บทที่ 126 ฝึกอบรม
ความสวยงามของโจวลี่ซือก็เหมือนโคมไฟที่แสนอบอุ่น แสงที่สาดส่องมาชวนให้มึนเมาและน่าโหยหา
มือของเนี่ยเฟิงค่อยๆเลื่อนลงมาที่บริเวณช่วงเอวของโจวลี่ซือ
จู่ๆอากาศก็เริ่มหนาแน่นขึ้น แถมมีรสชาติหวานๆอย่างบอกไม่ถูกปนมาอีกด้วย บางทีนี่อาจจะเป็นความรู้สึกระหว่างพวกเขาสองคนก็ได้ คนข้างๆไม่สามารถที่จะสัมผัสได้
โจวลี่ซือในเวลานี้ก็รู้สึกแปลกๆเช่นเดียวกัน หลังจากที่เธอเลียๆริมฝีปากแล้วก็พูดขึ้น
“เอาล่ะ พอแล้วล่ะ นายนั่งรถมาทั้งวันแล้ว น่าจะเหนื่อยแล้วเหมือนกัน รีบพักผ่อนเถอะ อีกเดี๋ยวพวกเราจะไปเข้าร่วมการฝึกอบรมแล้วนะ”
เนี่ยเฟิงจึงดึงมือกลับมา เขาพยักหน้า บรรยากาศของทั้งสองคนดูเหมือนจะกลับไปเป็นเหมือนกับตอนก่อนหน้านี้ ผ่อนคลายลงไปเยอะ
โจวลี่ซือมองข้อความที่ส่งมาในมือถือ แต่เธอก็เหม่อลอยอยู่ไม่น้อย หันไปมองยังเนี่ยเฟิงที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาเป็นระยะๆ
หลังจากที่เนี่ยเฟิงโตแล้ว ทั้งสองก็ไม่เคยได้มาอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองแบบนี้อีกเลย มีแค่ตอนที่ทุกคนต่างดื่มกันจนเมาแล้วต่างคนต่างหลับไปเมื่อครั้งที่แล้ว แต่นั่นมันก็มีคนอื่นๆอยู่ด้วยอีกตั้งหลายคน ดังนั้นโจวลี่ซือก็เลยไม่รู้สึกอึดอัดมากนัก
แต่ตอนนี้ ทั้งสองคนมาอยู่กันตามลำพังในห้องเดียวกัน บวกเช้ากับการนวดเมื่อตะกี้อีก โจวลี่ซือจึงรู้สึกแปลกๆขึ้นมาในใจ
เนี่ยเฟิงความรู้สึกไว จึงสัมผัสได้ ว่ามีคนกำลังมองเขาอยู่ เขารีบเงยหน้าขึ้นมา ก่อนจะพูดถามขึ้นอย่างยิ้มๆ
“พี่ห้า หน้าของผมมีอะไรติดอยู่เหรอ? ทำไมพี่ถึงเอาแต่มองผมล่ะ?”
โจวลี่ซือตกใจขึ้นมา แต่เธอก็ยังพูดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอยู่“หน้าของนายไม่มีอะไรติดอยู่หรอก มีแต่ความหล่อ คนที่หล่อขนาดนี้ มานั่งอยู่ข้างๆฉัน ฉันจะขอดูสักหน่อยไม่ได้เลยหรือไง?”
เนี่ยเฟิงยิ้มๆอย่างอดไม่ได้“เมื่อก่อนพวกพี่ก็ไม่ได้จะชมผมว่าหล่ออะไรเลยนี่นา จู่ๆตอนนี้มาชมผมว่าหล่อ ไม่รู้ว่าทำไม ผมรู้สึกเขินอายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน”
“ใครบอกว่านายหน้าตาไม่ดีกัน นายหน้าตาดีจะตาย ไม่มีใครเทียบได้เลย ขนาดพวกนักแสดงชายกับพวกสจ๊วตพวกนั้นของบริษัทฉันยังเทียบนายไม่ติดเลย นายสามารถใช้หน้าตาหากินได้เลยนะ”
โจวลี่ซือมักจะพูดชมเนี่ยเฟิงมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโตก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด ทุกครั้งที่เนี่ยเฟิงทำเรื่องอะไร โจวลี่ซือก็จะคอยสนับสนุนอยู่ข้างๆเขาเสมอ
พูดให้ถูกก็คือ พูดชมแบบไม่ลืมหูลืมตา
“แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปน้องชายที่หล่อขนาดนี้จะต้องแต่งงานกับผู้หญิงแบบไหนเหมือนกันนะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่าผมควรแต่งงานกับสาวแบบไหนดี?”
โจวลี่ซือเงียบไปพักใหญ่ จากนั้นก็ส่ายหัว“ฉันไม่มั่นใจว่านายชอบผู้หญิงแบบไหน แต่ไม่ว่านายชอบแบบไหน พอคิดถึงตอนนั้นฉันจะต้องรู้สึกเศร้าหงอยแน่ๆเลย”
เนี่ยเฟิงอึ้งไปสักพัก“พี่ห้าทำไมถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
“ถึงยังไงนายก็นับว่าเป็นคนที่ฉันเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต แม้ว่าจะมีช่วงเวลาที่หายไปบ้าง แต่พวกเราก็ผ่านช่วงเวลาที่แสนนานนั่นมาแล้ว ถ้านายมีแฟนแต่งงานไปแล้ว จากนี้ไปพวกเราก็จะไม่สนิทกันเหมือนเดิมแล้วนะ ความรู้สึกเหมือนผักกาดที่ตัวเองปลูกไว้ถูกหมูแย่งไปกินอย่างไรอย่างนั้นเลย”
“ถ้าอย่างนั้นผมไม่มีความรัก ไม่หาแฟนเลยแล้วกัน ผมอยากจะอยู่กับพวกพี่ๆตลอดไป!”
“ดูสิ ความคิดความอ่านยังไม่โตเลย ยังคงต้องอยู่กับพวกพี่สาวอีก!”
โจวลี่ซือขำออกมาอย่างอดไม่ได้“เมื่อตะกี้นายยังบอกอยู่เลยว่านายโตแล้ว ฉันว่านายโตแต่ตัวแต่สมองยังไม่โตมากกว่า”
“ผมรู้สึกว่าที่พี่พูดมาเหมือนกำลังด่าผมยังไงไม่รู้”
“เปล่านี่ อย่าคิดไปเองสิ”
โจวลี่ซืออารมณ์ดีสุดๆ
หลังจากเวลาจวนจะถึงแล้ว โจวลี่ซือก็พาเนี่ยเฟิงลงไปข้างล่างด้วยกัน ไปถึงยังห้องประชุมที่อยู่ข้างๆ
ข้างๆโรงแรมก็คือบริษัทสายการบิน หลังจากที่โจวลี่ซือจัดแต่งเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็พาเนี่ยเฟิงเดินตรงเข้าไป
โจวลี่ซือสวมใส่ชุดผู้ช่วยนักบินที่สูงโปร่ง เสื้อผ้าชุดนี้อยู่บนตัวของโจวลี่ซือ ดูทะมัดทะแมงน่าเกรงขามมาก
โจวลี่ซือแต่เดิมที่สูงอยู่แล้ว เสื้อผ้าชุดนี้ก็ยิ่งเน้นเรือนร่างของโจวลี่ซือขึ้นไปอีก ทำให้มองแล้วไม่อยากละสายตา
แต่ระหว่างเดินเนี่ยเฟิงก็เจอกับแอร์โฮสเตสและสจ๊วตจำนวนไม่น้อย ดูแล้วการฝึกอบรมในวันนี้น่าจะเป็นการฝึกอบรมที่ค่อนข้างใหญ่โตพอสมควรเหมือนกัน
“อีกเดี๋ยว นายเดินเข้าไปข้างในกับฉัน เนื่องจากการอบรมในช่วงสองสามวันนี้มีหลายบริษัทสายการบินมาฝึกอบรม ถึงตอนนั้นนายดูๆอยู่ข้างสักหน่อยว่าการอบรมมีเนื้อหาอะไรบ้าง”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า“ถ้าอย่างนั้นผมก็เป็นผู้ติดตามของพี่ห้าแล้วกัน พี่ห้าให้ทำอะไรผมก็ทำหมด”
“ได้”
ทั้งสองคนเดินเข้าไปข้างในห้องประชุม ห้องประชุมนี้กว้างใหญ่มาก เป็นรูปแบบวงกลม พวกเขาเดินไปนั่งตามป้ายบอกทาง
เพิ่งจะได้นั่งลง วิญญาณตามติด ซ่าวเจ๋ก็โผล่มาอีกแล้ว
“โจวลี่ซือ หรือว่าคุณลืมไปแล้วว่างานประชุมในวันนี้หลักๆแล้วจะพูดคุยกันเรื่องอะไร? ทำไมคุณถึงพาคนนอกเข้ามาด้วย?”
ซ่าวเจ๋มองเนี่ยเฟิง สายตาดูรังเกียจอย่างถึงที่สุด
“นายซ่าว ฉันจะพาใครมามันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยไม่ทราบ? อีกอย่างคุณก็เป็นคนนอกเหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”
ซ่าวเจ๋ยิ้มออกมาทันที“ผมจะเป็นคนนอกได้ยังไง ผมจะบอกคุณให้นะ บริษัทสายการบินนี้มีของตระกูลผมด้วยนะ!ผมเป็นทายาทของบริษัทสายการบินเชียวนะ ผมถือว่าเป็นคนนอกอย่างนั้นเหรอ?”
“เสี่ยวเฟิงเป็นสจ๊วตที่ฉันจัดการให้มาฝึกอบรม ฉันพาสจ๊วตมาอบรม มันไม่เหมาะสมตรงไหน?”
“สภาพที่เกาะผู้หญิงกินเนี่ยนะ ที่คุณจะฝากให้เข้ามาในบริษัทสายการบินจินไห่? เหอะ!ฉันจะดูว่านายจะมีความสามารถนี้หรือเปล่า!”
ซ่าวเจ๋พูดคำดูถูกเหยียดหยามทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะหันเดินจากไป
“หมอนี่ไม่มีอะไรทำหรือไง น่ารำคาญสุดๆ แค่เห็นเขาก็โกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว”
โจวลี่ซือกรอกตามองบนด้วยความไม่สบอารมณ์
“พี่ห้า พี่ไม่ต้องไปใส่ใจเขาหรอก เขาคนนี้ก็ได้แต่เห่านั่นแหละ ไม่กัดหรอก”
“ฉันไม่ได้ใส่ใจเขา แต่เขาชอบมาลอยหน้าลอยตาอยู่หน้าฉัน ทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอื้อน ฉันก็แค่รู้สึกรังเกลียดก็เท่านั้น”
โจวลี่ซือถอนสายตากลับมา พูดขึ้นต่ออย่างไม่สบอารมณ์
“เขานึกว่าคนทุกคนจะต้องประจบประแจงเขา ตระกูลของเขาเปิดบริษัทสายการบินอยู่ที่เยี่ยนตู ฉันยอมรับว่าเขามีทรัพย์สินอยู่จริงๆ แต่คนที่ไม่รู้จักเคารพคนอื่นแบบนี้ ต่อให้เป็นมหาเศรษฐีร้อยล้านก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉัน ฉันไม่มีทางชอบไอ้คนที่ไม่มีมารยาทแบบนี้หรอก”
เนี่ยเฟิงชำเลืองตาไปมองซ่าวเจ๋หนึ่งที ทีแรกก็ไม่ได้จะสนใจไอ้ตัวตลกคนนี้มากนัก แต่เขาดันมายุแหย่พี่ห้านี่สิ……
เนี่ยเฟิงครุ่นคิดว่าจะทำให้ตระกูลของเขาล้มละลายเลยดีไหม หรือจะค่อยจัดการเขาดี……
พอเห็นท่าทางหยิ่งผยองของเขาแล้ว เนี่ยเฟิงก็รู้สึกว่าจะต้องทำให้ไอ้นายคนนี้เจอกับความทุกข์ยากลำบากต่อหน้าพี่ห้าจะถูก
ในขณะนี้เอง ทีมอบรมพิเศษของบริษัทสายการบินระหว่างประเทศที่รับผิดชอบการอบรมในครั้งนี้ก็มาถึงแล้ว
“สวัสดีผู้มีเกียรติทุกท่าน พวกเราเป็นทีมจัดอบรมพิเศษของบริษัทสายการบินระหว่างประเทศ ต่อไปพวกเราจะแบ่งทีมเป็นนักบิน สจ๊วต แอร์โฮสเตสเป็นต้นเพื่อเข้าสู่การฝึกอบรม ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมกลุ่มกันตามป้ายหมายเลขในมือของพวกเราด้วยครับ สถานที่ที่พวกเราจะทำการฝึกอบรมจะแบ่งแยกจากกัน”
ทีมฝึกอบรมพิเศษไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรเยอะแยะ ขึ้นมาก็เข้าประเด็นทันที
เนื่องจากโจวลี่ซือเป็นผู้ช่วยนักบิน ดังนั้นเธอจึงต้องไปฝึกอบรมในทีมฝึกอบรมของเหล่านักบิน
แต่โจวลี่ซือกังวลว่าเนี่ยเฟิงจะรู้สึกไม่คุ้นเคย ดังนั้นจึงพาเนี่ยเฟิงไปด้วย
“นายมากับฉันก่อนดีกว่า ฉันกังวลว่าซ่าวเจ๋นั่นจะมาสร้างความรำคาญอะไรอีก”
เนี่ยเฟิงพยักหน้าก่อนจะเดินตามหลังโจวลี่ซือไป พวกเขามาถึงห้องจำลอง