ในเวลานี้ไอ้อ้วนเตี้ยมีสีหน้าตกตะลึง แต่เขาจำได้ว่าเคยพบกับประธานของโรงแรมเมเปิลมาก่อน ซึ่งไม่ได้เด็กขนาดนี้ แล้วเหตุใดเนี่ยเฟิงที่อยู่ตรงหน้าถึงคุยโวโอ้อวดเช่นนี้?
เนี่ยเฟิงเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้วจึงเดินเข้าไปหาไอ้อ้วนเตี้ยแล้วตบไหล่พลางพูดว่า
“ผมยังมีเรื่องอื่นต้องทำ ถ้ามีปัญหาอะไรค่อยโทรหาผมแล้วกัน”
ทันทีที่เนี่ยเฟิงก้าวขาออกไป ไอ้อ้วนเตี้ยก็เดินตามไปที่ประตู ไอ้อ้วนเตี้ยมองเห็นรถหรูคันหนึ่งที่จอดอยู่ข้างนอก
เนี่ยเฟิงเดินไปที่รถหรู คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับก็ลงจากรถทันที มาเปิดประตูให้เนี่ยเฟิงขึ้นรถด้วยความเคารพ ด้วยท่าทีราวกับกำลังปฏิบัติต่อเจ้านายของตนเอง
ไอ้อ้วนเตี้ยตกใจจนพูดไม่ออก เพราะเมื่อครู่เขาเห็นอย่างชัดเจน คนที่เปิดประตูรถไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหยางจื่อหมิง ประธานของเจ้าของเมเปิล
“ราชามังกร ท่านจัดการธุระเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“จัดการเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เรากลับกันเถอะ เจ้าขับรถให้เร็วขึ้นหน่อย”
หยางจื่อหมิงรีบพยักหน้า แล้วขับรถด้วยความเร็ว ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงโรงแรมเมเปิล
พอเนี่ยเฟิงกลับถึงห้อง ชิวมู่เฉิงกำลังอาบน้ำอยู่ยังไม่ออกมา เนี่ยเฟิงค่อยๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการจัดการกับคนเหล่านั้น และไม่ทำให้ชิวมู่เฉิงกังวล
พอชิวมู่เฉิงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมา เธอก็เห็นเนี่ยเฟิงยังรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นอย่างเรียบร้อย เธอพยักหน้าด้วยความพึงพอใจมาก
“นายก็ไปอาบน้ำด้วยสิ พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้เรายังต้องไปหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ เพื่อรายงานและส่งมอบเอกสารของนาย”
ชิวมู่เฉิงรู้ว่าเนี่ยเฟิงต้องการเป็นประธานหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ เพราะพ่อของเขาเป็นคนก่อตั้งหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับห้องไปพักผ่อนก่อน พี่ใหญ่ก็อย่าทำงานดึกจนเกินไปล่ะ เจอกันพรุ่งนี้”
เนี่ยเฟิงกลับมาถึงห้อง อันที่จริงเขาได้จัดการงานของหน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการไว้แล้ว พรุ่งนี้แค่ต้องส่งมอบเอกสารเท่านั้น จะว่าไปแล้ว หลังจากส่งมอบเอกสารข้อมูลในวันพรุ่งนี้เสร็จแล้ว พวกเขายังต้องไปร่วมการประชุมสุดยอดอีก
ดังนั้นหมายกำหนดการอาจมีความเร่งด่วนเล็กน้อย เขาไม่อยากทำให้ชิวมู่เฉิงรู้สึกลำบากใจและกังวลเรื่องของตน คราวนี้หลันเฟิงหลิงจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิงคนนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้อาจจะเป็นผู้บงการที่คอยควบคุมทุกอย่างอยู่เบื้องหลัง
เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้งสองคนมาที่หน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ การจัดการทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเหนือความคาดหมาย
“ผมยังคิดว่าการจัดการเรื่องนี้อาจจะไปเบียดเวลาของการประชุมสุดยอดเล็กน้อย หรือไม่ก็ไปไม่ทัน นึกไม่ถึงเลยจะจัดการเสร็จเร็วขนาดนี้ ตอนนี้พวกเราไปที่สถานที่จัดการประชุมสุดยอดกันเถอะ”
เนี่ยเฟิงรู้ว่าชิวมู่เฉิงคิดจะสละเวลาของตัวเอง เพื่อช่วยเขาจัดการกับเรื่องที่หน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ
“อันที่จริงแล้วเรื่องการยื่นคำร้องที่หน่วยงานการกุศลเพื่อคนพิการ พวกเราค่อยยื่นช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรการเปิดตัวการประชุมสุดยอดนั้นเป็นโอกาสที่ดีในทางการค้าสำหรับพวกคุณ และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพี่ใหญ่ในการขยายธุรกิจไปทั่วทั้งมณฑลซานเจียงด้วย”
เนี่ยเฟิงพูดพลางมองไปที่ชิวมู่เฉิง แต่ชิวมู่เฉิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดอย่างจริงจังว่า “เมื่อเทียบกับเรื่องพวกนั้นแล้ว ฉันกลับสนใจเรื่องของนายมากกว่า”
เนี่ยเฟิงไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี แต่นี่คือนิสัยของพี่ใหญ่ของเขา
“ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราก็ไปที่ห้องประชุมรังอินทรีแห่งเมืองซานเจียงกันเถอะ”
ทุกปีจะมีการประชุมสุดยอดที่ริเริ่มโดยสมาชิกหอการค้าใหญ่ การประชุมสุดยอดทุกครั้งจะจัดขึ้นในห้องประชุมรังอินทรี
แน่นอนว่า ปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อพวกเขาขับรถบึ่งมาถึง ก็มีรถเก๋งหลากหลายประเภทจอดเต็มอยู่ด้านนอกแล้ว เห็นได้ชัดว่ารถยนต์เหล่านี้มีราคาแพง
เนี่ยเฟิงมาจากเมืองอื่น ดังนั้นจึงไม่มีรถเป็นของตัวเอง ความจริงเนี่ยเฟิงมี เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ขอให้หยางจื่อหมิงจัดเตรียมให้
เพราะถ้าจัดรถให้เขา เขาก็ต้องอธิบายให้ชิวมู่เฉิงฟังอีก ด้วยนิสัยของชิวมู่เฉิงก็จะซักไซ้ไล่เลียงจนถึงที่สุด มันคงไม่ดีถ้าเธอเกิดสงสัยขึ้นมา
ทุกคนที่เข้าไปจะได้รับแจกจ่ายบัตรประจำตัว บัตรประจำตัวนั้นถูกเตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว แต่เนี่ยเฟิงไม่มีบัตรประจำตัว เพราะเขาไม่ใช่นักธุรกิจ
การประชุมสุดยอดที่จัดขึ้นโดยหอการค้าใหญ่ โดยทั่วไปแล้วได้พุ่งเป้าไปที่ผู้คนที่เข้าร่วมหอการค้าและบรรดานักธุรกิจ
สถานะของผู้ที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ล้วนมีเงื่อนไขที่ดีเลิศ ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปที่สามารถเข้าร่วมได้ อย่างไรก็ตามยังมีบรรดานักธุรกิจที่มากับครอบครัว คนเหล่านี้สามารถรับเข็มกลัดสีน้ำเงินและติดมันบนร่างกายให้เห็นเด่นชัด
เนื่องจากเนี่ยเฟิงไม่ได้เป็นสมาชิกของหอการค้า ดังนั้นเมื่อมาที่นี่เขาจึงได้เพียงเข็มกลัดสีน้ำเงิน เนี่ยเฟิงติดเข็มกลัดที่หน้าอกแล้วเดินตามชิวมู่เฉิง ทั้งสองคนเข้าไปในหอการค้า
หลังจากเข้าไปในห้องประชุมรังอินทรีแล้ว เนี่ยเฟิงก็รู้สึกว่าที่นี่มีผู้คนคึกคักมาก พลุกพล่านไปด้วยผู้คน ทั้งห้องประชุมมีผู้คนเดินขวักไขว่ ทุกคนกำลังพูดคุยบางสิ่งบางอย่างกัน หรือไม่ก็กำลังพูดคุยถึงเรื่องเก่าๆ
มีคนทุกประเภทมาที่นี่ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หน้าตาหลากหลาย แต่สิ่งเดียวที่เหมือนกันคือแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน
พวกผู้ชายจะสวมสูทราคาแพง พวกผู้หญิงจะประชันความงดงามฉูดฉาด
แม้ว่าชุดที่ชิวมู่เฉิงสวมใส่ จะดูไม่ฉูดฉาด แต่ก็เป็นเสื้อผ้าของแบรนด์ดังเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเสื้อผ้าที่เนี่ยเฟิงใส่จะเรียบง่ายมากกว่า ไม่ใช่ว่าบรรดาพี่สาวไม่ได้จัดการเรื่องเสื้อผ้าให้เนี่ยเฟิง แต่เนี่ยเฟิงไม่ชอบเครื่องแต่งกายตามกฎระเบียบพวกนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาเองก็ไม่ได้พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัวขนาดนั้น
เมื่อเนี่ยเฟิงกำลังปฏิบัติภารกิจ เขาเล่นได้ทุกบทบาท ทั้งขอทานใต้สะพานลอย ทหาร หรือลูกชายของมหาเศรษฐี ได้ลองสัมผัสความร่ำรวยมั่งคั่งและความยากจนมาทุกรูปแบบ สำหรับเนี่ยเฟิงแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
การปรากฏตัวของชิวมู่เฉิงดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือเธอสวยจนใครก็ละสายตาจากเธอไปไม่ได้ สายตาเกือบทุกคนจับจ้องมาที่เธอ
และในขณะนั้นเองเงาร่างหนึ่งก็เดินเข้ามาหาพวกเขา เขามีใบหน้าเหลี่ยม ดูอ้วนท้วนจ้ำม่ำ
“ท่านนี้ต้องเป็นคงเป็นประธานหญิงของเทียนหลงอินเตอร์เนชั่นแนลแห่งเมืองจินไห่ใช่ไหม? สวยกว่าในรูปมากจริงๆ สวัสดีครับ ผมเป็นพ่อค้าอสังหาริมทรัพย์ในเมืองซานเจียง ผมชื่อหวางปิน”
ชายวัยกลางคนผู้นี้ยื่นมือไปหาชิวมู่เฉิง ถึงอย่างไรก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน ดังนั้นจึงถือว่าเป็นเพื่อนร่วมอาชีพ
เนี่ยเฟิงมองไปที่ชายวัยกลางผู้นี้ สีหน้าท่าทางค่อนข้างเจ้าชู้หยาบคาย เขายื่นมือออกไปเงียบๆ ชายวัยกลางคนก็มองเห็นไม่ชัดเช่นกัน จึงจับมือของเนี่ยเฟิงแล้วฉวยโอกาสต่อไป
เขากำลังคิดว่า? สมกับที่เป็นสาวสวยอันดับหนึ่งแห่งมณฑลซานเจียง มือน้อยนี้…ช่างนุ่มนวลจริงๆ?
น่าแปลก ทำไมถึงไม่นุ่มนวลเลยสักนิด มือหยาบกระด้างแล้วยังออกจะแข็งแรงเกินไปสักหน่อย เขาก้มศีรษะลงทันที แล้วเห็นว่าตัวเองกำลังจับมือของเนี่ยเฟิงอยู่ เนี่ยเฟิงกำลังมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีครับ คุณหวาง ยินดีที่ได้รู้จัก”