สำหรับหมิงอี๋หานแล้ว ไม่ว่าเนี่ยเฟิงจะขอร้องเรื่องอะไร เธอก็จะรับปากทันที จะว่าไปตอนนี้เนี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บ หมิงอี๋หานจึงต้องตามใจเนี่ยเฟิงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
“แผ่นหลังของนายมีแผลไหม้ที่สาหัสมาก เดี๋ยวสักพักนายไม่ต้องเตรียมตัวนั่งต่อไปแล้วนะนอนคว่ำหน้าต่อไปเลย”
หลังจากที่เนี่ยเฟิงกินทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หมิงอี๋หานก็ได้พูดเน้นย้ำให้เขา
เนี่ยเฟิงจึงทำได้แค่ฝืนนอนคว่ำหน้าต่อไป หลังจากนั้นเขาก็ได้พิมพ์ใบสั่งยาไว้บนโทรศัพท์ “แผลที่อยู่บนร่างกายของฉัน ฉันรู้ดี เธอกลับไปให้คนช่วยฉันตามหายาพวกนี้หน่อย ใช้ยาพวกนี้ทาบนแผล แผลฉันจะได้หายเร็วมากยิ่งขึ้น”
หมิงอี๋หานรับโทรศัพท์มา และมองดูรายชื่อยาที่อยู่บนโทรศัพท์ จากนั้นเธอก็ได้พยักหน้า“ใบสั่งยาของนายมีผลต่อการรักษาแผลไฟไหม้ได้ยอดเยี่ยมมากๆ ถ้าเกิดเป็นฉัน ฉันคงคิดไม่ถึง”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าพรสวรรค์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันออกไปจริงๆ หมิงอี๋หานก็ฉลาดมากพอแล้ว แต่ว่าสมองของเนี่ยเฟิงกลับว่องไวกว่าหมิงอี๋หานด้วยงั้นเหรอ
“พี่สี่ฉันเชี่ยวชาญการแพทย์ตะวันตก ฉันเชี่ยวชาญในการแพทย์แผนจีน มันแตกต่างกันมาก”
“นายไม่ต้องปลอบใจฉันแล้วล่ะ ฉันรู้อยู่ว่าตัวเองเก่งไม่พอ ฉันถึงได้คิดหาวิธีที่จะพัฒนาตัวเอง เดี๋ยวกลับไปฉันจะไปตามหายาพวกนี้ให้นายเอง นายพักผ่อนดีๆก็พอแล้ว”
หลังจากที่หมิงอี๋หานจากไปแล้ว ภายในห้องพักผู้ป่วยก็เหลือแค่เนี่ยเฟิงคนเดียวแล้ว เนี่ยเฟิงกำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างเบื่อหน่าย และนึกย้อนไปถึงคำพูดทั้งหมดที่ตัวเองได้พูดกับเย่หลังในเมื่อคืนนี้ เย่หลังบอกว่าเขาไม่สามารถค้นหาความจริงได้จริงๆ
หรือว่าคุณนายหลันนั่นจะหลบหนีไปแล้ว?
เนี่ยเฟิงกัดฟันกรอด จากนั้นเขาก็ได้ออกคำสั่ง “จับตาดูคนในตระกูลหลันอย่างใกล้ชิดโดยเฉพาะคุณนายหลัน!”
ความสนุกในครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เขาไม่อยากปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามจบลงไปแค่ฝ่ายเดียว เขาจะต้องค้นหาความจริงของเรื่องนั้นให้ได้ อีกอย่างเขาจะไม่ยอมปล่อยให้ใครรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!
เมื่อถึงช่วงเย็น เย่หรูเสว่ก็ได้มาถึงแล้ว และเธอก็ได้พาพวกผู้อำนวยการมาด้วย
เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งก่อน ทำให้มีผู้อำนวยการอีกคนหนึง —— ผู้อำนวยการวาง วางชิง ย้ายมาที่นี่
วางชิงมองดูเนี่ยเฟิงที่เข้าร่วมการไล่ตามผู้ร้ายในครั้งนี้ ก่อนที่เขาจะหัวเราะดังลั่นขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “เด็กหนุ่มสมัยนี้นี่จริงๆเลยนะ ไอ้หนู นายมีความคิดที่อยากจะเข้าร่วมพวกเราบ้างหรือเปล่า?!”
“ผู้อำนวยการครับ ตอนนี้ผมยังไม่มีความคิดนั้น เพราะคุณก็น่าจะรู้อยู่เหมือนกันนะครับว่าเด็กหนุ่มมักจะขี้เล่น จะว่าไป ถ้าเกิดผมเข้าร่วมทีมของพวกคุณ งั้นผมก็ต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกับพี่หกผมไม่ใช่เหรอครับ ถึงตอนนั้นพี่หกผมจะเข้มงวดและจริงจังกับผมมากกว่าเก่าได้!” วางชิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ที่แท้นายก็กลัวเรื่องนี้หรอกเหรอ นายไม่ต้องเป็นห่วง ขอแค่นายเข้าร่วมทีมของเรา งั้นเดี๋ยวฉันจะไปบอกกับพี่สาวนายเองว่าไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับนาย! เป็นยังไง?”
“เดี๋ยวผมขอพิจารณาก่อนนะครับ แต่ว่าถ้าเกิดมีเรื่องไหนที่ต้องการความช่วยเหลือจากผม คุณขอร้องมาได้เต็มที่เลยนะครับ ทำงานรับใช้ประชาชน!” เนี่ยเฟิงยิ้มยิงฟัน เขาไม่อยากถูกพวกกฎเกณฑ์ต่างๆผูกมัด ถ้าเกิดวางชิงรู้ว่าเนี่ยเฟิงคือราชามังกรในสำนักมังกร เขาต้องไม่กล้าพูดคำพูดแบบนั้นออกมาแน่นอน
“ได้ ไอ้หนูนายมีลักษณะนิสัยเฉพาะตัวที่เพียงพอมาก ฉันชอบมาก ใช่สิ! นายช่วยพวกเราทำคดีความใหญ่ได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นทางเราจึงมอบชายธงเพื่อเป็นการขอบคุณนาย นายดูซิว่านายชอบหรือเปล่า?”
วางชิงก็เป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากๆคนหนึงเลย เห็นเพียงเขาหยิบชายธงออกมา แล้วกางมันออกมาต่อหน้าเนี่ยเฟิง “เยาวชนตัวอย่างที่กล้ายืนหยัดเพื่อสิ่งที่ถูกต้อง!”
เนี่ยเฟิงก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าชาตินี้ตัวเองจะได้รับชายธงแบบนี้ด้วย เขารู้สึกสนใจมากๆ
“ชอบมากเลยครับ!”
วางชิงยิ้มพลางเก็บชายธงเข้ามา “นายชอบก็ดีแล้ว ยังมีรางวัลตอบแทนอยู่ เดี๋ยวทางเราจะส่งมาให้นายสายๆหน่อยนะ! นายได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ต้องรักษาตัวดีๆก่อน ในส่วนของคำให้การต่างๆ เดี๋ยวฉันจะให้พี่สาวนายมาลงบันทึกประจำวันให้นาย”
หลังจากที่พูดปลอบใจไปสักพัก วางชิงก็ได้พาขบวนทีมของตัวเองจากไป เย่หรูเสว่ยิ้มพลางเดินเข้ามาสอบถาม “เสี่ยงเฟิง ได้รับชายธงแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?”
“รู้สึกน่าสนใจมาก! หัวหน้าของพวกพี่ก็น่าสนใจมากเหมือนกัน”
“ตอนที่เขาเพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ใหม่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนที่จริงจังและเข้มงวดคนหนึงแต่คิดไม่ถึงเลยว่าหลังจากที่ทำงานด้วยกันไปได้สักพัก เขาจะเป็นคนที่สดใสขนาดนี้ แต่ถึงแม้เขาจะเป็นแบบนี้เขาก็เป็นคนที่แบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ชัดเจนมากๆเลยนะคนอื่นต่างบอกว่าเขาคือยมราชหน้ายิ้ม ถูกโยกย้ายมาในทีมของเรา ตอนนี้เขาใช้วิธีการที่เร็วและแรงในการเปิดทำคดีความ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในคดีความเช่นกัน”
เย่หรูเสว่มองเนี่ยเฟิงด้วยสายตาที่รอคอย “ฉันอยากให้นายมาทำงานที่ฉันมากๆ แต่ฉันก็เป็นห่วงว่านายจะโดนข่มขู่เหมือนวันนี้อีก ในอนาคตอาจจะต้องเผชิญกับภัยอันตรายแบบนี้อีกฉันไม่อยากให้นายเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยง เพราะฉะนั้นนายคิดพิจารณาในเรื่องอื่นเถอะ!”
ตอนนี้เย่หรูเสว่รู้สึกเสียใจทีหลังอยู่เล็กน้อย ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าจะเป็นแบบนี้ เธอก็ไม่ควรส่งตัวเนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานไปล่อถังต้าสง
“ไม่เป็นไร ฉันยังสามารถคิดพิจารณาได้อยู่” เนี่ยเฟิงยิ้มฉีกปาก “ใช่สิพี่หก พวกถังต้าสงถูกจับและถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือยัง?”
เย่หรูเสว่พยักหน้าเบาๆ “พวกมันหนีไม่พ้นบทลงโทษทางกฎหมายหรอก ถูกจับตัวได้ตั้งนานแล้ว บ่อนพนันใต้ดินทั้งหมดของพวกมันก็ถูกยึดไปทั้งหมดแล้วเช่นกัน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าทรัพย์สินทั้งหมดของพวกมันจะมีน้อยแค่นั้น พวกเราได้ทำการสอบปากคำถังต้าสงไปแล้ว แต่ถังต้าสงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมทรัพย์สินของพวกมันถึงเหลือแค่นั้นเอง แต่ว่าก็ไม่เป็นอะไรหรอก ยังไงก็ปิดบ่อนพนันใต้ดินทั้งหมดของพวกมันไปแล้ว ในอนาคตต้องสามารถสืบหาได้แน่นอน!”
เนี่ยเฟิงรู้สึกอยากจะหัวเราะเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนี้ เพราะว่าถึงแม้พวกเขาอยากจะสืบหาก็น่าจะสืบหาไม่ได้แน่นอน เนื่องจากทรัพย์สินจำนวนนั้นได้เข้าไปในกระเป๋าของเนี่ยเฟิงหมดแล้ว
สำหรับเหล่าสมาชิกในสำนักมังกรที่มาร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ เนี่ยเฟิงได้นำเงินจำนวนนั้นมอบให้พวกเขาเพื่อเป็นรางวัลตอบแทนทั้งหมด
“ในเมื่อกำจัดพวกมันทุกคนไปแล้ว งั้นฉันก็สบายใจได้แล้วเหมือนกัน แต่ว่าไม่มีประธานสมาคมหอการค้าแล้ว บางทีพวกมันอาจจะยุ่งเหยิงไปทั้งหมดก็เป็นได้”
เนี่ยเฟิงลูบๆคางตัวเอง ในความเป็นจริงแล้วเขาก็คาดการณ์ได้ตั้งแต่แรกแล้วเหมือนกันว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงได้ทำการส่งคนของตัวเองไปลงแข่งประธานสมาคมของหอการค้าคนต่อไปแล้ว ถ้าประธานสมาคมเป็นคนของตัวเอง แบบนี้เขาถึงจะสบายใจได้
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวพวกเราจะคิดหาวิธีจัดการเอง นายไม่ต้องกลุ้มใจแล้ว”
เย่หรูเสว่เก็บชายธง “เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับนาย ฉันไม่ได้บอกกับพี่สาวคนอื่นๆ ถ้าเกิดพวกเธอรู้ พวกเธอต้องเป็นห่วงนายแน่นอน รออาการของนายดีขึ้นมาหน่อยค่อยไปบอกให้พวกเธอทราบเถอะนะ?”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า “ผมอยากให้ผมหายเร็วๆ จะได้เตรียมงานวันเกิดของพี่ใหญ่”
“มันต้องดีขึ้นแน่นอน นายต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่สี่นะ พักผ่อนดีๆ!”
เนี่ยเฟิงรักษาตัวในโรงพยาบาลมาสามวันแล้ว ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ดีขึ้นมามากแล้วเช่นกัน ความสามารถในการฟื้นฟูตัวของเขาเร็วกว่าคนธรรมดาทั่วไปตั้งแต่แรกอยู่แล้ว นี่ก็เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่หมิงอี๋หานเห็นเนี่ยเฟิงเป็นแบบนี้ เธอรู้สึกอัศจรรย์มาก “ในอนาคตถ้าเกิดวันไหนที่นายคิดไม่ตก นายต้องมาหาพี่สาวนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยนายจัดการปัญหาเอง”
ในวันที่เนี่ยเฟิงกะจะออกจากโรงพยาบาล หมิงอี๋หานตบๆแขนของเขาแล้วพูดคำพูดนี้อย่างจริงจังมากๆ
ทำให้เนี่ยเฟิงไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้ในทันที เขารู้อยู่ว่าหมิงอี๋หานมองว่าตัวเองเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด
“ฉันไม่ได้กลับบ้านมาหลายวันแล้ว ฉันคิดว่าพวกพี่ใหญ่น่าจะเป็นห่วงมากๆแน่นอน คืนนี้กลับบ้านไปกินข้าวพร้อมกันเถอะ!”
หมิงอี๋หานส่ายหน้า “อาการของนายดีขึ้นมามากแล้ว ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการในโรงพยาบาลอีกหลายอย่าง อีกอย่างก็ใกล้จะถึงวันที่มีแค่ปีละหนนั่นแล้ว ฉันยังต้องกลับไปอีกเที่ยวหนึ่ง”
เนี่ยเฟิงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “วันที่มีแค่ปีละหน? มันคือวันอะไรเหรอ?”