บทที่ 125 บรรยากาศที่แปลกประหลาด
ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็รออีกสักหน่อยแล้วกัน ถึงยังไงก็ต้องไว้หน้าให้กับประเทศสักหน่อย
ตอนที่โจวลี่ซือมารับเนี่ยเฟิง ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนสีแดงสุดเท่
“เป็นยังไงบ้าง รถของพี่ห้าคันนี้ไม่เลวเลยใช่ไหมล่ะ?”
โจวลี่ซือตบๆรถ“รีบขึ้นมาสิ ฉันจะพานายไปเยี่ยนตู”
เยี่ยนตูกับเมืองจินไห่แม้ว่าจะเป็นเมืองสองเมือง แต่ระยะทางก็ไม่ถือว่าอยู่ไกลกันมาก ขับรถความเร็วสูงก็ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
เนี่ยเฟิงเอากระเป๋าสัมภาระไปไว้หลังรถ เขามองสำรวจรถคันนี้อยู่สักพัก“รถของพี่ห้าเจ๋งจริงๆ!ราคาจะต้องล้านกว่าแน่ๆเลยใช่ไหม?”
โจวลี่ซือเห็นเนี่ยเฟิงไม่ได้คาดเข็มขัด จึงเอื้อมไปคาดให้กับเขา
เนี่ยเฟิงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมสดชื่นของโจวลี่ซือ
“วันนี้ฉันรู้สึกดีใจจริงๆ เห็นประกาศข่าวแล้ว ตระกูลฟางไม่สามารถรอดพ้นจากบาปที่ตัวเองทำได้ แต่น่าเสียดายที่ฟางหลงเทียนไม่ได้ถูกดำเนินคดี แต่พวกตระกูลของพวกเขาก็ทำเรื่องชั่วมาเยอะมาก สวรรค์มีตาจริงๆ”
โจวลี่ซือพูดปลอบเนี่ยเฟิง ให้เนี่ยเฟิงไม่คิดถึงเรื่องในอดีต ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถมองไปข้างหน้าได้
“พี่ห้าพูดถูก ผมจะต้องมองไปข้างหน้า ขอแค่ไปด้วยกันกับพวกพี่ ผมก็พอใจแล้ว”
“เจ้าเด็กน้อย ปากหวานจริงๆ เมื่อก่อนฉันยังกังวลอยู่เลยว่านายจะหาแฟนไม่ได้ ดูท่าความกังวลของฉันจะไม่จำเป็นแล้วสิ”
ทั้งสองคุยพลาง ในเวลาไม่นานก็มาถึงเยี่ยนตู
ตอนที่เนี่ยเฟิงมาเจรจาเรื่องธุรกิจด้วยกันกับพ่อแม่ที่นี่ก็เคยมาแล้วหนึ่งครั้ง เป็นเรื่องที่ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว
เขาแทบจะลืมมันไปหมดแล้ว พอได้มาที่เยี่ยนตูอีกครั้ง ก็รู้สึกประหลาดใจจริงๆ
“สองสามปีก่อน ที่เยี่ยนตูมีการพัฒนาจุดท่องเที่ยวต่างๆ เศรษฐกิจก็ดีขึ้นมาก อยู่ระดับเดียวกับเมืองจินไห่ ที่นี่มีชายหาดจินหยินถือว่าไม่เลวเลย หลังจากอบรมเสร็จแล้วพี่จะพานายไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”
“ว้าว”เนี่ยเฟิงพยักหน้า“แล้วตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหนกันเหรอ?”
“ตอนนี้พวกเราไปหาโรงแรมอยู่ก่อน อีกเดี๋ยวก็ต้องอบรมแล้ว รู้สึกหิวไหม? จะกินอะไรสักหน่อยไหม?”
เนี่ยเฟิงส่ายหัว“ไม่หิวเลยสักนิด พวกเราไปที่โรงแรมกันก่อนเถอะ”
รถของโจวลี่ซือมาจอดในโรงแรมที่อยู่ใกล้กับบริเวณสถานที่อบรม ที่นี่เป็นโรงแรมห้าดาวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงของเยี่ยนตู
ทั้งสองคนพูดกันอย่างยิ้มแย้มพลางเดินเข้าไปข้างใน
“โอ้ ช่างบังเอิญจริงๆ”
คนที่พูดคือซ่าวเจ๋
ซ่าวเจ๋ถอดแว่นตาดำออก มองมายังเนี่ยเฟิงกับโจวลี่ซือด้วยสีหน้ายิ้มแต่ก็เหมือนไม่ยิ้ม ความจริงแล้วเขารู้สึกเกลียดสุดๆ
โจวลี่ซือพอเห็นซ่าวเจ๋ ก็รู้สึกว่าอารมณ์ดีลอยหายไปจนหมด หมอนี่เหมือนกับกาวติดหนึบก็ไม่ปาน ตามติดสะบัดยังไงก็ไม่หลุด
แต่ที่นี่เป็นสถานที่อยู่ใกล้กับที่อบรม มาเปิดห้องอยู่ที่นี่ดีที่สุดแล้ว
“อาจจะเป็นเพราะว่าโลกนี้มันกลมล่ะมั้ง”
เนี่ยเฟิงพูดสวนกลับไปหนึ่งประโยคอย่างไม่เกรงใจ
“เหอะ!นายก็แค่อาศัยความรวยของซือซือถึงได้มาพักในโรงแรมใหญ่แบบนี้ได้ อย่างนายไม่มีทางรู้จักแม้แต่โรงแรมห้าดาวแบบนี้สินะ?”
“นายซ่าว ช่วยเคารพตัวเองด้วย”
โจวลี่ซือได้ยินซ่าวเจ๋พูดแบบนี้กับเนี่ยเฟิง จึงรู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์นัก เธอไม่ชอบให้ใครมาพูดกับเนี่ยเฟิงแบบนี้ เนี่ยเฟิงไม่มีเงิน แล้วมันจะทำไม?
เขาเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นอยู่เลย ไม่มีเงินมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?
อีกอย่างซ่าวเจ๋จะรู้ได้ยังไงว่าน้องชายของพวกเธอเจอกับความยากลำบากอะไรมาบ้าง
ขอแค่เขายังมีชีวิตอยู่ก็มีความสุขแล้ว พวกเธอแทบจะไม่ขอให้เนี่ยเฟิงต้องร่ำรวยเงินทองอะไรมากมายเลย
เหล่าพี่สาวแบบพวกเธอก็ถือว่าเป็นคนที่ร่ำรวยอยู่เหมือนกัน ขอแค่พวกเธอมีเงินก็เพียงพอแล้ว การเลี้ยงดูน้องชายมันเป็นเรื่องที่ง่ายไม่รู้จะง่ายยังไงแล้ว
“ที่ผมพูดมันเป็นความจริง หรือว่าไอ้คนเกาะผู้หญิงกินนี่ไม่ให้พูดเหรอ? ซือซือ ผมเคยบอกไปแล้ว ว่าให้คุณมาอยู่กับผมดีๆก็ไม่ยอม ผมสามารถให้สิ่งที่คุณต้องการได้ทั้งหมด ไอ้คนเกาะผู้หญิงแบบนี้แทบจะให้อะไรคุณไม่ได้เลยนะ!”
ซ่าวเจ๋ใช้สายตาที่โกรธแค้นมองเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงรู้สึกว่ามันน่าขำสิ้นดี
“แล้วนายซ่าว ให้อะไรซือซือได้บ้าง?”
“เหอะ!นายถามฉันว่าให้อะไรได้บ้าง?”
ซ่าวเจ๋ยื่นมือชี้ที่ตัวเอง“ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกนายเองว่าฉันสามารถให้อะไรเธอได้บ้าง!ฉันสามารถให้เงินเธอได้ ให้อำนาจเธอได้ ให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอต้องการได้!แล้วนายล่ะ!”
เนี่ยเฟิงเงียบไปสักพัก จากนั้นก็มองโจวลี่ซือ“ซือซือ คุณอยากได้อะไร?”
โจวลี่ซืออึ้งตะลึงไปสักพัก เธอไม่รู้ว่าทำไมเนี่ยเฟิงถึงถามแบบนี้ แต่โจวลี่ซือก็คิดขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว เธอรีบคล้องแขนของเนี่ยเฟิงอย่างยิ้มแย้มมีเสน่ห์“ฉันอยากให้เสี่ยวเฟิงอยู่กับฉันตลอดไป”
“คุณให้ฉันได้ไหม?”
เนี่ยเฟิงยิ้มกว้าง ซ่าวเจ๋โกรธจนแทบจะเป็นบ้าทันที สองคนนี้กำลังหลอกเขาอยู่!ต้องใช้แน่ๆ!
“ของที่นายให้ ซือซือไม่ต้องการ ดังนั้นนายไม่ต้องมาเสียเวลาหรอกนะ”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ก็หยิบใบเอกสารออกมา“จะมาเปิดห้องหนึ่งห้อง”
หลังจากทั้งสองทำเรื่องเสร็จแล้ว ก็เดินจากไปภายใต้สายตาที่โกรธแค้นของซ่าวเจ๋
“แล้วคุณจะเสียใจภายหลัง!โจวลี่ซือ!ผมจะทำให้คุณได้รู้ ว่าจากผมไปแล้วคุณก็อย่างหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตดีๆเลย!”
หลังจากทั้งสองคนเข้าไปในลิฟต์แล้ว โจวลี่ซือก็กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้“บางครั้งฉันก็ยอมใจหมอนี่จริงๆ เขาไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนกันแน่ คิดว่าฉันต้องการเขามากสินะ”
“ไม่รู้สิ คนประเภทนี้ไม่รู้จักตัวเองล่ะมั้ง แต่ถ้าพวกเราเปิดห้องสองห้อง จะทำให้เขารู้สึกสงสัยได้ ดังนั้นคืนนี้พี่ห้าก็นอนด้วยกันกับผมแล้วกันนะ!”
โจวลี่ซือโอบไหล่ของเนี่ยเฟิงพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่ม ขยี้ผมของเนี่ยเฟิง“ไม่เห็นเป็นไรเลย สมัยที่นายใส่กางเกงเปิดเป้าฉันก็เห็นมาหมดแล้วนะ!เมื่อก่อนพวกเราก็นอนเตียงเดียวกันตลอดเลยไม่ใช่หรือไง!”
“นี่มันไม่เหมือนกันน่ะสิ ตอนนี้ผมโตแล้ว”
โจวลี่ซือมองสำรวจเนี่ยเฟิงหัวจรดเท้า“โตขึ้นแล้วจริงๆด้วย หน้าก็ดูโตขึ้น แต่นายบอกว่านายโตแล้ว ก็ช่วยบอกพี่หน่อยว่า ส่วนไหนบ้างที่โตแล้ว?”
“โตหมดทุกส่วนนั่นแหละ!พี่ห้าอย่ามาดูถูกผมเชียวนะ”
“โอ้โห ยอมแล้วๆ เสี่ยวเฟิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว?”โจวลี่ซือพูดยิ้มๆ
ทั้งสองคนเดินมาถึงห้องในขณะที่พูดคุยหยอกล้อกันไปพลาง หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปแล้ว โจวลี่ซือก็พุ่งตัวลงไปนอนบนเตียงทันที
“เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ฉันขับรถมาทั้งวัน รู้สึกกระดูกแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสี่ยวเฟิงนายแรงเยอะ รีบมานวดๆกดๆให้พี่หน่อยเร็วเข้า!”
โจวลี่ซือพูดจบก็พลิกตัว ราบไปบนเตียง เนี่ยเฟิงมองโจวลี่ซือที่นอนอยู่กลางเตียงนุ่มๆ เธอพยายามเผยให้เห็นถึงเส้นโค้งเว้าที่สวยมีเสน่ห์ของตัวเองอย่างเต็มที่
เนี่ยเฟิงแห็นแล้วก็รู้สึกว่าหัวใจไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอย
โจวลี่ซือกระตือรือร้นมาก แถมคำพูดคำจาก็ชวนน่าหลงใหล แน่นอนว่าคำพูดคำจาที่น่าดึงดูดคนนี้ใช้แค่กับพวกเขาเท่านั้น ถ้าเป็นคนอื่น โจวลี่ซือจะแสดงท่าทางจริงจังออกมา
“จะให้นวดตรงไหน?”
“ก็นวดตั้งแต่หลังลงไปเลย ขอแรงๆนะอย่าลืมล่ะ”
โจวลี่ซือพลิกมือมาตบๆที่เอวของตัวเอง เอวของโจวลี่ซือบางเล็กมาก สามารถบอกได้เลยว่าเป็นเอวมดก็ว่าได้ มือของเนี่ยเฟิงสามารถโอบได้จนหมด
เนี่ยเฟิงนวดไหล่กับคอให้กับโจวลี่ซือสักพัก โจวลี่ซือหรี่ตาพร้อมกับพยักหน้า“ใช่ๆๆ ตรงนั้นแหละ อื้อ”
เนี่ยเฟิงใจร้อนผ่าวๆอย่างช่วยไม่ได้ เขาก็เคยเจอผู้หญิงที่กระตือรือร้นแบบนี้มาไม่น้อย แต่โจวลี่ซือกลับแตกต่าง