คอนสแตนตินมองไปที่รอบๆรถอัญมณี หลังจากนั้นก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วกวักมือหาเซลล์ขายรถ เซลล์ขายรถจะกล้าไม่ทำตามได้อย่างไร เขาวิ่งเข้าไปหาอย่างประจบประแจง โค้งคำนับสอบถามคอนสแตนติน ว่าเขามีอะไรให้รับใช้
“รถคันนี้ไม่เลวเลย ฉันได้ยินมาว่ารถพึ่งมาถึง แล้วจะประมูลงั้นหรอ อย่าประมูลเลย เอากุญแจรถคันนี้ให้ฉันซะ ฉันจะเอา!”
เซลล์ขายรถได้ยินคอนสแตนตินพูดแบบนั้นก็รู้สึกลำบากใจมาก เพราะรถพวกนี้เป็นรถรุ่นที่มีจำนวนจำกัดต้องทำการประมูล นี่เป็นประเพณีไปแล้ว
นอกจากนี้ รถของโคนิกเซ็กก์เดิมทีเป็นรถที่สามารถพบเจอได้ แต่ไม่สามารถเรียกร้องมันมาได้อยู่แล้ว……
“ต้องขอโทษด้วยครับ เจ้าเมืองน้อย ผมไม่สามารถตัดสินใจได้ครับ ผมว่าคุณรอสักครู่นะครับเดี๋ยวผมจะโทรหาเถ้าแก่สักครู่แล้วผมจะรีบตอบกลับคุณนะครับ คุณว่าเป็นยังไง?”
เซลล์ขายรถกลัวว่าตัวเองจะพูดอะไรผิดจนทำให้คอนสแตนตินโมโห
เป็นไปตามคาดคอนสแตนตินถึงกับหน้ามืดดำขึ้นมาในทันที
“แกกล้าเสนอคำแนะนำงั้นหรอ หรือแกไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร?รถที่ฉันอยากได้ฉันยังไม่สามารถซื้อได้งั้นหรอ?อีกอย่างนะ งานประมูลในวันนี้ก็ไม่มีใครมา เพราะฉันบอกให้คนพวกนั้นห้ามมาแย่งรถกับฉัน!”
คอนสแตนตินมองไปที่เซลล์ขายรถอย่างเคร่งขรึม หน้าผากของเซลล์ขายรถมีเหงื่อผุดออกมา เขาอยากจะยื่นมือออกมาเช็ด แต่ก็ไม่กล้า กังวลว่าคอนสแตนตินจะโมโห
“ไอ้บัดซบ เจ้าเมืองน้อยของเราซื้อรถของพวกแกไปตั้งเท่าไร?หรือแกไม่รู้ห้ะ!ถ้ารู้ตัวเองก็รีบเอากุญแจออกมาให้ฉันซะ ไม่อย่างนั้นแหล่งขายรถของพวกแกก็อย่าเปิดมันอีกเลย!”
ลูกสมุนที่เห็นแบบนั้นจึงก้าวมาข้างหน้า แล้วเริ่มตะคอกเสียงดัง เนี่ยเฟิงพวกเขามองอยู่ไกลๆ รู้สึกว่าลูกสมุนคนนี้ตะโกนเสียงดังมาก
“เซลล์ขายรถคนนี้ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างแบ่งแยกชนชั้น คิดไม่ถึงว่าจะถูกด่าขนาดนี้ ผมเห็นเขาถูกไอ้หมอนั่นถีบไปหนึ่งครั้ง ผมรู้สึกสะใจชะมัดเลย!”
พานฉางอันทำเสียงหึอย่างเย้ยหยัน เมื่อครู่พานฉางอันยังคิดอยู่เลย เซลล์ขายรถคนนี้ประจบใครอยู่กันแน่?ตอนนี้ดูท่าจะไม่ใช่คนดีอะไร!
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้ว เห็นว่าที่นี่บรรยากาศป่าเถื่อน เขาจึงคิดจะไปดูที่ร้านอื่น ถึงอย่างไรเขาก็มาซื้อแค่รถหนึ่งคันเอาไว้เดินทาง ขอแค่สมรรถภาพดีหน่อยก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมาดูสีหน้าของใครที่นี่หรอก
“เราไปดูร้านอื่นกันเถอะ ที่นี่วุ่นวายจริงๆ”
เนี่ยเฟิงขมวดคิ้ว เขากวักมือเรียกพานฉางอัน กำลังจะเดินออกจากประตูที่อยู่ข้างๆ แต่คิดไม่ถึงว่าลูกสมุนของคอนสแตนตินจะพาลเช่นนี้!
“พวกแกว่าใครวุ่นวายห้ะ!”
ลูกสมุนของคอนสแตนตินเท้าสะเอวแล้วชี้ไปทางเนี่ยเฟิงกับพานฉางอัน เดิมทีพวกเขาทั้งสองคิดที่เดินจากไป พอได้ยินลูกสมุนพูดแบบนั้น ทั้งสองจึงหยุดชะงักเท้าลง เนี่ยเฟิงมองไปที่ลูกสมุนคนนั้น
“ใครนั่งตามหมายเลขที่นั่ง ฉันก็ว่าคนนั้นนั่นแหละ”
คนอย่างเนี่ยเฟิงไม่ค่อยชอบหาเรื่อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอมีใครยั่วยุเขาแล้ว เขาจะไม่ตอบโต้กลับ
กลับกัน คนอย่างเนี่ยเฟิงมีแค้นก็ต้องชำระเดี๋ยวนั้นเลย เขาจะไม่รอให้ถึงวันที่สอง และจะไม่ให้คนพวกนี้อยู่อย่างสงบสุข
เนี่ยเฟิงเป็นคนที่ตาต่อตาฟันต่อฟัน ประเภทมีแค้นต้องชำระ
“นี่!ไอ้งั่งที่ไหนกันเนี่ย ถึงกล้ามาพูดกับฉันไม่ระวังปาก แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร!”
ลูกสมุนคนนั้นโกรธจนพุ่งตัวเข้ามาหาเนี่ยเฟิง รูปร่างของเขาเล็กๆ แต่คิดไม่ถึงว่าเสียงของเขาจะดังมาก
จู่ๆเนี่ยเฟิงก็นึกขึ้นมาได้หนึ่งเรื่อง เขาอดที่จะขำออกมาไม่ได้ ลูกสมุนคนนั้นที่เห็นเนี่ยเฟิงหัวเราะ จึงคิดว่านั่นคือการเหยียดหยามตนเอง
“แกหัวเราะอะไรไม่ทราบ!”
พานฉางอันรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อย ไม่รู้ว่าพี่เฟิงทำไมถึงได้หัวเราะในตอนนี้ นี่มันคือการท้าทายอีกฝ่ายไม่ใช่หรอ?
“ผมแค่นึกถึงเรื่องตลกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้น่ะ คุณรู้ไหม?มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่า หมาที่เห่าเป็นแค่ไหนก็ยิ่งกัดคนไม่เป็น คุณอาจจะเป็นหมาประเภทนั่นก็ได้นะ”
ลูกสมุนถูกด่าว่าเป็นสุนัข เขาจะทนมันได้อย่างไร เขาเงื้อหมัดขึ้นแล้วชกไปทางเนี่ยเฟิง แต่หมัดของเขากลับไม่ได้แตะต้องแม้แต่ชายเสื้อของเนี่ยเฟิง ก็ถูกเนี่ยเฟิงถีบหงายหลังกระเด็นไปแล้ว
ลูกสมุนถูกเตะกระเด็นไปไกลหลายเมตร แล้วล้มลงกับพื้น
พานฉางอันที่เห็นฉากนี้จึงปรบมืออย่างรวดเร็ว แต่เมื่อคิดๆดูแล้วเจ้านายของลูกสมุนยังอยู่ที่นี่ ดังนั้นดขาจึงรีบเก็บสีหน้าทันที
เวลานี้เองพานฉางอันก็รู้แล้วว่าคนผู้นี้คือใคร คนผู้นี้ก็คือคอนสแตนตินเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยกวิศิษฏ์ เป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการของเศรษฐี พ่อของเขารวยมากๆ และเขาก็ชอบจีบสาว แข่งรถ ซื้อรถ ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย
ถ้าเป็นเวลาปกติพานฉางอันจะกล้ามองคอนสแตนตินอย่างไร คอนสแตนตินคนผู้นี้นิสัยโมโหร้าย ถ้ามองเขามากไป เขาจะให้คนอื่นควักลูกตาออกมา เขาเป็นคนที่ไร้เหตุผล พานฉางอันแทบอยากเดิมอ้อมเมื่อพบเจอคนเหล่านี้
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน ตอนนี้พานฉางอันมีเนี่ยเฟิงคอยสนับสนุน ไม่ว่าอย่างไร เนี่ยเฟิงก็เป็นเจ้าเมืองของเมืองอิลลูชั่น ก็เพียงแค่เมืองอิลลูชั่นสร้างสำเร็จ ถ้าอย่างนั้นเมืองหยกวิศิษฏ์จะนับประสาอะไร?
ด้วยเหตุนี้นี่เอง ดังนั้นพานฉางอันจึงมีความมั่นใจมาก แต่พานฉางอันยังคงไม่กล้าปะทะกับคอนสแตนตินโดยตรง
คอนสแตนตินมองไปที่ลูกน้องของตัวเองถูกเตะจนล้มหงายหลังกระเด็น เขาก็รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
“พวกแกทำอะไรห้ะ?ฉันบอกไปกี่รอบแล้ว ว่าถ้าฉันอยู่ที่นี่ห้ามคนอื่นอยู่ พวกแกกลับยังมีคนอยู่ที่นี่ นี่มันน่าโมโหเกินไปแล้วนะ!”
คอนสแตนตินมองไปที่เนี่ยเฟิงกับพานฉางอันด้วยความโกรธ ราวกับว่าทั้งสองเป็นคนจุดประกายไฟขึ้นมา เซลล์ขายรถสีหน้าแข็งทื่อ รีบก้าวขึ้นมา แล้วก่นด่าอย่างหยาบคายไปว่า
“พวกแกยังอยู่ที่นี่อีกทำไม?หรือมองไม่เห็นห้ะ?ว่าเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยกวิศิษฏ์ท่านนี้ มาซื้อรถที่นี่แล้ว พวกแกรีบหลบออกไปซะ อย่ามาทำทำให้เจ้าเมืองน้อยอารมณ์เสียนะ!”
เดิมทีเนี่ยเฟิงไม่ได้คิดจะซื้อรถที่นี่ แต่สีหน้าของเซลล์ขายรถกับคอนสแตนตินทำให้เขารู้สึกไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“เขาเป็นใคร?ผมจะซื้อรถที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา?พวกคุณเปิดร้านทำธุรกิจแต่ไม่ใช้คนอื่นเข้าร้าน นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะ อีกอย่าง ถ้าพวกคุณจะทำแบบนี้ก็ควรที่จะเคลียร์คนล่วงหน้า แต่ไม่ใช่มาไล่คนออกไปในเวลาแบบนี้”
เนี่ยเฟิงยืนตัวตรงเหมือนต้นสนซีดาร์ต้นหนึ่ง
เขาไม่รู้ว่าคอนสแตนตินเป็นใครกันแน่ แต่ถึงจะรู้อย่างไร เนี่ยเฟิงก็ไม่สนใจ เพราะเนี่ยเฟิงเป็นคนกล้าที่จะทำทุกสิ่งอยู่แล้ว คอนสแตนตินที่ได้ยินเนี่ยเฟิงพูดแบบนั้นจะสามารถทนกล้ำกลืนฝืนความโกรธได้อย่างไร?
เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าท้าทายอำนาจของตัวเอง คอนสแตนตินมองสำรวจเนี่ยเฟิงตั้งแต่หัวจรดเท้า หมอนี่แต่งตัวไม่เหมือนคนรวยอะไร
“ดูท่าแกจะไม่รู้ซะแล้วว่าฉันเป็นใคร คอนสแตนตินเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยกวิศิษฏ์ ถ้าแกไม่รู้ว่าเป็นใครก็รีบไปสืบสาวราวเรื่องซะ!”
“อ๋อ งั้นผมก็รู้แล้วล่ะ ว่าคุณเป็นเจ้าเมืองน้อยของเมืองหยกวิศิษฏ์ คอนสแตนตินแล้วยังไงล่ะ?”
เนี่ยเฟิงยักไล่ และยังคงทำท่าทำทางไม่สนโลก คอนสแตนตินพึ่งเคยพบเคยเจอคนเช่นนี้ เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร