แต่ถ้าหากว่าคุณนายใหญ่ยอมแพ้อย่างง่ายดายขนาดนั้นล่ะก็ งั้นเธอก็ไม่ใช่คุณนายใหญ่ตระกูลชิวแล้ว!
ตอนนี้ตระกูลชิวกำลังเข้าสู่ช่วงขาลง ล้วนติดหนี้ไปมากมายเท่าไหร่ คุณนายใหญ่ล้วนปิดบังคนอื่นอยู่โดยตลอด
ญาติเหล่านั้นเนื่องเพราะไม่รู้ว่าตระกูลชิวติดหนี้นั่นเอง เพื่อมรดกของคุณนายใหญ่ ยังเฝ้าคุณนายใหญ่ไว้อยู่เหมือนเดิมล่ะ
แท้ที่จริงพวกเขาล้วนไม่อยากให้ชิวมู่เฉิงกลับมาสักนิด แต่ถ้าหากว่าพวกเขาแสดงให้เห็นอยู่ต่อหน้าคุณนายใหญ่ งั้นคุณนายใหญ่ย่อมจะโมโหอย่างแน่นอน
เนื่องเพราะมีความคิดแบบนี้นั่นเอง พวกเขาจึงไม่ได้พูด
แต่ในตอนนี้ก็ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาออกหน้าเช่นกัน ดูสิ ไอ้หน้าขาวที่อยู่ข้างกายชิวมู่เฉิงคนนั้นเอ่ยปากก่อนแล้ว
คุณนายใหญ่ถอนหายใจลึกๆหนึ่งที “ถ้าหากว่าคุณจะพูดถึงเรื่องในวันนั้นล่ะก็ ฉันไร้คำพูดที่จะพูดจริงๆ แต่ว่ามู่เฉิง แกฟังคำอธิบายของคุณย่าได้ไหม?”
เนี่ยเฟิง ฮึ เย็นชาเสียงหนึ่งอยู่ในใจ สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวนี้ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ สักครู่บอกว่าไร้คำพูดที่จะพูด อีกสักครู่เดียวบอกว่าอยากจะอธิบาย
เนี่ยเฟิงสามารถที่จะตัดคำพูดของคุณนายใหญ่ พวกเขากอดชิวมู่เฉิงไว้ไม่ใช่ก็เพื่อทำให้ชิวมู่เฉิงแสดงประสิทธิ์ผลสุดท้ายออกมาเหรอ?
แต่ว่าเนี่ยเฟิงไม่ได้พูดออกมาเลย แต่จ้องมองคนกลุ่มนี้อย่างเย็นยะเยือก เขากลับอยากจะดูว่าคุณนายใหญ่สามารถเล่นลูกไม้อะไรออกมาได้อีก
คุณนายใหญ่เห็นชิวมู่เฉิงไม่ได้เอ่ยปากพูด ในใจคิดอยู่ว่าชิวมู่เฉิงอาจจะรอคำอธิบายของเธออยู่
ดังนั้นคุณนายใหญ่ถอนหายใจยาวๆหนึ่งที “คุณย่าไม่ดีจริงๆ แต่ว่าคุณย่าไม่ได้ไปหาแกไม่ใช่กังวลว่าแกจะตกกระไดพลอยโจนฉัน แต่คือฉันกังวลว่าจะตกกระไดพลอยโจนแกล่ะ!”
ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกไป เนี่ยเฟิงล้วนผิวปากอยู่ในใจแล้ว! คุณนายใหญ่ไม่ใช่คนทั่วไปจริงๆ นี่ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า!
คุณนายใหญ่ปวดร้าวใจมากถอนหายใจหนึ่งที “แท้ที่จริงฉันก็ไม่อยากที่จะบอกกับแก……วันนั้นเห็นแกออกไปกับเขาฉันก็รู้ว่าต้องล่วงเกินตระกูลฟางอย่างแน่นอน แต่คนที่เสนอแต่งงานกับตระกูลฟางเป็นพวกเราตระกูลชิว ฉันพูดกับฟางซื่อเหาว่า แกกับพวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆอีกแล้ว จะพุ่งเป้าก็พุ่งเป้าไปยังพวกเราเถอะ”
คุณนายใหญ่พูดอยู่ ก้มหัวลง ลักษณะท่าทีดูแล้วเหมือนได้รับบาดเจ็บมาก
ในใจเนี่ยเฟิงคิดอยู่ว่ายายแก่นี่ไม่ไปแสดงละครช่างน่าเสียดายจริง ฝีมือในการแสดงนี้อยากจะเข้าสู่ออสการ์ก็เป็นเรื่องที่ง่ายเกินไปจริงๆ เลย
เนี่ยเฟิงจ้องมองไปยังชิวมู่เฉิง ชิวมู่เฉิงเริ่มตั้งแต่เมื่อก่อนก็เป็นรูปร่างลักษณะแบบนี้ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าก็ดูไม่ออกว่าคือดีใจหรือว่าโมโห
“มู่เฉิง แกอย่าคิดว่าคุณนายใหญ่ไม่รักเอ็นดูแก ถ้าหากว่าไม่รักเอ็นดูแกจะดีต่อแกขนาดนี้เหรอ? คุณนายใหญ่ก็เพียงแค่หวังจะให้ลูกสาวกลายเป็นหงส์เท่านั้น! แต่คาดไม่ถึงว่าแกจะคาดคะเนคุณนายใหญ่อย่างนี้ แกนี่ก็เกินไปแล้ว!”
“ก็ใช่! ตอนนี้ยังอยากจะย้ายทะเบียนบ้านออกอีก แกนี่ไม่ใช่ได้ทีขี่แพะไล่อยู่เหรอ? คุณนายใหญ่ล้วนป่วยไม่สบายขนาดนี้แล้ว แต่ คนที่คิดถึงอยู่ในใจของเธอยังคงเป็นแก แต่ว่าแกล่ะ? คนอย่างแกนี่คือไม่มีหัวใจเหรอ?”
พวกญาติๆเพื่อนๆพูดคำพูดนี้ขึ้นมา ปวดร้าวใจมาก
ดูแล้วจริยธรรมการลักพาตัวไปนี้ยิ่งก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งแล้วล่ะ
เนี่ยเฟิงทำตาหยีไปหนึ่งที จ้องมองทั้งตระกูลชิวที่แสดงละคร ในสมองโดยฉับพลันกระโดดโลดเต้นประโยคหนึ่งออกมา:ไม่ใช่คนในครอบครัวเดียวกัน ไม่เข้าประตูเดียวกัน สิ่งที่พูดคืออย่างนี้หรือ
“พวกคุณก็อย่าว่ามู่เฉิงแบบนี้เลย เดิมทีเธอไม่ได้เป็นอย่างนี้…..”
ทันทีที่คำพูดนี้ของคุณนายใหญ่พูดออกมา หัวหอกล้วนชี้ไปยังเนี่ยเฟิงหมด ความหมายของพวกเขาก็คือล้วนโทษเนี่ยเฟิง ทั้งหมดล้วนคือเนี่ยเฟิงทำ
คือเนี่ยเฟิงยุแยงชิวมู่เฉิงอยู่เบื้องหลัง ชิวมู่เฉิงจึงทำการเลือกอย่างนี้
พวกเขาใช้สายตาที่ตำหนิจ้องมองเนี่ยเฟิง เหมือนดั่งเนี่ยเฟิงเป็นไอ้คนที่ช่างชั่วร้ายอะไร
“ไม่จำเป็นต้องพูดกับฉันมากขนาดนั้น ฉันคือจะมาย้ายออกจากทะเบียนบ้าน”
ตอนที่เนี่ยเฟิงยังคิดอยู่ว่าชิวมู่เฉิงจะรู้สึกหวั่นไหวหรือไม่ คาดไม่ถึงชิวมู่เฉิงพูดคำพูดนี้ออกมา เป็นเหมือนอย่างที่คิดมีสติจึงทำให้คนตื่นเต้นจริงๆ!
เนี่ยเฟิงล้วนอยากจะหัวเราะนิดๆ เสียดายคนทั้งตระกูลนี้ริมฝีปากขมุบขมิบอยู่ที่นั่นนานขนาดนั้น กลับแลกมาด้วยคำพูดที่ชิวมู่เฉิงตัดขาดขนาดนี้
คุณนายใหญ่ล้วนจะโมโหแทบตายแล้ว คาดไม่ถึงอีหนูนี่มีทิฐิสูงมาก!
“มู่เฉิง แกกลับมากินข้าวเพื่อทะเบียนบ้านฉันไม่โทษแก ฉันสามารถย้ายแกออกจากทะเบียนบ้านได้ เพียงแค่ว่าฉันเลี้ยงดูแกมาหลายปีขนาดนั้น ฉันทนไม่ได้ที่จะเห็นแกถูกคนอื่นหลอกลวง คู่รักของแกนี้เป็นคนแบบไหน ถึงอย่างไรก็ต้องให้ฉันสำรวจตรวจสอบสักหน่อยล่ะ?”
ชิวมู่เฉิงขมวดคิ้วแล้วขมวดคิ้วอีก “ไม่มีความจำเป็นนี้ ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันรู้ว่าตนเองต้องการอะไร”
“แต่ว่าแกอยู่ในสายตาคุณย่านี้ยังเป็นเด็กคนหนึ่งอยู่ ฉันคิดอยากจะอยู่ช่วงสุดท้าย เพื่อความสุขของแก หรือว่าแกไม่อยากให้โอกาสนี้แกฉันเหรอ?”
สิ่งที่คุณนายใหญ่พูดนั่นคือเรียกได้ว่าใช้ความรักความผูกพันมาโน้มน้าวใจผู้อื่น ใช้หลักธรรมมาทำให้คนอื่นเข้าใจ “พูดได้อีกว่า ทะเบียนบ้านของแกอยู่ในตระกูลชิววันหนึ่ง งั้นแกก็ยังเป็นคนของตระกูลชิว”
เอาล่ะ นี่ไม่ใช่อำพรางใช้ทะเบียนบ้านมาบีบบังคับคนเหรอ?
“ก่อนที่ฉันจะจากไปอยากเห็นแกดีๆ ถ้าหากว่าแกไม่ตอบรับการขอร้องของฉันนี้ งั้นฉันไม่ให้แกย้ายออกจากทะเบียนบ้าน”
กลอุบายนี้ของคุณนายใหญ่ช่างเลิศล้ำจริงๆนะ เทียบกับพ่อแม่บุญธรรมทั้งครอบครัวของเย่หรูเสว่เลิศล้ำกว่าเยอะเลย
ถึงยังไงคุณนายใหญ่ก็เป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวอย่างใหญ่หลวงมาก่อน ย่อมรู้ว่าละโมบผลประโยชน์เล็กน้อยไม่ได้
ชิวมู่เฉิงแต่งงานกับวันเกิดล้วนสามารถได้รับเงินอีกสองก้อน เงินสองก้อนนี้สำหรับคนอื่นมากล่าวแล้วคือเยอะมาก
แต่คือตระกูลของพวกเขาคุณนายใหญ่สามารถหาได้มากกว่า
สิ่งที่คุณนายใหญ่เห็นคือธุรกิจของชิวมู่เฉิงในเวลานั้นคุณนายใหญ่ก็นึกไม่ถึงบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งสามารถทำถึงระดับนี้ เมืองจินไห่ในตอนนี้ คนไหนจะไม่รู้จักเทียนหลงอินเตอร์เนชันแนลของชิวมู่เฉิงล่ะ?
อีกทั้งเทียนหลงอินเตอร์เนชันแนลในตอนนี้ยังได้รับโครงการสวนนิเวศวิทยาอ่าวนกยูงนี้ นี่ล้นหล่ามจริงๆ เลย
แม้ว่าสิ่งที่ตระกูลพวกเขาคุณนายใหญ่ทำคือธุรกิจโรงแรม แต่อย่างที่พูดมีเงินไม่เอาเป็นไอ้เหี้ยล่ะ นี่ล้วนเป็นเงินแวววาวนะ!
คุณนายใหญ่เป็นไปได้ยังไงที่จะให้เนี่ยเฟิงไอ้หนุ่มคนนั้นได้เปรียบล่ะ?
หมอนี่ดูแล้วก็เป็นไอ้หน้าขาวคนหนึ่ง อะไรก็ไม่มี ก็คือตั้งใจไปอยู่ข้างๆชิวมู่เฉิงหลอกลวงชิวมู่เฉิงล่ะ
สิ่งที่เชื่อย่อมเป็นยึดอุตสาหกรรมการผลิตของชิวมู่เฉิงอย่างแน่นอน! อาจจะเป็นผู้ชายที่เกาะผู้หญิงกินก็ไม่แน่ละ!
คุณนายใหญ่เลี้ยงดูสั่งสอนชิวมู่เฉิงอย่างตั้งอกตั้งใจนานขนาดนั้น หรือว่าตัวเองจะทำแทนคนอื่นลำบากเสียเปล่าเหรอ? เธอทำไม่ได้ล่ะ!
ดังนั้นคุณนายใหญ่จำเป็นต้องคิดวิธีอย่างหนึ่ง ทำให้ชิวมู่เฉิงกลายเป็นคนของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง!
ถ้าหากรู้ว่าหลังจากชิวมู่เฉิงออกจากตระกูลชิวจะมีชะตากรรมได้ในตอนนี้ คุณนายใหญ่เป็นไปได้ยังไงที่จะให้ชิวมู่เฉิงออกไปอย่างนี้ล่ะ?
คุณนายใหญ่ค่อยๆถอนหายใจออกหนึ่งที ในตอนนี้ก็ถือว่ายึดกุมอำนาจหลักแล้ว เพียงแต่วันหลังจะเป็นยังไงทุกคนบอกไม่ถูก
“เอาล่ะ ในเมื่อคุณนายใหญ่บอกว่าจะสำรวจผม งั้นผมรับการสำรวจก็ได้!”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าพวกเขากำลังดีดลูกคิดที่สมปรารถนาอะไรอยู่ ดังนั้นไม่มีความคิดที่จะปฏิเสธสักนิด เพราะว่าเนี่ยเฟิงจะดูว่า คุณนายใหญ่คนนี้คิดจะประเมินผลด้วยวิธีไหนล่ะ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็รับปากแล้วเช่นกัน หลังจากประเมินผลเสร็จแล้วก็จะให้ฉันย้ายออกจากทะเบียนบ้านใช่หรือไม่? เวลาการประเมินผลจะนานขนาดไหน? จะประเมินผลด้วยวิธีอะไร สิ่งเหล่านี้อีกสักครู่ฉันจะเขียนเป็นสัญญาชุดหนึ่ง ถึงเวลานั้นให้ท่านดูให้ท่านเซนต์สัญญา ในเมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรฉันก็จะไปก่อนแล้ว เสี่ยวเฟิง ไปเถอะ”
ชิวมู่เฉิงหยิบกระเป๋าขึ้นมา หันไปทางคุณนายใหญ่พยักหน้าแล้วพยักหน้าอีกนิดๆ จากนั้นออกจากบ้านของตระกูลชิวไม่หันกลับสักนิด
“เด็กคนนี้! ช่างไม่มีความเมตตากรุณาจริงๆ! คิดอะไรอยู่ล่ะ?