ขาดการสั่งสอน
เมื่อออกจากที่พักของหวังชูเหรินแล้ว ซูหยางก็เดินทอดน่องไปตามนิกายดอกบัวเพลิงตรงไปยังทางออก และเพราะว่าเขาได้บอกลากับจางซิวยิงไว้ก่อนหน้าที่จะออกจากบ้านของเธอเมื่อตอนเช้าแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะกลับไปหาเธอก่อนจาก
ศิษย์จำนวนมากหันหน้าไปมองซูหยางขณะที่เขาเดินผ่านพวกเขา ดูคล้ายกับตะลึงกับรูปโฉมของเขา บางคนทำท่าทางสะอิดสะเอียนกับชุดที่เขาใส่ แต่ก็ยังมีคนอื่นที่มองเขาอย่างรักใคร่ เห็นชัดว่าติดใจใบหน้าหล่อเหลาของเขาและบรรยากาศชวนหลงไหลรอบตัวเขา
อย่างไรก็ตามขณะที่ซูหยางไปถึงเขตศิษย์นอก บางคนก็ตะโกนเสียงดังพร้อมกับชี้ไปทางซูหยาง “เขานี่แหละ เจ้าชั่วนี่แหละที่ทำร้ายข้าและศิษย์ในที่เมืองดอกบัว”
ชายคนที่ส่งเสียงเป็นศิษย์หลักที่ถูกตบหน้าจากซูหยางที่เมืองดอกบัว โดยมีผู้อาวุโสนิกายจากนิกายดอกบัวเพลิงตามมาเป็นเพื่อน ซึ่งขมวดคิ้วมองดูซูหยางอยู่
“เจ้านั่นแหละ หยุดอยู่ตรงนั้น”
ผู้อาวุโสนิกายใช้วิชาก้าวย่างมาปรากฏตัวต่อหน้าซูหยางด้วยเพียงก้าวเดียว ทิ้งรอยเปลวเพลิงไว้ยังที่เขาเคยยืนอยู่
ซูหยางมองไปยังชายวัยกลางคนตรงหน้าเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางเขาสงบนิ่งเหมือนน้ำในแก้วนิ่ง
“เจ้าเป็นคนที่ทำร้ายศิษย์ข้าใช่หรือไม่ เจ้าดูไม่เหมือนคนที่มีความสามารถเช่นนั้นเลย ดังนั้นข้าจักให้โอกาสเจ้า…” ผู้อาวุโสนิกายมองดูตั้งแต่หัวจรดเท้าไปยังซูหยางที่รูปร่างบอบบางสะโอดสะอง ดูเหมือนกำลังวิเคราะห์เขา
“เจ้ามั่นใจนะว่าเป็นเขา” ผู้อาวุโสนิกายหันไปถามศิษย์ของตนเอง ผู้ซึ่งตรงมาหาเขาด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ราวกับว่าเขายังเกรงกลัวซูหยางหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา
“ช-ใช่เขาจริงๆ เขาเป็นคนที่ทำร้ายข้าหลังจากข้าเตือนเขาให้เคารพนิกายดอกบัวเพลิงและเหล่าศิษย์ในขณะที่อยู่ในพื้นที่ของเรา” ศิษย์หลักยืนยัน
ครั้นเมื่อได้ยินคำพูดของศิษย์ ผู้อาวุโสนิกายพยักหน้าและหันกลับมาให้ความสนใจซูหยาง
“เจ้าคงมีความกล้าอยู่บ้าง เจ้าหนุ่มน้อย หรือเจ้าอาจจะเป็นเพียงแค่คนโฉดเขลา เจ้าคิดบ้างไหมว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยเล็กจ้อยเพียงใดเมื่ออยู่ต่อหน้านิกายดอกบัวเพลิง”
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้ามาแก้แค้นให้ศิษย์เจ้าที่ถูกตบกระเด็นราวกับแมลงวันรึ ผู้อาวุโสนิกายเช่นเจ้านะรึ ต่อให้พลังอำนาจ “ใหญ่โต” ดังเช่นนิกายดอกบัวเพลิงก็มิมีหน้ามากพอที่จะเหลือไว้ให้เจ้า”
ผู้อาวุโสนิกายระเบิดเสียงหัวเราะหลังจากได้ยินคำของเขา
“แก้แค้น ฮ่าฮ่าฮ่า ผิดแล้ว เจ้าหนุ่ม ศิษย์ข้าถูกข่มเหงเพราะว่าเขาอ่อนด้อยกว่าเจ้า เท่านั้นเอง”
หลังจากที่หัวเราะไปอีกสองสามวินาที ผู้อาวุโสนิกายพลันมีใบหน้าเคร่งขรึมและกล่าวว่า “สิ่งที่ข้าจักทำกับเจ้าเป็นเพียงแค่การสั่งสอนเบาะๆกับท่าทางหยิ่งยะโสและไม่ยำเกรงในนิกายดอกบัวเพลิง กระทั่งตอนนี้ เจ้าก็ยังมิได้คำนับข้า ผู้อาวุโสของเจ้า”
“อย่าเพิ่งอึเรี่ยราด เมื่อข้ามิทำรุนแรงกับเจ้าเกินไปนัก เพียงแค่กระดูกหักไม่กี่ท่อน” ดวงตาผู้อาวุโสนิกายจ้องเขม็งด้วยจิตสังหารอยู่บ้าง ดูท่าทางจริงจังอย่างมาก
“เจ้ามิอาจโทษใครได้นอกจากนิกายของเจ้าเองที่ขาดการสั่งสอนอบรมศิษย์ของตนเอง มิเช่นนั้นพวกเขาคงมิต้องการใครสักคนเช่นข้ามาแทนที่เพื่อสั่งสอนเจ้า”
ท่าทางของซูหยางยังคงไม่มีสิ่งใดผิดปกติตลอดเวลาที่ผ่านมา และวิธีที่เขาใช้มองไปยังที่ผู้อาวุโสนิกายเหมือนกับมองไปยังมด อาจถึงกระทั่งบางสิ่งที่ไร้ความสำคัญยี่งกว่านั้น
“หืม…อย่างนั้นรึ” กระทั่งเสียงของเขาก็ยังคงมีแต่ความเฉยเมย
เมื่อมองเห็นพฤติกรรมอันไม่ใส่ใจของซูหยาง ซึ่งเป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของชายวัยกลางคน ใบหน้าของผู้อาวุโสนิกายเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ
และโดยปราศจากคำเตือน ชายวัยกลางคนผลักฝ่ามือของเขาที่พลันมีเปลวไฟลุกพรึบขึ้นมาตรงไปยังอกของซูหยาง
“….”
แม้ว่าจะเห็นการจู่โจมมาและสามารถป้องกันได้ แต่ซูหยางเพียงแค่ยืนเฉยอยู่ตรงนั้นโดยไม่แม้จะกระพริบตา ประดุจรูปปั้นศิลา
“ฝ่ามือดอกบัวเพลิงพิฆาต”
ฝ่ามือพุ่งไปถึงอกของซูหยางด้วยความเร็วที่เกินกว่าจะกระพริบตา และในวินาทีที่กระทบเปลวเพลิงก็ระเบิดออกจากตรงบริเวณที่ซูหยางถูกกระแทก
เพลิงเหมือนกับว่ากำลังจะกลืนกินซูหยางไปทั้งตัวภายในวินาทีถัดไป แต่ผู้อาวุโสนิกายดึงฝ่ามือออกมาอย่างไม่คาดหมายก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น
ครั้นเมื่อเขาดึงมือกลับ ผู้อาวุโสนิกายกระโดดถอยหลังเว้นระยะห่างออกมาจากซูหยาง ใบหน้าของเขามีเหงื่อไหลโซม
“อ-อาจารย์”
ศิษย์หลักคนนั้นเบิกตาจนเกือบถลนออกมาจากเบ้าเมื่อเห็นการโค้งงอของแขนผู้อาวุโสนิกายไปยังทิศทางที่แปลกประหลาด
ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่งผู้อาวุโสนิกายได้หักแขนตนเองจากการโจมตี
“จ-จ-เจ้าทำอะไรกับข้า” ผู้อาวุโสนิกายพยายามสะกดข่มความต้องการที่จะกรีดร้องในใจเพื่อรักษาหน้า แต่ท่าทางเจ็บปวดหวาดกลัวนั้นกลับสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
ซูหยางซึ่งไม่แม้จะกระพริบตาจากการโจมตี ยืนเฉยอยู่ตรงนั้นพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “เจ้าพูดอะไรกัน เจ้าเป็นคนที่โจมตีข้านะ”
“ไร้สาระ เจ้าต้องทำอะไรบางอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสนิกายปฏิเสธที่จะยอมรับ ซึ่งไม่มีทางที่เขาซึ่งอยู่เขตปฐพีวิญญาณระดับสองจะเสียท่าให้กับศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย อย่าว่าแต่ทำตัวเองบาดเจ็บร้ายแรงในระหว่างนั้น
ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวว่า “ข้ามิสนใจว่าเจ้าคิดอะไร แต่การที่โจมตี “ผู้อ่อนอาวุโส” โดยไม่มีแม้คำเตือนนั้น เจ้าเป็นผู้อาวุโสประเภทใดกัน”
ซูหยางเริ่มตรงเข้าไปหาผู้อาวุโสนิกาย และเขากล่าวต่อว่า “ในเมื่อนิกายของเจ้าไม่อาจสั่งสอนศิษย์ของตนเอง ข้าคงต้องช่วยสั่งสอนเจ้าด้วยตนเอง…”
“ร-รอก่อนสักครู่…” เมื่อผู้อาวุโสนิกายสังเกตเห็นซูหยางตรงไปหาเขา ใบหน้าเขาพลันซีดลง เขารีบใช้มือข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บนำเอาบางสิ่งออกมาจากเสื้อคลุมและโยนมันขึ้นไปบนท้องฟ้า
อีกไม่กี่วินาทีถัดไปสิ่งที่ผู้อาวุโสนิกายโยนขึ้นไปบนท้องฟ้าก็ระเบิดออก เกิดเป็นลูกบอลเพลิงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหมือนเป็นสัญญาณของอะไรบางอย่าง
ซูหยางมองดูบอลเพลิงบนฟ้าพร้อมเลิกคิ้ว
“นั่นอะไร” เขาคิดสงสัย