หลังจากหลู่เปิ่นเหว่ยตายแล้วมีคนอยากจะแบ่งกลืนทรัพย์สินของเขา แต่ว่าอยู่ก่อนหน้านี้เนี่ยเฟิงก็ให้คนของสำนักมังกรลงมือก่อนแล้ว ดังนั้นคนอื่นคว้าผลประโยชน์อะไรไม่ได้เลย
การตายของเขาทำให้เมืองหยางเฉิงกลายเป็นของเนี่ยเฟิงโดยสิ้นเชิง
ปัจจุบันนี้ เมืองหนานหู, เมืองหยางเฉิง, เมืองเยี่ยนตูกับเมืองจินไห่ล้วนเป็นแผ่นดินของสำนักมังกร ก่อนหน้านี้พวกไอ้คนที่ก่อกรรมทำชั่วกลุ่มนั้นหนีหัวซุกหัวซุนไปนานแล้ว ปัจจุบันนี้ก็ไม่รู้ว่าหลบสั่นริกๆอยู่มุมไหนแล้ว
เนี่ยเฟิงทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีกถึงเวลาแล้ว จะยิ่งเพิ่มความหวาดกลัวให้พวกเขาสักหน่อย
มณฑลซานเจียงเป็นสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์มากๆแห่งหนึ่ง เพราะว่ามณฑลซานเจียงใกล้ทะเลมีท่าเรือมากมาย กับศุลกากรต่างประเทศ ดังนั้นข้างบนเตรียมตัวที่จะทำการพัฒนามณฑลซานเจียงเลย
มณฑลซานเจียงเป็นเมืองรองด้อยกว่าเมืองหลวง
ทุกๆเมืองล้วนไล่เลี่ยกัน อีกทั้งที่นี่พูดได้ว่าเป็นสถานที่รวมตัวของพ่อค้าที่ร่ำรวย เพราะว่าคนที่ทำการค้าขายที่นี่มากจนนับไม่ถ้วน มหาเศรษฐีมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง คนที่สามารถยึดครองพื้นที่แห่งหนึ่งในที่นี้ แบ่งกลืนผลประโยชน์ของมณฑลซานเจียงแห่งนี้ได้จริงๆย่อมไม่ใช่บุคคลธรรมดาอะไรแน่นอน
แต่ปัจจุบันนี้ในมณฑลซานเจียงเหมือนเช่นดั่งฟ้าเปลี่ยนแล้ว แต่ก่อนพวกพี่ใหญ่ที่แค่คำรามก็สามารถทำให้สถานการณ์เปลี่ยนได้เหล่านั้น ตอนนี้หวาดกลัวไม่เป็นสุขเพราะว่าพวกพ่อค้าที่ร่ำรวยที่ใจดำชอบปอกลอกคนอื่นเพื่อความร่ำรวยเหล่านั้น ปัจจุบันนี้ตกอยู่ในสภาพล้มละลายแล้ว คนที่ตายก็ตายคนที่เป็นบ้าก็เป็นบ้า
และเมืองหลวงของมณฑลซานเจียงไม่ได้อยู่ในเมืองเหล่านั้น
แม้ว่าการก่อสร้างของทุกเมืองล้วนไม่แตกต่างกัน แต่ว่าในมณฑลย่อมต้องมีเมืองหลวงอยู่แล้ว เมืองหลวงของมณฑลซานเจียงก็คือเมืองซานเจียง
เมืองซานเจียงถูกเมืองอื่นๆล้อมรอบอยู่ตรงกลาง ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ใกล้กับทะเลเลย แต่มันกลับเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญ
และเมืองซานเจียงก็มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ “เมืองแห่งหยกแก้ว”
ที่นี่เป็นแผ่นดินของพวกพ่อค้าที่ร่ำรวย สินค้าแบรนด์หรูมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง คนร่ำรวยก็มีทั่วทุกหนทุกแห่งเช่นกัน ที่นี่ก็ถูกเรียกว่าเป็นโซนคนรวย
ออกจากบ้านถ้าไม่ได้ขับรถหรูหราล้วนเป็นการกระทำที่อับอายขายหน้า
หอการค้าทั่วไปของมณฑลซานเจียงก็อยู่ในเมืองซานเจียง
นอกจากหอการค้าทั่วไปแล้ว ยังมีหน่วยงานการกุศลต่างๆนานาอีก อย่างเช่นหน่วยงานการกุศลเพื่อช่วยเหลือคนพิการ หน่วยงานการกุศลโรงเรียนสังคมสงเคราะห์ต่างๆ
เพราะว่าคนร่ำรวยเหล่านี้ก็จะชอบใช้ความจอมปลอมนั้นอยู่แล้ว
อีกทั้งผลประโยชน์ในหอการค้าจะมากกว่า พวกเขาย่อมจะไม่ปล่อยเค้กใหญ่ชิ้นนี้ไปอย่างแน่นอน
ในครั้งนี้เนี่ยเฟิงก็จะไปเมืองซานเจียง
เพราะว่าอีกสองวันก็เป็น “การประชุมสุดยอดผู้นำ” ของหอการค้าทั่วไปแล้ว ถึงเวลานั้นสุดยอดผู้นำแต่ละที่ของมณฑลซานเจียงล้วนจะรวมตัวกันอยู่ที่นี่
เนี่ยเฟิงก็ได้รับข่าวด้วย หลันเฟิงหลิงย่อมจะไปแน่นอน ก็จะต้องทำการจบสิ้นกับผู้หญิงคนนี้แล้วพอดี ผู้หญิงคนนี้ย่อมได้เข้าร่วมอยู่ในเรื่องของปีนั้นอย่างแน่นอน ในปัจจุบันนี้เธอเงียบอยู่ตลอดไม่ได้เปิดโปงความจริงใดๆ แต่ไม่ได้แสดงว่าผู้หญิงคนนี้จะบริสุทธิ์ใจเลย
เช่นดั่งหลู่เปิ่นเหว่ยคนเหล่านี้ เพียงแค่ขายยาห้ามใช้เท่านั้น ในมือมีแค่ชิปชิ้นเดียว ก็หาเงินได้มหาศาลแล้ว งั้นก็ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆอีกเลย และพวกเขาคนร่ำรวยเหล่านี้ย่อมรวมตัวอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว
แขกผู้มีเกียรติที่เชิญมางานเลี้ยงอยู่บนเรือสำราญที่โออ่าหรูหราของหลู่เปิ่นเหว่ยเหล่านั้น เนี่ยเฟิงให้คนทำตารางรายชื่อออกมานานแล้ว
เนี่ยเฟิงไม่เชื่อว่าองค์กรนี้จะไม่มีผู้วางแผน
ใกล้ถึงพลบค่ำ เนี่ยเฟิงไปซื้อผักเรียบร้อยแล้ว กำลังยุ่งอยู่ในห้องครัว ตอนที่พี่ๆหลายคนกลับมาก็ได้กลิ่นหอมของกับข้าวมาพักหนึ่ง
“หอมมากเลย! เป็นอย่างที่คิดไว้เสี่ยวเฟิงกลับมาแล้วจริงๆ ฉันก็รู้ นอกจากเสี่ยวเฟิงไม่มีคนสามารถทำอาหารที่หอมขนาดนี้ออกมาได้!”
คางเมิ่งทั้งพูดอยู่ทั้งโยนกระเป๋าของตนเองไปยังข้างๆ วิ่งเหมือนดั่งเหาะไปถึงห้องครัว จ้องมองอาหารที่เพียบพร้อมด้วยรูปกลิ่นรสที่อยู่บนโต๊ะ คางเมิ่งอดไม่ไหวที่จะกลืนน้ำลายหนึ่งที
“พี่เจ็ดคุณกลับมาแล้วเหรอ? งั้นคุณรีบไปล้างมือเถอะ อีกสักครู่ก็กินข้าวได้แล้ว!”
“เสี่ยวเฟิงบ้านของเรายอดเยี่ยมมากจริงๆ วันหลังสาวๆคนไหนแต่งงานกับแกย่อมจะมีชีวิตที่เสพสุขแน่นอน!”
โจวลี่ซือจ้องมองอาหารที่เต็มโต๊ะ อดไม่ไหวที่จะยกนิ้วโป้งขึ้นมาให้กับเนี่ยเฟิง
“ถ้าไม่พี่ห้าก็พิจารณาๆแต่งกับเสี่ยวเฟิงเถอะ? สาวๆคนอื่นจะแต่งงานกับเสี่ยวเฟิงพวกเราไม่วางใจนะ”
ในเวลานี้เย่หรูเสว่ก็กลับมาแล้วเช่นกัน เพิ่งเข้าประตูก็ได้ยินโจวลี่ซือหยอกล้อแบบนี้
“น้องหกแกพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอะไรล่ะ? พวกเราจะแต่งงานกับเสี่ยวเฟิงได้ยังไงล่ะ?”
ใบหน้าของโจวลี่ซือแดงแล้วแดงอีก เธอไอเสียงหนึ่งเหมือนดั่งปกปิด
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ? ตอนเด็กๆพวกเราเล่นพ่อแม่ลูก แย่งกันเฮโลที่จะแต่งงานกับเสี่ยวเฟิง อีกทั้งพวกเรายังได้เขียนสัญญาหมั้นล่ะ!”
คางเมิ่งพูดถึงที่นี่ถึงขนาดไม่รักษาภาพพจน์สักนิดหัวเราะ ฮ่าฮ่า เสียงดังออกมาเลย แต่เพราะว่าคางเมิ่งหน้าตาดี ดังนั้นถึงแม้ว่าเป็นการหัวเราะเสียงดัง ก็น่ารักไร้เดียงสามากๆเช่นกัน
“แกก็บอกแล้ว นั่นแค่การเล่นพ่อแม่ลูก ย่อมจะนับไม่ได้อยู่แล้ว”
สายตาของโจวลี่ซือมีความคลุมเครือเล็กน้อย
“ถึงขนาดนับไม่ได้เลยเหรอ? สัญญาหมั้นนั้นฉันยังเก็บไว้อยู่ล่ะ!”
ตอนที่เนี่ยเฟิงถือข้าวออกมา ได้ยินพวกพี่ๆคุยเล่นแบบนี้ ชั่วพริบตาเดียวใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าที่เศร้าโศกออกมา ดูแล้วเหมือนได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งใหญ่เท่าฟ้า
พี่ๆหลายคนเห็นสีหน้าที่ได้รับความไม่เป็นธรรมของเนี่ยเฟิงขนาดนั้น รีบอธิบายว่า “ไม่มี ไม่มี แกอย่าไปฟังพี่ห้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้า ไม่ว่ายังไง สัญญาการหมั้นชุดนั้นของพี่ล้วนมีผล ถ้าแกแต่งภรรยาไม่ได้จริงๆ ฉันก็หาแฟนไม่ได้จริงๆ ถึงเวลานั้นพวกเราทั้งสองก็ใช้แก้ขัดกันไปก่อนเถอะ”
คางเมิ่งพูดอยู่ตบหน้าอกของตนเองตบแล้วตบอีกมีลักษณะท่าทีแบบที่เด็ดเดี่ยวองอาจผึ่งผาย
“ถ้าหากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ งั้นผมย่อมครองโสดแน่นอนล่ะ ตอนนี้พี่เจ็ดเป็นดาราแล้ว มีการเลือกมากมาย ทั้งยังมีหนุ่มหล่อมากขนาดนั้นอยู่ในวงการบันเทิงอีก……”
เนี่ยเฟิงแกล้งทำเป็นใบหน้าเศร้าเสียใจจ้องมองคางเมิ่ง หลังจากคางเมิ่งได้ยินแล้วชั่วพริบตาเดียวก็ร้อนใจเลย เธอกังวลว่าการกระทำเมื่อกี้จะทำร้ายหัวใจของเนี่ยเฟิง
“เสี่ยวเฟิง! แกต้องมั่นใจในตนเองหน่อย ฉันจะบอกกับแกคนในวงการบันเทิงไม่มีสักคนหล่อกว่าแกนะ แกเป็นคนที่หล่อที่สุดคนนั้น!”
“ฉันก็รู้สึกว่าในสถานีตำรวจของเรามีไม่กี่คนที่หล่อกว่าแกนะ แกวางใจเถอะ แกย่อมแต่งภรรยาได้อย่างแน่นอน!”
ในเวลานี้โจวลี่ซืออดไม่ไหวที่จะหัวเราะออกมา คางเมิ่งกับเย่หรูเสว่ล้วนมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อย ซักถามเธอว่าทำไมต้องหัวเราะ โจวลี่ซือนึกถึงเด็กหญิงต่างชาติคนนั้นที่ตามอยู่ข้างกายเนี่ยเฟิงมาโดยตลอดในเวลานั้นดูเหมือนชื่อว่าซาวาหรือว่าโปวาอย่างนั้น
“ฉันรู้สึกว่าพวกคุณทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่มากเกินไปแล้ว พวกคุณจินตนาการไม่ถึงน้องชายของพวกเราล่ะ มีผู้หญิงชื่นชอบมากขนาดไหน!”
โจวลี่ซือพูดอยู่ กะพริบตาแล้วกะพริบตาอีกกับเนี่ยเฟิง
เนี่ยเฟิงมีความหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้เล็กน้อย รู้ว่าสิ่งที่โจวลี่ซือพูดย่อมเป็นอันน่าพวกเธออย่างแน่นอน
ในเวลานี้ชิวมู่เฉิงก็กลับมาแล้วเช่นกัน เห็นเนี่ยเฟิงอยู่บ้านเธออึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก
“เสี่ยวเฟิงกลับมาเมื่อไหร่เหรอ? ทำไมไม่ได้บอกกับฉันก่อนสักหน่อยล่ะ?”
“พี่ใหญ่! ผมกลับมาวันนี้! คุณรีบไปล้างมือ พวกเราจะกินข้าวแล้ว”
แม้ว่าบนโต๊ะอาหารคนมาไม่ครบ แต่ว่าอาหารมื้อนี้ทุกคนยังกินอย่างมีความสุขมาก หลังจากกินข้าวเสร็จชิวมู่เฉิงมีเรื่องเล็กน้อยจะคุยกับเนี่ยเฟิง ดังนั้นทั้งสองคนมาที่ห้องหนังสือ
“เสี่ยวเฟิง เรื่องของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการฉันจัดการได้พอสมควรแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งฉันยังต้องพูดกับแกสักหน่อย นั่นก็คืออีกสองวันที่จะจัดการประชุมสุดยอดผู้นำในเมืองซานเจียง นี่เป็นปีละครั้ง แกก็จะไปทำการจดทะเบียนหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการฝั่งโน้นพอดี หลังจากยืนยันสถานะเสร็จแล้วจึงจะกลายเป็นประธานสมาคมของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการได้”