DC บทที่ 231: ทดสอบน้ำมันรัญจวน
“รากวิญญาณหยิน ขิงผลึก น้ำตากิ้งก่าคราม…” ผู้อาวุโสเจ้าอ่านรายละเอียดในรายการของซูหยาง ซึ่งมีอยู่ประมาณสามสิบชนิดซึ่งจำเป็นในการผลิตน้ำมันรัญจวน และถึงแม้ว่าไม่มีวัตถุในรายการที่จำเป็นนั้นที่จัดว่าหายาก พวกมันก็ยังถือว่าเป็นวัตถุดิบทั่วไปที่ใช้ในการปรุงยา
หลังจากอ่านรายการวัตถุดิบแล้ว ผู้อาวุโสเจ้าก็หันไปหาซูหยางพร้อมเลิกคิ้ว สายตาของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย “วัตถุดิบพวกนี้…เจ้ากำลังจะปรุงยาหรือทำอะไร ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เจ้ากลายเป็นนักปรุงยา” เขาถามด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกล่าวถึงซูหยาง ผู้อาวุโสเจ้าพบว่าเขาเป็นคนที่ลึกลับคาดเดาไม่ได้ ซึ่งทำให้ผู้อาวุโสเจ้ายิ่งต้องการที่จะศึกษาเกี่ยวกับซูหยางมากยิ่งขึ้น
“เพียงแค่การทดลองบางอย่างมิควรค่าแก่การใส่ใจ ว่าแต่นั่นต้องใช้แต้มนิกายมากเท่าไหร่ที่จะซื้อพวกมันทั้งหมด” ซูหยางหลีกเลี่ยงคำถามอย่างผ่านๆและถามกลับอีกฝ่าย
“อืมม…” ผู้อาวุโสเจ้ามองดูเขาด้วยความสงสัยก่อนที่จะหันกลับไปยังรายการด้วยท่าทางครุ่นคิด
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะเพื่อทำการคำนวณ ผู้อาวุโสเจ้าก็กล่าวขึ้นว่า “มันมีราคาประมาณสองพันแต้มนิกาย”
“สองพันรึ..”
แม้ว่ามันจะดูด้อยค่าเมื่อเปรียบเทียบกับดอกหยางพิสุทธิ์ที่เขาต้องใช้ถึงหนึ่งหมื่นแต้มนิกาย มันก็ยังค่อนข้างแพง
“ข้าเข้าใจ” ซูหยางพยักหน้าและเขากล่าวต่อว่า “เช่นนั้นจะได้แต้มนิกายเท่าไหร่ถ้าขายสิ่งนี้ให้กับคลังมุกพิสุทธิ์”
ซูหยางนำเอาขวดน้ำมันรัญจวนออกมาและวางมันลงบนโต๊ะตรงหน้าผู้อาวุโสเจ้าซึ่งหยิบมันขึ้นมาและมองดูด้วยสายตามึนงง
“นี่ใช้ทำอะไร มันใสไม่มีสีเหมือนกับน้ำแต่ดูเหมือนจะข้นกว่าเล็กน้อย…” ผู้อาวุโสเจ้ากล่าวขณะที่เขาเอียงขวดไปมาเพื่อตรวจสอบของเหลวที่อยู่ภายใน
“ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นของมัน…ค่อนข้างเข้มข้นและน่าหลงไหล…”
ซูหยางยิ้มเมื่อผู้อาวุโสเจ้าเริ่มทำท่าทางเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญในทันใด
“มันเรียกว่าน้ำมันรัญจวน และมันสามารถเพิ่มความแกร่งปราณหยินของผู้หญิงถ้าลูบไล้มันลงบนร่างของพวกเธอ” เขออธิบายคุณสมบัติหลัก
“ว่ากระไรนะ” ผู้อาวุโสเจ้าดวงตาเบิ่งกว้างด้วยความตระหนก และเขาพลันหยุดเล่นกับขวดแก้ว
หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะเนื่องจากความตระหนก ผู้อาวุโสเจ้าก็ขมวดคิ้วและกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง “ถ้าน้ำมันรัญจวนนี่มีค่าดังที่เจ้ากล่าว เช่นนั้นเจ้าคงมิถือถ้าข้าจะทดสอบมันก่อนเป็นอันดับแรกใช่ไหม ถ้าข้าพบว่าเจ้ากล่าวเพียงวาจาลมลวง เช่นนั้นข้าจักลงโทษเจ้าด้วยตนเอง มีอะไรจะพูดหรือไม่”
ผู้อาวุโสเจ้าต้องการที่จะให้โอกาสซูหยางอย่างใสสะอาดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะทดสอบน้ำมันรัญจวน
“ทำได้เลย” ซูหยางตอบกลับด้วยรอยยิ้มมั่นใจบนใบหน้านิ่งเรียบ
ผู้อาวุโสเจ้าจ้องมองซูหยางด้วยดวงตาหรี่แคบอย่างเงียบๆสองสามวินาทีก่อนที่จะตะโกนว่า “ศิษย์ซุน ออกมานี่หน่อย”
หลังจากนั้นชั่วอึดใจหลังจากผู้อาวุโสเจ้าเรียกศิษย์คนนี้ ร่างแบบบางก็ปรากฏขึ้นที่ประตูสองสามเมตรห่างออกไป
“มีอะไรรึ ท่านผู้อาวุโสเจ้า” ศิษย์คนนั้นถามยามเมื่อเธอปรากฏตัว
เมื่อซูหยางมองเห็นใบหน้าคุ้นเคยของศิษย์นั้น เขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“หือ นั่นเจ้า” ศิษย์นั้นก็ดูเหมือนว่าจะจำซูหยางได้
“ไม่เจอกันพักหนึ่งแล้วนะ หลานสาวผู้อาวุโสซุน” ซูหยางพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ข้ามีชื่ออยู่ เจ้ารู้ไหม ซุนจิงจิง” เธอตอบกลับพร้อมขมวดคิ้ว
ใช่แล้ว ศิษย์ที่ผู้อาวุโสเจ้าเรียกก็คือซุนจิงจิง หลานสาวของผู้อาวุโสซุน ผู้ซึ่งทำให้เขาเดินทางไปยังสุสานเซียนจนทำให้เขาพบกับเซียวลี่พร้อมกับเหตุการณ์อื่นๆ
“ซุนจิงจิง เช่นนั้นรึ” ซูหยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะหึ เมื่อเขาได้ยินชื่อเธอ ซึ่งทำให้เขานึกไปถึงวูจิงจิง ศิษย์หลักของสำนักเทพกระบี่จากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง
“มีอะไรน่าหัวเราะกับชื่อของข้ารึ” เธอถามเขาซึ่งหัวเราะขึ้นมาเมื่อเธอแนะนำตัว
“มันทำให้ข้านึกถึงใครบางคนที่ข้ารู้จักเท่านั้นเอง”
“พวกเจ้าทั้งสองรู้จักกันรึ” ผู้อาวุโสเจ้าเลิกคิ้วไปยังซุนจิงจิง
ซุนจิงจิงมีความสัมพันธ์อะไรกับคนอย่างซูหยาง ปู่ของเธอ ผู้อาวุโสซุน รู้เรื่องนี้หรือไม่
“คงมิอาจพูดได้ตรงๆว่าพวกเรารู้จักกัน ในเมื่อพวกเราเพียงแค่พบปะกันหนึ่งครั้ง และนั่นก็เพียงแค่ไม่กี่นาที” ซุนจิงจิงตอบ
“อย่างนั้นรึ…” ผู้อาวุโสเจ้ารู้สึกโล่งอกด้วยเหตุผลบางประการ ในเมื่อเขามั่นใจว่าผู้อาวุโสซุนคงต้องสร้างความปั่นป่วนถ้าพวกเขามีอะไรมากไปกว่านั้น
“ว่าแต่ทำไมท่านจึงเรียกหาข้า ผู้อาวุโสเจ้า ข้าเพิ่งจัดห้องเสร็จ” เธอถามเขา
“โอ ใช่แล้ว” ผู้อาวุโสเจ้าสุดท้ายก็นึกได้ และเขาแสดงขวดแก้วในมือเขาให้กับเธอ “ข้าต้องการให้เจ้าช่วยดูสิ่งนี้หน่อย”
“ซุนจิงจิงเลิกคิ้วเมื่อจมูกเธอพลันได้กลิ่นหอมหวานมาจากขวดแก้วนั้นโดยบังเอิญ
“นี่คืออะไร กลิ่นมันช่างดีจัง…”
“ของเหลวนี้เรียกว่าน้ำมันรัญจวน และมีคุณสมบัติที่สามารถเพิ่มพูนปราณหยินของหญิง ตามที่ชายหนุ่มตรงนี้บอกไว้”
ผู้อาวุโสเจ้าพูดด้วยเสียงกึ่งเสียดสี เห็นชัดว่าเขายังคงพูดตามที่ซูหยางกล่าวไว้อย่างห้วนๆ
“อย่างนั้นรึ…” ซุนจิงจิงตรวจสอบของเหลวนั้นด้วยสายตาเป็นประกายด้วยความสนใจ
แม้ว่าเธอไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอก็ไม่ได้มองข้ามคำพูดของซูหยางในทันทีไม่ว่ามันจะฟังดูไร้สาระก็ตาม ว่าไปแล้วสิ่งที่เขาทำที่อาคารควบคุมกฏได้สร้างความประทับใจลึกล้ำให้กับเธอ
และความรู้ของเขาในภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่เขียนไว้ในแผ่นกระดาษที่เธอได้นำกลับมาจากสุสานเซียน ไม่เพียงทำให้เธอประหลาดใจ แต่กระทั่งกดดันปู่ของเธอ ผู้อาวุโสซุน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนที่มีความรู้มากที่สุดคนหนึ่งภายในนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พิสูจน์ให้เห็นว่าซูหยางเป็นคนที่ไม่อาจดูหมิ่นหรือมองข้ามไปได้ง่ายๆ อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ซุนจิงจิงคิดเกี่ยวกับเขาหลังจากที่เธอประทับใจเขาในครั้งแรก
“ท่านต้องการให้ข้าใช้น้ำมันนี้กับตัวข้าเองรึ” ซุนจิงจิงสามารถคาดเดาเจตนาของผู้อาวุโสเจ้าได้
“ใช่…ถ้าเจ้ามิถือ” ผู้อาวุโสเจ้าไม่ต้องการที่จะบีบบังคับเธอทำสิ่งที่เธอไม่ต้องการทำ ในเมื่อเธอเป็นหลานสาวของผู้ที่ได้รับความนับถืออย่างสูง ผู้อาวุโสซุน
หลังจากนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ซุนจิงจิงก็พยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ข้าจักทำตามนั้น”