หลังจากที่มีการเปิดเผยเรื่องท่านจิ่วดาวหยางเฉิงใช้การแข่งขันวิชาดาบเพื่อทำการทดสอบร่างกายมนุษย์อย่างผิดกฎหมาย ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาก็ถูกอายัดและตรวจสอบ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับเขาล้วนถูกสอบสวน
เรื่องนี้ได้รับความสนใจจากคนในสหพันธ์เช่นกัน
“ท่านจิ่วถูกจับดำเนินการแล้ว? มันเกิดอะไรขึ้น?”
“ต้องเป็นคนของทางทหารที่ดักซุ่มอยู่…ท่านจิ่วคิดว่าสถานการณ์ดีแล้ว เลยเริ่มแอบขายสินค้าอีกแล้วสินะ?”
“เขาอายุมากแล้ว เพื่อรักษาสุขภาพของเขา…”
เนื่องจากเนี่ยเฟิงปกปิดไว้อย่างดีมาก ดังนั้นจึงไม่มีใครคาดเดาเบื้องบนของเนี่ยเฟิงได้
“ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรกจริง ๆ ไอ้สารเลวนั่นยังไม่ตาย เมืองหยางเฉิงก็ถูกข้าศึกยึดครองไปครึ่งหนึ่งแล้ว”
น่าเสียดายที่ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาถูกอายัดแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาก็แบ่งผลประโยชน์กันแล้ว
“ห้องปฏิบัติการนั่นเป็นยังไงบ้าง?”
“อย่าไปพูดถึงเลย หม้อเดียวจบ”
“ดังนั้นเกี่ยวกับเรื่องยาเทพ คนที่รู้ความจริงอย่างพวกคุณควรจะระมัดระวังให้มากที่สุด อย่าเผยไต๋ออกมา”
หลันเฟิงหลิงพูดออกมาช้า ๆ
“แม่ม่ายดำ พูดเหมือนคุณไม่มีส่วนแบ่ง!”
“ฉันสังเกตเจ้าเด็กเวรนั่นมานานแล้ว แต่ก็ไม่เผยไต๋อะไรออกมาเลย กลับเป็นพวกคุณ เรื่องเล็กๆ แค่นี้ยังทำไม่ได้ มันยังไม่ขายหน้าพออีกเหรอ?”
พอหลันเฟิงหลิงพูดออกมาเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็ถึงกับสำลัก ไม่รู้ว่าจะเถียงเธออย่างไร
ในที่สุดพวกเขาก็ต้องหุบปาก
อันที่จริง หลันเฟิงหลิงยังรู้สึกว่ามันช่างอัศจรรย์ คนใหญ่คนโตอย่างท่านจิ่ว ดันตกไปอยู่ในมือของฝ่ายทหาร…แปลกประหลาดจริงๆ
ตอนนี้ยาห้ามใช้เผยโฉมหน้าออกมาแล้ว คาดว่าพวกเขาอาจจะหยุดพักขณะหนึ่ง
ในเวลานี้เนี่ยเฟิงได้กลับมาถึงเมืองจินไห่ และตรงมาที่โรงพยาบาลของหมิงอี๋หาน
“พี่สี่ มีเรื่องอยากจะรบกวนพี่หน่อย” เนี่ยเฟิงเรียกหมิงอี๋หานมาหา
ตอนที่หมิงอี๋หานมาถึง เป็นเวลาหกโมงเช้าพอดี
“นายจำเป็นต้องเร่งด่วนขนาดนั้นเลยเหรอ?”
แม้ว่าหมิงอี๋หานจะไม่ได้แต่งหน้า หน้าสดแต่เธอก็ยังเป็นเทพธิดาอยู่
“นี่คือยาห้ามใช้ที่พวกเราได้มาจากมือของท่านจิ่วแห่งเมืองหยางเฉิง ผมอยากให้พี่นำมันไปวิเคราะห์ส่วนประกอบ”
เนี่ยเฟิงพูดโดยไม่อ้อมค้อม “ผมไม่ไว้ใจโรงพยาบาลอื่น จะว่าไปแล้วพี่กับผมก็เรียนวิชาแพทย์มาจากคุณตาด้วยกัน มีความรู้มากกว่าโรงพยาบาลทั่วไป”
หมิงอี๋หานรู้สึกตื่นตัวขึ้นมา รู้ว่าเนี่ยเฟิงจะไม่ทำอย่างนี้โดยไม่มีเหตุผล
“ได้ ฉันจะไปจัดการเรื่องกำลังคนเดี๋ยวนี้”
หมิงอี๋หานพยักหน้า ขอให้นักวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไปศึกษาเรื่องนี้ทันที
ในบรรดาพี่สาวทั้งหลาย มีเพียงหมิงอี๋หานเท่านั้นที่รู้จักตัวตนของเขา ดังนั้นครั้งนี้เมื่อได้ข้อมูลมา เนี่ยเฟิงจึงไม่ได้ปิดบังไว้และบอกกับหมิงอี๋หานทันที
หมิงอี๋หานฟังอย่างตั้งใจ พอฟังจบเลือดในร่างกายก็ดูเหมือนจะแข็งตัว…
“คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องพวกนี้จะเกี่ยวข้องกัน”
“ตอนแรกฉันแค่คิดว่ามันเป็นกรณีพิพาทเรื่องผลประโยชน์ล้วนๆ ดังนั้นพ่อแม่จึงขอให้ฉันอยู่กับคุณตาและพวกนาย ส่วนพวกนายก็แทบไม่ปรากฏตัวในสายตาคนอื่น แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าภายในจะยังมีเรื่องแบบนี้ด้วย”
เนี่ยเฟิงชำเลืองมองมาที่หมิงอี๋หาน สีหน้าของหมิงอี๋หานก็จริงจังมากเช่นกัน
“ถ้าเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้ก็จะยิ่งลึกซึ้งขึ้น”
หมิงอี๋หานเลียริมฝีปากอันแห้งผาก ทั้งสองคนตกอยู่ในความเงียบ
ผลการทดสอบจะยังไม่ออกมาในเวลาอันสั้น เพราะส่วนประกอบของยาหลังจากผ่านการกลั่นทีละชั้น จะมีความซับซ้อนมากขึ้น
ทั้งสองทานอาหารเช้าแบบง่ายๆ ไม่นานนักเนี่ยเฟิงก็ได้รับโทรศัพท์จากตาแก่ไป๋
“เรื่องนี้ร้ายแรงมาก พวกเรารู้และได้ซักไซ้ไล่เลียงหมอและพยาบาลแล้ว แต่พวกเขาแบ่งหน้าที่กันได้อย่างรอบคอบมาก ขาดไปแม้แต่คนเดียวก็ไม่สามารถตรวบสอบได้เลย ตอนนี้ที่ส่งมาส่วนใหญ่ทำหน้าที่เป็นหนูทดลอง เพราะไม่ได้ฉีดยาห้ามใช้ใดๆ ดังนั้นจึงเกิดปรากฏกราณ์การคลุ้มคลั่งในระดับที่แตกต่างกัน ยกเว้นคนที่คุณช่วยไว้คนนั้น…คุณเข้าใจความหมายของผมใช่ไหม?”
ความหมายของคุณท่านไป๋ชัดเจนมาก เนี่ยเฟิงก็รู้เช่นกัน
เนี่ยเฟิงมองไปทางหมิงอี๋หาน “ผมไปคนเดียวไม่ได้ ผมจะพาคนคนหนึ่งไปด้วย”
เนื่องจากมีจำนวนคนมากเกินไป และท่ามกลางคนเหล่านั้น มีเพียงเนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานสองคนเท่านั้นที่สืบทอดวิชาต่อจากคุณท่าน
หมิงอี๋หานรีบบอก “เรียกฉันสิ”
“ก็ได้! แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับ!”
“ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
เนี่ยเฟิงมองไปทางหมิงอี๋หานเป็นการขอโทษ “พี่สี่ พี่ต้องไปกับผม”
“ฉันกับนายคุ้นเคยกันดี ฉันรู้การไปครั้งนี้หมายความถึงอะไร ไม่จำเป็นต้องเกรงใจแบบนั้น ฉันจะไปชี้แจงกับพวกหัวหน้าข้างล่างก่อน นายรอเดี๋ยว”
หมิงอี๋หานเปิดการประชุมเล็กๆ แล้วออกไปกับเนี่ยเฟิง
ทั้งสองคนถูกพาตัวไปโดยรถที่เบื้องบนส่งมา
เมื่อพวกเขามาถึงฐานลับ ตาแก่ไป๋ก็ออกมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง
“เดิมทีเรื่องนี้น่าจะรู้กันแค่พวกเราไม่กี่คน แต่ยาห้ามนั้นเป็นปัญหาระดับนานาชาติ ดังนั้นพวกเราจึงต้องแบ่งกันข้อมูลกัน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับนานาชาติ ดังนั้นพวกเราจึงส่งหมอไร้ขอบเขตเข้ามาพัวพันในเรื่องนี้…”
ตาแก่ไป๋ถอนหายใจ “มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ การปรากฏขึ้นของยาห้ามส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าตาแก่ไป๋หมายถึงอะไร
“รู้แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะคอยดู”
ตาแก่ไป๋พยักหน้า การพูดคุยกับคนฉลาดนั้นไม่เปลืองแรง
เนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานมองหน้ากัน หมิงอี๋หานสวมหน้ากาก ดวงตางอนโค้งดุจหงส์แดงของเธอเหล่มอง เห็นว่าพูดคุยกันยาก
ภายใต้การนำทางของตาแก่ไป๋ พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาลของฐานลับ
สถานที่แห่งนี้ไม่ถูกควบคุมและคอยสังเกตการณ์โดยดาวเทียม บนแผนที่มันคือทะเลสาบผืนหนึ่ง
พอพวกเขาเข้าไปก็เห็นหยูจิงหง
หยูจิงหงเฝ้าอยู่ที่ประตูแล้ว พอเห็นเนี่ยเฟิงกับหมิงอี๋หานเข้ามา หยูจิงหงก็ประหลาดใจ “เธอมาได้ยังไงกัน?”
“พี่สอง ฉันมาช่วยเสี่ยวเฟิง”
หยูจิงหงชำเลืองมองเนี่ยเฟิงเป็นการตำหนิ ถึงอย่างไรในสายตาของหยูจิงหง หมิงอี๋หานเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น
“คุณไม่ต้องห่วง เธอเซ็นสัญญารักษาความลับแล้ว”
ตาแก่ไป๋อธิบายอยู่ข้างๆ
หยูจิงหงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้า “ตอนนี้พวกเราได้จัดห้องให้พวกเขาตามความหนักเบาของอาการ พวกเธอเข้าไปก่อนแล้วกัน”
หลังจากเนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานสวมชุดป้องกันแล้ว ทั้งสองก็เดินเข้าไป
อันที่จริงเนี่ยเฟิงรู้ว่า การสวมชุดป้องกันนั้นไม่มีความหมายอะไร เพราะนี่ไม่ใช่โรคติดต่อ
หยูจิงหงและคนอื่นๆ รออยู่ข้างนอก เนี่ยเฟิงและหมิงอี๋หานถูกนำทางเข้าไปโดยแพทย์คนหนึ่ง
“สถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
หมิงอี๋หานสอบถามอย่างเคยชิน แต่แพทย์ที่อยู่ข้างหน้าไม่ตอบ
เนี่ยเฟิงก็เข้าใจนิสัยใจคอยของหมอไร้ขอบเขต เพราะพวกเขาเคยชินกับความเป็นความตายแล้ว คลุกคลีกับสงคราม ดังนั้นจึงมีความทะนงตน
หมิงอี๋หานถามไม่ได้ข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ จึงไม่พูดอะไรอีก พวกเขาหยิ่งยโสมาก
“พวกเรายังประชุมกันอยู่ พวกคุณรอสักครู่”
อีกฝ่ายพูดกับพวกเขาสองคนเป็นภาษาอังกฤษ แล้วเดินจากไป
“หมอไร้ขอบเขตเป็นแบบนี้กันหมดเลยเหรอ?” หมิงอี๋หานขมวดคิ้ว รู้สึกไม่ค่อยพอใจ
“ที่ผมเจอส่วนมากก็เป็นแบบนี้แหละ”
เนี่ยเฟิงพยักหน้า ในเวลานี้มีเสียงก้องกังวานดังขึ้น จากนั้น ทางฝ่ายเนี่ยเฟิงก็เห็นผู้ป่วยที่ถูกขังอยู่ในห้อง กำลังทุบประตูเหล็กอย่างบ้าคลั่ง