ในอาคารหลังหนึ่งภายในนิกายดอกบัวเพลิง ชายหนุ่มทำลายข้าวของภายในห้องของตนเองขณะตะโกนออกมาอย่างโกรธแค้น “เจ้าดอกทองนั่น ไม่เพียงแต่ฟ้องป้าเรื่องข้า ทำให้เธอต้องดุด่าข้ามิรู้จบ แต่เจ้านั่นยังกล้าสนิทสนมกับชายอื่นจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย”
ผู้ที่โกรธเกรี้ยวอยู่นี้คือหวังหมิง ญาติของหวังชูเหริน เมื่อพฤติกรรมอันน่าอับอายของเขาถูกเปิดเผยต่อหวังชูเหรินโดยจางซิวยิงด้วยความช่วยเหลือของซูหยาง ถึงวิธีที่เขาละเมิดฐานะของตนเองภายในนิกายโดยการกดดันศิษย์หญิงที่ไม่มีเส้นสายให้หลับนอนกับเขา หวังชูเหรินจึงรายงานไปยังตระกูลหวังเพื่อให้ลงโทษเขาทันที
และครั้นเมื่อตระกูลหวังได้รับรู้เรื่องราวอันอื้อฉาวของเขา พวกเขาพลันเรียกตัวเขากลับไปยังตระกูลและลงโทษด้วยการทุบตีเขาจนกระทั่งเขาไม่อาจหลับลงเนื่องจากความเจ็บปวดไปทั่วร่าง
“เป็นเพราะว่าเจ้าดอกทองนั่นทำให้หน้าตาชื่อเสียงของข้าป่นปี้หมดสิ้น ตอนนี้ทุกคนในตระกูลเห็นข้าเป็นพวกเดียวกับโจรเด็ดดอกไม้” ดวงตาของหวังหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
หลังจากที่ใช้เวลาอีกสองสามนาทีในการเปลี่ยนห้องให้เป็นขยะหวังหมิงก็ค่อยสงบลงบ้างเล็กน้อย และก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ
“ในเมื่อข้าถูกตราว่าเป็นโจรเด็ดดอกไม้ ข้าก็ควรจะเป็นเสียเลย และเพราะว่าเจ้าที่บีบข้าให้จนมุม ข้าจักไปหาเจ้าเป็นรายแรก จางซิวยิง” ในใจของเขาแผดเผาไปด้วยความคิดที่จะแก้แค้น และคนแรกในใจของเขาก็คือจางซิวยิง ผู้ที่เป็นต้นเหตุให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
หวังหมิงจึงนำเอายาแปลงโฉมออกมากลืนกิน เปลี่ยนใบหน้าของตนเองเป็นคนแปลกหน้า ส่วนชุดของเขานั้น เพราะว่าเขายังอยู่ภายในนิกายดอกบัวเพลิงและอยู่ในช่วงหลังเที่ยงคืน เขาไม่อาจเสี่ยงที่จะเดินไปทั่วโดยใช้ชุดที่ไม่ใช่ชุดนิกาย เพิ่มโอกาสที่จะทำให้เขาถูกจับ
ครั้นเมื่อเขาเสร็จสิ้นการวางแผนการแก้แค้น หวังหมิงออกจากที่พักของตนเองและเริ่มตรงไปยังที่พักของจางซิวยิง
ภายในใจเขา เขากำลังคิดถึงสิ่งที่เขาจะทำกับจางซิวยิงยามเมื่อเธอตกอยู่ในมือเขา “ข้าโชคดี ตอนนี้เธอกลายเป็นศิษย์ใน ดังนั้นเธอจึงพักอยู่คนเดียว” เขาหัวเราะในใจ
“ข้าจักทำให้เธอเสียใจที่ฟ้องร้องข้า และยามเมื่อข้าได้สนุกกับเธอแล้ว ข้าจักทำลายหลักฐานทั้งหมดที่จะทำให้ข้าเสี่ยง รวมไปถึงตัวของจางซิวยิงด้วย”
ภายใต้ฟ้ายามค่ำคืนขณะที่ศิษย์ส่วนใหญ่กำลังหลับหรือไม่ก็ฝึกวิชาอยู่ภายในห้องของตนเอง หวังหมิงก็เดินทางไปยังที่พักของจางซิวยิงด้วยใจที่แผดเผาไปด้วยเพลิงตัณหาและความคิดแก้แค้น เขาอดรนทนไม่ไหวที่จะเริ่มทรมานจางซิวยิง
เวลาต่อจากนั้นยามเมื่อหวังหมิงสามารถเห็นที่พักของจางซิวยิง รอยแสยะยิ้มของเขาฉีกกว้างเต็มไปด้วยเจตนาชั่วร้าย
“แสงไฟปิด…หรือว่าเธอหลับแล้ว” หวังหมิงหวังว่าเธอหลับจริงๆไม่ใช่ไม่อยู่บ้าน ไม่เช่นนั้นเขาต้องหาศิษย์หญิงคนอื่นเพื่อปลดปล่อยความโกรธแค้น
อย่างไรก็ตามขณะที่หวังหมิงเริ่มตรงเข้าไปยังบ้านของจางซิวยิง เสียงที่เฉื่อยชาก็ดังขึ้นที่ข้างหู
“หลังจากที่นั่งที่นี่ตั้งนาน ข้าเริ่มสงสัยว่าเจ้าจักปรากฏตัวหรือไม่…”
“นั่นใคร” หวังหมิงรู้สึกจิตใจรุ่มร้อนเมื่อเขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาอย่างกระทันหันและเริ่มสอดส่ายสายตาไปรอบๆด้วยหน้าตาแตกตื่น
ร่างหนึ่งค่อยปรากฏตัวต่อหน้าเขาไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น
“จ-จ-เจ้าคือ” ใจหวังหมิงสั่นสะท้านเมื่อใบหน้าของซูหยางปรากฏขึ้นต่อหน้า เหตุใดอีกฝ่ายจึงยังอยู่นี่ในเมื่อเลยเที่ยงคืนมาแล้ว แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ทำไมอีกฝ่ายจึงอยู่ที่นี่ในตอนนี้ หรือว่าอีกฝ่ายรู้เกี่ยวกับแผนที่เขาจะจู่โจมจางซิวยิงคืนนี้ นั่นเป็นไปไม่ได้ ในใจของหวังหมิง นอกจากว่าอีกฝ่ายมีวิธีข้ามกาลเวลาจากอนาคต นั่นย่อมไม่มีทางเป็นไปได้ที่ซูหยางจะรู้แผนของเขาในเมื่อเขาเพิ่งคิดมันออกมา
“จ-เจ้าเป็นใคร ล-และ จ-เจ้ามาทำอะไรที่นี่ แขกมิได้รับอนุญาตให้อยู่ในนี้หลังเที่ยงคืน” หวังหมิงเริ่มทำท่าทางราวกับว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ธรรมดา
ด้วยท่าทางที่ยังเฉยเมย ซูหยางกล่าวว่า “เจ้าคิดจริงๆหรือว่าข้ามิได้สังเกตเห็นเจ้าแอบติดตามพวกเราตั้งแต่ต้น แม้ว่าเจ้าจะปิดบังตัวตน แต่การจ้องมองอย่างน่ารังเกียจของเจ้าช่างชัดเจนราวกับกลางวัน”
“จ-เจ้าพูดถึงอะไรกัน” หวังหมิงยังทำท่าทางไม่รู้เรื่อง แต่มีสัญญาณชัดเจนบ่งบอกว่ามีเหงื่อไหลมากมายบนชุดคลุมของเขา
ซูหยางแอบส่ายหน้ากับการแสดงที่ไม่ได้เรื่องของหวังหมิง เขาได้สังเกตหวังหมิงติดตามพวกเขา โดยเฉพาะจางซิวยิง ก่อนที่พวกเขาจะโต้เถียงเล็กน้อยกับศิษย์ในสามคนและศิษย์หลักหนึ่งคน และนี่เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจพบกับจางซิวยิงในเวลานี้ก็เพราะว่าเขาคาดว่าบางสิ่งเช่นนี้จะเกิดขึ้น และเขาต้องการที่จะทำให้มั่นใจว่าเธอปลอดภัย และถึงแม้ว่าหวังหมิงไม่ปรากฏตัวคืนนี้ เขาก็ยังคงจะทำให้มั่นใจว่าหวังหมิงจะไม่สามารถที่จะแก้แค้นได้หลังจากที่เขาจากไป
“เราทั้งคู่รู้ว่าทำไมเจ้าจึงอยู่ที่นี่ในตอนนี้ แต่ช่างเป็นโชคร้ายของเจ้าที่มันไม่เป็นไปตามแผน เจ้ามิคิดเช่นนั้นเหมือนกันรึ หวังหมิง”
สามารถมองเห็นได้ว่าหวังหมิงสั่นสะท้านอยู่ในตอนนี้ เขารู้เป็นอย่างดีกว่าซูหยางมีความสามารถอะไร เพราะว่าเขาก็อยู่ที่นั่นได้เห็นการทุบตีฝ่ายเดียวที่เมืองดอกบัว
“ด-ด-เดี๋ยว หยุดก่อน ม-มาพูดเรื่องนี้กันก่อน เจ้าต้องการอะไรจากข้า ข้าจักทำได้ทุกสิ่ง” รู้ว่าเขาไม่สามารถวิ่งหนีไปจากอีกฝ่ายได้ หวังหมิงทรุดตัวคุกเข่าลงไปบนพื้นเพื่อขอความเห็นใจ
“มิมีอะไรในตัวเจ้าที่ข้าต้องการ แม้กระทั่งเจ้าทำอะไร ข้าก็จักมิแตะต้องอะไรที่เจ้าได้สัมผัสในระยะสิบก้าว” ซูหยางกล่าวขณะหรี่ตา เสียงของเขาเยือกเย็นจนกระทั่งเกือบแช่แข็งดวงใจของหวังหมิงเมื่อได้ยิน