เนี่ยเฟิงรู้แจ้งกระจ่างในฉับพลันพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก ตาเฒ่ามั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ มีคนมากมายอยู่ในด่านแรกก็พ่ายแพ้อยู่ในมือของตนเองแล้ว ถ้าหากไม่มีความสามารถในการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว งั้นจะกลายเป็นนักล่าเงินรางวัลที่แท้จริงคนหนึ่งได้ยังไงอีกล่ะ?
“จับไว้แล้ว”
ก็อยู่ในเวลานี้ อยู่ดีๆตาเฒ่ารู้สึกว่ามีความกดดันที่น่ากลัวกวาดผ่านมาอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยากลับมา ก็ถูกเนี่ยเฟิงล็อกคอไว้แล้ว?
อะไรนะ?!
แม้แต่ตาเฒ่าเองก็ไม่ได้พบเห็นว่า เนี่ยเฟิงเดินมาถึงข้างกายตนเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งๆที่พวกเขายังห่างกันระหว่างโต๊ะตัวหนึ่ง!
“คุณ!”
ตาเฒ่าเบิกตาโพลงทั้งคู่ ตกใจจนหายเมาไปหมด ไอ้คนนี้จากโต๊ะมาถึงฝั่งนี้ ดูเหมือนใช้ไม่ถึง 0.5 วินาที! นี่ตกลงว่าทำได้ยังไงกันแน่ล่ะ? ถึงขนาดจะรวดเร็วฉับไวเช่นนี้!
เนี่ยเฟิงปล่อยมือออก ยักไหล่แล้วยักไหล่อีกพูดว่า “ผมยังคิดว่านี่จะยากขนาดไหนล่ะ ตอนนี้ดูแล้วแท้ที่จริงยังคงง่ายมากนะ”
ตาเฒ่ากลืนน้ำลายหนึ่งทีอย่างลำบาก ทั้งหมดนี้ล้วนไม่เป็นความจริงเกินไปแล้ว “ความเร็วของคุณเร็วขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ?”
เนี่ยเฟิงลูบคางแล้วลูบคางอีก ในใจคิดอยู่ว่าถ้าหากอยู่ในสนามรบไม่มีความเร็วอย่างนี้ล่ะก็ ทุกนาทีชีวิตจะจบด้วยกระสุนปืนลูกหลง เขาย่อมต้องรวดเร็วฉับไวหน่อยจึงจะได้ อีกทั้งเขาล้วนทำการฝึกฝนอยู่ทุกวัน เพียงแค่ด้านความเร็วนี้เขาก็เคยเหนือกว่าคนมากมายแล้ว แต่ว่าอยู่บนโลกนี้ยังมีคนที่ยิ่งร้ายกาจมากกว่า
เป็นเพราะความคิดเช่นนี้นั่นเอง ดังนั้นเนี่ยเฟิงจึงไม่กล้าชะล่าใจ ทุกวันร่างกายล้วนอยู่ในสภาวะที่ตึงเครียดอย่างหนึ่ง ความตื่นตัวกับร่างกายของเขาล้วนเหมาะที่จะทุ่มลงไปในสงคราม
“ไม่ใช่ความเร็วของผมเร็ว แต่เป็นคุณช้าเกินไปแล้ว ด่านถัดไป” คำพูดนี้ที่เนี่ยเฟิงพูดแทบจะทำให้คนโมโหจนกระอักเลือดจริงๆเลย ตาเฒ่ากำกำปั้นกำแล้วกำอีก จากนั้นใช้สายตาที่พิจารณาดูอย่างรอบคอบจ้องมองเนี่ยเฟิงอยู่ ไม่แน่ว่าไอ้คนนี้อาจจะสามารถกลายเป็นคนถัดไปที่ได้ตำแหน่งสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆ
“คุณรออยู่ที่นี่ก่อนเถอะ อีกสักครู่ผู้คุมสอบคนถัดไปก็จะเข้ามา” ตาเฒ่าทั้งพูดอยู่ทั้งเดินออกไปเลย อะเดค่าอยู่ห้องนั่งเล่นเห็นตาเฒ่าเดินออกมา เธอตื่นเต้นจนลุกขึ้นมา เดิมทีเขาอยากเข้าไปถาม แต่เห็นตาเฒ่าได้เรียกอีกคนหนึ่งเข้าไป อะเดค่าก็เข้าใจเลย เนี่ยเฟิงย่อมผ่านด่านของตาเฒ่าที่แล้วแน่นอน
อะเดค่ามีความตื่นเต้นเล็กน้อยกำกำปั้นอย่างแน่น เห็นลักษณะท่าทีเธอคิดไม่ผิด เนี่ยเฟิงร้ายกาจมากจริงๆ ถึงแม้ว่าอาจจะเป็นไปได้มากที่จะผ่านไม่ได้ถึงสิบด่าน แต่ว่าเนี่ยเฟิงอยากจะเข้าร่วมสมาคมนักล่าเงินรางวัลน่าจะไม่ใช่ปัญหา
ผู้คุมสอบคนถัดมาเป็นชายวัยกลางคนที่จริงจังมากๆคนหนึ่ง สวมใส่แว่นตาอยู่บนใบหน้าอันหนึ่ง เห็นเพียงผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาเลย พินิจพิเคราะห์เนี่ยเฟิงขึ้นลงหนึ่งที “เป็นคุณที่อยากจะท้าสู้ตำแหน่งสามารถทำได้ทุกอย่างเหรอ?”
“ทุกคนที่เข้ามาล้วนต้องถามผมเช่นนี้เหรอ? เมื่อกี้คนที่พ่ายแพ้กับมือออกไปไม่ได้บอกกับคุณเรื่องที่ผมมาท้าสู้ตำแหน่งสามารถทำได้ทุกอย่างนี้มาก่อนเลยเชียวเหรอ?”
ท่าทีของเนี่ยเฟิงโอหังมากจริงๆ
ชายวัยกลางคนหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง เห็นเพียงเขาผลักแว่นตาผลักแล้วผลักอีก จากนั้นเปิดสมุดคำสอนที่อยู่ในมือออก“ด่านนี้ของผมง่ายมาก เพียงแค่ทำให้ผมพ่ายแพ้ นั่นคุณก็สามารถผ่านด่านนี้ได้”
แป๊บเดียวเนี่ยเฟิงดูมีชีวิตชีวา เขายิ้มอยู่ซักถามว่า “ผมอยากรู้ว่าอะไรเรียกว่าทำให้คุณพ่ายแพ้ คือทำให้จนคุณไร้เรี่ยวแรงใดๆที่จะโต้คืนเหรอ หรือว่าทำให้คุณยอมแพ้โดยตรงล่ะ?”
“เพียงให้ผมพูดคำว่ายอมแพ้ออกมา งั้นคุณก็สามารถไปด่านถัดไป”
ไอ้หนุ่มนี่ก็โอหังมากเกินไปแล้วมั้ง แม้ไม่รู้ว่ามีภูมิหลังอะไร แต่เขาจะให้เขารู้ว่าอะไรเรียกว่าความเหี้ยมโหดของสังคม
“งั้นก็เชิญคุณเตรียมใจไว้ให้ดีๆเลย” พอเนี่ยเฟิงสายตาขึงลับ ลักษณะพลังที่อยู่บนกายล้วนไม่เหมือนกันเลย เพียงเห็นเขาลงมือตัดกำลังก่อน จู่โจมอย่างรวดเร็วรุนแรง เดิมทีชายวัยกลางคนคนนั้น ยังคงมั่นใจในตนเองเต็มเปี่ยมนะ เพราะว่าเขาเป็นนักฆ่าระดับตราทองล่ะ
และยังมีชื่ออยู่บนตางรางจัดอันดับของนักฆ่า ต่อมา ถูกเชื้อเชิญมาถึงสมาคมนี้ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้คุมสอบ เขาอาจจะทำให้คนมากมายอกสั่นขวัญหายนะ ใครๆที่อยากจะผ่านด่านนี้ของเขา ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเรื่องหนึ่งเลย
แต่ยังไม่ถึงหนึ่งนาที เขาก็ชาไปทั้งตัวไม่สามารถขยับตัวได้แล้ว เหลือเพียงตาทั้งคู่ที่สามารถหมุนได้
และเนี่ยเฟิงที่อยู่ต่อหน้าเขา ในมือจับเข็มเงินสำหรับการฝังเข็มไว้หลายอัน กำลังจ้องมองเขาอย่างเย็นยะเยือกอยู่ “ฝีมือของคุณใช้ไม่ได้ อยู่ในสนามรบง่ายมากก็จะถูกคนจัดการไป ก็ไม่รู้ว่าคุณเป็นผู้คุมสอบมาได้ยังไงล่ะ ตอนนี้คุณจะร้องขอชีวิตไหม?”
ชายวัยกลางคนสีหน้าตื่นตะลึง เขากลับอยากจะร้องขอชีวิต แต่ว่าปากของเขาพูดไม่ได้ทั้งไม่สามารถพยักหน้ากับส่ายหัว แข็งทื่อไปทั้งตัวก็เหมือนเช่นดั่งมัมมี่
“ขอโทษจริงๆ ผมลืมไปแล้ว คุณดูเหมือนไม่สามารถพูดได้”
เนี่ยเฟิงยิ้มแล้วยิ้มอีก จากนั้นดึงเข็มเงินอันหนึ่งออก เวลานี้ในที่สุดชายวัยกลางคนจึงสามารถหอบหายใจหนึ่งที เนี่ยเฟิงนั่งอยู่บนโต๊ะ จ้องมองเขาอยู่มุมสูง “เป็นยังไงบ้างล่ะ? ยอมแพ้หรือยัง?”
ชายวัยกลางคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยเฟิงจริงๆ เขาพูดตรงไปตรงมาว่า “ไอ้หนุ่มคุณมีฝีมือหน่อยจริงๆ แต่อย่าคิดว่าเช่นนี้ก็สามารถได้ตำแหน่งสามารถทำได้ทุกอย่างเลย ด่านถัดไปจะยิ่งยากกว่านะ!”
“ยากหรือไม่ยาก ไม่ใช่พวกคุณพูดแล้วจะถูก” เนี่ยเฟิงพูดจบชั่วพริบตาเดียวดึงเข็มเงินสำหรับการฝังเข็มออก “คุณใช้มือซ้ายตลอดทั้งปี เป็นเพราะว่ามือขวาของคุณได้รับบาดเจ็บมาค่อนข้างร้ายแรง กระดูกกับกล้ามเนื้อล้วนอยู่ในสภาวะแยกออกจากกันอย่างหนึ่ง เมื่อกี้ผมช่วยรักษาให้คุณหายแล้ว ช่วงเวลานี้คุณก็ค่อยๆขยับมือขวาของคุณเถอะ”
ชายวัยกลางคนเบิกตาโพลงอย่างดุเดือด เขาขยับข้อต่อของมือขวาอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งหนึ่งที พบเห็นว่ามือขวาถึงขนาดว่องไวเช่นดั่งเมื่อก่อนแล้ว เขาจ้องมองเนี่ยเฟิอยู่งอย่างเหลือเชื่อ “คุณทำได้ยังไงล่ะ?!”
“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เก็บค่ารักษากับคุณ”
เนี่ยเฟิงพูดอยู่ไล่เขาออกไปเช่นดั่งไล่หมาน้อย “ให้ผู้คุมสอบคนถัดไปเข้ามา เวลาของผมมีจำกัดนะ”
ชายวัยกลางคนตื่นตะลึงเต็มใบหน้าเดินออกไปเลย ตอนนี้เขายังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่มากๆ
อะเดค่ามองเห็นว่าอีกคนหนึ่งออกมาแล้ว ไม่ใช่เนี่ยเฟิง เธอโล่งอกไปที
ผู้คุมสอบคนถัดไปเป็นผู้หญิงที่เยาว์วัยยั่วยวนคนหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้รูปร่างสวยหยาดเยิ้ม หลังจากเธอเดินเข้าไปแล้ว ส่งสายตาหวานให้กับเนี่ยเฟิงหนึ่งที “มาถึงด่านนี้ของฉันคุณไม่เลวมากจริงๆ สิ่งที่ทดสอบในด่านนี้ของฉันเป็นความสามารถในการพลางตัวของคุณ……”
เนี่ยเฟิงคิดอยู่ว่าการทดสอบของตำแหน่งสามารถทำได้ทุกอย่างของสมาคมนี้ ช่างเหมือนการคัดเลือกยอดนักฆ่ามากจริงๆ ไม่เพียงแค่กำลังวังชา ความเร็วในปฏิกิริยาทางร่างกายและการใช้อาวุธปืนรวบรวมข่าวกรองต่างๆ หัวข้อการคัดเลือกเหล่านี้ล้วนเหมือนกำลังคัดเลือกยอดนักฆ่าอยู่
เนี่ยเฟิงยักไหล่แล้วยักไหล่อีก ไม่ว่าผู้คุมสอบทดสอบยังไง เขาล้วนตอบอย่างชาญฉลาดรวดเร็วไม่มีช่องโหว่ใดๆ แม้แต่จุดความรู้ที่คลุมเครือเข้าใจได้ยากเขาล้วนสามารถพูดได้อย่างชัดเจน
หญิงเยาว์วัยยั่วยวนคนนี้ เพียงรู้สึกว่าฐานความรู้ของตนเองล้วน เหือดแห้งแล้ว เนี่ยเฟิงที่อยู่ต่อหน้าก็เหมือนเช่นดั่งมหาสมุทรแห่งความรู้
“ในเมื่อคุณทดสอบผมแล้ว งั้นผมก็ทดสอบๆความสามารถในการพลางตัวของคุณเช่นกันเถอะ ลักษณะท่าทีของคุณดูแล้วเหมือนไว้ใจไม่ค่อยได้”
เนี่ยเฟิงพูดจบก็เลยโยนคำถามหลายข้อออกมา คำถามหลายข้อนี้หญิงเยาว์วัยล้วนไม่สามารถตอบกลับ ในชั่วขณะเธอรู้สึกเพียงอับอายขายหน้าจนจะแทรกแผ่นดินหนีไม่ทัน
“ผู้คุมสอบ เห็นลักษณะท่าทีคุณยังต้องไปเสริมเพิ่มเติมจุดความรู้อีก มิฉะนั้นง่ายมากที่จะเผยช่องโหว่ในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ”
หญิงเยาว์วัยกระทืบเท้าแล้วกระทืบเท้าอีก รู้สึกโมโหมากๆเดินออกไปเลย