บทที่ 22 เป็นรองประธาน
ไม่ผิด ผิวกายขาวสะอาดของคางเมิ่งซ่อนอยู่ใต้ผ้านวม เสื้อผ้าไม่รู้ว่าถอดออกไปตอนไหน
“น่ารังเกียจ! นี่มันต้องเป็นเรื่องไร้สาระของนายแน่นอน! ฉันจะวิ่งมานอนกับนายได้ยังไง!” คางเมิ่งรู้สึกว่าเธอต้องหารูมุดเข้าไปแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขาทางด้านนี้ดังเกินไป ทำให้โจวลี่ซือที่อยู่ข้างๆตกใจตื่น โจวลี่ซือลืมตาขึ้นด้วยความสงสัย
“เช้าตรู่ขนาดนี้ส่งเสียงดังอะไรกัน ยังจะให้คนนอนหลับอยู่ไหม?”
โจวลี่ซือขยี้ตา ตอนเธอเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเนี่ยเฟิง ก็ทำหน้างุนงง
“เสี่ยวเฟิง? ทำไมนายมานอนกับฉันได้ล่ะ เมื่อคืนพี่สาวไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม!”
โจวลี่ซือตกใจมาก เมื่อคืนเธอกลับบ้านมาได้ยังไงก็ยังไม่รู้!
“เสี่ยวเฟิง เสี่ยวเฟิงนายทำไมถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? ”
หลินซูอิน ในเวลานี้ก็ตื่นแล้ว พี่สาวสามคนต่างมองหน้ากันไม่มีใครส่งเสียง มองตัวเองที่สวมเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยแล้วก็อายจนหน้าแดง
เนี่ยเฟิงไร้ซึ่งความผิด : “ผมตื่นขึ้นก็แบบนี้แล้วนะ! ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่เจ็ดพี่ยังเอาคอผมไปแทะเป็นคอเป็ดเลย กัดจนคอผมเจ็บไปหมด”
คางเมิ่งถึงพบว่า ที่แท้นี่คือห้องรับแขก เพราะว่าเตียงในห้องมีไม่เพียงพอ เมื่อคืนเนี่ยเฟิงจึงไปนอนที่โซฟาเสียเลย
“ดื่มมากไปแล้ว ดื่มมากไปแล้ว” โจวลี่ซือยิ้มแห้ง หลบฉากด้วยความเร็วแสง
แม้ว่าเป็นหลินซูอินที่อ่อนโยนสง่างามมาโดยตลอดพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้ เธอรีบเร่งจัดแจงเสื้อผ้าบนตัวให้เรียบร้อย “เสี่ยวเฟิงคงหิวแล้วล่ะสิ? พี่สาวจะทำของกินให้นาย”
คางเมิ่งกัดริมฝีปาก “โอ้ เมื่อวานเหมือนว่าจะไม่ได้อาบน้ำ ฉัน ฉันไปอาบน้ำก่อนล่ะ! ”
เนี่ยเฟิงมองพี่สาวสามคนที่วิ่งหนีไปแล้ว ทันใดนั้นรู้สึกไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
หลินซูอินทำอาหารเช้าเสร็จ พี่สาวคนอื่นก็ตื่นแล้ว เมื่อคืนเพราะว่ามีความสุข ดื่มเยอะไปสักหน่อย
“เสี่ยวเฟิง คอของนายเป็นอะไรน่ะ?”
หมิงอี๋หานมองเห็นรอยถูกขบกัดบนคอของเนี่ยเฟิง ถามขึ้นด้วยความไม่สบายใจทันที
เนี่ยเฟิงลูบคอ “พี่พูดถึงนี่หรือ พี่เจ็ดเมื่อคืนดื่มจนเมาแล้วแทะน่ะสิ! ”
“เสี่ยวเฟิง! นายหุบปากนะ!” คางเมิ่งเพียงแต่รู้สึกอับอายขายหน้า แทบอยากจะหาซอกมุดเข้าไปซะเลย
“น้องเจ็ด นิสัยเสียนี้ของเธอต้องแก้นะ”
ชิวมู่เฉิงตักโจ๊กหนึ่งถ้วยให้เนี่ยเฟิง พูดกลับเช่นนั้น
“รู้แล้ว รู้แล้ว! คราวหน้าไม่ดื่มแล้ว จริงๆนะ! ”
ถ้ารู้แต่แรกว่าตัวเองดื่มมากแล้วจะกลายเป็นแบบนี้ ตีให้ตายคางเมิ่งก็ไม่มีทางดื่มหรอก
“อีกสักครู่ฉันจะกลับไปที่กองทัพแล้ว เสี่ยวเฟิงคิดดีแล้วก็บอกกับพวกเราสักคำ ดึงนายเข้ามาในกลุ่มแล้ว ใช่แล้ว เอาโทรศัพท์มานี่ พี่สองใส่หมายเลขโทรศัพท์”
หยูจิงหงกำลังพูด ก็รับโทรศัพท์ของเนี่ยเฟิงมา
“อีกสักครู่ฉันก็ต้องไปโรงเรียน เสี่ยวเฟิงถ้าอยากไปเรียนร้องเพลง ก็บอกมาในกลุ่มได้เลย”
หลินซูอินพูดจบ ก็รับโทรศัพท์มา ใส่หมายเลขโทรศัพท์ของตัวเองลงไป บันทึกว่าพี่สาม
“เสี่ยวเฟิง มาหาฉันสิ พี่สาวเลี้ยงนายเอง” พี่สี่ตั้งแต่เล็กก็รักเสี่ยวเฟิงมาก ตามอกตามใจแบบประเภทนั้น ทนเห็นไม่ได้มากที่สุดคือเนี่ยเฟิงได้รับความลำบาก
“พี่สี่พูดอะไรน่ะ ลูกผู้ชายอกสามศอก แน่นอนว่าต้องยืนหยัดด้วยตัวเองสักครั้งถึงจะถูก” โจวลี่ซือพูดพลางรับโทรศัพท์จากหมิงอี๋หานที่ยื่นมาให้ ใส่หมายเลขของตัวเอง
อีกสักครู่เธอก็จะไปสนามบินแล้ว
“เรื่องเมื่อวานยังไม่ได้จัดการ อีกสักครู่ฉันจะไปสถานีตำรวจสักรอบ”
เย่หรูเสว่หัวคิ้วยับยุ่งเล็กน้อย
“พี่หก ไม่เป็นไรนะ? รองผู้อำนวยการคนนั้นจะทำให้พี่ลำบากใจหรือเปล่า?” เนี่ยเฟิงพูดอย่างกังวล
“ไม่หรอก ถ้าเขาทำให้ฉันลำบากใจ งั้นสถานที่แบบนี้ไม่อยู่ก็ช่างมันเถอะ”
เย่หรูเสว่ตอบอย่างดุดัน
“ตอนบ่ายฉันก็ต้องไปบริษัทสักรอบ กองถ่ายของ《ชิงผิงเลิก》ให้ฉันไปถ่ายภาพโปรโมทละครแล้ว” คางเมิ่งดีใจมาก
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เสี่ยวเฟิงก็อยู่ที่บ้านเถอะ”
ชิวมู่เฉิงคิดสักพัก จึงจัดการเช่นนี้
“พี่ใหญ่ พี่ไปไหน? ”
แน่นอนเนี่ยเฟิงรู้ว่าชิวมู่เฉิงจะไปที่ไหน เขาจึงจงใจถาม
“บริษัทยังมีเรื่องนิดหน่อย”
“งั้นให้ผมเป็นคนขับรถให้พี่ใหญ่เถอะ! เมื่อคืนพี่ใหญ่ดื่มไปเยอะ ผมดื่มน้อย ตอนนี้สร่างเมาแล้ว” เนี่ยเฟิงถือโอกาสก้าวออกมา
“นี่… ”
ชิวมู่เฉิงขมวดหัวคิ้ว เธอต้องไปเจรจาธุรกิจ พาเนี่ยเฟิงไปด้วยดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมไปสักหน่อย
“ทำไมหรือ? ผมรับรองว่าจะไม่ก่อกวน!” เนี่ยเฟิงตบหน้าอก พูดเช่นนี้
“งั้นก็ได้ นายก็มากับฉันแล้วกัน”
หลังจากทุกคนกินข้าวเช้าแล้วก็แยกย้ายไป
ชิวมู่เฉิงอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าอ่อนๆ เสร็จก็จัดการข้อมูล แล้วพาเนี่ยเฟิงจากไป
“ตอนนี้พวกเราจะไปไหนกัน? ” เนี่ยเฟิงถาม
“ไปอาคารหวงจีน”
เนี่ยเฟิงจากเมืองตงไห่ไปนานมาก ไม่ค่อยคุ้นเคยกับที่นี่ แต่รถยนต์มีระบบนำทาง ขับตามไปก็ใช้ได้
“พี่ใหญ่ พวกเราไปอาคารหวงจีนทำอะไรหรือ หลังจากพี่ออกจากตระกูลชิว พี่ต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นใช่หรือเปล่า?” เนี่ยเฟิงด้านหนึ่งขับรถ ด้านหนึ่งถาม
“ตอนที่ฉันช่วยตระกูลชิวให้ก้าวหน้านั้น ก็มีธุรกิจเล็กๆของตัวเอง ปัจจุบันสภาพทางการเงินของฉันมีบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ก็คือบริษัทเทียนหลง” ชิวมู่เฉิงเชื่อใจเนี่ยเฟิงมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ปิดบัง
“พี่ใหญ่ยอดเยี่ยมมาก!” เนี่ยเฟิงอุทานเสียงหนึ่ง
“ก็แค่บริษัทเล็กๆ เท่านั้น ถ้าเสี่ยวเฟิงชอบ งั้นฉันก็จะยกบริษัทให้นาย”
ในความเป็นจริง ชิวมู่เฉิงรักน้องชายมากจุดนี้ก็ไม่ต่างไปกับหมิงอี๋หาน
“ผมไม่มีประสบการณ์กับอสังหาริมทรัพย์” เนี่ยเฟิงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเสี่ยวเฟิงก็มาปรับตัวกับฉันก่อนดีไหม? ฉันจะจัดตำแหน่งรองประธานให้นาย ถ้านายชอบก็อยู่ที่บริษัทของฉันต่อ”
ยอดเลย พอมาถึงก็เป็นรองประธานเลยหรือ?
“เอ่อ พี่ใหญ่ ผมถามอะไรพี่หน่อยได้ไหม? ” เนี่ยเฟิงกระแอมเบาๆเสียงหนึ่ง “รองประธานต้องทำอะไรหรือ?”
“รองประธาน… ”
ชิวมู่เฉิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็พูดว่า “รองประธาน ก็ช่วยฉันจัดการเอกสารในห้องทำงานนิดหน่อย”
เนี่ยเฟิง: …
ดังนั้นรองประธานก็นั่งอยู่ในห้องทำงาน อะไรก็ไม่ต้องทำ รับเงินมาเปล่าๆก็พอแล้วหรือ? เนี่ยเฟิงอยากหัวเราะทันที พวกพี่สาวต่างพูดว่าอยากฝึกฝนเขา ผลสุดท้ายพี่ใหญ่ที่หน้าตาไม่ยินดียินร้ายจัดหางานแบบนี้ให้เขา
“งั้นมีเงินเดือนไหม?” เนี่ยเฟิงถามเล่นๆ
“นี่มันแน่นอน” ชิวมู่เฉิงพยักหน้า “ให้นาย 90% ของหุ้นบริษัทสาขา ทุกเดือนให้หนึ่งแสนเป็นเงินค่าขะ…เอ่อ เงินเดือน”
เมื่อครู่เขาไม่ได้ฟังผิดสินะ? พี่ใหญ่พูดว่าเงินค่าขนมจริงๆใช่ไหม? อีกอย่าง 90%ของหุ้นนี่กับการยกบริษัทให้เขาโดยตรงมีอะไรแตกต่างกันล่ะ!
เนี่ยเฟิงสงสัยว่าถ้าตัวเองไม่มีอะไรที่ทำได้เลยจริงๆ คาดว่าเขาจะต้องถูกพวกพี่สาวเลี้ยงดูแน่แล้ว
“ขอผมคิดดูก่อน”
ยังดีที่พวกเขามาถึงอาคารหวงจีนแล้ว การพูดคุยระหว่างทั้งสองก็หยุดลงกลางคัน
หลังจากเนี่ยเฟิงลงจากรถ ชิวมู่เฉิงให้บัตรเขามาใบหนึ่ง “เสี่ยวเฟิง ชั้นล่างมีร้านกาแฟร้านอยู่ นายอยู่ที่นั่นรอพี่สาวก่อนสักครู่ พี่สาวสักพักจะลงมา”
“ผมไปด้วยกันกับพี่สาวไม่ได้หรือ?” เนี่ยเฟิงทำหน้าตาน่าสงสารมองชิวมู่เฉิง เขารู้ว่าชิวมู่เฉิงใจอ่อนกับเขา
อย่างที่คิดไว้ ชิวมู่เฉิงไม่อาจใจแข็งกับเนี่ยเฟิง “งั้นก็ได้ นายไปกับฉัน แต่ว่าอาจจะต้องให้นายรออยู่ด้านนอกสักครู่”
เนี่ยเฟิงยิ้มกว้าง “ไม่เป็นไร รอพี่ใหญ่นานแค่ไหนก็ได้!”
ชิวมู่เฉิงยิ้มอย่างจนปัญญา พาเนี่ยเฟิงขึ้นตึกไป มาถึงชั้นสำนักงานของหวางซื่อกรุ๊ป