ในที่สุดกลุ่มซูหยางก็เดินทางมาถึงนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหลังจากที่ใช้เวลาเกินหนึ่งชั่วโมงมาเล็กน้อยเหนือทะเลหยก
อย่างไรก็ตามก่อนที่ซูหยางจะทันได้เข้าไปในที่พักของตัวเองซึ่งตั้งอยู่ที่เขตศิษย์นอกแม้ว่าเขาจะเป็นศิษย์ในแล้วก็ตาม เขาก็เห็นร่างหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูบ้าน ดูเหมือนกับว่าเธอได้ยืนอยู่ที่นั่นมาหลายวันแล้ว
“เจ้าแม่นิกาย” ซูหยางเรียกเธอ
โหลวหลานจี เจ้าสำนักของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พลันหันกายมามองยังซูหยางที่ตรงเข้ามาหา
ใบหน้าเธอมีท่าทางโกรธเมื่อเห็นซูหยาง แต่ก็มีแววโล่งใจแฝงอยู่ภายในสายตาเธอ ราวกับว่าดีใจที่เห็นเขายังมีชีวิตอยู่
“ซูหยาง เจ้าไปไหนมาสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้” เธอพลันตั้งคำถามเขา
อย่างไรก็ตามซูหยางทำท่าเหมือนว่าไม่รู้เรื่องราวอะไรและกล่าวเพียงว่า “ที่ไหนรึ ข้าคิดว่าข้าได้ลงชื่อไว้กับผู้อาวุโสนิกายก่อนที่จะไปแล้ว ทั้งมีบันทึกว่าข้าจักออกไปทำภารกิจ”
โหลวหลานจีขมวดคิ้วและกล่าวเสียงดัง “ภารกิจบ้านะสิ อย่าคิดว่าเจ้าสามารถปิดเรื่องการออกไปผจญภัยเล็กน้อยที่ภาคเหนือจากข้าได้เพียงแค่พูดเป็นอย่างอื่น”
ซูหยางเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ ทำไมเธอจึงรู้เรื่องนี้ได้
เขาไม่รู้ว่าตระกูลซูได้ติดต่อเธอและตำหนิเรื่องปล่อยให้เขากลับไปยังภาคเหนือทั้งที่มีข้อตกลงกันอยู่
“เช่นนี้เป็นว่าเจ้ารู้แล้วสินะ เฮ้อ” ซูหยางยังคงเยือกเย็นและกล่าวว่า “แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่ภาคเหนือ แต่เจ้ากลับทำเหมือนกับว่าห้ามไปที่นั่น ทำไมเป็นเช่นนั้น”
“…”
โหลวหลานจีไม่คาดคิดว่าเขาจะตั้งคำถามเธอจนทำให้เธอพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะว่าเธอมีข้อตกลงกับตระกูลซู ภายใต้สถานการณ์นั้น ทำให้เธอไม่สามารถบอกความจริงกับเขาได้ ดังนั้นเมื่อเขาตั้งคำถามกับเธอจึงทำให้เธอเงียบงันไปได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่าตระกูลซูตั้งใจเก็บซ่อนข้อมูลบางอย่างไว้ยามเมื่อตำหนิเธอ โหลวหลานจีจึงยังไม่รู้ว่าซูหยางได้กลับไปยังตระกูลซูเรียบร้อยแล้ว เธอรู้เพียงแค่ว่าเขากลับไปยังภาคเหนือด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
“ศ-ศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต้องขออนุญาตจากเจ้าสำนักก่อนที่พวกเขาจะได้รับอนุญาตให้เดินทางเกินกว่าระยะทางที่กำหนด และเจ้าไม่เพียงไปเกินระยะทางนั้น แต่เจ้ายังไปไกลถึงภูมิภาคอื่น แม้ว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ใน เจ้าจักต้องถูกทำโทษที่ฝ่าฝืนกฏของนิกาย” สุดท้ายโหลวหลานจีก็พบข้อแก้ตัวสำหรับกล่าวอ้างกับเขา
“เป็นเช่นนั้นหรอกรึ…ข้าเข้าใจแล้ว” ซูหยางยอมรับชะตากรรมของตนเองอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าจักยอมรับการลงโทษทุกอย่างที่เจ้าต้องการลงโทษข้า แต่ก่อนถึงตอนนั้น ข้าจักไปพักผ่อน”
“เดี๋ยว ข้ายังมิได้จบธุระกับเจ้า” โหลวหลานจีหยุดเขาไว้ก่อนที่เขาจะได้เข้าไปในที่พัก
“คราวนี้เป็นอะไรอีก” ซูหยางถอนใจ
บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าส่วนลึกในใจเธอคาดหวังต่อกลเม็ดระดับเทพของซูหยางไว้เป็นอย่างสูง หรือบางทีอาจจะเป็นแค่เรื่องปกติที่เธอคุ้นเคย ดังนั้นถึงแม้ว่าซูหยางจะมีท่าทางไมแยแสต่อเธอซึ่งเป็นเจ้าสำนัก โหลวหลานจีจึงไม่ได้แสดงท่าทีอันใด ยิ่งอย่าคิดว่าจะโกรธ
“การแข่งขันระดับภูมิภาค เหลือเพียงแค่ครึ่งปีก่อนที่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยของเราจะเข้าร่วมกับกิจกรรมนี้ และข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าเจ้าจักต้องเข้าร่วมกับกิจกรรมนี้พร้อมกับคนอื่นอีกสองสามคน” โหลวหลานจีพูดถึงการแข่งขันระดับภูมิภาคที่อยู่ไกลถึงสุดขอบฟ้า
“…ทำไมเจ้าต้องเลือกคนอย่างข้า และทำไมข้าต้องไปทำอะไรที่น่ารำคาญเช่นนั้นด้วย” ซูหยางกล่าวกับเธอแม้ว่าจะมีความสนใจในเหตุการณ์นี้อยู่แล้วนับตั้งแต่ผู้อาวุโสวูบอกเขาเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กสาวที่มีร่างร้อยพิษมิกรายจะเข้าร่วมด้วย
“เจ้าจักเข้าร่วมเพราะว่ามันเป็นความรับผิดชอบของเจ้าซึ่งในฐานะศิษย์ของนิกายแห่งนี้ที่จะต้องเป็นตัวแทนของนิกายเมื่อยามต้องการและเพราะว่าข้าเจ้าสำนักสั่งให้เจ้าเข้าร่วม นี่เป็นเหตุผลที่เพียงพอหรือไม่” โหลวหลานจีกล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง บอกเขาว่าเธอถือเรื่องนี้สำคัญมาก
“ส่วนที่ว่าทำไมข้าจึงตัดสินใจเลือกคนอย่างเจ้า นั่นง่ายดายก็เพราะว่าข้าคิดว่าเจ้ามีสิ่งที่ควรจะได้เป็นศิษย์หลัก และหนึ่งในความต้องการนั้นก่อนที่จะเป็นศิษย์หลักก็คือการเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค”
“ข้าจักบอกเจ้าตามจริง ถึงแม้ว่าเจ้าจะพ่ายแพ้ยับเยินระหว่างการแข่งขัน ข้าก็ยังต้องการให้เจ้าเป็นศิษย์หลักหลังจากนั้น เพราะเพียงกลเม็ดของเจ้าอย่างเดียวก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะให้เจ้าเป็นหนึ่งในนั้น”
ท้ายที่สุดแล้วนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ยังเป็นสถานที่ที่ไม่เหมือนกับสำนักอื่น ให้คุณค่าต่อกลเม็ดทางด้านการกระตุ้นความรู้สึกมากกว่าพลังการฝึกปรือ
ซูหยางแอบยิ้มหลังจากที่ได้ยินเหตุผลของเธอที่เลือกเขาไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค ศิษย์หลักนั่นรึ ถ้าเขาต้องการจริงๆ เขาสามารถกลายเป็นเจ้านิกายของที่นี่ด้วยพลังการฝึกปรือเขตปฐพีวิญญาณระดับสูงสุดได้อย่างง่ายดาย อย่าว่าแต่เพียงแค่ศิษย์หลัก
อย่างไรก็ตาม เพราะว่าพลังการฝึกปรือของเขาตอนนี้เหนือกว่ากระทั่งโหลวหลานจีไปไกล เธอจึงไม่อาจรับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้ในตอนนี้
“ครึ่งปี หึ” ซูหยางยิ้าและกล่าวว่า “เจ้าสามารถคาดที่จะเห็นข้าที่นั่นได้ แต่ถ้าคาดให้ข้าแพ้ นั่นเจ้าจะพบกับประสบการณ์อันน่าตื่นตระหนก…”
โหลวหลานจีไม่ได้รบกวนเขาอีกต่อไปหลังจากที่ได้ยินว่าเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เธอต้องการพูดถึงก่อนที่จะปล่อยเขาไป
“หญิงสาวสองคนที่มากับเจ้านี้เป็นใคร” เธอชี้ไปยังชิวเยวี่ยและเซียวลี่ที่ปลอมแปลงโฉมซึ่งติดตามมาเบื้องหลังเขาราวกับว่าเป็นคนรับใช้ของเขาด้วยท่าทางประหลาดบนใบหน้าของเธอ
“พวกเธอเป็นคนรับใช้ของข้า” ซูหยางแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างง่ายๆ “ทำไมรึ อย่าบอกว่าข้ามิได้รับอนุญาตให้มีคนรับใช้ด้วย”
“ป-เปล่า..เจ้าได้รับอนุญาตให้มีคนรับใช้ได้ถึงสามคนในฐานะศิษย์ใน เพียงแค่ให้มั่นใจว่าเจ้าได้ลงทะเบียนชื่อของพวกเธอไว้ที่ฝ่ายบริหาร เพื่อที่นิกายจะได้รู้ว่าพวกเธอมีตัวตนและจะได้หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่ไม่จำเป็น” โหลวหลานจีกล่าวกับเขาก่อนที่จะปล่อยเขาไปในที่สุด
“พวกเธอเป็น “คนรับใช้” ของเขางั้นรึ ช่างน่าอิจฉา…” โหลวหลานจีคิดในใจขณะที่เธอมองดูชิวเยวี่ยและเซียวลี่เดินตามซูหยางเข้าไปในบ้าน เข้าใจผิดกับเรื่องราวของพวกเธออย่างสมบูรณ์
แต่ความเข้าใจผิดเช่นนั้นไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติในสถานที่แบบนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อมีศิษย์จำนวนมากในที่นี้ที่ใช้คนรับใช้เป็นคู่ฝึกสำหรับการฝึกวิชาคู่