บทที่ 117 ไอ้หนุ่มขายหน้าประชาชี
อดบอกไม่ได้ว่าคนคนนี้ดูแล้วเหมือนจะโง่งี่เง่า แต่ก็หัวไวอยู่ อย่างน้อยก็บางด้าน
“นายนี่มันหน้าไม่อายจริงๆ ซือซือคบกับฉันอยู่ เราเป็นแฟนกัน แล้วก็ไปพบพ่อแม่กันมาแล้ว ต่อไปเราจะต้องแต่งงานกัน ฉันไม่รู้หรอกว่านายเป็นใคร แต่ฉันขอว่าอย่ามาเกาะแกะซือซืออีก ไม่งั้นฉันไม่เกรงใจนายแน่”
สายตาของเนี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความอันตราย
“ไปเจอพ่อแม่กันมาแล้ว? หึ!” ซ่าวเจ๋จ้องมองโจวลี่ซือด้วยความโกรธ “ผมว่าคุณจงใจ ทำให้ผมขายหน้าคนอื่น! โจวลี่ซือ สิ่งที่ผมให้คุณได้มากกว่าที่คุณคิดไว้เยอะ อีกอย่างผมก็อ่อนข้อให้แล้ว ผมเคยบอกว่า ขอแค่คุณยอมคบกับผม ผมรับรองได้ว่าคุณจะได้กินหรูอยู่สบาย ทำไมคุณถึงดื้อรั้นอย่างนี้ ยอมทิ้งคนที่ยอดเยี่ยมอย่างผมไปคบกับเด็กจนๆ เขาวางยาเสน่ห์อะไรให้คุณกิน?”
โจวลี่ซือกับเนี่ยเฟิงทั้งสองคนต่างสะดุ้ง ตอนที่โจวลี่ซือเป็นแอร์โฮสเตสก็มีคนจำนวนมากอยากจะจีบเธอ ไม่ว่าจะเป็นผู้โดยสารชั้นประหยัดหรือชั้นเฟิร์สคลาส แค่ได้เห็นโจวลี่ซือ ก็ต้องเทใจให้กับหน้าตาของโจวลี่ซือโดยไม่มีเว้นแม้แต่คนเดียว
โจวลี่ซือรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร? ตอนนั้นที่เธอทำงานสายการบินก็เพื่อต้องการตามหาเนี่ยเฟิง
เธอรู้ว่าเนี่ยเฟิงอาจจะไม่อยู่แล้วก็ได้ แต่เธอก็ยังตามหาเนี่ยเฟิงอยู่ตลอด
โจวลี่ซือไม่ได้คิดถึงเรื่องความรักหนุ่มสาวเลยตั้งแต่แรก
และเพื่อให้มีความสะดวกมากขึ้นโจวลี่ซือได้สอบใบอนุญาตไม่น้อย และได้ใช้สติปัญญาที่เหนือกว่าคนอื่นกลายเป็นผู้ช่่วยนักบิน
มีลูกค้าจำนวนไม่น้อยจริงๆ ที่ตามจีบเธอไม่เลิก แต่ไม่มีคนไหนที่หน้าด้านเหมือนซ่าวเจ๋!
“ไม่กล้าพูดล่ะสิ ผมก็ว่าไอ้หมอนี่นอกจากจะเกาะผู้หญิงกินก็ไม่มีความสามารถอะไร คุณดูสิ หน้าตามันเหมือนฟักทองไม่รู้ว่าคุณชอบมันตรงไหน!”
“คุณด่าฉันได้ แต่จะด่าเสี่ยวเฟิงไม่ได้!”
เดิมทีโจวลี่ซืออยากจะอดทนกับไอ้เจ้าโง่นี่ เพราะอย่างไรซ่าวเจ๋ก็สนิทกับผู้บังคับบัญชาของเธอ ถ้าเขาไปพูดกับผู้บังคับบัญชาของเธอ ฟ้องขึ้นมา เธอจะป้องกันก็คงป้องกันไม่อยู่
ฉะนั้น ตอนที่ซ่าวเจ๋เกาะแกะกับโจวลี่ซือ โจวลี่ซือเลยเกรงใจมาตลอด แต่ลักษณะในตอนนี้มันต่างกัน โจวลี่ซือไม่สามารถทนให้ซ่าวเจ๋รังแกเนี่ยเฟิงได้
“ผมด่าเขาแล้วจะทำไม? เมื่อกี๊นายจงใจบีบมือฉัน อย่านึกว่าฉันจะปล่อยนายนะ!”
ซ่าวเจ๋พูดจบ ก็คว้าแก้วน้ำที่อยู่ข้างๆ คิดจะขว้างไปยังเนี่ยเฟิง!
แต่เนี่ยเฟิงเตรียมตัวไปแต่แรก ใช้ขาถีบไปที่ขาของซ่าวเจ๋ ทำให้ซ่าวเจ๋เสียหลัก ล้มลงไปบนโต๊ะด้านหลัง!
แล้วโต๊ะด้านหลังเพิ่งจะสั่งน้ำซุปมา น้ำซุปที่เข้มข้นทั้งหมดนั้นราดลงไปทั่วทั้งตัวของซ่าวเจ๋
จะว่าไปก็ถือว่าเป็นโชคดีของหมอนี่ ซุปหม้อนี้ยังไม่ทันเดือด ไม่เช่นนั้นเขาไม่ตายผิวหนังก็อาจจะลอก
ซ่าวเจ๋ร้องเสียงหลง กระเสือกกระสนลุกขึ้นมา ตอนนี้ทั่วหัวทั่วหน้าเต็มไปด้วยน้ำซุปชาบู!
“ไอ้ตัวแสบ! กล้าลอบกัดฉันเชียวเหรอ! ฉันไม่อัดนายตายให้มันรู้ไป!”
ซ่าวเจ๋โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ กระโจนเข้าใส่ เนี่ยเฟิงแอบดีดถั่วลิสงออกไป ถูกที่หัวเข่าของเซ่าเจ๋จังๆ!
ซ่าวเจ๋ร้องเจ็บคุกเข่าลงที่พื้น
“นายไม่ต้องมารยาทมากก็ได้ ลุกขึ้นเถอะ!”
คนอื่นที่เห็นฉากนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ พอซ่าวเจ๋ถูกหัวเราะเยาะ ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว
“คุณผู้ชายท่านนี้ ช่วยกรุณาอย่าก่อเรื่องในร้านด้วย”
ในเวลานี้หน่วยรักษาความปลอดภัยกับผู้จัดการก็กรูกันเข้ามา พวกเขามองดูใบหน้าซ่าวเจ๋ที่ท่วมไปด้วยน้ำซุป ได้แต่ทำหน้าเซ็งแต่ไม่พูดอะไร
“พวกแก! กล้าเสนอหน้าพูดแทนไอ้หมอนี่เลยเหรอ! พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ฉันเป็นหนึ่งในสิบตระกูลมหาเศรษฐีเลยนะ! ฉันเป็นคุณชายแห่งตระกูลซ่าวเมืองเยี่ยนตู! บังอาจแตะต้องฉัน! พวกนายไม่คิดจะเปิดร้านต่อไปแล้วใช่ไหม!”
ซ่าวเจ๋โกรธจนตัวสั่น
“โธ่น้องชาย น่าเกลียดไปหรือเปล่า? นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ยังจะกล้ามาพูดว่าตัวเองเป็นคุณชาย?”
“นั่นน่ะสิ อย่ามาน่าเกลียดหน่อยเลย มาทำคู่รักเขาลำบากทำไม คนเขาเป็นคู่กัน คุณทำอย่างนี้ไม่อายบ้างเหรอ!”
“นั่นน่ะสิ ต่อให้คุณเป็นเศรษฐีบ้านนอกจากที่ไหนหรือเป็นเศรษฐีรุ่นที่2 คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำอย่างนี้ ผู้หญิงเขาไม่ยอม คุณยังจะไปบังคับเขาอีกเหรอ? โลกนี้ยังมีกฎหมายอยู่ไหมเนี่ย?”
ทุกคนต่างวิจารณ์กันเซ็งแซ่ขึ้นมา ซ่าวเจ๋โมโหจนตัวสั่น “เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ? ไอ้พวกเต่าล้านปี!”
“เฮ้ย! ทำไมนายพูดจาอย่างนี้ล่ะ?”
ลูกค้าในร้านชาบูกรูกันลุกขึ้น จ้องซ่าวเจ๋ด้วยความโกรธ
พอซ่าวเจ๋เห็นคนหมู่มาก เรี่ยวแรงก็หดหาย ได้แต่กัดฟันกรอดๆ พูดด้วยความโกรธว่า “วันนี้ถือว่านายดวงดี! ไว้วันหน้าฉันค่อยมาเอาเรื่องใหม่!”
ซ่าวเจ๋ทิ้งท้ายคำนี้เสร็จก็รีบเดินลุบลับไป
“ขอโทษด้วยครับ ที่เรื่องของเราส่งผลต่อการรับประทานอาหารของพวกคุณ!”
เนี่ยเฟิงฉีกปากยิ้ม ทักทายต่อลูกค้าที่อยู่ข้างหลัง
“น้องชาย! ไม่เป็นไร อย่าให้เรื่องแย่ๆ อย่างนี้ทำให้กินข้าวไม่ลง! ทุกคนคอยมองดูอยู่ สมัยนี้มันมีคนทุกประเภท”
หลังจากกลับคืนสู่ความสงบ ทางด้านนี้ก็เก็บกวาดเรียบร้อย
“เดิมทีว่าจะไม่กินแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะมีคนช่วยพวกเรามากขนาดนี้”
โจวลี่ซืออดหัวเราะไม่ได้ “ชาบูร้านนี้มันอร่อยจริงๆ”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “เมื่อกี๊เขาบอกว่าเขาเป็นคนเมืองเยี่ยนตูไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่แล้ว สายการบินทั้งสองสายของพวกเขามีความสัมพันธ์กันมาตลอด ตระกูลเขาก็รวยจริงๆ ทำแต่บริษัทสายการบิน เขาก็ไม่ได้โกหก แล้วก็ติดอันดับหนึ่งในสิบตระกูลมหาเศรษฐี ขอแค่ชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ไม่เห็นมีอะไรให้น่าพูดถึง”
เดิมโจวลี่ซือเป็นคนตรงๆ อีกทั้งเธอก็ได้ปฏิเสธซ่าวเจ๋อย่างโดยตรง ซ่าวเจ๋หมอนี่เหมือนสมองมีปัญหา ฟังภาษาคนไม่ออกอยู่ได้
“ผมว่าหมอนั่นต้องไม่ยอมเลิกราโดยดีแน่”
เนี่ยเฟิงกระพริบตาปริบๆ “ถ้าเขามาหาเรื่องพี่อีก แล้วพี่จะทำอย่างไร?”
โจวลี่ซือขมวดคิ้ว จากนั้นก็ปัดมือไปมา “ถ้าเขายังมาหาเรื่องฉันอีกฉันก็จะไม่ทำแล้ว ยังไงคุณสมบัติอย่างฉันไปสมัครสายการบินไหนเขาก็รับ”
“พี่ห้าผมเจ๋ง!”
ทั้งสองคนกินชาบูอย่างมีความสุข โจวลี่ซือดูเวลาก็ดึกมากแล้ว จึงบอกกับเนี่ยเฟิงว่า: “เดี๋ยวนายไปส่งพี่ที่โรงแรมใกล้ๆ สนามบิน พรุ่งนี้เช้าพี่ต้องไปทำงานแต่เช้าอีก”
โจวลี่ซือตบที่หัวไหล่ของเนี่ยเฟิง แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวเฟิง นายลองไปคิดเรื่องมาทำงานกับพี่ดู พี่จะบอกให้พวกแอร์โฮสเตสที่นี่ของเรามีหลายคนหน้าตาดีนิสัยก็ดีด้วย ไว้ถึงเวลาแล้วพี่จะแนะนำนาย”
โจวลี่ซือชอบเลือกสาวๆ ให้เนี่ยเฟิงเสมอมา เธอห่วงว่าลำพังความสามารถของเนี่ยเฟิงจะหาแฟนสาวที่เข้าท่าไม่ได้ ในสายตาของโจวลี่ซือ เสี่ยวเฟิงของพวกเขาดูจะไร้เดียงสาเกินไป ดูแล้วก็รู้ว่าถูกผู้หญิงหลอกง่าย
“ได้!”
เนี่ยเฟิงขัดความหวังดีของโจวลี่ซือไม่ได้
“แต่ผมก็ยังห่วงว่า ถ้าคืนนี้ซ่าวเจ๋ไปหาเรื่องพี่ พี่จะทำอย่างไร?”
“ไม่มีอะไรหรอก เขาไม่รู้ว่าพี่อยู่ที่ไหน”