บทที่ 233 งานรวมตัวเพื่อนร่วมชั้น
“ถ้าพี่ชอบ ก็คงไม่มีอะไรดีไปมากกว่านี้แล้ว!”
เนี่ยเฟิงยิ้มกว้างให้เย่หรูเสว่ และมองไปที่มอเตอร์ไซค์ฮาร์ลีย์คันนี้อย่างชอบมากจนวางไม่ลง แต่เย่หรูเสว่ก็งงเล็กน้อย “มอเตอร์ไซค์ที่แพงขนาดนี้น้องได้มาจากไหน? หรือว่าน้องไปขโมยมาให้พี่?”
เนี่ยเฟิงมองไปที่เย่หรูเสว่ด้วยความเสียใจ “ผมจะไปขโมยได้ยังไง? พี่หก หรือว่าพี่คิดแบบนี้กับผม? ”
เย่หรูเสว่หรี่ตาลง “น้องรู้หรือเปล่าว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้มีมูลค่าเท่าไหร่? มันตั้ง 1 ล้านดอลลาร์เลยนะ”
ที่จริงมอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นของเพื่อนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายของผมและเขาก็ถามว่าผมต้องการไหม……และมอเตอร์ไซค์คันนี้ก็เป็นของมือ 2 ด้วย เจ้าของมอเตอร์ไซค์ที่ขายคนนั้นเขาซื้อคันใหม่ไปแล้ว ดังนั้นเขาเลยไม่สนใจคันเก่าแล้ว”
“แต่ถึงเป็นมอเตอร์ไซค์มือ 2 ก็ยังแพงอยู่ดี?”
เย่หรูเสว่ส่ายหัว”น้องไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นเลยสักนิด แล้วยังให้ของขวัญที่แพงขนาดนี้กับพี่อีก”
“กำลังจะถึงวันเกิดน้องแล้วนิ? พี่ว่าให้มอเตอร์ไซค์เป็นของขวัญวันเกิดน้องดีกว่า”
วันเกิดของพวกเขาหลายคนนั้นค่อนข้างใกล้กันมาก เพราะหลังจากผ่านวันเกิดของพี่ใหญ่ไปได้ไม่นาน ก็เป็นวันเกิดของพี่หกแล้ว
สิ่งที่เนี่ยเฟิงปวดหัวที่สุดก็คือการส่งของขวัญให้กับผู้หญิงเมื่อก่อนที่เขาอยู่เมืองนอกนั้นเขาก็ไม่ได้ปวดหัวขนาดนี้และคนเหล่านั้นต่างก็พากันรีบประจบตัวเขา
แต่สำหรับเหล่าพี่สาวนั้น แน่นอนว่าไม่สามารถใช้วิธีเดิมๆ ที่เคยใช้กับสาวๆ ต่างชาติเหล่านั้นได้
สำหรับตัวเนี่ยเฟิงนั้นพี่สาวเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับตัวเขาดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงให้ความสำคัญกับพวกเขาเป็นอย่างมาก
“ถ้าอย่างนั้นน้องต้องบอกกับพี่ตรงๆ ว่า น้องซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้ไปเท่าไหร่? ถ้าน้องยังกล้าโกหกพี่ เช่นนั้นพี่ก็จะไม่ยกโทษให้น้องเลย คนที่เป็นกองบังคับการตำรวจจราจรที่พี่รู้จักนั้นสามารถตรวจสอบได้!”
ต้องหาได้ก่อนถึงจะรู้ มอเตอร์ไซค์คันนี้เขานำมาจากศุลกากร แล้วเนี่ยเฟิงจะให้พี่สาวตัวเองใช้สินค้ามือ 2 ได้อย่างไรกันล่ะ?
“มันไม่ได้จ่ายอะไรมากเลยจริงๆ ครับ!” เนี่ยเฟิงแสยะปากยิ้ม “แม้ว่ามอเตอร์ไซค์คันนี้จะขายแพงแต่คนที่เป็นเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันนี้เป็นคนที่พูดง่ายและคนที่เป็นตัวแทนจำหน่ายก็เพื่อนผมด้วย ดังนั้นผมเลยจ่ายเงินไปแค่บางส่วนและซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้”
เนี่ยเฟิงกะพริบตาไปทีหนึ่ง “พี่หก พี่สงสัยผมเหรอ?”
ทุกครั้งที่เนี่ยเฟิงใช้สายตาที่น่าสงสารนี้มองเย่หรูเสว่ เย่หรูเสว่ก็จะรู้สึกกดดันมาก
แต่เย่หรูเสว่กลับรู้สึกว่าความเป็นไปได้ที่ซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้ในราคาที่ถูกมากนั้นมันน้อยมาก และต่อให้มันจะตกรุ่นไปก็ยังคงเป็นราคา 1ล้านดอลลาร์อยู่ดี
ถ้าคิดเป็นเหรินเหมินบี้ก็จะ 6 ล้านกว่าเกือบ 7 ล้านเลยนะ
ต่อให้ลดราคาจนเข้ากระดูก ก็ยังต้องจ่ายเงินไปตั้งล้านกว่านะ
แล้วเนี่ยเฟิงได้เงินมากมายขนาดนี้จากไหน?
เมื่อครู่เย่หรูเสว่ยังรู้สึกดีใจอยู่เลยแต่ตอนนี้หล่อนกลับมีเริ่มสงสัยสะแล้ว
“นอกจากนี้ ผมยังไม่ได้บอกว่าผมซื้อมอเตอร์ไซค์คันนี้แล้วสะหน่อย…”
เนี่ยเฟิงรีบส่งเสียงไอขึ้นทันที และเมื่อรู้ว่าเย่หรูเสว่สงสัยตัวเองเข้าแล้ว เขาจึงทำได้แค่เปลี่ยนเรื่อง
“ก็ยังดีที่น้องยังไม่ได้จ่ายเงิน แต่ประสิทธิภาพของมอเตอร์ไซค์คันนี้ดีมาก และพี่เองก็ไม่ต้องการของขวัญราคาแพงขนาดนั้นด้วย แค่พี่ได้ขับมอเตอร์ไซค์คันนี้พี่ก็ดีใจมากแล้ว ฟังพี่แล้วคืนมอเตอร์ไซค์ให้เพื่อนน้องนะไม่ต้องซื้อแล้ว มันแพงเกิน”
เนี่ยเฟิงสงสัยว่าครั้งหน้าที่เขาจะเปิดเผยตัวตนนั้น ก็เพื่อที่จะซื้อของให้เหล่าพี่สาว และในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะซื้ออะไรก็ตามมันก็เหมือนกับว่าเขายังไร้กำลังอยู่นั่นเอง
“ผมรู้แล้วครับ พี่หกพูดยังไงก็เป็นอย่างนั้นยังไงพวกเขาก็ให้พวกเรายืมแล้ว ทำไมเราไม่ขับไปงานรวมตัวเพื่อนร่วมชั้นล่ะ ไม่งั้นในเวลานี้จะขึ้นรถได้ที่ไหนล่ะ?”
เย่หรูเสว่พยักหน้า เนี่ยเฟิงสามารถมองออกได้ว่าสายตาเย่หรูเสว่เต็มไปด้วยความชื่นชอบที่มีต่อมอเตอร์ไซค์คันนี้
ทั้งสองนั่งลงบนมอเตอร์ไซค์พร้อมกับแล่นไปบนถนน โดยมอเตอร์ไซค์คันนี้เท่มาก บวกกับคนขี่ ยังเป็นสาวสวยที่โดดเด่น และด้านหลังสาวสวยคนนั้นยังเป็นหนุ่มหล่ออีกด้วย
แม้พวกเขาจะสวมหมวกกันน็อก แต่เมื่อคนอื่น ๆ มองไปที่รูปร่างของพวกเขาทั้ง 2แล้ว ต่างก็พากันชำเลืองมองอย่างอดไม่ได้
ไม่นานมอเตอร์ไซค์ก็ขับมาถึงที่โรงแรมจินฮุยหวงอย่างรวดเร็ว
หลังจากมาถึงโรงแรมแล้ว เย่หรูเสว่ก็จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ด้านข้าง มอเตอร์ไซค์คันนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก
มีที่จอดรถอยู่ตรงทางเข้าโรงแรมจินฮุยหวงและเย่หรูเสว่ก็จอดมอเตอร์ไซค์ไว้ที่ประตู จากนั้นก็หยิบมือถือออกมาดูแวบหนึ่ง “พวกเราจะไปที่ห้องวีไอพีปาซีของโรงแรมจินฮุยหวง มากับพี่”
โรงแรมจินฮุยหวงก็ไม่ได้มีชื่อเสียงมากมายขนาดนั้น และเป็นเพียงโรงแรมราคาถูกในเมืองหนานหู
กลุ่มพวกเขาก็มาที่ห้องวีไอพีปาซีของโรงแรมจินฮุยหวงแล้ว
ทันทีที่ผลักเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงดังจ้อกแจ้ก และทุกคนก็กำลังคุยกันอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าคนจะมากันเกือบครบแล้ว
“โอ้โฮนี่ไม่ใช่เย่หรูเสว่ห้องเราเหรอ?”
เสียงที่สูงแหลมก็ดังขึ้นมาและเนี่ยเฟิงก็ขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้ เสียงของผู้หญิงนี้มันสูงแหลมมาก จนทำให้คนรู้สึกอึดอัดใจ
“เป็นเย่หรูเสว่จริงๆ ด้วยพวกเราคิดว่าเธอจะไม่มาสะอีก!”
พวกเพื่อนๆ ก็พากันรีบทักทายเย่หรูเสว่ทันทีและนั่งลง ไม่ได้เจอกันแค่ไม่กี่ปี คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อนๆ เหล่านี้จะเปลี่ยนกันไปมากขนาดนี้พวกผู้ชายก็ร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ดี และพวกผู้หญิงก็ดูเหมือนจะแก่ไปแล้วด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากออกจากโรงเรียนและเข้าสู่สังคมภายนอกการแต่งตัวของทุกคนก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
“เย่หรูเสว่มันผ่านไปตั้งหลายปีแล้วเธอก็ยังเหมือนตอนที่อยู่ในโรงเรียนเลยนะ”
คนที่พูดนั้นสวมชุดราตรีหรูหรา โดยที่ผู้หญิงคนนี้ตั้งอกตั้งใจแต่งตัวอย่างดีที่สุด แต่รูปร่างของหล่อนก็ยังคงอ้วนอยู่เล็กน้อย และแป้งที่ทาบนใบหน้าก็หนามากเช่นกัน
หล่อนจงใจยกกระเป๋าถือในมือขึ้นมา พร้อมกับวางไว้ข้างๆ
“ซุนลี่ลี่! กระเป๋าของเธอดูแพงมากเลย!”
เพื่อนผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ ก็ทักขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“มันก็ไม่แพงขนาดนั้นหรอก กระเป๋าใบนี้เป็นแฟนของฉันซื้อให้น่ะ แค่ 3 แสนหยวนเอง!”
ซุนลี่ลี่ปิดปากตัวเองไว้หล่อนยิ้มสั่นๆ
“ซุนลี่ลี่ได้ยินมาว่าเธอมีแฟนที่ดีมากคนหนึ่งเขาคงใจดีกับเธอมากเลยนี่มันของจริงหรือของปลอมเหรอ?”
ซื้อกระเป๋าใบละ 3 แสนหยวนที่สวมใส่บนร่างกายล้วนเป็นสินค้าแบรนด์เนม แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นคนกระเป๋าหนัก
“จริงๆ แล้วความสามารถของแฟนฉันก็ไม่ได้มากขนาดนั้นหรอก แต่เขาก็เป็นคนแน่วแน่และกล้าได้กล้าเสียสำหรับฉันคนนี้แล้วฉันชอบคนเอาจริงแน่วแน่อย่างนี้แหละ”
ซุนลี่ลี่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน
ถึงแม้ว่าเพื่อนผู้หญิงที่นั่งอยู่นี่จะทุ่มเทอย่างสุดความสามารถในการแต่งตัว แต่ก็ไม่มีใครสามารถเทียบได้กับเย่หรูเสว่เลย
แม้ว่าในวันนี้เย่หรูเสว่จะไม่ได้แต่งหน้ามา แต่ใบหน้าที่ขาวสะอาดหมดจด คิ้วที่โค้งได้รูป ดวงตาที่ใสสะอาดจมูกที่โด่งและริมที่แดงเปล่งปลั่งนั้น ล้วนบอกกับทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ว่าหล่อนยิ่งอยู่ยิ่งสวยขึ้นทุกวัน
เนี่ยเฟิงสามารถสังเกตได้ว่าพวกเพื่อนผู้ชายคนอื่นๆ ต่างก็กำลังมองไปที่เย่หรูเสว่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ และเกลียดจนอยากจะกลืนกินเย่หรูเสว่
“เย่หรูเสว่ คนที่เธอพามาในวันนี้เป็นแฟนเธอหรือเปล่า?”
มีเพื่อนคนอื่นๆ ทำตาคมกริบอยู่ข้างๆ ต้องบอกว่าเนี่ยเฟิงหล่อ และเปล่งปลั่งมากชวนให้คนเห็นแล้วต้องอดไม่ได้ที่จะเข้าใกล้
แต่พวกเขาก็ล่วงเลยวัยแห่งการพูดคุยในเรื่องความรักไปแล้ว และในตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาไม่ใช่ใบหน้าและรูปร่างแล้ว แต่เป็นเรื่องเงิน
“เอ่อนี่มัน…”
เย่หรูเสว่อยากจะอธิบาย แต่เนี่ยเฟิงกลับตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ครับ ผมเป็นแฟนของเสี่ยวเสว่ผมชื่อเนี่ยเฟิงและยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนครับ”
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่ข้างๆ เย่หรูเสว่ อาจกล่าวได้ว่าเป็นสาวโฉมงาม และชายผู้มีความสามารถ เป็นคู่ที่ฟ้าดินบรรจงสร้างขึ้น