Chapter 386 : คุณมีเวลาแค่หนึ่งเดือน
“คุณหนูคะ ฉันทำงานที่ร้านสิ่งทอนี้มามากกว่าสิบปีแล้วและฉันก็รู้จักร้านนี้ราวกับหลังมือของตัวเอง ให้โอกาสฉันช่วยคุณหนูพัฒนาร้านสิ่งทอนี้ให้ดีขึ้นด้วยเถอะค่ะ ให้โอกาสฉันอีกครั้งนะคะ” ผู้จัดการขอร้อง
“คุณอยู่ที่นี่มามากกว่าสิบปีในขณะเดียวกันร้านสิ่งทอก็เสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ดังนั้นฉันจึงไม่มีเหตุผลที่จะให้คุณอยู่ต่อ” กลอเรียมองผู้จัดการและสายหัวในขณะที่เธอพูด “นอกจากนี้คุณก็ไม่สามารถสั่งสอนพนักงานได้ ฉันจะไม่ใช้งานผู้จัดการที่ไม่สามารถบังคับใช้กฏได้หรอกนะ ฉันจะขอให้พวกเขาหางานใหม่ให้คุณ คุณไปได้แล้ว”
ผู้จัดการเปิดปากและอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เงียบไปแล้วโค้งตัวให้กลอเรีย จากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องทำงานและเริ่มเก็บข้าวของของเธอ
พนักงานที่เหลือรู้สึกตกใจเมื่อเห็นว่าแม้แต่ผู้จัดการของพวกเขาก็ถูกไล่ออก เจ้านายคนใหม่น่ากลัวจริง ๆ วิธีการจัดการของเธอเด็ดขาดมากและเธอก็ไม่ได้เป็นหญิงสาวอ่อนแอที่คอยหลบอยู่หลังผ้าคลุมหน้าอย่างที่พวกเขาได้ยินมา
เมื่อเทียบกับนายน้อยแล้วดูเหมือนว่าลูกสาวของเขาจะเหมาะกับหน้าที่อะไรแบบนี้มากกว่าการที่เธอถอดผ้าคลุมออกก็เหมือนกับการที่เธอถอดแม่กุญแจที่ล็อคหัวใจของเธอเอาไว้ บางทีมันอาจจะเป็นพรสวรรค์ที่สืบทอดมา เมื่อเธอพูดถึงการทำตามกฎมันก็ทำให้ฉันนึกถึงท่านประธานมาร์มองกลอเรียด้วยสีหน้ายอมรับ เขากำหมัดและมีท่าทีเด็ดเดี่ยวมากขึ้นในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะมอบความภักดีของฉันกับคุณหนูกลอเรียเหมือนกับที่พ่อของฉันมอบมันให้กับท่านประธาน ฉันอยากเห็นเธอขึ้นเป็นประธานและนำความรุ่งโรจน์มาสู่คฤหาสน์มอร์ตัน
“ให้ฉันแนะนำตัวก่อน ฉันชื่อกลอเรีย มอร์ตัน เจ้านายคนใหม่ของพวกคุณ” กลอเรียหันไปมองพนักงานที่เหลือด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็ชี้ไปที่มาร์แล้วพูดต่อ “นี่คือมาร์ เขาเคยเป็นเลขาของท่านประธาน แต่ตอนนี้เขาจะมาเป็นผู้จัดการคนใหม่ของที่นี่”
พนักงานทุกคนหันไปมองมาร์และอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจพร้อมกัน ก่อนหน้านี้พวกเขาก็ตกตะลึงไปกับสถานะอันสูงส่งของเจ้าของร้านคนใหม่แล้วและตอนนี้พวกเขายังต้องตกตะลึงอีกเมื่อพบว่าผู้จัดการร้านคนใหม่ของพวกเขาเองก็เป็นคนสำคัญเช่นกัน เลขาเป็นลูกน้องที่ประธานเชื่อถือที่สุด ทำไมเขาถึงรับหน้าที่มาเป็นผู้จัดการร้านที่นี่?
ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ในทันที บางทีการที่ท่านประธานมอบร้านของพวกเขาให้กับคุณหนูอาจไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่ให้ความสำคัญกับเธอ แต่เขาอาจจะหวังกับเธอไว้สูงมากและต้องการที่จะทดสอบเธอด้วยธุรกิจที่ล้มเหลว ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของร้านค้าสิ่งทอหนังกลับสีน้ำเงินจะไม่ได้ดีนักแต่มันก็เป็นธุรกิจแรกและเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลมอร์ตัน
ผู้จัดการร้านที่กำลังเก็บข้าวของอดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้เมื่อได้ยินแบบนั้น เธอรู้สึกหดหูและสำนึกผิดกับการกระทำที่โง่เขลาของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอรู้แล้วว่าเธอพลาดโอกาสเดียวที่จะเข้าไปเป็นคนสำคัญของหอการค้าแล้ว
หลังจากที่พนักงานร่างอ้วนเก็บข้าวของของเธอเสร็จเธอก็เดินออกจากร้านที่เธอทำงานมาแปดปี เธอรู้ดีว่าหลังจากที่เธอถูกไล่ออกจากธุรกิจของตระกูลมอร์ตันไปคงจะไม่มีธุรกิจไหนในเครือข่ายของหอการค้าจะจ้างเธอ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับเธอที่จะหางานอื่นทำในเมืองเคออส
กลอเรียมองพนักงานที่เหลือด้วยสีหน้าจริงจังและพูดขึ้น “วันนี้ฉันต้องการประกาศอะไรบางอย่าง ท่านประธานได้ยื่นคำขาดมาให้ฉัน โดยเรียกร้องให้ฉันทำให้ร้านสิ่งทอหนังกลับสีน้ำเงินทำกำไรได้ภายในหนึ่งเดือน ไม่งั้นร้านจะปิดตัวลงและพนักงานทุกคนรวมถึงตัวฉันเองก็จะถูกไล่ออก”
พนักงานทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินแบบนั้น พวกเขามองหน้ากันและไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
พวกเขาคุ้นเคยกับสถานการณ์ของร้านสิ่งทอเป็นอย่างดี พวกเขารู้ดีว่าของที่ร้านสิ่งทอนี้เก็บสต็อกมาตลอดหลายปีและค่าบำรุงรักษาสด็อกนั้นจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำธุรกิจนี้ให้ได้กำไรภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือน
“น่ะ-หนึ่งเดือน?! คุณหนูคะ…เวลามันจะไม่น้อยไปหน่อยเหรอคะ?” ในที่สุดพนักงานคนหนึ่งก็รวบรวมความกล้าและถามคำถามที่อยู่ในใจของทุกคนออกมา
“มันไม่ต่างกันไม่ว่าจะหนึ่งเดือนหรือสามเดือน นี่เป็นคำขาดที่มาจากท่านประธานโดยตรงจริง ๆ คำสั่งนี้มีมาถึงพวกคุณตั้งแต่เมื่อสามปีก่อนแล้ว” กลอเรียส่ายหัว
มาร์เดินออกมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ได้ครับคุณหนู เราจะทำงานอย่างหนักเพื่อทำให้ร้านสิ่งทอของเราทำกำไรได้ภายในเดือนเดียว”
พนักงานทุกคนมองไปที่มาร์และความหวาดกลัวของพวกเขาก็ค่อย ๆ ลดลง เขาเป็นลูกน้องที่น่าเชื่อถือที่สุดของท่านประธาน ถ้าเขาบอกว่าสามารถทำได้มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“มาร์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันจะอยู่ในความดูแลของคุณ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของกลอเรียในขณะที่เธอหันไปมองมาร์
หลังจากที่หมดช่วงเวลาอาหารเช้าแม็กซ์ก็อารมณ์ดีมาก เขานอนลงบนเก้าอี้เลานจ์เพื่ออาบแดดอีกครั้ง ในขณะเดียวกันยาเบะมิยะและแซลลี่ที่กำลังตื่นเต้นก็ซ้อมเต้นเพลงโกคุราคุ โจโดกันอย่างมีความสุข
แซลลี่ที่มีพรสวรรค์สูงมากสามารถเต้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอเต็มไปด้วยความเย้ายวนและความร่าเริง
เมื่อเทียบกันแล้วยาเบะมิยะไม่ได้เต้นเก่ง แต่เธอฝึกฝนบ่อยมากดังนั้นเธอจึงมีความเชี่ยวชาญในการเต้นสูง
เป็นชีวิตที่ดีจริง ๆ มีแคโลกนี้เท่านั้นที่ฉันจะได้เห็นเอลฟ์และลูกครึ่งมังกรซ้อมเต้นเพลงโกคุ ราคุ โจโด แม็กซ์เหยียดตัวเล็กน้อยก่อนที่จะปิดตาลง
ระหว่างมื้อเย็นเอมี่มองยาเบะมิยะและแซลลี่ด้วยความคาดหวังในขณะที่เธอถาม “พี่มิยะ พี่ไอช่า พรุ่งนี้เราเต้นเพลง “ฤดูใบให้ผลิอยู่ที่นี่” ให้เพื่อน ๆ ของหนูดูกันได้มั้ยคะ?”
“ห้ะ?”
“หม?”
ทั้งยาเบะมิยะและแซลลี่ต่างก็ประหลาดใจกับคำขอของเธอ
“แต่พี่ไม่เคยเต้นต่อหน้าใครมาก่อนและพี่ก็เต้นไม่เก่งด้วย มันค่อนข้างน่าอายนะ” แก้มของยาเบะมิยะแดงเล็กน้อยและพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“พี่พี่ก็ไม่เคยเต้นต่อหน้าคนอื่นมาก่อนเหมือนกัน” แซลลี่พยักหน้าเห็นด้วย เธอเคยเต้นต่อหน้ากลุ่มเอลฟ์มาก่อนแต่เธอไม่ได้นับว่าพวกเขาเป็นคนอื่นดังนั้นในทางเทคนิคแล้วมันจึงถือว่าเธอไม่ได้โกหก
“ไม่เป็นไรค่ะ พวกพี่ทั้งสองคนดูดีมากเวลาเต้น เพื่อนของหนูจะต้องชอบแน่ ๆ พวกเราสามคนมาเต้นด้วยกันนะคะ” เอมีพูดให้กำลังใจมิยะและไอช่าก่อนที่จะหันไปขอความคิดเห็นจากแม็กซ์ “พ่อคิดว่ายังไงบ้างคะ?”
“ พ่อคิดว่าทั้งสามคนดูดีมากเวลาเต้น เพื่อนของหนูจะชอบการเต้นของหนูมากแน่ ๆ” แม็กซ์พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าเล็ก ๆ น่ารักของเอมี่
โชว์โกคุราคุ โจโดครั้งแรกในต่างโลก? น่าตื่นเต้นจริงๆ!