ร่างของหมิงอี๋หานแนบอยู่บนร่างกายของเนี่ยเฟิงแน่น ถึงจะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่หนึ่งชั้น แต่เนี่ยเฟิงยังคงสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิของหมิงอี๋หาน
เนี่ยเฟิงก้มหัวลงมาอย่างไม่รู้ตัวเขามองเห็นรูปร่างทรวดทรงและผิวอันขาวสะอาดของหมิงอี๋หาน มันเหมือนกับหยกที่แกะสลัก เนี่ยเฟิงถือได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่ผ่านผู้หญิงมานับไม่ถ้วน พบเห็นผู้หญิงมามากมาย แต่หมิงอี๋หานที่อยู่ตรงหน้าของเขาเรียกได้ว่าเป็นผลงานชั้นเลิศเลยทีเดียว
หมิงอี๋หานที่โอบกอดเนี่ยเฟิงไว้ เธอรู้สึกว้าวุ่นใจเล็กน้อย เงยหน้าขึ้นแล้วภาษาปากพูดกับเนี่ยเฟิงไปว่า“นายจะกอดฉันไปถึงเมื่อไร?เวลานี้นายควรจะปิดตาถึงจะถูกสิ หรือนายอยากจะเสียกระจกตาของนายใช่ไหม?”
เนี่ยเฟิงอดที่จะขำไม่ได้“พี่สี่ พี่โหดร้ายมากเลยนะ ถ้าไม่ได้ผมรับพี่ไว้ พี่อาจจะล้มหงายหลังไปแล้วก็ได้”
“เจ้าเด็กบ้า ล้อเล่นอยู่ได้ ไม่รู้ว่าใครสั่งคนสอนนายแบบนี้”
หลังจากหมิงอี๋หานยืนอย่างมั่นคงได้ แล้วหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำที่อยู่ในมือของเนี่ยเฟิงไป“ยังไม่รีบปิดตาอีก?”
“แต่เมื่อกี้ผมพยุงคุณไว้นะ เมียจ๋า คุณจะให้รางวัลผมใช่ไหมครับ?ดูนิดดูหน่อยก็ไม่ได้?”
“เด็กบ้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่นายควรดู รู้ไหม?”
เมื่อคืนหมิงอี๋หานแกล้งเขาเล่น คิดไม่ถึงว่าวันนี้เนี่ยเฟิงกลับพูดย้อนอย่างประชดประชันเสียดสี เจ้าเด็กบ้าคนนี้ เรื่องดีๆไม่รู้จักจำรู้แต่เรื่องไม่ดี อีกทั้งยังเรียนรู้ได้เร็วมากอีกด้วย
เนี่ยเฟิงอดที่จะขำออกเสียงไม่ได้“ก็ได้ รู้แล้ว คุณรีบใส่เสื้อคลุมอาบน้ำเถอะ ถ้าขืนยังไม่ใส่เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก”
หมิงอี๋หานสวมเสื้อผ้าเสร็จ แล้วก็เดินออกไป
เนี่ยเฟิงที่อาบน้ำเสร็จแล้ว ในตอนที่ออกมานั้นก็เห็นหมิงอี๋หานเป่าผมจนแห้ง แล้วนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง
เพราะเหตุเกิดจากกล้องวงจรปิด พวกเขาสองคนจึงต้องนอนบนเตียงเดียวกัน หมิงอี๋หานที่กอดเนี่ยเฟิงไว้ เธอรู้สึกไม่ค่อยคุ้นชินเท่าไรนัก เนื่องจากปกติอยู่บ้านคนเดียวมาโดยตลอด และนอนเพียงลำพัง
หมิงอี๋หานเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมาตั้งแต่เด็กจนโต เธอเป็นคนที่ไม่พึ่งพาคนอื่น
เพียงแต่ครั้งนี้จำเป็นนอนกับเนี่ยเฟิง ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้หมิงอี๋หานรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
มือของหมิงอี๋หานแนบไปกับเอวของเนี่ยเฟิง เธอรู้สึกว่าสัมผัสกล้ามเนื้อของเนี่ยเฟิงไม่เลวเลย จึงลูบขึ้นไปด้านบน จนไปถึงหน้าอกของเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงจับมือเล็กของหมิงอี๋หานหมับ“ถ้าขืนพี่ยังจับมั่วซั่วแบบนี้อีก ผมจะอดใจไม่ไหวแล้วนะ”
น้ำเสียงของเนี่ยเฟิงดังกังวานในหูของหมิงอี๋หาน
หมิงอี๋หานรู้สึกน่าขันเล็กน้อย เธอกระซิบข้างหูของเนี่ยเฟิงไปว่า“แล้วยังไงล่ะ ฉันแค่อยากดูร่างของฉันในอนาคตเท่านั้นเอง”
เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วขึ้น เขานึกถึงสิ่งที่หมิงอี๋หานเคยพูดกับเขาในตอนนั้น รอเขาตายแล้วจะเอาร่างบริจาคให้กับโรงพยาบาล ที่แท้คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกเลย หมิงอี๋หานวางแผนไว้แบบนี้ตั้งแต่แรกเริ่มแล้ว
“เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว รีบนอนกันเถอะ!”
อีกอย่าง ที่นี่มีเครื่องดักฟังกับกล้องวงจรปิด ถึงเขาอยากจะพูด ก็ไม่สามารถพูดออกไปได้
เนี่ยเฟิงนอนหลับไม่สนิททั้งคืน เขาระมัดระวังตัวเองตลอด ขอเพียงแค่มีเสียงลมเสียงหญ้าก็จะรีบลืมตาขึ้นมาทันที ในตอนเช้าที่ตื่นขึ้นมานั้น บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่ด้านนอกได้เปลี่ยนกะกันแล้ว
ถังต้าสงเดินทางมาตั้งแต่เช้า“น้องชาย เมื่อคืนนอนหลับเป็นอย่างไรบ้าง?”
สีหน้าของเนี่ยเฟิงมาก เขาจ้องเขม็งไปที่ถังต้าสง“ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าพวกคุณเป็นคนแบบนี้ ผมก็คงไม่ร่วมงานกับพวกคุณหรอก คุณดูสินี่คือสิ่งที่มนุษย์ทำกันเหรอ?คุณไม่ลองคิดดูหน่อยล่ะ อย่างน้อยผมก็เป็นถือว่าเป็นบุคคลสำคัญนะ มาถึงที่นี่พวกคุณกลับรังแกผมแบบนี้ นี่มันคือการที่เสือออกจากป่าไปอยู่ตามพื้นบ้านถูกหมารังแกชัดๆ!”
ถังต้าสงได้ยินเนี่ยเฟิงเปรียบเทียบตัวเองเป็นสุนัข เขาจึงปั้นหน้าต่อไปไม่ไหวอีก แต่เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต้องร่วมงานกัน ถ้าขืนทะเลาะกันแบบนี้จะดูไม่ดี ถังต้าสงจึงหัวเราะกลบเกลื่อนและพูดขึ้นมาว่า“เห้อ!น้องชาย ดูนายพูดสิ อะไรคือการที่เสือออกจากป่าไปอยู่ตามพื้นบ้านถูกหมารังแกกัน พวกเราต้องหาเงินด้วยกันนะ!มาๆๆ เดี๋ยววันนี้พี่จะพาไปเลี้ยงติ่มซำสักมื้อนะ ถือว่าเป็นการไถ่โทษแล้วกัน!”
เนี่ยเฟิงทำเสียงหึอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นก็ตามถังต้าสงไปกินติ่มซำที่ร้านน้ำชา
เมื่อคืนเนี่ยเฟิงนอนดึกมาก ฉะนั้นวันนี้จึงต้องกินเยอะๆเพื่อทดแทนเข้าไปเล็กน้อย เขาจึงสั่งของที่แพงๆมากิน
“ของล็อตนั้นจะส่งยังไง?คุณต้องบอกผมมาก่อนว่าของล็อตนั้นใหญ่ขนาดไหน เป็นยังไง ผมถึงจะขนไปได้ง่าย ไม่อย่างนั้นถึงเวลาพอเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
“งั้นก็ต้องดูทีมขนของฝั่งนายแล้วล่ะ!”ถังต้าสงจิบน้ำชาหนึ่งคำ แล้วมองไปที่เนี่ยเฟิง
“ล้อเล่นน่า ฝั่งทีมขนของของผมทำงานรวดเร็วมาก!ขอเพียงแค่พวกคุณอยากได้ คืนนี้ผมสามารถช่วยขนของของพวกคุณออกไปได้ แต่ก่อนอื่นของจะใหญ่เกินไปไม่ได้!”
“ไม่ได้ใหญ่มากหรอก ก็แค่ของกล่องหนึ่งเท่านั้น น่าจะน้ำหนักประมาณห้ากิโล” ถังต้าสงแสยะยิ้ม
“งั้นถ้าขนของล็อตนี้เสร็จ เงินที่ติดบ่อนก็จะถือเป็นโมฆะใช่ไหม?”หมิงอี๋หานเบิกตากว้าง แล้วถามอย่างใสซื่อ
“นี่เป็นแค่การเริ่มต้นร่วมงานกันเท่านั้น นายวางใจเถอะ หลังจากขนของครั้งนี้เสร็จทางเราจะให้กำไรพวกนายอย่างงาม ถึงเวลานั้นไม่ต้องรอให้พวกเราพูดนายก็อยากร่วมงานกับพวกเราแล้ว!”
ถังต้าสงรู้ว่าคนที่ทำงานแบบนี้ล้วนต้องแบกรับความเสี่ยงไว้ ยิ่งความเสี่ยงมากเท่าไรผลกำไรก็มากเท่านั้น ของที่พวกเขาทำเป็นของที่ผิดกฎหมายอยู่แล้ว
“งั้นก็ได้!ผมจะช่วยพวกคุณก็ได้!แต่ผมขอพูดไว้ก่อนนะ ถ้าถึงเวลานั้นคนของผมถูกจับขึ้นมา บัญชีนี้จะคิดยังไง?”เนี่ยเฟิงจ้องเขม็งไปที่ถังต้าสง แล้วถามออกไปแบบนั้น
“เรื่องความเสี่ยงแบบนี้ใครจะสามารถพูดได้กัน ถึงเวลานั้นพวกเราจะชดใช้ให้นายเอง!”
“ดี!งั้นผมจะฝืนเชื่อคำพูดของคุณแล้วกัน”
หลังจากที่พวกเขากินติ่มซำกันเสร็จ เนี่ยเฟิงกับหมิงอี๋หานก็ใช้ชีวิตท่ามกลางที่ถูกพวกเขาจับตามองดูทุกฝีก้าว พอถึงเวลากลางคืนพวกเขาให้คนที่เป็นหัวหน้าเอาของล็อตนี้มาให้เนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงรีบโทรศัพท์ไปรายงานพวกเขา ว่าของล็อตนี้จะถูกส่งไปที่ชายแดน
แต่ขั้นตอนทุกอย่างถูกจับตามองดู
เย่หรูเสว่ส่งคนไปตรวจดูละแวกนั้นแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลารวบแห ตรงหัวมุมถนนไม่ใช่ใครอื่น เป็นสายลับที่พวกเขาส่งตัวไป
เป็นไปตามคาดของล็อตนั้นถูกส่งออกไปอย่างราบรื่น เป็นของห้ากิโลกรัมเต็มๆ!พอเห็นของล็อตนี้แล้ว เย่หรูเสว่ถึงกับตกตะลึง!
ไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งของล็อตนี้หรือผู้ที่ผลิตสินค้าล็อตนี้ออกมา เมื่อถูกจับแล้วต้องโทษประหารอย่างเดียว!
“กลุ่มของพวกมันโอหังเกินไปแล้ว นี่เป็นแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เราต้องจับไอ้หมอนี้มาให้ได้ ถ้าให้มันหนีไปได้ ผลลัพธ์ไม่อาจคาดถึงได้!”
ถังต้าสงกับทูจิ้วในเวลานี้มีความกังวลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเนี่ยเฟิงสามารถส่งของล็อตนี้ออกไปได้หรือไม่
จนกระทั่งถึงกลางดึก เนี่ยเฟิงก็โทรศัพท์หาพวกเขา“สินค้าล็อตนั้นส่งถึงมือคนของพวกคุณแล้ว”
ถังต้าสงถึงกับดีใจมาก เป็นไปตามคาด เขามองดูบัญชีแวบหนึ่ง มีจำนวนเงินงอกเพิ่มขึ้นมาแล้ว เป็นเงินก้อนใหญ่เลยทีเดียว
ในความเป็นจริงนั้น คนประสานงานของพวกเขาถูกตำรวจเพ่งเล็งเรียบร้อยแล้ว
สินค้าล็อตนี้ถูกส่งออกไปจากชายแดนไม่เล็กและไม่ใหญ่ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงให้สินค้านี้ปล่อยผ่านไปได้