ชิวมู่เฉิงยังคิดว่าน้องชายของเธอรู้จักคิดจริงๆ
“เอาล่ะ เราไม่คุยกันเรื่องนี้แล้ว เข้าไปหาที่นั่งของเราข้างในกันเถอะ การประชุมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว”
เมื่อครู่มันเป็นแค่เพลงประกอบเล็กๆ เท่านั้น หลังจากเริ่มการประชุมแล้ว พวกเขายังมีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ แน่นอนว่า เนี่ยเฟิงมีเรื่องที่สำคัญกว่านี้
ตำแหน่งในห้องประชุมจัดตามอันดับทรัพย์สินของบริษัท
ความจริงก็คือความจริง แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติ
ทุกคนที่เข้าร่วมการประชุมล้วนมีที่นั่ง เว้นแต่จะแจ้งไว้ล่วงหน้า มิฉะนั้นครอบครัวที่มาพร้อมกับพวกเขาจะนั่งได้เฉพาะในพื้นที่รอสำหรับครอบครัวเท่านั้น
ชิวมู่เฉิงไปตรวจสอบมาสักครู่ถึงพบว่าแม้จะแจ้งล่วงหน้าไปแล้ว แต่เบื้องบนจัดการเรื่องที่นั่งของพวกเขาให้ไม่ทัน ชิวมู่เฉิงก็ได้ลงทะเบียนเอาไว้ก่อนล่วงหน้าหนึ่งเดือน ดังนั้นตอนนี้เนี่ยเฟิงจึงไม่สามารถนั่งข้างชิวมู่เฉิงได้
“เสี่ยวเฟิง ต้องขอโทษด้วยจริงๆ พี่ใหญ่สะเพร่าไปเอง ทำให้นายต้องนั่งรออยู่ทางนั้นกับพวกคนในครอบครัว”
ชิวมู่เฉิงมองเนี่ยเฟิงอย่างรู้สึกผิด แต่เนี่ยเฟิงกลับโบกมือไปมา อันที่จริงมันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะนั่งตรงไหน
“ผมยังนึกว่าเรื่องอะไรเสียอีก เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง ไม่เป็นไร ผมจะนั่งรอพี่ประชุมเสร็จอยู่ตรงนั้นแล้วกัน จะว่าไปแล้ว การประชุมทางธุรกิจแบบนี้ผมก็ฟังไม่รู้เรื่องด้วย ผมไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าขนาดนั้นเลย”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็เดินไปทางด้านหลัง เขาสุ่มหาที่นั่งในพื้นที่ของสมาชิกในครอบครัวแล้วนั่งลง ในทิศทางนี้เขาสามารถมองเห็นชิวมู่เฉิงจนถึงเวทีได้เต็มตา
ผู้คนต่างพากันเร่งรีบเข้ามา พวกเขาทั้งหมดนั่งลงตามที่นั่งของตัวเอง ผ่านไปครู่หนึ่งพอได้เวลา ประตูห้องประชุมก็ปิดลง จากนั้นพิธีกรก็ขึ้นมาบนเวที กล่าวทักทายอย่างสุภาพ แล้วจึงประกาศเริ่มการประชุมอย่างเป็นทางการ
“ขอเรียนเชิญประธานหอการค้าใหญ่แห่งมณฑลซานเจียงขึ้นบนเวที! ขอเสียงปรบมือต้อนรับหน่อยค่ะ!“
ผู้หญิงในชุดราตรีสีน้ำเงินเข้มค่อยๆ ก้าวขึ้นบนเวที ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือหลันเฟิงหลิงนั่นเอง
เนี่ยเฟิงรู้ว่าหลันเฟิงหลิงจะเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้อย่างแน่นอน ไม่ใช่เพราะเหตุผลอย่างอื่น แต่เพราะหลันเฟิงหลิงเป็นประธานหอการค้าใหญ่
เนี่ยเฟิงเคยเห็นผู้หญิงคนนี้ในหลายๆ ข่าวสารมาก่อน
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะมีอายุพอๆ กับแม่ของเขา แต่เธอก็ยังมีเสน่ห์ด้วยการรักษารูปร่างและรูปลักษณ์ที่ดี
เธอดูเหมือนอายุสามสิบต้นๆ ทุกอากัปกิริยามีสไตล์เป็นของตัวเอง ดึงดูดให้ผู้คนหลงใหล เพียงแต่ว่าสายตาที่เนี่ยเฟิงมองหลันเฟิงหลิงนั้นแตกต่างจากคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
หลังจากหลันเฟิงหลิงขึ้นเวทีไปแล้ว ก็ยิ้มบางๆ แล้วบอกข้อมูลในปีที่ผ่านมาแก่คนที่อยู่ข้างล่าง
“ขอบคุณสมาชิกหอการค้าทุกท่าน ตลอดจนสมาชิกเลือดใหม่ของหอการค้ามากค่ะ”
หลันเฟิงหลิงพูดพลางค่อยๆ ก้มศีรษะลงช้าๆ
แต่แล้วเธอก็พูดบางอย่างที่น่าตกใจ “แม้ว่าทุกท่านจะทำงานอย่างหนักเพื่อหอการค้า แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าเสียใจอย่างสุดซึ้งเกิดขึ้น… มีคนต้องการแบ่งแยกหอการค้าของเรา”
หอการค้าใหญ่ดูแลหอการค้าขนาดเล็กใหญ่ทุกแห่งในมณฑลซานเจียง จุดประสงค์ของการมีอยู่ของหอการค้าใหญ่ก็เพื่อตรวจสอบหอการค้าขนาดเล็กทุกแห่ง และจัดหาทรัพยากรและข้อมูลจำนวนมากให้กับสมาชิกของหอการค้าทุกคน”
การมีอยู่ของมันเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนมาก ถ้ามีคนต้องการแบ่งแยกหอการค้า คนผู้นั้นต้องเป็นคนที่ชั่วร้ายที่สุด
“แล้วใครกันที่พยายามจะแบ่งแยกหอการค้าของพวกเรา ทำกันเกินไปแล้วจริงๆ!”
“พวกเราต้องตามหาคนผู้นี้ออกมา ลงโทษขั้นเด็ดขาด!”
“ใช่แล้ว! ประธานสมาคมหลัน คุณรีบบอกทีว่าใครกันที่กล้าทำแบบนี้ พวกเราจะไม่มีทางปล่อยพวกเขาไป!”
คำพูดของหลันเฟิงหลิงระตุ้นอารมณ์ของทุกคน พวกเขากังวลมากว่าหอการค้าใหญ่จะแตกแยกจริงๆ เพราะการที่หอการค้าใหญ่เริ่มมีเสถียรภาพในขณะนี้มันเป็นเรื่องที่ดีสำหรับพวกเขา ถ้าหากหอการค้าใหญ่ถูกแบ่งแยกจริงๆ สำหรับพวกเขาแล้วก็ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายเหมือนกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะไม่ปิดบังอีกต่อไป คนที่ต้องการแบ่งแยกหอการค้าใหญ่คือเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนล”
ทันทีที่หลันเฟิงหลิงพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนก็พากันส่งเสียงอื้ออึง ส่วนชิวมู่เฉิงก็หน้านิ่วคิ้วขมวดทันที เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลันเฟิงหลิงถึงพูดแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นประธานหอการค้าใหญ่ เธอกับหลันเฟิงหลิงก็ไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
เนื่องจากชิวมู่เฉิงสวยมากจริงๆ เธอจึงกลายเป็นจุดสนใจตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาแล้ว ทุกคนต่างมองมาที่เธอ
และในทันทีที่หลันเฟิงหลิงพูดออกมาเช่นนี้ก็ทำให้ชิวมู่เฉิงตกเป็นเป้าที่ผู้คนต่างโจมตี ทุกคนมองมาที่ชิวมู่เฉิง พยายามหาคำตอบจากตัวชิวมู่เฉิง
“ประธานสมาคมหลัน ฉันไม่รู้ว่าที่คุณพูดนั้นหมายถึงอะไร ฉันไม่เคยพยายามแบ่งแยกหอการค้าใหญ่ ฉันไม่ได้ทำแบบนี้ด้วย”
หลันเฟิงหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “คนที่ถูกเปิดโปงย่อมไม่ยอมรับอยู่แล้ว”
ชิวมู่เฉิงรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกหั่นเป็นชิ้นๆ เธอเพิ่งเข้าร่วมหอการค้ามาเป็นเวลาไม่นาน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเข้าร่วมการประชุมของหอการค้าใหญ่ แต่เธอกลับกลายเป็นคนที่ต้องการแบ่งแยกหอการค้าใหญ่ พูดแบบนี้ไม่ตลกไปหน่อยเหรอ?
“ทุกเรื่องว่ากันด้วยหลักฐาน คุณบอกว่าฉันต้องการแบ่งแยกหอการค้าใหญ่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีสาเหตุ ทำไมฉันถึงทำอย่างนี้ด้วย?”
“นั่นเป็นเพราะว่าพวกคุณต้องการรับผลประโยชน์ที่มากขึ้น หลังจากแบ่งแยกหอการค้าใหญ่แล้ว พวกคุณก็สามารถใช้วิธีการแบบสายฟ้าฟาดเพื่อกวาดทรัพยากร ตอนนี้คุณได้ผูกขาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจินไห่แล้วใช่ไหม? วิธีการที่คุณใช้ไม่เรียกว่าแบ่งแยกหรอกเหรอ?”
เมื่อหลันเฟิงหลิงพูดออกไปเช่นนี้ ทุกคนก็เข้าสู่สภาวะเงียบงัน เพราะสิ่งที่หลันเฟิงหลิงพูดนั้นถูกต้อง ตอนนี้บริษัทเทียนหลงได้ผูกขาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองจินไห่อย่างแท้จริง ต่อให้มีคนต้องการส่วนแบ่ง มันก็เป็นไปไม่ได้
เป็นความจริงที่มีใครบางคนขวางทางพวกเขา พวกเขาไม่มีสิทธิ์แข่งขันเลย
พอถูกหลันเฟิงหลิงปลุกปั่น ผู้คนก็เริ่มซุบซิบกัน ราวกับว่ากำลังพูดคุยกันถึงข้อเท็จจริงที่ว่าเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนลผูกขาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจินไห่
“ในทุกอาชีพล้วนมีบุคคลที่โดดเด่น ฉันไม่ได้ผูกขาดอสังหาริมทรัพย์ในเมืองจินไห่ บริษัทของพวกเราแค่ดีและแข็งแกร่งกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ดังนั้นเราจึงได้รับเลือก”
แม้ว่าชิวมู่เฉิงจะกลายเป็นเป้าหมายในการโจมตีของทุกคน แต่เธอก็ยังสงบนิ่ง ไม่มีทีท่าว่าจะถอย
“ฉันรู้ว่าคุณจะพูดแบบนี้ นั่นเป็นเพราะเขี้ยวเล็บของคุณยังไม่ได้ยื่นออกไปนอกเมืองจินไห่”
หลันเฟิงหลิงส่ายหน้า “ทุกคนไม่รู้สึกว่าวิธีการนี้มันคุ้นๆ เหรอ?”
หลันเฟิงหลิงยังคงชวนให้ทุกคนนึกย้อนอดีต มีคนเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ “ประธานสมาคมหลันพูดถึงตระกูลเนี่ยในอดีตหรือเปล่า?”
มีข่าวลือสะพัดในหอการค้าใหญ่ นั่นคือตระกูลเนี่ยพยายามแบ่งแยกหอการค้าทั้งหมดเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ที่สูงขึ้น และพวกเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ
ตระกูลเนี่ยยังคงผูกมัดใจผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกคนถูกปิดตา สมาชิกของหอการค้าพัวพันกับผลประโยชน์ จึงถูกบังคับให้เข้าตาจน
เรื่องนี้ยังก่อให้เกิดการจลาจลที่น่ากลัวมากในตอนนั้น ต่อมาได้บังคับให้ตระกูลเนี่ยถอนตัวจากหอการค้าใหญ่
คิดไม่ถึงว่ามันจะปรากฏขึ้นอีกครั้ง!