ผู้รับผิดชอบหัวเราะเย็นชาเสียงหนึ่ง “โอหังแล้วยังไง? พวกเรามีทุนที่ให้โอหัง! คุณนับเป็นเหี้ยอะไร? ถึงขนาดกล้ามาต่อรองกับผม? ช่างกล้ามากจริงๆนะ!”
เนี่ยเฟิงรู้ว่า เขาอาจจะไม่สามารถได้ในสิ่งที่ตนเองอยากได้จากผู้รับผิดชอบที่นี่ เพียงแค่ตอนนี้สภาพการณ์ค่อนข้างคับขัน ถ้าหากเขาไม่เร็วหน่อยล่ะก็ ไม่แน่ว่าอะเดค่าอาจจะมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
เนี่ยเฟิงเดินเข้าไปยังผู้รับผิดชอบ ตอนนี้ผู้รับผิดชอบยังขี้เหนียวที่จะส่งสายตาแก่เนี่ยเฟิงสักหน่อย เขาเหมือนเช่นดั่งไล่แมลงวันไล่เนี่ยเฟิง อยากจะทำให้เนี่ยเฟิงรีบออกไปเลย อย่าขัดขวางเขาทำงานอยู่ที่นี่
ในตอนนี้เนี่ยเฟิงจับคอเสื้อของผู้รับผิดชอบไว้ทันที ลากคนออกจากหน้าต่างเคาร์เตอร์สำนักงานโดยตรง เนี่ยเฟิงยิ้มตาหยีพูดว่า “ผมต้องการบัตรผ่านประตูงานประมูลของพวกคุณใบหนึ่ง”
เนี่ยเฟิงพูดจบ ชกไปยังข้างใบหน้าผู้รับผิดชอบหนึ่งหมัด หน้าโต๊ะที่ผลิตโดยหินอ่อนนั้นชั่วพริบตาเดียวแตกเป็นเสี่ยงๆ รอยกำปั้นสลักอยู่ข้างบนเลย
เยี่ยมมาก นี่เป็นแรงกำลังขนาดไหนล่ะ? หมัดนี้ถ้าหากชกอยู่บนหัวของเขา คาดว่าสมองของเขาล้วนจะแตกเป็นเสี่ยงๆแล้ว!
ผู้รับผิดชอบเบิกตาโพลงจ้องมองเนี่ยเฟิงเก็บกำปั้นกลับไปอยู่ มือของเขาล้วนไม่เกิดอะไรขึ้นเลยสักนิด
นี่เป็นหินอ่อนนะ! หินอ่อนที่แข็งแกร่ง! ยกเว้นจะใช้ค้อน มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้โต๊ะนี้กระเทือนสักครึ่งเสี้ยวล่ะ!
ตกลงว่าเนี่ยเฟิงทำได้ยังไงกันแน่? แรงกำลังของเขาล้วนมหาศาลกว่าซูปเปอร์แมนจริงๆเลย!
“ถ้าหากคุณยังใช้ท่าทีดั่งเมื่อกี้ปฏิบัติต่อผมอยู่ ผมไม่สามารถรับรองว่า คราวหน้ากำปั้นจะชกอยู่บนหัวของคุณหรือไม่” เสียงของเนี่ยเฟิงล้วนแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม ฟังอยู่ก็เหมือนดั่งกำลังพูดคำพูดที่สุภาพอ่อนโยนอะไรอยู่
ผู้รับผิดชอบก็นึกไม่ถึงว่าเนี่ยเฟิงถึงขนาดจะใช้ความรุนแรง เขาหวาดกลัวเหลือเกิน ไอ้คนนี้ล้วนเป็นคนที่รังแกผู้อ่อนแอแต่กลัวผู้แข็งแรงมาโดยตลอด หลังจากร่างกายของเขาถูกดึงออกจากหน้าต่างไปครึ่งท่อน เขาก็หวาดกลัวแล้ว เขารีบตอบกลับทันทีว่า “ขอโทษ! ผมจะจัดการให้คุณตอนนี้เลย!”
เนี่ยเฟิงนี่จึงปล่อยมือออก ในเวลานี้ผู้รับผิดชอบสั่นระริกกลับไปที่เคาร์เตอร์หน้าต่างของตนเอง เขากระทั่งไม่กล้าถามถึงเงินกับเนี่ยเฟิง ก็กังวลว่าเนี่ยเฟิงจะใช้หมัดเดียวเอาชีวิตของเขาไปเลย
ผู้รับผิดชอบให้บัตรผ่านประตูของงานประมูลแก่เนี่ยเฟิงใบหนึ่งทันที เขาพยายามเต็มที่ไม่ให้เสียงของตนเองฟังแล้วสั่นระริกอยู่ “คุณ คุณผู้ชาย งานประมูลในช่วงอันใกล้นี้มีเพียงฉากเดียว เป็นเวลาเที่ยงคืนของวันนี้จัดอยู่บนที่อยู่ที่กล่าวไว้ข้างต้นนั้น ขอให้คุณสนุก”
หลังจากเนี่ยเฟิงจ้องมองบัตรของงานประมูลหนึ่งที ทิ้งเหรียญทองไว้หลายเหรียญ ต่อจากนี้ออกจากห้างประมูลไป๋อิ๋นไปเลย
เนี่ยเฟิงเพิ่งก้าวออกไป ผู้รับผิดชอบก็ไหลเลื่อนตามหลังลงจากเก้าอี้เลย
ผ่านไปนานมาก เขาจึงคืนสติกลับมาจากความตื่นตระหนกตกใจ เขาระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งเดินออกไปเลย ตอนที่เขาเห็นรอยกำปั้นที่อยู่บนโต๊ะ ทั้งรู้สึกหัวใจของเขาเต้นอย่างบ้าคลั่งแล้ว
เนี่ยเฟิงถือบัตรใบนี้ไว้ คิดแล้วคิดอีก ก็เลยไปซื้อเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ร้านค้าแบรนด์หรูมาเปลี่ยน
คนที่เข้าออกสถานที่แบบนี้ ล้วนเป็นคนที่มีหน้ามีตา ยามปกติเนี่ยเฟิงสวมใส่เสื้อผ้าล้วนจะสบายแบบไหนไปแบบนั้น ครั้งนี้เนี่ยเฟิงจะไปเข้าร่วมงานประมูล ดังนั้นจำเป็นต้องทำการแต่งตัวเหมือนตระกูลผู้ดีสักหน่อย
เดิมทีเขาก็หน้าตาหล่อมากๆอยู่แล้ว ดังนั้นหลังจากเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็ยังงดงามสูงส่งเต็มเปี่ยมเช่นกัน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เนี่ยเฟิงก็ได้หาสถานที่ที่หนึ่งบำรุงสุขภาพและสะสมกำลัง
ถึงเที่ยงคืน เนี่ยเฟิงมายังที่ตั้งของงานประมูลโดยตรง
ที่นี่เรียกว่าโฮมสเตย์ซันมูนดูแล้วงดงามสูงส่งอย่างมาก ปลูกกุหลาบขาวที่สวยงามเต็มไปทุกที่ ในลานจอดรถของวิลล่ามีรถหรูหราจอดเต็มไปหมดแล้ว พวกชายหญิงที่แต่งตัวงดงามสูงส่งเหล่านั้น สองสามคนไปไหนมาไหนด้วยกัน บนใบหน้าของพวกเขาล้วนสวมใส่หน้ากากอยู่ดูไม่ออกว่าตกลงเป็นใคร
แต่ขอเพียงรู้จักกัน ถึงแม้ว่าสวมใส่หน้ากากอยู่ก็ไม่เป็นไร ฟังเสียงก็สามารถฟังออกได้แล้ว
เนี่ยเฟิงก็หยิบหน้ากากอันหนึ่งมาใส่เช่นกัน การแต่งตัวของเขาแม้ดูแล้วมีความน่าสงสัยว่าจะเป็นบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนเล็กน้อย เพราะว่าร้านเสื้อผ้าที่เนี่ยเฟิงไปซื้อวันนี้นั้นล้วนเป็นบุคคลที่ค่อนข้างรวยชั่วข้ามคืน
พวกเขาคนมีเงินแท้ๆไม่ใช่ทุกคนล้วนที่จะไปเสาะหาแบรนด์เนมอย่างนี้ พวกเขายิ่งชอบจ้างกลุ่มเอกชนตัดชุดสูทชุดราตรีสิ่งต่างๆเหล่านี้ให้กับตนเอง
มีน้อยคนที่จะสวมใส่อย่างเนี่ยเฟิงแบบนี้ แต่เนี่ยเฟิงหน้าตาหล่อรูปร่างสูงเรียว สวมใส่เสื้อผ้าเหล่านี้ไม่เพียงแค่ไม่ได้ทำให้คนรู้สึกเหมือนบุคคลที่รวยชั่วข้ามคืนกลับยังทำให้คนรู้สึกตาสว่างขึ้นทันที เสื้อผ้าเหล่านี้ก็เหมือนเช่นดั่งวัดตัวสั่งตัดให้กับเนี่ยเฟิงโดยเฉพาะ
เนี่ยเฟิงสำรวจฝูงชนโดยคร่าวๆสักหน่อย เห็นพวกเขาล้วนมุ่งไปยังทิศทางเดียวกัน เนี่ยเฟิงก็อยู่ในฝูงชนเช่นกัน
ไม่นานพวกเขาก็มาถึงข้างในวิลล่าแล้ว ที่นี่ทำการตกแต่งอย่างโอ่อ่าตระการตา แต่ก็ไม่สูญเสียความสง่าสวยงามอีก ดูแล้วก็เหมือนพระราชวังในยุคกลาง ทำให้คนรู้สึกว่าอยู่ในนั้นคล้ายเช่นดั่งเจ้าหญิงเจ้าชาย
เนี่ยเฟิงจ้องมองหนึ่งที จากนั้นเก็บสายตากลับ สิ่งของที่อยู่ในนี้สำหรับเขามากล่าวไม่มีประโยชน์มากเท่าไหร่เลย สิ่งที่มีประโยชน์จริงๆคือในวิลล่าแห่งนี้ตกลงเปิดประตูไว้มากน้อยเท่าไหร่
เนี่ยเฟิงเป็นนักฆ่าที่ยอดเยี่ยมมากๆคนหนึ่ง อยู่ในสมัยก่อนเขาก็ถือตำแหน่งสำคัญ อยู่ระหว่างสงครามกับปฏิบัติภารกิจ เพื่อที่จะสามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ เขาจำเป็นต้องมองทะลุปรุโปร่งสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่
แบบนี้มีผลดีต่อการซ่อนเร้นกับหนีไป
และอยู่ตอนที่เข้าไปในวิลล่า เนี่ยเฟิงก็ได้รับรู้จากปากของคนเหล่านี้ งานประมูลของคืนวันนี้ประเด็นหลักคือทำการประมูลทาส
ล้วนเป็นยุคสมัยไหนแล้ว ถึงขนาดยังมีทาส ดูแล้วเมืองจันทร์ทองคำเป็นสวรรค์อาชญากรรมอย่างที่คิดไว้จริงๆ ที่นี่คนประเภทไหนล้วนมี เนื่องจากระดับสถานะ คนที่ระดับต่ำอยู่ที่นี่ก็จะไม่มีทางให้อยู่รอดเลยสักนิด พวกเขาได้แต่พึ่งพาอาศัยคนบางคนและอาจจะขายตนเองอยู่ที่นี่พอที่จะประคองชีวิตให้รอดไปวันๆ
ฟังแล้วไม่มีสิทธิมนุษยชนจริงๆเลย แต่อยู่ในเมืองจันทร์ทองคำ ถึงขนาดเป็นเรื่องที่ธรรมดามากๆ
พวกเขาเข้าไปพร้อมกันสองสามคน พวกเขาตามบัตรผ่านประตูงานประมูลที่อยู่ในมือหาเจอกับที่นั่งที่สอดคล้องกันนั่งลงไป มีบางคนที่สถานะค่อนข้างพิเศษ ที่นั่งอยู่เป็นห้องพิเศษ ที่นี่ก็เหมือนดั่งศาลากลางแห่งหนึ่ง พวกเขาคล้ายดั่งผู้ชม
และที่ถูกล้อมรอบด้วยที่นั่งเหล่านี้เป็นเวทีแห่งหนึ่ง
ที่นั่งบัตรผ่านประตูงานประมูลของเนี่ยเฟิงใบนี้ไม่ถือว่าดีมากเลย แต่สายตาของเนี่ยเฟิงไม่เลวมาก ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่านั่งอยู่ข้างหลังก็ไม่เป็นไร
เนี่ยเฟิงนั่งลงไปไม่นาน งานประมูลฉากนี้ก็เริ่มแล้ว พิธีกรคนหนึ่งที่สวมใส่หน้ากากเดินขึ้นไปบนเวทีเลย ไฟสีเขียวสาดส่องอยู่บนกายพิธีกร พิธีกรพูดภาษาเมืองจันทร์ที่คล่องแคล่วอยู่เต็มปากเต็มคำ
“ขอบคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่อยู่ในงานมากมายยังหาช่องว่างมาเข้าร่วมงานประมูลที่นี่ งานประมูลของคืนวันนี้สิ่งที่จะทำการประมูลเป็นทาสสิบคนหน้าตาของพวกเขาหล่อสวยเตะตา ลักษณะแบบไหนล้วนมี ตามใจคุณเลือก!”
คนที่มายังถือว่าค่อนข้างมาก พวกเขาพูดไปหัวเราะไป เห็นลักษณะท่าทีดั่งเคยมาหลายครั้งแล้ว
อยู่ในงานประมูลสิ่งของที่ดีล้วนผลักไปยังข้างหลังโดยตลอด และสิ่งที่ธรรมดาล้วนอยู่ชิ้นแรก
ตอนนี้เนี่ยเฟิงใจเย็นเหลือเกิน เขานั่งอยู่ที่นั่งข้างหลังจ้องมองไปยังเวทีจากที่ไกลๆ
อันดับแรกที่ถูกทำการประมูลคือหญิงสาวที่หน้าตาสวยสะอาดบริสุทธิ์คนหนึ่ง หญิงสาวคนนี้อายุไม่มาก เธอไม่รู้ว่าตนเองมาที่นี่เพื่ออะไร
ผู้จัดใช้โซ่ขนาดเล็กหมัดแขนกับขาของหญิงสาวคนนี้ไว้ บนกายเธอสวมใส่เสื้อที่เปิดโล่งอยู่
ลักษณะท่าทีน่าสงสารเหลือเกิน ทำให้คนชอบจริงๆ
ราคาการประมูลหนึ่งแสน
หลังจากเริ่มการประมูล ราคาของหญิงสาวก็เพิ่มขึ้นถึงหนึ่งล้านทันที