DC บทที่ 228: น้ำมันรัญจวน
เมื่อซูหยางถูกปฏิเสธในทันใดจากหลี่เซียวโม่ ศิษย์ชายทั้งสี่ตรงนั้นต่างพากันหัวเราะเยาะเขาในใจ เมื่อเห็นคนอื่นร่วมประสบชะตากรรมเดียวกัน ซึ่งพอช่วยประทังความเจ็บปวดในใจพวกเขาไปได้บ้าง
“หมู หือ ข้ามิคิดว่าข้าจะถูกเรียกว่าหมูมาก่อน” ซูหยางตรงเข้าไปหาพวกเขาพร้อมทั้งรอยยิ้มเยือกเย็นบนใบหน้า
“ด-ด-เดี๋ยวก่อน ข-ข้ามิรู้ว่านั่นเป็นท่าน” หลี่เซียวโม่ผิวหน้าพลันซีดเมื่อตระหนักว่าคนที่เธอเพิ่งด่าไปกลายเป็นคนคนนั้น ซูหยาง
“ไม่มีปัญหา…ข้าเข้าใจ..เจ้ามิต้องการข้าที่นี่…” ซูหยางทำทีเหมือนว่าใจสลายกับการตอบสนองของหลี่เซียวโม่ก่อนหน้านี้ “ข้าจักจากไปเดี๋ยวนี้…”
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น เขาก็ยังมุ่งตรงเข้าไปหาเธอ
“น-นั่นไม่จริง ข้าได้คอยพบท่านมาตั้งนาน” หลี่เซียวโม่เกือบร้องไห้ในเวลานี้ เมื่อคิดว่าการรอคอยที่แสนนานเพื่ออยู่ร่วมกับซูหยางเปลี่ยนเป็นหายนะ
ศิษย์ชายทั้งสี่ที่นั่นจ้องมองพวกเขาทั้งคู่ด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนบนใบหน้า ไม่มีใครในหมู่พวกเขาสามารถเข้าใจสถานการณ์นี้ได้ ทำไมหลี่เซียวโม่มีท่าทางเช่นนี้หลังจากเรียกซูหยางว่าเป็นหมู และที่สำคัญกว่านั้น ซูหยางบ้านี่เป็นใครและเขามีความสัมพันธ์อะไรกับหลี่เซียวโม่
และถ้าซูหยางเป็นคนสำคัญสำหรับหลี่เซียวโม่ เช่นนั้นทำไมจึงไม่มีใครในหมู่พวกเขาเลยสักคนที่รู้จักคนนี้
“เจ้ามั่นใจเช่นนั้นรึ” ซูหยางไม่สนใจศิษย์ทั้งสี่ที่ยืนอยู่ตรงนั้นจ้องมองดูเขาราวกับคนโง่ เขาเดินผ่านคนเหล่านี้ ไม่แม้จะชายตาไปหาขณะเดินผ่าน
“ถ้าสิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริง เช่นนั้นทำไมเจ้ามิพิสูจน์ให้ข้ารู้…ภายในนั้นล่ะ” ซูหยางยืนต่อหน้าหลี่เซียวโม่แลพูดขึ้น
“ด-ได้โปรด…เข้ามาข้างใน…” หลี่เซียวโม่ก้าวเข้าไปในบ้านเพื่ออนุญาตให้ซูหยางเข้าไปได้
ยามเมื่อซูหยางเข้าไปในบ้านแล้ว หลี่เซียวโม่หันไปมองดูศิษย์ทั้งสี่ด้วยการหรี่ตาและกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ข้าจักตัดลึงค์เจ้าออกถ้าเจ้ามารบกวนพวกเรา ไปให้พ้น”
เธอกระแทกประตูปิด ปล่อยให้ศิษย์ทั้งสี่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยท่าทางเหม่อมองอย่างโง่งม
ปล่อยผ่านไปกับถ้อยคำหยาบคายของหลี่เซียวโม่ แต่กระทั่งวิธีที่เธอมองดูพวกเขาเหมือนกับว่าเธอกำลังมองดูอาจม เป็นเหตุให้หัวใจของพวกเขาตกวูบเหมือนกับลูกเหล็กที่ถูกทิ้งจากที่สูง ทำลายความหวังทั้งหมดของพวกเขาในการที่จะร่วมฝึกกับเธอด้วยการกวาดตามองเพียงครั้งเดียว
หลังจากปิดประตูแล้ว หลี่เซียวโม่พาเขาไปหาที่นั่งและกระทั่งยังชงชามาบริการ
“อ-อะไรที่ทำให้ท่านมาถึงที่นี่วันนี้ ศิษย์น้องชาย”
“ศิษย์น้องชายเช่นนั้นรึ” ซูหยางยิ้ม
หลี่เซียวโม่ท่าทางชะงักค้าง และเธอรีบแก้คำพูด “ข้าขอโทษ นายท่าน…”
ซูหยางเลิกคิ้ว “ใครให้เจ้าเรียกนายท่านกัน ข้าจำมิได้ว่าเคยรับเจ้าเป็นศิษย์หรือคนรับใช้มาก่อน”
“เอ๋ แต่เมื่อกี้ท่านเพิ่ง…” หลี่เซียวโม่มองดูเขาด้วยดวงตากลมโต ถ้าเขามิรำคาญที่เธอเรียกเขาเป็นศิษย์น้องชาย เช่นนั้นทำไมเขาจึงมีท่าทางเหมือนกับว่าเขาขุ่นเคืองกับถ้อยคำนั้น
“ลืมเรื่องเล็กน้อยไปซะแล้วเรามาพูดถึงเรื่องที่ว่าทำไมข้าจึงมาที่นี่ในวันนี้” ซูหยางนำเอาขวดแก้วออกมาจากชุดและวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าเขา
“นั่นคืออะไร” หลี่เซียวโม่ถามเขาหลังจากที่เห็นขวดแก้วที่ดูเหมือนบรรจุของเหลวใสบางอย่าง
“นี่คือวัตถุที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เรียกว่า น้ำมันรัญจวน ถ้าเจ้าลูบมันลงบนร่างเจ้า มันจะเพิ่มความแข็งแกร่งของปราณหยินของเจ้าและเพิ่มพูนความสุขสมมากยิ่งขึ้น”
“น-น้ำมันรัญจวน” หลี่เซียวโม่ตะลึง
เธอไม่เคยได้ยินบางสิ่งเช่นนี้มาก่อนและมั่นใจว่านิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็คงไม่มีสมบัติที่มหัศจรรย์เช่นนี้เช่นกัน
“ท่านได้สิ่งนี้มาจากไหน นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยต้องบ้าคลั่งแน่ถ้าพวกเขารู้เรื่องสิ่งนี้”
“สิ่งนี้มาจากไหนไม่สำคัญ” ซูหยางกล่าว
“เช่นนั้นท่านต้องการอะไรจากข้า เมื่อดูว่าท่านแสดงให้ข้าเห็น ข้าเดาว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไรบางอย่างกับสิ่งนี้” เธอถามเขา
“ใช่แล้ว” เขาพยักหน้าและกล่าวต่อว่า “ข้าต้องการให้เจ้านำเอาน้ำมันรัญจวนขวดนี้ไปร่วมแบ่งปันกับเพื่อนของเจ้ามากมายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
“ท-ท่านต้องการให้ข้าแบ่งปันน้ำมันรัญจวนกับคนอื่น ท่านมิกลัวว่านิกายจะตามหาท่านหลังจากนี้รึ” เธอถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
“มิต้องกังวลเกี่ยวกับนิกาย เพราะว่าข้ามีเจตนาเข้าเยี่ยมผู้นำนิกายหลังจากนี้” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
“ย-อย่างนั้นรึ… เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรต่อไปหลังจากที่แบ่งปันมันแล้ว”
“เจ้าจักรู้เองหลังจากที่แบ่งปันแล้ว” เขาตอบ
“ข้าเข้าใจ…” เธอพยักหน้าแม้ว่าจะยังคงไม่เข้าใจอย่างแท้จริงนัก
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ หลี่เซียวโม่ก็มองดูซูหยางด้วยท่าทางเกรงใจและถามเขาว่า “อืมม…มีอะไรอีกไหมที่ท่านต้องการจากข้า”
แม้ว่าจะถูกซุกซ่อนไว้ใต้โต๊ะ หลี่เซียวโม่ก็ขยับนิ้วไปมาไม่อยู่สุข ในเมื่อเธอคาดหวังให้ซูหยางมีเจตนาอย่างอื่นในการมาหาเธอในวันนี้ด้วย
“อืมมม อะไรที่ทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น” ซูหยางถามพร้อมรอยยิ้มลึกลับ
หลี่เซียวโม่ใบหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “เรื่องที่ท่านพูดไว้ก่อนหน้านี้…”
ปกติแล้วเธอจะไม่พูดอ้อมค้อมเมื่อกล่าวถึงความในใจเธอเหมือนเมื่อตอนที่เธอเฉดไล่ศิษย์สี่คนด้านนอกไป แต่หลี่เซียวโม่พบว่ามันยากเป็นพิเศษที่จะกล่าวแม้จะเพียงคำเดียวโดยไม่มีความอายเมื่อพูดกับซูหยาง
มองดูปฏิกิริยาของหลี่เซียวโม่ ซูหยางหัวเราะหึและกล่าวว่า “อย่ากังวล ข้ามิมีเจตนาที่จะให้เจ้าทำงานโดยไม่มีค่าตอบแทน”
“ข-ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น” เธอรีบพูด “ข้ายินดีที่จะทำงานนี้ฟรี”
“เจ้ามั่นใจเช่นนั้นรึ” ซูหยางยิ้ม “ข้ากำลังคิดที่จะนวดให้เจ้าเป็นพิเศษเป็นค่าตอบแทน…”
ท่าทางของหลี่เซียวโม่ชะงักค้างเมื่อได้ยินคำนั้น อีกครั้งที่เธอพูดออกมาเร็วเกินไป