 24 ชั่วโมง”
ในที่สุดฉันก็ทำมันได้ซะที แม็กซ์คิด จากนั้นแพ็คประสบการณ์ที่เปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา ดูเหมือนว่าฉันจะต้องใช้เวลาเป็นเดือนในการทดสอบอีกครั้ง พุดดิ้งเต้าหู้แบบหวานและแบบคาวนั้นต่างกันมาก
แม็กซ์อุ้มเอมี่ที่กำลังง่วงนอนและลูกเป็ดขี้เหร่ขึ้นไปข้างบน จากนั้นเขาก็อาบน้ำและแปรงฟัน หลังจากที่ทั้งสองหลับไปเขาก็นอนลงบนเตียงแล้วกันไปมองนาฬิกา มันเป็นเวลา 22.00 น. เขาหลับตาลงและเข้าไปในพื้นที่ทดสอบ
ข้างในแพ็คประสบการณ์มีทั้งสูตรของพุดดิ้งเต้าหู้แบบคาว พุดดิ้งเต้าหู้แบบหวานและพุดดิ้งเต้าหู้แบบเผ็ด แบบเผ็ดเป็นสีเทาดังนั้นแม็กซ์จึงไม่สามารถเลือกมันได้ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียนรู้มันในตอนนี้
ตอนนี้ฉันเป็นเจ้าของร้านแล้ว ดังนั้นสิ่งที่ฉันควรทำคือการทำให้ลูกค้าพึงพอใจและหารายได้ให้มากขึ้น แม็กซ์ยิ้ม เขาตัดสินใจแล้ว
เขาไม่จำเป็นต้องคิดว่าพุดดิ้งเต้าหู้ของเขาจะทำให้เกิดสงครามระหว่างคนชอบพุดดิ้งเต้าหู้แบบคาวและแบบหวานหรือไม่ เขาไม่ใช่คนที่เปิดร้านอาหารเพราะชอบพุดดิ้งเต้าหู้แบบหวานที่ขายได้กำไรสูง หรือเปิดบาร์เพียงเพราะว่าร้านของเขาต้องการขายพุดดิ้งเต้าหู้แบบคาว (อันนี้น่าจะเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นที่จีน)
บนโต๊ะทำอาหารเขามองเห็นเครื่องปั่นทรงกระบอกที่มีขนาดใกล้เคียงกับหม้อหุงข้าวของเขา ถัดจากเครื่องปั่นเป็นถังไม้และโถดินเผาสีน้ำตาล มีกระสอบถั่วเหลืองสองกระสอบอยู่ที่พื้นและเขาก็พบกับเครื่องปรุงรสที่หลากหลายและของทุกอย่างที่เขาต้องการ
“เมนูนี้น่าจะทำได้ง่าย ฉันอาจจะออกจากพื้นที่ทดสอบได้เร็วกว่าครั้งก่อนๆ” แม็กซ์พึมพำกับตัวเอง จากนั้นใบหน้าของเขาก็ดูแปลกไปเมื่อเขานึกถึงคำพูดที่เขาเคยพูดเกี่ยวกับพุดดิ้งเต้าหู้ในชีวิตก่อน จากที่ผ่านๆมามันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย
ในพื้นที่ทดสอบนี้เขาไม่จำเป็นต้องแช่ถั่วเหลือง เขาปั่นถั่วในเครื่องปั่นแล้วเทนมถั่วเหลืองลงไปในถังผ่านแผ่นกรองเพื่อกรองกากออก จากนั้นเขาก็เทนมถั่วเหลืองที่กรองแล้วลงไปในหม้อและต้มต่อด้วยไฟแรง
เขาแช่เจลาตินเอาไว้ในน้ำและเทส่วนผสมต่างๆลงไปในโถดินเผา จากนั้นเขาก็เติมนมถั่วเหลืองร้อนๆลงไป หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่งนมถั่วเหลืองก็เริ่มกลายเป็นพุดดิ้งเต้าหู้ที่นุ่มนวล
แม็กซ์ยกคิ้ว การทำพุดดิ้งเต้าหู้ง่ายมาก ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะทำมันได้สำเร็จในการลองครั้งแรก
“สีไม่ขาวพอและมีรสชาติที่แน่นเกินไป ทำมันใหม่อีกครั้ง !” ระบบบอก
แม็กซ์ยื่นหน้าเข้าไปมองใกล้ๆ “มันยังไม่ขาวพอ… ” เห็นได้ชัดว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม็กซ์ได้ลองทำมันไปหลายร้อยหลายพันครั้งแต่ก็ล้มเหลว
“ระบบ ลองอีกครั้ง” แม็กซ์วางพุดดิ้งเต้าหู้สองถ้วยลงบนโต๊ะสำหรับทำอาหารเบาๆ
ด้านซ้ายเป็นสีขาวและดูอ่อนนุ่ม ถูกราดเอาไว้ด้วยน้ำเชื่อมสีแดงทอง ด้านขวาถูกปรุงรสด้วยซอสสีส้มแดง กระเทียมบด ผักดองหั่นฝอย เห็ดหูหนูดำและหัวหอมซอยสีเขียว