“พี่ ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงตามขึ้นมาทันจึงมองเห็นโจวลี่ซือ เธอนั่งอยู่ใต้ต้นไม่ต้นหนึ่ง โจวลี่ซือเช็ดคราบน้ำตาที่หางตา ดูไปแล้วเธอคงจะร้องไห้เสียใจด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
เธอส่ายหน้าด้วยดวงตาที่แดงก่ำ“ไม่เป็นไร ฉันแค่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ พวกเรากลับกันเถอะ”
โจวลี่ซือพูดจบก็ลุกขึ้นยืน อาจจะเป็นเพราะนั่งไปครู่หนึ่ง เพราะฉะนั้นเลยรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย โจวลี่ซือรู้สึกแค่ว่านัยน์ตาของเธอมืดดับเกือบจะล้ม แต่โชคยังดีที่เนี่ยเฟิงหูตาไว้รีบคว้าคนเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
โจวลี่ซือรู้สึกอับอายมาก คิดไม่ถึงว่าจะร้องไห้ต่อหน้าเนี่ยเฟิงแบบนี้
“ผมว่าพี่น่าจะน้ำตาลในเลือดต่ำนะ ผมพาพี่ไปดื่มขอหวานๆดีกว่า”
เนี่ยเฟิงเป็นห่วงมาก จึงไปหาร้านของหวานนั่งกับโจวลี่ซือ และช่วยโจวลี่ซือหยิบโกโก้ร้อนมาหนึ่งแก้ว
โจวลี่ซือมองดูโกโก้ร้อน บนใบหน้าเผยให้รอยยิ้มขมขื่น“นายรู้อะไรไหม?ตอนที่ฉันเป็นแอร์หญิงเขาไม่ให้ดื่มอะไรพวกนี้เลย เพราะพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องเข้มงวดกับตัวเองมาก จะปล่อยให้ตัวเองอ้วนไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกเราเลยจำเป็นต้องควบคุมปริมาณอาหาร และเครื่องดื่ม”
“ห้ะ?งั้นทำยังไงดีล่ะ?เดี๋ยวผมไปเปลี่ยนของที่ไม่หวานให้พี่แล้วกัน แคลอรี่ที่ต่ำกว่า?”
“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงฉันก็ถูกบริษัทสายการบินไล่ออกอยู่ดี จะลดน้ำหนักหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว”
โจวลี่ซือดื่มโกโก้ร้อนไปหนึ่งอึก หลังจากที่ก็พ่นลมหายใจออกยาวๆ เมื่อกี้เธอรู้สึกเสียใจมาก เพราะฉะนั้นเลยร้องจนดวงตาแดงก่ำ จมูกยังแดงอีกด้วย
“ผมรู้ว่าพี่เสียจาก เมื่อกี้ผมก็ใจร้อนเกินไปจริงๆที่ไม่ปรึกษาพี่ก่อนเรื่องเปิดโปงพวกเขา แต่พวกเขาทำแบบนั้นกับพี่มันทำให้ผมโกรธมากจริงๆ มีเพียงแค่พี่คนเดียวที่ยังอยู่ในกะลา มันน่าโมโหจริงๆ”
โจวลี่ซือฝืนหัวเราะอย่างขมขื่น“ฉันก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพวกเขาจะทำแบบนี้กับฉัน ถามใจตัวเองดู ฉันทำดีกับพวกเขามากเลยนะ”
โจวลี่ซือสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ“ช่างเถอะ ในเมื่อเรื่องมันผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปเถอะ อย่าไปคิดมากอะไรอีกเลย”
โจวลี่ซือเป็นคนที่มองโลกในแง่ดี แค่เพียงความรู้สึกในช่วงหลายปีที่ผ่านมาดูเหมือนจะได้รับค่าตอบแทนอย่างผิด ๆ เธอพยายามรักษาครอบครัวนั้นอย่างระมัดระวัง ยังให้เงินพวกเขามากขนาดนั้น แต่พวกเขากลับหลอกใช้ความรู้สึกผิดของโจวลี่ซืออย่างโลภมากไม่รู้จักพอ
ถึงแม้โจวลี่ซือจะบอกว่าไม่คิดจะตามเรื่องนี้ต่อแล้ว แต่เนี่ยเฟิงกลับไม่อยากปล่อยทั้งครอบครัวของพวกเขาไป
เนี่ยเฟิงหรี่ตาลง“พี่ห้าครับ ใจดีเกินก็ไม่ใช่เรื่องดีอะไรนะครับ ”
โจวลี่ซือกินเค้กไปหนึ่งคำ เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้นมาก เพียงแต่บาดแผลนี้จำเป็นต้องใช้ระยะเวลานานในการรักษา
“เจ้าเด็กบ้า ไม่ต้องให้นายมาสอนฉันหรอกหน่า ฉันรู้ดี!เอาล่ะ หลังจากกินอะไรเสร็จ เรากลับบ้านกันเถอะ เรื่องนี้ทำให้ตอนนี้ฉันรู้สึกสับสนวุ่นวายมาก ฉันอยากกลับไปพักผ่อนหน่อย ถึงเวลาค่อยหางานใหม่ ถ้างานสายการบินไม่มีที่ให้ฉันยืน งั้นฉันก็จะไปหางานสายอื่นทำ โลกกว้างใหญ่ขนาดนี้ ต้องมีสถานที่หนึ่งเหมาะกับฉันแน่!”
ทั้งสองทานของหวานเสร็จ ก็เดินทางกลับไปบ้านของชิวมู่เฉิง
เพราะอารมณ์ของโจวลี่ซือยังไม่แน่นอน ฉะนั้นจึงเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่อพักผ่อนเพียงลำพัง เธอมองไปที่สมุดโทรศัพท์ในมือถืออย่างลังเลเล็กน้อย สุดท้ายยังคงลบเบอร์โทรติดต่อทั้งหมดของคนในครอบครัวทิ้งไปจนหมด
เธอยังคงปล่อยวางไม่ได้ เธอตั้งใจดูแลครอบครัวนั้นอย่างดีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ของครอบครัวนี้เหมือนพ่อแม่ของตัวเอง แต่พอถึงสุดท้ายกลับต้องมาพบกับจุดจบโดนหลอกแบบนี้
แต่อีกด้านหนึ่งโจวเหวินซูด่ากราดเฝิงซิ่วเจียนกับลูกชายของตัวเองอย่างรุนแรง“สถานการณ์อย่างเมื่อกี้พวกแกควรจะรีบพุ่งตัวเข้ามา แล้วจัดการไอ้หมอนั่นให้ล้มซะ!ปล่อยให้ตัวทำเงินนั่นหนีไปไปแล้ว แกคิดดูสิว่าหลังจากนี้จะเอาเงินที่ไหนใช้อีก!”
“คุณคะ!โทษลูกชายเราไม่ได้นะคะ!ใครจะไปรู้ว่าไอ้คนที่ชื่อว่าเนี่ยเฟิงจะดูแวบเดียวก็ดูออกเลย ว่าคุณเสแสร้งน่ะ?”เฝิงซิ่วเจียนทุบโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย นี่เป็นการขโมยไก่ไม่สำเร็จยังต้องเสียข้าวสารอีกหนึ่งกำมือ(เสียแรงโดยเปล่าประโยชน์ ) จากนี้ไปโจวลี่ซือจะกลับมาที่นี่ได้อย่างไร?
“จะทำยังไงดีล่ะ อีกไม่นานก็จะถึงวันเกิดเธอแล้ว พอผ่านวันเกิดไปก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่เลยนะ หรือพวกเราจะไม่ได้รับเงินก้อนนี้แล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวเหม่ยยังหวังจะใช้เงินก้อนนี้ ตอนนี้ทุกอย่างกลายเป็นฟองอากาศไปแล้ว!
“ไม่เป็นไรหรอก หลายปีมานี้เงินที่เธอให้ฉันไว้รวมถึงเงินก้อนแรกของพวกเรายังคงเก็บไว้ไม่น้อยเลย เงินพวกนี้มันพอสำหรับให้ครอบครัวใช้แล้ว……”
“พ่อครับ พ่อเบลอไปแล้วหรอ เงินก้อนนั้นจะไปพอพวกเราใช้ยังไงกัน?”
ทั้งครอบครัวต่างต้องใช้เงิน หลังจากที่ลูกในท้องของเสี่ยวเหม่ยคลอดก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก!เมื่อคำนวณลงมาแล้วมันไม่พอเลย!
แต่เดิมยังสามารถได้เงินมากกว่านี้ แต่คิดไม่ถึงว่าตอนนี้จะเหลือแค่นิดเดียวเท่านั้นแล้ว!
“พวกแกยังปรึกษากันเรื่องเงินก้อนนี้จะใช้ยังไงอีกหรอ?หลงใหลและคิดเพ้อเจ้อจริงๆเลย”
ทันใดนั้นเสียงของเนี่ยเฟิงก็ลอดผ่านเข้ามา กระทั่งพวกเขายังไม่ทันตั้งตัว ก็ถูกเสียงถีบประตูทำให้ตกใจยกใหญ่
เนี่ยเฟิงค่อยๆก้าวเดินเข้ามา โจวลี่ซือพึ่งไปพักผ่อนเมื่อครู่ เนี่ยเฟิงไม่ได้คิดอยากจะไปพักผ่อนแต่อย่างใด
เขารีบกลับมาทันที ได้ยินสิ่งที่คนพวกนี้คิดวางแผนอยู่พอดี
“เนี่ยเฟิง!แกทำให้พวกเราเสียตัวทำเงินไป ยังกล้ากลับมาอีก ดูท่าแกคงจะกินหัวใจหมีดีเสือดาวเข้าไปสินะ!”
โจวเหวินซูกัดฟันกรอดพลางด่ากราดด้วยความโกรธ
“ประโยคนี้ฉันน่าจะเป็นคนพูดดีกว่านะ พวกแกกินหัวใจหมีดีเสือดาว(รวบรวมความกล้า、ใจกล้าบ้าบิ่น)สิท่า ถึงได้กล้าทำแบบนี้กับพี่สาวฉัน?”
“หึ!ถ้าเธอไม่มีความสามารถคงถูกเอาตัวไปขายที่ไนต์คลับนานแล้ว อย่าคิดว่าพวกเราจะเลี้ยงลูกสาวคนอื่นฟรีๆนะ!”
เฝิงซิ่วเจียนเผยให้เห็นถึงใบหน้าอันน่ากลัว
“ดูท่าพวกแกถึงคราวตายแล้วยังไม่รู้ตัวอีกสินะ”
เนี่ยเฟิงนั่งอยู่บนโซฟา หลังจากนั้นก็ดีดนิ้วหนึ่งครั้ง คนกลุ่มหนึ่งก็พากันกรูเข้ามา คนพวกนี้ทั้งตัวสวมชุดสีดำ ดูไปแล้วเป็นคนที่ไปแหย็มไม่ได้
เฝิงซิ่วเจียนกับโจวเหวินซูพวกเขามองเห็นคนกลุ่มนั้น มาอย่างดุดัน จึงต่างพากันขมวดคิ้วเป็นปม“แกจะทำอะไรน่ะ?หรือแกจะซ้อมพวกเรา?ฉันขอบอกไว้ก่อนนะทำร้ายคนอื่นมันผิดกฎหมายนะเว้ย!”
“สิ่งที่พวกแกทำไม่ถือว่าเป็นการหลอกต้มตุ๋นหรอ?ต้มตุ๋นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเหมือนกันนะ”
เนี่ยเฟิงเอาขายกขึ้นไขว่ห้างมองไปที่คนพวกนั้น“เหตุผลที่ฉันมาที่นี่ง่ายมากอยากให้พวกแกคืนเงินที่หลอกพี่สาวฉันในตอนนั้นมา เอาเงินก้อนนั้นของพี่สาวฉันไป ตอนนี้คืนกลับมาให้หมด”
“ถุ้ย!ฝันไปเถอะเว้ย!เงินก้อนนี้มันเป็นเงินที่สมควรจะต้องเอามาตอบแทนเราสองคนอยู่แล้ว ตอนนี้อยากจะให้พวกเราคืนกลับไป ฉันว่าแกคิดเพ้อเจ้อไปหน่อยแล้วมั้ง!”
“ดูท่าพวกแกคงไม่คิดที่จะคืนแล้วสินะ?”
เนี่ยเฟิงยักคิ้ว“ไม่คิดจะคืนก็ไม่เป็นไรหรอก แกแกล้งทำขาง่อยไม่ใช่หรอ ได้ทีก็แกล้งมาตั้งเจ็ดแปดปีแล้วใช่ไหม?เพื่อนบ้านละแวกนี้ก็โกหกไปแล้ว พวกเขาต่างคิดว่าขาของแกมีปัญหาจริงๆ งั้นก็ดีแล้วล่ะ ฉันจะทำให้แกยืนไม่ได้อีกเลย เงินก้อนนั้นเก็บไว้ให้แกรักษาต่อไปแล้วกัน”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงพูดจบ คนสวมชุดดำหลายคน ชายฉกรรจ์พากันรุมล้อมเข้ามา แล้วจัดการล็อกมือของโจวเหวินซูไว้ ทำการกดโจวเหวินซูไปกับโต๊ะ
“แกจะทำอะไรห้ะ!”โจวเหวินซูร้องตะโกนขึ้นอย่างร้อนรน
“แกถามว่าฉันจะทำอะไรงั้นเหรอ?”เนี่ยเฟิงแสยะยิ้ม“แน่นอนว่าจะให้พวกแกกลายเป็นคนพิการยังไงล่ะ