“ขอโทษนะครับ ที่นี่ถ่ายรูปไม่ได้ครับ”
น้ำเสียงของผู้จัดการหนุ่มแข็งกร้าว พอเนี่ยเฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เก็บมือถือลงอย่างจนปัญญา
“เพราะพวกเรามาอยู่ด้วยกันทั้งครอบครัว ก็เลยอยากจะถ่ายรูปให้บรรดาพี่สาวดูหน่อย ในเมื่อถ่ายรูปไม่ได้ งั้นพวกเราค่อยมาดูวันหลังแล้วกัน!”
ผู้จัดการพยักหน้าด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง แต่ในใจกลับคิดว่า “พี่สาวอะไรกัน น้องสาวแบบไหนกัน ผู้ชายคนนี้ต้องเลี้ยงเมียน้อยแน่ๆ? ไม่รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นถูกใจเขาตรงไหน”
แค่มีลูกค้ามาดูห้อง ก็ยังต้องคอยติดตาม ผู้จัดการรู้สึกว่าคนอย่างเนี่ยเฟิงไม่มีทางซื้อห้องได้อย่างแน่นอน
จะว่าไปแล้ว ที่นี่คือคฤหาสน์ราชา นักธุรกิจที่ร่ำรวยมากมายเคยมาที่นี่ ทุกครั้งที่เห็นคฤหาสน์ราชาพวกเขาจะรู้สึกตื่นตะลึง แต่ถ้าให้พวกเขาควักเงินซื้อ พวกเขาก็ทำไม่ได้จริงๆ
เพราะคฤหาสน์ราชาหลังนี้มันแพงเกินไป
ไม่ว่าจะเป็นที่จอดรถเอย ที่จอดเฮลิคอปเตอร์เอย ล้วนใหญ่กว่าคฤหาสน์ทั้งหลังของคนอื่น
นี่คือคฤหาสน์ราชาที่ไหนกัน? มันคือฮอลิเดย์วิลล่าขนาดเล็กต่างหาก
แน่นอนว่าไม่ได้มีแค่ 8 ห้อง และแต่ละห้องก็มีห้องรับฝากเสื้อผ้า ห้องอาบน้ำ และอื่นๆ ครบวงจร แต่ละห้องเป็นห้องสวีท
คฤหาสน์ราชาก็ได้รับการตกแต่งอย่างดีเช่นกัน มีเจ้าหน้าที่เฉพาะเข้าไปดูแลจัดการทุกเดือน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่
แม้ว่าผู้จัดการจะไม่ค่อยยินดี แต่ก็ยังคงไปกับพวกเขา
เนี่ยเฟิงขึ้นไปบนชั้นสอง ด้านซ้ายและด้านขวาเป็นห้องรับแขก มีห้องโถงเล็กๆ อยู่ตรงกลาง ภายในมีประตูกระจกอยู่
“นี่คือประตูกระจกนิเวศวิทยา เมื่อเปิดระบบนิเวศวิทยา ก็จะมองเห็นสวนดอกไม้แก้วคริสตาล”
ผู้จัดการแอบถอนหายใจ มาแสดงให้คนบ้านนอกพวกนี้ดูว่ามันเจ๋งแค่ไหน!
สวนดอกไม้แก้วคริสตาลเป็นสวนดอกไม้ในร่มที่มีขนาดใหญ่มาก เดินเข้าไปก็เหมือนกับยืนอยู่ในทะเลดอกไม้ ต้นไม้ทั้งหมดได้รับการจัดโดยมืออาชีพ
เนี่ยเฟิงไม่รู้สึกแปลกใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เนี่ยเฟิงเคยอาศัยอยู่ในพระราชวังมาก่อน ถ้าจะพูดถึงความหรูหรา ในพระราชวังนั้นหรูหรากว่าเล็กน้อย
แต่เนี่ยเฟิงไม่ชอบ เวลาเนี่ยเฟิงอยู่คนเดียว เขาชอบที่จะอยู่ในที่แคบ เพราะมันทำให้เขารู้สึกสบายใจ
ตอนนี้เนี่ยเฟิงกลับมาที่เมืองจินไห่และอาศัยอยู่กับบรรดาพี่สาวแล้ว ความรู้สึกว้าวุ่นที่ทำให้เขาหนักใจทุกวันได้หายไปเป็นเวลานานแล้ว
อันที่จริงเนี่ยเฟิงไม่กล้าจินตนาการว่า หากตัวเองเขาไร้ซึ่งความหวังอุดมการณ์จริงๆ แล้ว เขาจะกลายเป็นอาวุธรูปทรงมนุษย์ที่ไร้ความรู้สึกหรือไม่
แต่ในเวลานี้ เขามีความหวังและอุดมการณ์ เขารู้สึกมีความสุขมาก
“เสี่ยวเฟิง ที่นี่ก็มีสวนดอกไม้ด้วยเหรอ?”
เมื่อหลินซูอินมองเข้าไปภายในจากประตู ก็พบว่าภายในนั้นกว้างขวางมาก คิดไม่ถึงเลยว่าพอหลังจากเดินเข้าไปจะได้เห็นการตกแต่งภายในที่ทำให้เธอประหลาดใจมากขึ้น
การตกแต่งที่นี่นั้นหรูหรามากจริงๆ
“อย่าว่าแต่สวนดอกไม้เลย กระทั่งสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย มีทั้งหมดที่คุณต้องการ นั่นคือเหตุผลที่มันเรียกว่าคฤหาสน์ราชา”
ราคาหนึ่งพันล้านไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
แต่มันแพงและหรูหราเกินไป ค่าบำรุงรักษารายเดือนนั้นก็สูงมากอยู่แล้ว ไม่มีใครยินดีที่จะอยู่ที่นี่
บ้านทุกหลังในละแวกนี้ถูกซื้อโดยเถ้าแก่ใหญ่ที่แอบเลี้ยงอีหนูเอาไว้ในบ้าน แต่บรรดาเถ้าแก่ใหญ่พวกนี้ต่างรู้ดีว่า พวกเขาจะปล่อยให้คนรักอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ราชาแบบนี้ได้อย่างไร? พวกเขาเองยังไม่อยากอยู่เลย
“ดูไม่เลวเลยนะ! พี่สาม ผมคิดว่าพวกเราสามารถซื้อมันได้”
เนี่ยเฟิงพอใจกับคฤหาสน์ราชาหลังนี้มาก
ผู้จัดการที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้นก็อดยิ้มเยาะไม่ได้ เจ้าหนุ่มหน้าขาวคนนี้ไม่เห็นเหรอว่า เสี่ยเลี้ยงของเขาไม่สามารถจ่ายราคาสูงขนาดนั้นได้?
คุยโวอย่างหน้าไม่อายว่าต้องการซื้อคฤหาสน์ราชา ตลกจริงๆ
หลินซูอินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ถึงบ้านหลังนี้จะดีมาก แต่ถ้าต้องอยู่ที่นี่จริงๆ ก็คงลำบากในการดูแลบ้านนี้ในอนาคต นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่มหาศาลเช่นกัน…”
ดูสิ! เขาจะพูดอย่างไรได้? แม้แต่เสี่ยเลี้ยงยังลังเล
ผู้จัดการต้องการดูว่าเจ้าหนุ่มหน้าขาวคนนี้จะใช้วิธีไหนเกลี้ยกล่อมเสี่ยเลี้ยง!
“ถ้าอย่างนั้น เราไปดูที่อื่นกันเถอะ!”
เนี่ยเฟิงจะไม่บีบบังคับ แต่เขาคิดว่าที่นี่นั้นดีมาก กลับไปจะให้คนมาซื้อที่นี่เก็บไว้
หลังจากที่เขาเปิดเผยตัวตนแล้ว ทั้งครอบครัวก็จะย้ายมาที่นี่
หลินซูอินพยักหน้า
“ฮึ! บอกแล้วว่าพวกคุณซื้อไม่ไหวหรอก! ยังจะให้ผมพาพวกคุณมาดูคฤหาสน์ราชาให้เสียเวลา น่าขำที่สุด!”
พอเห็นว่าพวกเขากำลังจะกลับ ผู้จัดการก็หยุดเสแสร้ง อย่างไรก็เป็นพวกคนยากจน จะล่วงเกินก็ไม่เห็นเป็นไร!
“คุณพูดอะไรน่ะ?” หลินซูอินขมวดคิ้ว แม้เธอจะโกรธแต่ก็ยังสวยที่สุดในแผ่นดิน
“ผมไม่ได้พูดอะไรผิด พวกคุณจ่ายเงินซื้อไหวหรือเปล่า? บอกว่าจะมาดูคฤหาสน์ราชา”
ผู้จัดการกลอกตาใส่แล้วพูดว่า “ต้องมาเจอคนงี่เง่าอย่างพวกคุณสองคนแต่เช้า ผมนี่อายแทนจริงๆ! รีบกลับไปดีกว่า เสียเวลาผมมาก!”
เนี่ยเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “นี่คือคุณภาพของพนักงานของอ่าวหยกเขียวเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไมล่ะ? เกี่ยวอะไรกับพวกคุณ? คุณยุ่งเรื่องของตัวเองก่อนเถอะ! อย่าคิดว่าเป็นเศรษฐินีแล้วจะดีเด่นมาจากไหน ไม่รู้เหรอว่าเธอชอบคุณที่ตรงไหน? คุณเก่งในเรื่องนั้นมากเหรอ?”
ผู้จัดการอารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว บวกกับการที่เขารู้สึกว่าคนกลุ่มนี้ตั้งแต่มาก่อความวุ่นวาย ผู้จัดการจึงยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น อย่างไรก็เป็นพวกคนยากจนทั้งนั้น จะพูดจาแย่หน่อยก็คงไม่เป็นไร
“ทัศนคติในการบริการของคุณมีปัญหามาก ฉันต้องการร้องเรียนคุณ”
หลินซูอินเข้ามายืนขวางตรงหน้าเนี่ยเฟิง เธอรู้สึกว่าคำพูดของผู้จัดการคนนี้ฟังไม่เข้าหูมาก!
“โอ๊ย! ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไปเลย ดูซิว่ามีใครอยากยินดีฟังคำพูดของคุณไหม!”
ผู้จัดการไม่คิดว่าทางเบื้องบนจะฟังคำพูดของหลินซูอิน ต้องรู้ว่าเขาการที่เขามายืนหยัดอยู่ตรงนี้ได้ตัวเองต้องมีอะไรดีพอสมควร
“คุณพูดจาน่าขำจริงๆ”
เนี่ยเฟิงค่อยๆ ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาถูกดูหมิ่นมาไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ถูกเยาะเย้ยในพื้นที่ของตัวเอง มันน่าหัวเราะจริงๆ
“ถ้ารู้แล้วก็รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า! ไปเสียก่อนที่ผมจะโกรธ รีบไปน่ะดีแล้ว”
ผู้จัดการโบกมืออย่างหงุดหงิด
วันนี้เขาโชคไม่ดีพอแล้วที่ได้รับแขกสองคนนี้ “อ้อ ก่อนไปช่วยเอาโทรศัพท์ของคุณมาด้วย! ผมต้องการลบภาพพวกนั้น! ที่นี่คืออ่าวหยกเขียว หากพวกคุณเป็นนักธุรกิจก็ควรจะไปที่ที่ยินดีให้คุณถ่ายรูป! แต่ไม่ใช่ที่นี่!”
หลินซูอินเข้าใจแล้ว ที่แท้ผู้จัดการคนนี้ไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาตั้งแต่แรก เขาคิดว่าพวกเขาไม่สามารถซื้อบ้านหลังนี้ได้
แต่หลินซูอินก็ซื้อไม่ไหวจริงๆ เธอมีเงินติดตัวจำกัด
แม้ว่าบ้านที่อ่าวหยกเขียวจะซื้อแบบผ่อนชำระได้ แต่บ้านหลังนี้มีมูลค่าหนึ่งพันล้าน ส่วนเงินดาวน์ก็ต้องการหลายร้อยล้านเช่นกัน
มันไม่สำคัญว่าหลินซูอินจะรู้สึกแย่แค่ไหน สิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดคือเนี่ยเฟิง เธอกลัวว่าเนี่ยเฟิงจะถูกคำพูดของผู้จัดการคนนั้นทำร้ายจิตใจ
“คุณน่ะใช้ตาสุนัขมองคนต่ำ”
หลินซูอินเคยเป็นคนอ่อนโยน แต่ตอนนี้เธออดไม่ได้ที่จะพูดจาเช่นนี้ออกมา
“ยัยบ้าเอ๊ย! นี่คุณพูดอะไรออกมา? ผมพาพวกคุณดูคฤหาสน์ราชาตั้งนาน ก็เท่ากับให้เกียรติพวกคุณมากแล้ว คุณกล้ามาด่าผม? กล้าดียังไง?”