บทที่ 202 ของแท้
เหอเหรินเจ๋เพิ่งจะพูดจบ ก็มีผู้ชายสวมชุดทักซิโด้สีดำกลุ่มหนึ่งพากันเดินเข้ามา ในมือของพวกเขาถือกล่องมาคนละกล่อง
จากนั้นก็ตรงเข้ามาอยู่ตรงหน้าที่นั่งของพวกเขาด้วยท่าทางที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
กลุ่มคนพวกนี้ทำให้พวกผู้คนที่อยู่ตรงนั้นต่างพากันตกใจ ขนาดท่าเดินของพวกเขาก็ยังดูสง่าสุดๆ
จากนั้นพวกเขาก็ต่อแถวเรียงเป็นส้นตรง จากที่นั่งจนถึงหน้าประตู แต่ละคนเว้นระยะห่างซ้ายขวา ส่วนในมือของพวกเขาก็ถือกล่องที่ดูหรูหราราคาแพงเอาไว้คนละกล่อง
“เวลาดื่มเหล้าต้องให้ความสำคัญกับอุณหภูมิและบรรยากาศ ตอนนี้บรรยากาศไม่เลว แต่อุณหภูมิไม่พอ เหล้าที่เพิ่งจะหยิบขึ้นมายังไม่ทันตื่น ถ้าดื่มตอนนี้รสชาติจะไม่ดีเท่าไร แต่ในเมื่อจะให้คุณดื่ม ก็ไม่ต้องพิถีพิถันขนาดนั้นก็ได้”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็ยกมือขึ้น“ไปนับหน่อยสิว่ามีอยู่กี่ขวด?”
เหอเหรินเจ๋พอเห็นพวกคนที่สวมชุดทักซิโด้สีดำพวกนี้ก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้ คนพวกนี้ดูแล้วเหมือนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แถมแต่ละคนก็ดูสง่าดูดีกันทั้งนั้น ส่วนกล่องในมือของพวกเขาเหล่านั้นก็ดูแล้วไม่เหมือนกับอันอื่นเลย
“แค่แกบอกว่านี้คือโรมานี กองติ แล้วพวกเราก็จะเชื่อว่ามันคือโรมานี กองติอย่างนั้นเหรอ? ถ้าฉันบอกว่าฉันเป็นพระเจ้า แสดงว่าตอนนี้ฉันก็คือพระเจ้าจริงๆแล้วใช่ไหม? แกนี่มันน่าขำจริงๆ!”
เหอเหรินเจ๋กลอกตามองบนอย่างอดไม่ได้ เขาไม่เชื่อสักนิดเลยว่าเนี่ยเฟิงจะเอาโรมานี กองติสามร้อยขวดมาได้จริงๆ
“ที่พวกคุณก็มีคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ไม่ใช่หรือไง? เรียกเขามายืนยันก็ได้แล้วไม่ใช่หรือไง?”
พอเนี่ยเฟิงพูดจบก็เชิดคางไปยังผู้จัดการที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับเหอเหรินเจ๋“อย่าบอกผมนะว่าที่พวกคุณไม่มีคนที่รู้เรื่องไวน์เลยแม้แต่คนเดียว”
ผู้จัดการเบะปาก“ผมว่าคุณเตรียมการมาไว้หมดแล้ว แต่ต่อให้เป็นแบบนี้แล้วยังไง คนพวกนี้ก็เป็นคนที่คุณควักเงินจ้างมาไม่ใช่หรือไง!อีกเดี๋ยวผมก็จะเปิดโปงคุณเอง!ตามบาร์เทนเดอร์มา!”
บาร์เติงหมิงเป็นบาร์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในย่านนี้ ที่นี่จึงมีบาร์เทนเดอร์ที่เก่งๆอยู่เหมือนกัน
บาร์เทนเดอร์คนนี้เป็นคนที่เถ้าแก่ของพวกเขาทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อเชิญตัวเขามาจากเมืองหลวง
บาร์เทนเดอร์อายุค่อนข้างเยอะ แต่กลับดูดีมีสไตล์สุดๆ แถมตัวเขาก็เผยให้เห็นถึงกลิ่นอายความรู้สึกของความเป็นผู้ใหญ่น่านับถือ จากนั้นบาร์เทนเดอร์คนนั้นก็ค่อยๆเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ตอนที่เขาเห็นกล่องที่คนสวมชุดทักซิโด้สีดำถืออยู่นั้น เขาก็ถลึงตาโตขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้!
“คุณรีบดูพวกไวน์ปลอมพวกนี้เร็วเขา เสร็จแล้วก็บอกกับทุกคนที่อยู่ที่นี่ ว่าเขากำลังก้าวก่ายใครอยู่!”
เหอเหรินเจ๋เชิดคางขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยท่าทางภูมิอกภูมิใจสุดๆ
บาร์เทนเดอร์เข้าไปดูแล้วดูอีก จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาถาม“ผมขอชิมได้ไหม?”
“แน่นอนครับ ชิมตามสบายเลย”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า จากนั้นบาร์เทนเดอร์เปิดขวดไวน์ออกอย่างชำนาญ เนื่องจากพวกเขารอจนจะหมดความอดทนแล้ว คงจะเข้าสู่กระบวนการให้ไวน์ตื่นไม่ได้ บาร์เทนเดอร์จึงทำได้แค่ดื่มไปหนึ่งคำ หลังจากดื่มเสร็จแล้วบาร์เทนเดอร์ก็ถลึงสองตาโต“นี่มันคือโรมานี กองติจริงๆ!”
ตอนแรกพวกเหอเหรินเจ๋กำลังคิดว่าจะทำยังไงให้เนี่ยเฟิงขายหน้า แต่คิดไม่ถึงว่าบาร์เทนเดอร์กลับบอกว่านี่มันคือไวน์ของแท้
“เป็นไปได้ยังไง คุณลองชิมอีกรอบสิ นี่มันไม่มีทางเป็นของแท้แน่นอน!เขามันก็แค่คนจนคนหนึ่งเท่านั้น จะเอาเงินที่ไหนไปซื้อไวน์มากมายขนาดนี้!”
ตอนแรกคางเมิ่งนึกว่าจะถูกเปิดโปง แต่ไม่คิดว่าบาร์เทนเดอร์จะบอกว่านี่มันคือโรมานี กองติของแท้ โรมานี กองติหนึ่งขวดราคาเกือบหนึ่งแสนสี่หมื่น เนี่ยเฟิงเอาเงินที่ไหนไปซื้อของแท้กัน?
“ผมเชื่อลิ้นของตัวเอง ผมชิมไวน์มาไม่น้อย ความสามารถในการจดจำของผมโดดเด่นกว่าใคร ดังนั้นนี่มันไม่มีทางเป็นของปลอมแน่นอน”
บาร์เทนเดอร์ส่ายหัว จากนั้นก็เปิดไวน์อีกขวด ชิมไปหนึ่งรอบ แล้วก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ“ไวน์ขวดนี้ก็เป็นของแท้เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรเปิดให้หมดเลยก็ได้ เพราะว่าไวน์สามร้อยขวดในตอนนี้จะกลายเป็นของเหอเหรินเจ๋ทั้งหมด เดี๋ยวเขาก็จะต้องดื่มไวน์ทั้งสามร้อยขวดนี้ให้หมดอยู่ดี”
บาร์เทนเดอร์พยักหน้า เปิดไวน์ทุกขวดออกมาชิม แม้ว่าจะชิมไปแค่นิดเดียว แต่นี่มันตั้งสามร้อยขวด แล้วต้องชิมทุกขวด หลังจากที่ชิมเสร็จแล้วบาร์เทนเดอร์ก็รู้สึกมันหัวไม่น้อยแล้ว
พอชิมไวน์ทุกขวดจนเสร็จ บาร์เทนเดอร์ก็พูดขึ้นอย่างมั่นใจ“ไม่ผิด ไวน์พวกนี้เป็นของแท้ทั้งหมด โรมานี กองติสามร้อยขวด นี่ผมก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก ช่างเป็นภาพที่งดงามจริงๆ!”
บาร์เทนเดอร์อาจจะไม่ได้เห็นภาพแบบนี้ตลอดทั้งชีวิตนี้ก็ได้
เนี่ยเฟิงเตะพวกขวดไวน์บนโต๊ะไปยังอีกฝั่ง จากนั้นก็ดีดนิ้ว“ยังรออะไรอยู่? ยังไม่รีบจัดการไวน์พวกนี้อีกเหรอ?”
โรมานี กองติสามร้อยขวดวางเรียงบนโต๊ะอย่างเป็นระเบียบ พอเห็นไวน์ที่วางอยู่มากมายขนาดนั้น เหอเหรินเจ๋ก็ชักมุมปาก
“นี่เป็นคนของพวกคุณ พวกคุณน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ในเมื่อคนของพวกคุณบอกแล้ว ว่าไวน์พวกนี้ของผมเป็นของแท้ เหอเหรินเจ๋คุณก็ต้องทำตามที่คุณพูดไว้ก่อนหน้านี้ใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงชี้ไปที่ไวน์บนโต๊ะพร้อมกับพูดขึ้น
“เห้ย ไม่ใช่สิ ไวน์เยอะขนาดนี้จะดื่มหมดได้ยังไง!”
โกจิ้งที่ตั้งอกตั้งใจจะรอดูในตอนแรก แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าไม่ตลกแล้ว ถึงยังไงคนที่ได้รับโทษก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นเหอเหรินเจ๋ที่อยู่ตรงหน้านี้
ความคิดของเธอกับสวีเหมยไม่ต่างกัน รีบออกตัวไปพูดอธิบาย เผื่อจะได้ความดีความชอบจากเหอเหรินเจ๋บ้าง ถึงยังไงถ้าได้คบกับเหอเหรินเจ๋ พวกเธอก็ได้เป็นข่าวอื้อฉาว
ขอแค่มีกระแสอยู่ตลอดเวลา ก็ไม่มีปัญหาแล้วแน่นอน!
“จะดื่มหมดหรือไม่หมดมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ? นี่มันเป็นการเดิมพันระหว่างผมกับเหอเหรินเจ๋ ในเมื่อเหอเหรินเจ๋แพ้แล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาก็ต้องทำตามสัญญา ถ้าเขายอมรับว่าเขาพูดเหลวไหล ถ้าอย่างนั้นผมก็ยอมปล่อยเขา เหอเหรินเจ๋ คุณคิดว่าไง?”
ตั้งแต่เล็กจนโตเหอเหรินเจ๋ไม่เคยเจอเรื่องทุกข์แบบนี้มาก่อน เขาจ้องเนี่ยตาเขม็งด้วยความโกรธสุดๆ“แก!แกจงใจ!”
“ผมจะจงใจหรือไม่จงใจ แล้วมันเกี่ยวอะไร? ความจริงก็เห็นๆกันอยู่ จะดื่มหรือไม่ดื่ม?”
เนี่ยเฟิงใช้มือค้ำโต๊ะ“วางใจได้ ผมจะอยู่ที่นี่เฝ้าดูคุณดื่มเอง”
“ฉันขอดื่มแทนเขา!”
หลังจากที่สวีเหมยพูดจบก็หยิบไวน์บนโต๊ะมา เนี่ยเฟิงกลับพูดขึ้นด้วยความเย็นชา“คุณสวี คุณมีสิทธิ์อะไรมาดื่มแทนเขา? คุณเกี่ยวข้องอะไรกับเหอเหรินเจ๋?”
พอเนี่ยเฟิงพูดประโยคนี้ออกมา มือที่ถือไวน์ของสวีเหมยก็หยุดชะงักทันที ริมฝีปากของเธอสั่น ไม่รู้ว่าควรจะพูดตอบกลับไปยังไง
“คุณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา แล้วทำไมต้องช่วยเขาดื่มด้วย? อีกอย่าง การเดิมพันเมื่อตะกี้ของพวกเราก็ไม่ได้บอกไว้ว่าจะมีคนมาช่วยดื่มแทน เหอเหรินเจ๋ในเมื่อคุณรับปากการเดิมพันในครั้งนี้แล้ว คุณก็ต้องทำตามที่พูดไว้ ถ้าไม่อย่างนั้นผมก็ไม่เกรงใจที่จะช่วยกรอกมันลงในปากของคุณให้เอง”
เนี่ยเฟิงยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันจ่ายเงินให้ก็ได้แล้วสินะ!”
“ไม่ได้ เพราะว่าเมื่อตะกี้คุณบอกไว้แล้วว่าหลังจากดื่มเสร็จแล้วถึงค่อยจ่ายส่วนที่เหลือ ตอนนี้คุณยังไม่ได้ดื่มสักคำ แบบนี้มันก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ ทำไมเหรอ? หรือว่าคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเหอผู้แข็งแกร่งไม่มีปัญญาเล่นเกมต่อแล้วอย่างนั้นเหรอ? มีสายตาตั้งหลายคู่กำลังจับจ้องอยู่นะครับ”