บทที่ 225 เกลี้ยกล่อม
เย่หรูเสว่พอเห็นว่าพวกเขาเอาคำพูดของคุณตาในสมัยก่อนมาพูดกดดันเธออีกแล้ว เธอก็โมโหสุดๆ พวกเขาก็ไม่ได้มีหน้าที่มารับผิดชอบดูแลตนเองเหมือนกัน หลังจากได้เงินก้อนนั้นแล้ว แม้แต่ค่าเทอมก็ยังไม่ให้เธอเลย ถึงขนาดที่ยังยุยงให้เธอแต่งงานทั้งที่อายุยังน้อยขนาดนี้อีก หลายปีที่ผ่านมานี้เย่หรูเสว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากมาโดยตลอด มีแค่ตัวเธอเท่านั้นที่รู้ดี
คนในครอบครัวนี้เอาเงินของเขามาแล้ว ก็กินอยู่อย่างสุขสบาย แต่กลับไม่ให้เงินเธอเรียนหนังสือ ถึงขนาดที่แม้แต่กินข้าวก็ยังให้เย่หรูเสว่ไปทำกินเองตลอด
แถมเย่หรูเสว่ก็ได้กินแค่อาหารเหลือเท่านั้น คนในครอบครัวนี้จงใจทำเป็นพูดด้วยคำพูดที่สวยหรูฟังดูดี ว่าเด็กผู้หญิงถ้ากินเยอะแล้วเดี๋ยวจะอ้วนเอา ถ้าอ้วนแล้วก็จะไม่มีคนชอบ
แล้วตอนนี้ยังคิดจะมาตัดสินใจเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของเธออีก โดยการพาจ้าวต้าถงเข้ามา
“ใช่ๆ ลูกดูพี่ของลูกสิอายุยังน้อยทั้งหล่อทั้งรวยทั้งเก่ง มีบ้านมีรถ สถานะทางครอบครัวก็ดี ยังมีตรงไหนที่ไม่ดีอีก แถมยังรู้ตับไตไส้พุงกันหมดแล้วด้วย ถึงตอนนั้นจะต้องดีกับลูกมากแน่ๆ ลูกวางใจได้ พ่อแม่จะทำร้ายลูกได้ยังไงล่ะ?”
พวกเขาสองคนพูดมาอย่างมีเหตุผลน่าฟังสุดๆ ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้เย่หรูเสว่ตอบรับเรื่องแต่งงานในครั้งนี้ให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงพวกเขาต้องหารให้เย่หรูเสว่แต่งงานกับจ้าวต้าถงให้ได้
แน่นอนจ้าวต้าถงก็หวังว่าจะสามารถแต่งงานกับผู้หญิงที่สวยแบบเย่หรูเสว่เหมือนกัน ทุกครั้งที่เห็นเย่หรูเสว่ จ้าวต้าถงก็มักจะรู้สึกว่าใจของตัวเองเต้นตึกตักอยู่ตลอด
เย่หรูเสว่สวยมากจริงๆ ผู้หญิงที่สวยแบบนี้ต่อให้แค่แต่งงานแล้วเอากลับไปเชยชมที่บ้านก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
จ้าวต้าถงมองเย่หรูเสว่อย่างหื่นกระหาย เย่หรูเสว่รู้สึกอึดอัด เย่ฉงหยางกับจางลี่ถิงเห็นว่าเย่หรูเสว่ไม่พูดอะไร พวกเขาสองคนจึงพูดโจมตีเนี่ยเฟิงทันที
“ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าไอ้หมอนี่ไปพูดอะไรกับลูก ถึงทำให้ลูกหลงมันขนาดนั้น ลูกดูหมอนี่สิไม่มีงานทำไม่มีบ้านไม่มีรถ ถึงขนาดที่ไม่มีแม้กระทั่งเงินเก็บ ถ้าลูกไปแต่งงานกับมันแล้วต่อไปจะทำยังไง?”
“แต่เสี่ยวเสว่ก็มีเงินอยู่จำนวนหนึ่งไม่ใช่เหรอครับ? หลังจากที่แต่งงานแล้วผมก็ใช้เงินนั่นมาทำธุรกิจก็ได้นี่!ผมมีหัวด้านธุรกิจอยู่นะ เอาเงินนั้นให้กับผม ผมจะเอาไปเล่นหุ้น จากนี้ไปพวกเราก็จะได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นกอบเป็นกำแน่นอน!”
เนี่ยเฟิงฉีกยิ้มกว้าง ใบหน้าเผยให้เห็นถึงสีหน้ามั่นอกมั่นใจ
“ลูกดูสิไอ้หมอนี่มันเล็งเงินของลูกอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิดเลย ผู้ชายแบบนี้จะไปแต่งงานด้วยได้ยังไง? ลูกฟังพวกเรานะ!ลูกแต่งงานกับพี่ของลูกดีกว่าแต่งกับไอ้หมอนี่เป็นไหนๆ!”
“ใช่ๆ พ่อแม่จะทำร้ายเธอไปทำไมล่ะจริงไหม?”
เย่เหม่ยย่ากับเย่เล่อทั้งสองคนก็พยักหน้าคอยช่วยเสริมอยู่ข้างๆ สำหรับพวกเธอแล้วถ้าพูดโน้มน้าวให้เย่หรูเสว่แต่งงานกับจ้าวต้าถงได้สำเร็จ เงินก้อนก็จะกลายเป็นของพวกเขาทันที!
“ฉันเต็มใจค่ะ”
เย่หรูเสว่ยกๆไหล่“ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้ว ฉันก็ขอตัวไปก่อนนะคะ”
เย่หรูเสว่พูดจบก็ลุกขึ้นยืน ในตอนนี้เองเย่ฉงหยางรู้สึกโมโหมากๆ ตบโต๊ะอย่างแรง“จะไปไหน ลูกไม่มีทะเบียนบ้านลูกจะไปจดทะเบียนสมรสกับมันยังไง? ทะเบียนบ้านของลูกก็อยู่ที่พวกเรานี่!”
“ใช่แล้ว ที่กลับมาวันนี้ก็ยังมีอีกเรื่องที่อยากจะคุยกับพวกคุณสักหน่อยด้วย ฉันจะย้ายทะเบียนบ้านของฉันออกมาจากนี้ไปฉันจะไม่อยู่กับพวกคุณอีกแล้ว”
เย่หรูเสว่เหมือนกับนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงหันมาพูดกับเย่ฉงหยางและจางลี่ถิง
“ลูกนี่มันน่าโมโหจริงๆ ครอบครัวของพวกเราไม่ดีกับลูกอย่างนั้นเหรอ? ลูกลองคิดดู ตอนที่ลูกลำบากที่สุด ก็เป็นครอบครัวเราที่ยื่นมือไปช่วยลูก ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเรา ลูกจะมีวันนี้ได้เหรอ!”
จางลี่ถิงพูดพลางร้องห่มร้องไห้ ดูแล้วเหมือนท่าทางที่เป็นเจ็บปวดรวดร้าวสุดๆ คนที่ไม่รู้เรื่องมาก่อน ถ้าเห็นแบบนี้ก็จะนึกว่าเย่หรูเสว่เป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณแน่นอน
“ไม่ว่ายังไงแม่ก็ไม่มีทางให้ลูกย้ายภูมิลำเนาออกไปคนเดียวแน่นอน เอาที่ลูกคิดว่าดีก็แล้วกัน ครอบครัวพวกเราให้ความสำคัญกับลูกมากๆ แถมลูกเป็นคนที่พวกเราเลี้ยงดูมา!ที่เลี้ยงดูจนโตขนาดนี้ พวกเราก็หวังดีกับลูกทั้งนั้น!”
คนพวกนี้ปากก็บอกว่าหวังดีกับเย่หรูเสว่อย่างนู้นอย่างนี้ แต่ความจริงแล้วในสายตาของพวกเขามีแต่เงินเท่านั้น แถมยังคิดที่จะขูดรีดเย่หรูเสว่ให้คุ้มค่าจนถึงที่สุดอีกด้วย เย่หรูเสว่เห็นสีหน้าท่าทีแบบนี้ของพ่อแม่บุญธรรมแล้ว ก็กำหมัดแน่น ดูแล้วเหมือนแทบจะระเบิดออกมาตรงนั้นเลย
เย่หรูเสว่รู้สึกไม่สบอารมณ์ทุกครั้งที่เจอกับพ่อแม่บุญธรรมของตนเอง เธอไม่ได้มีสีหน้าที่ดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเธอต้องย้ายทะเบียนบ้านออกไปนะ เย่หรูเสว่ก็ไม่มีทางเอาตัวเข้ามายุ่งอะไรมากมายขนาดนี้หรอก!
“ถ้าเธออยากจะย้ายออกไปคนเดียวก็ได้!สี่ล้าน!พ่อแม่เลี้ยงดูเธอมานานขนาดนั้น ถ้าต่อไปพวกเขาแก่ตัวไปแล้วขยับตัวทำอะไรไม่ได้แล้ว เธอก็ต้องให้เงินเลี้ยงดูพวกเขาตอนแก่ใช่ไหมล่ะ?”
เย่เหม่ยย่าเชิดคางขึ้น พูดให้เธอจ่ายเงินสี่ล้าน
เย่หรูเสว่เป็นข้าราชการเต็มตัว ต่อให้เอาเงินเดือนกับโบนัสทั้งหมดมารวมกันก็ไม่ได้มากขนาดนั้น แต่หลังจากวันเกิดของเธอแล้วเงินก้อนนั้นในธนาคารก็จะถูกโอนมาตามทะเบียนบ้านของเธอทันที ถึงตอนนั้นเธอก็จะมีเงินให้กับพวกเขา
“ตอนนี้ไม่มีเงินมากขนาดนั้น”
“ถ้าอย่างนั้นเธอพูดพล่ามอะไรล่ะ อยากที่จะย้ายทะเบียนบ้านออกไปก็ต้องเอาเงินสี่ล้านมา ถ้าเธอจะรอให้ถึงวันเกิดของเธอแล้วรับเงินพวกนั้นก่อน ถึงตอนนั้นจำนวนเงินมันก็จะไม่ใช่แค่เท่านี้แล้ว!”
เย่เล่อคิดว่าหนึ่งคนจะได้ส่วนแบ่งหนึ่งล้าน แต่หนึ่งล้านนี้มันจะทำอะไรได้ ตนเองใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายไม่ถึงหนึ่งปีเลยด้วยซ้ำ!
ตอนนี้เมืองหนานหูไม่เหมือนเมื่อก่อน ราคาที่ดินของเมืองหนานหูเพิ่มสูงขึ้นมาก ถ้าคิดที่จะซื้อบ้านที่นี่ล้านเดียวแทบจะไม่พอเลยสักนิด!
“พวกคุณกำลังเอาเปรียบคนที่ตกทุกข์ได้ยากอยู่นะ!”
“ลูกคิดว่าพวกเราอยากจะต่อรองเงินกับลูกเหรอ พวกเราหวังดีกับลูก ไม่อยากให้ลูกแต่งงานกับหมอนี่ ลูกดูหมอนี่สิมันสนแต่เงินของลูก เมื่อตะกี้มันก็พูดออกมาจากปากเอง ว่าถ้าลูกมีเงินแล้วมันก็จะเอาเงินของลูกไปเล่นหุ้น!พวกเราไม่อยากให้ลูกแต่งงานกับมันก็เลยพูดออกไปแบบนั้น!ถ้าพวกเราต้องการเงินของลูก พวกเราก็ทอดทิ้งลูกไปตั้งนานแล้ว!”
เย่ฉงหยางทุบโต๊ะอย่างแรง สีหน้าไม่ได้ดั่งใจหวัง
“ใช่ๆ ลูกช่างไม่เข้าใจเจตนาดีของพวกเราเลย แต่งงานกับพี่ของลูกมันไม่ดีตรงไหน พี่เขาทั้งประสบความสำเร็จทางหน้าที่การงาน ตอนนี้ก็มีบ้านมีรถ ลูกเป็นตำรวจหาเงินได้เท่าไรเอง? ผู้หญิงต้องคิดถึงเหตุการณ์ใหญ่โตในชีวิตให้เยอะๆหน่อยสิ ลูกแต่งงานกับพี่เขา ไม่ว่าอะไรพี่เขาก็มีทั้งนั้น พี่เขาจะรักทะนุถนอมลูกจากใจจริง!แม้ว่าตอนนี้ลูกจะยังเด็กอยู่ แต่พอลูกแก่ตัวไป จะไม่มีสิทธิ์เลือกแล้วนะ”
“พวกคุณเอาแต่พูดว่าจ้าวต้าถงเก่งกว่าผม ถ้าอย่างนั้นผมขอถามหน่อยว่าจริงๆแล้วจ้าวต้าถงเก่งกว่าผมตรงไหนบ้าง เขามีบ้านมีรถมีเงินเก็บ?”
จู่ๆเนี่ยเฟิงก็เปิดปากพูดขึ้น เย่ฉงหยางกับจางลี่ถิงเหมือนกับได้ยินอะไรที่มันน่าขำ พวกเขาทั้งสองคนจึงหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“แล้วทำไมต้าถงถึงจะไม่เก่งกว่าแกล่ะ? ตอนนี้ต้าถงเป็นผู้จัดการของบริษัทเทคโนโลยีหนานหู!แกดูสิว่าเขาใส่นาฬิกาอะไร!ราคาตั้งหมื่นกว่าๆเชียวนะ!รถที่ขับก็แสนกว่าๆ!แถมเขายังเด็กขนาดนี้ทำไมจะไม่เก่งไปกว่าแกล่ะ?”
เนี่ยเฟิงมองสำรวจจ้าวต้าถงหัวจรดเท้าหนึ่งรอบ“รายได้รายปีคุณเท่าไรเหรอ?”
จ้าวต้าถงเชิดคางขึ้นอย่างภูมิอกภูมิใจ แต่จริงๆแล้วเขาอ้วนซะจนแทบจะมองไม่เห็นคางเลยด้วยซ้ำ“รายได้รายปีของฉันสามแสน!จากนี้ไปก็จะสูงขึ้นอีก!”
“ถ้าอย่างนั้นก็ประมาณเดือนละสองหมื่นกว่าๆสินะ?”