DC บทที่ 233: ขายน้ำมันรัญจวน
“ในเมื่อตอนนี้เรามีเงื่อนไขต่างๆแล้ว พวกเราจะพนันด้วยอะไร” ผู้อาวุโสเจ้าถามเขา
“ถ้าข้ามิสามารถสร้างความพึงใจให้กับผู้อาวุโสนิกายได้แม้สักคน เช่นนั้นข้าก็สมควรสูญเสียทุกอย่างที่ข้ามี ถ้าข้าแพ้ข้ายินดีทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ” ซูหยางกล่าวกับเขาด้วยท่าทางเยือกเย็น
“ช่างยะโสนัก…” ผู้อาวุโสเจ้าหรี่ตามองดูซูหยาง ผู้ซึ่งดูเหมือนมั่นใจว่าเขาไม่คิดว่าตนเองจะแพ้
“เอาอย่างนี้ ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจักบอกข้าว่าเจ้าได้น้ำมันรัญจวนนี้มาจากไหน” ผู้อาวุโสเจ้าไม่ต้องการที่จะรังแกซูหยางมากเกินไป เพราะว่าเขาเป็นคนที่ถือหน้าตาเป็นสำคัญ
“เช่นนั้นก็ได้” ซูหยางพยักหน้า
“ถ้าข้าแพ้…มาดูกันว่า… ข้าจักยอมให้เจ้าหยิบของสิ่งหนึ่งจากคลังมุกพิสุทธิ์นี้ตราบเท่าที่มันมีเก็บไว้” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าว
แม้ว่าคลังมุกพิสุทธิ์จะมีกระทั่งสมบัติและวัตถุดิบที่มีค่ามากที่สุด ผู้อาวุโสเจ้าก็มั่นใจว่าเขาไม่พ่ายแพ้ให้กับซูหยางในการเดิมพันนี้ ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่ลังเลที่จะพนันด้วยเดิมพันที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับเดิมพันที่ดูเหมือนต่ำของซูหยาง
รอยยิ้มลึกลับแย้มขึ้นบนใบหน้าซูหยางเมื่อเขาได้ยินคำพูดของผู้อาวุโสเจ้า เขาสามารถหยิบของได้ชิ้นหนึ่งจากคลังมุกพิสุทธิ์เชียวรึ นั่นมากเกินกว่าที่เขาจะร้องขอด้วยซ้ำ
ตามจริง ซูหยางเพียงต้องการที่จะขอแต้มนิกายสักเล็กน้อย แต่อนิจจาผู้อาวุโสเจ้าขุดหลุมฝังตัวเองขึ้นมาอีกหลุมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งคงต้องหลั่งน้ำตาหลังจากนั้น
“เช่นนั้นก็ได้ เช่นนั้นข้าจักรอจนกว่าท่านจะหาผู้อาวุโสนิกายสามคนหลังจากนี้” ซูหยางพยักหน้าอย่างแข็งขัน
“ในเวลานี้ทำไมท่านมิให้ข้าดูรายการสิ่งของที่มีทั้งหมดในคลังมุกพิสุทธิ์ ข้าอยากเห็นว่าจะมีอะไรมีค่าพอให้หยิบฉวยไปหลังข้าชนะ” เขากล่าวต่อ
ผู้อาวุโสเจ้าหน้าง้ำและพูดด้วยเสียงเคร่งเครียดว่า “อย่าโอหังเกินไปนัก เจ้าสามารถดูได้หลังจากที่เจ้าชนะเท่านั้น ถ้าเจ้าชนะล่ะนะ”
หลังจากนั้นสองสามนาทีหลังจากซูหยางและผู้อาวุโสเจ้าได้พนันกันแล้ว ประตูก็เปิดออกและซุนจิงจิงก็เดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าแดงเหมือนแอปเปิ้ล อีกทั้งสามารถเห็นความเอียงอายบนท่าทางของเธอ
“ศิษย์ซุน…” ผู้อาวุโสเจ้ามองดูเธอด้วยดวงตากลมโต เกิดอะไรขึ้นบนโลกใบนี้ด้านหลังนั่น เธอดูเหมือนหมดเรี่ยวแรง เหมือนกับว่าเธอกระตือรือล้นในการทดสอบยามอยู่ด้านหลังนั่น
“ข้าขอโทษ ผู้อาวุโสเจ้า” ซุนจิงจิงพลันกล่าวกับเขาด้วยท่าทางเสียใจ
คิดว่าเธอเสียใจกับเวลาที่เธอใช้ไปกว่าจะสำเร็จ ผู้อาวุโสเจ้าส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “มิเป็นไร มิได้นานขนาดนั้น”
“มิใช่…ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น…” ซุนจิงจิงยื่นส่งน้ำมันรัญจวนออกมาด้านหน้าและกล่าวว่า “ข้า…ข้าช่วยตัวเองและใช้มากเกินกว่าที่ข้าควรจะใช้…”
เมื่อผู้อาวุโสเจ้ามองเห็นว่าเกินกว่าหนึ่งในสามของน้ำมันรัญจวนในขวดแก้วหายไป กรามของเขาก็ร่วงลงพื้น
“น-น-นี่…” ผู้อาวุโสเจ้าไร้คำพูด แต่เขายังคงต้องการที่จะรู้ผลลัพธ์ “ผ-ผลลัพธ์เป็นอย่างไร” เขาถามเธอ
“มันได้ผล..ดีเป็นอันมาก…” ซุนจิงจิงกล่าวด้วยท่าทางเอียงอาย บางสิ่งที่ผู้อาวุโสเจ้าไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน
“ถ้าให้ข้าเปรียบเทียบมันกับโอสถหยินพ้นพิสัย เช่นนั้นมันควรมีประสิทธิภาพมากกว่าสามเท่าเป็นอย่างน้อย…” ซุนจิงจิงกล่าวต่อ
“โอ้พระเจ้า…ประสิทธิภาพมากกว่าสามเท่า” ผู้อาวุโสเจ้าไร้คำพูดและงงงันอย่างแท้จริงในตอนนี้ เขาค่อยหันไปหาซูหยางและคิดภายในใจ “ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าเขาได้นำมันรัญจวนมาจากไหนในตอนนี้”
“ในเมื่อตอนนี้ท่านรู้ว่ามันใช้ได้ผล ท่านต้องการซื้อมันจากข้าหรือไม่” ซูหยางถามเขาพร้อมรอยยิ้มกริ่ม
ต่อให้ผู้อาวุโสเจ้าไม่อยากที่จะยอมรับ แต่เขาก็ต้องการน้ำมันรัญจวนนี้มาศึกษา แต่ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องแสดงให้ผู้นำนิกายเห็นก่อนที่จะตัดสินใจทำอะไรด้วยตนเอง ในเมื่อการค้นพบใหม่นี้สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยอย่างมหาศาล
“เจ้าต้องการแต้มนิกายมากเท่าไหร่” ผู้อาวุโสเจ้าถามเขาด้วยท่าทางยอมแพ้
“ข้าต้องการสามพันแต้มนิกายสำหรับสิ่งนี้” ซูหยางกล่าวด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ
“สาม–” ผู้อาวุโสเจ้าเกือบต่อยหน้าซูหยางที่ขอมากเกินไปกับน้ำมันเช่นนั้น
“มีอะไรผิดไปรึ ท่านมิสามารถซื้ออะไรได้ด้วยการจ่ายเพียงสามพันแต้มนิกายกับสิ่งที่มีประสิทธิภาพสามเท่าของโอสถหยินพ้นพิสัย” ซูหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เจ้า—” ผู้อาวุโสเจ้าสูดลมหายใจลึกอย่างยากลำบากเพื่อทำให้ตนเองใจเย็นลงและกล่าวว่า “มันอาจจะมีค่าถึงสามพันแต้มนิกายถ้ามันมีเต็มขวด แต่เจ้าก็เห็นว่านั่นมีเหลือเพียงสองในสาม”
แม้ว่าผู้อาวุโสเจ้าจะรู้แน่แก่ใจว่านั่นไม่ใช่ความผิดของซูหยาง เขายังคงต้องการที่จะก่อกวนอีกฝ่ายสักเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะต้องยอมเสียหน้าบ้างเพื่อที่จะทำเช่นนั้น
แน่นอนว่าซูหยางก็เลิกคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เขาไม่อยากเชื่อว่าตนเองจะได้ยินอะไรเช่นนั้น
“ทำไมนั่นจึงต้องเป็นปัญหาข้า ถ้าเป็นเช่นนี้ ทำไมท่านมิใช้มันให้หมดขวดไปเลยก่อนที่จะซื้อมันไปจากข้าโดยไม่ต้องจ่ายอะไร” ซูหยางกล่าวกับอีกฝ่าย
“ผู้อาวุโสเจ้า…เขาพูดถูก…ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นความผิดของข้าที่ทำให้เหลือเพียงสองในสาม” ซุนจิงจิงพยายามที่จะหาเหตุผลให้เขา
“เอาเป็นว่า ให้ข้าจ่ายสำหรับที่ข้าได้ใช้ไป” ด้วยรู้สึกผิดกับสถานการณ์ ซุนจิงจิงเสนอจ่ายพันแต้มจากทั้งหมดสามพันแต้มนิกาย
ผู้อาวุโสเจ้ามองดูเธอและส่ายหน้า “ลืมไปเสียเถอะ คลังมุกพิสุทธิ์จะซื้อมันด้วยราคาสามพัน”
“เจ้าควรคิดเสียว่าการใช้น้ำมันรัญจวนถือเป็นรางวัลที่ได้ช่วยเหลือข้าดูแลสถานที่นี้ตลอดมา”
“ผู้อาวุโสเจ้า…ขอบคุณ” ซุนจิงจิงโค้งคำนับเขาเพื่อแสดงความขอบคุณ
หลังจากนั้นผู้อาวุโสซุนก็หันไปยังซูหยางและกล่าวว่า “ขอป้ายประจำตัวเจ้าและข้าจักได้ถ่ายโอนแต้มให้”
ซูหยางยิ้มและยื่นส่งป้ายประจำตัวให้อีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว